โรคนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
"นอนกรน" ไม่ใช่แค่ต้นเหตุที่รบกวนการนอนหลับของคุณและเพื่อนร่วมห้อง แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า คุณอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วย
หากโครงสร้างภายในลำคอมีขนาดใหญ่เกินไป หรือกล้ามเนื้อมีการผ่อนคลายมากเกินไปในขณะนอนหลับ ช่องทางเดินอากาศจะถูกอุดกั้นไปบางส่วน ทำให้ทางเดินอากาศแคบลง ลมหายใจเข้าออกจึงแรงกว่าปกติ โครงสร้างภายในลำคอจึงเกิดการสั่นสะเทือน ก่อให้เกิดเป็นเสียงกรนขึ้น ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจจากการอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ - เพศชายมีโอกาสเป็นมากกว่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อจากผลของฮอร์โมน ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณคอหย่อนยานลง - อายุมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน มีการสะบัดของเนื้อเยื่อและอุดตันง่ายขึ้น - ความอ้วน ทำให้มีการสะสมไขมันและอุดตันบริเวณลำคอ - เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง - ยานอนหลับ และยาคลายเครียด ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง - บุหรี่ ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจได้บ่อย - โครงสร้างของกระดูกใบหน้า กรามสั้น ลิ้นอยู่ทางด้านลำคอมาก มีโอกาสที่โคนลิ้นอุดตันทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในขณะหลับ การนอนกรน แบ่งได้เป็น 2 ประเภท 1.นอนกรนอย่างเดียว ไม่มีภาวะของการหยุดหายใจ เนื่องจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนขณะหลับ ผู้ป่วยจะนอนกรนค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่มีการสะดุด 2.นอนกรนร่วมกับภาวะหยุดหายใจ เนื่องจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนขณะหลับ ลักษณะการกรนจะค่อนข้างดัง และมีอาการสะดุด มีเสียงดังสลับค่อยเป็นช่วงๆ หรืออาจสะดุ้งตื่นกลางดึก สำลักน้ำลาย นอนหลับไม่สนิท ผลที่เกิดขึ้นจากการนอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจจากการอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ 1.ผลกระทบทางสังคม ได้แก่ รบกวนผู้ที่นอนด้วย อาจนำไปสู่การหย่าร้าง ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง อุบัติเหตุจากการหลับใน เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ อุบัติเหตุจากการทำงานกับเครื่องจักร เป็นต้น 2.ผลกระทบต่อสุขภาพ จากการที่ทางเดินหายใจถูกอุดกั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นอุดตัน ทำให้อากาศไม่สามารถผ่านเข้าสู่ปอดได้ ระดับออกซิเจนในเลือดจะลดต่ำลง และไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญๆ เช่น สมอง ปอด หัวใจ ไม่เพียงพอ สมองจึงออกคำสั่งให้ร่างกายตื่นขึ้น เพื่อให้กล้ามเนื้อตึงขึ้นและช่องทางเดินอากาศเปิดโล่งขึ้น การอ้าปากให้กว้างขึ้นก็จะช่วยให้การหายใจเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกระบวนการเช่นนี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทั้งคืน ทำให้นอนหลับไม่สนิท ปวดศีรษะหลังตื่นนอน อ่อนเพลียตลอดทั้งวัน อารมณ์หงุดหงิดง่าย ความจำแย่ลง และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ อีก เช่น สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และอัมพฤกษ์อัมพาต ภาวะดังกล่าว หากเกิดขึ้นในเด็กจะเป็นปัญหาต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการทางสมอง รูปร่างของใบหน้าอาจเปลี่ยนแปลง และปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น ปัสสาวะรดที่นอน แนวทางการประเมินก่อนทำการรักษา ผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนกรน แพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับการนอนและอาการกรน อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น ตลอดจนปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้ยา จากนั้นแพทย์จะตรวจร่างกายเพื่อประเมินตำแหน่งและความรุนแรงของโรค มีการตรวจทางจมูก ลำคอ โคนลิ้น รูปร่างใบหน้า วัดรอบคอ น้ำหนัก ส่วนสูง ความดันโลหิต มีการส่องกล้องเพื่อดูปฏิกิริยาการหดตัวของอวัยวะในลำคอและโคนลิ้นขณะหายใจเข้า และส่งตรวจเอกซเรย์กะโหลกศีรษะเพื่อประเมินตำแหน่งที่มีการอุดตัน และขั้นตอนที่สำคัญ คือ ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจเนื่องจากระบบทางเดินหายใจส่วนบนอุดตันขณะหลับ แพทย์จะส่งตรวจการนอนหลับ การตรวจการนอนหลับ เป็นการตรวจโดยใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลจากการนอน คือ ตรวจคลื่นสมองเพื่อวัดระดับความลึกของการนอน ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจระดับออกซิเจนในเลือดแดง ตรวจการผ่านเข้าออกของลมหายใจทางปากและจมูก ตรวจการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทรวงอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ใช้ในการหายใจ และตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อ ในห้องปฏิบัติการบางแห่งอาจมีการวัดระดับเสียงกรน และบันทึกภาพวิดีโอไว้ด้วย การตรวจการนอนหลับนี้จะตรวจในช่วงกลางคืน ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจการนอนหลับ - ควรอาบน้ำสระผมให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้ครีมนวดผมหรือน้ำมันต่างๆ เพราะจะช่วยให้เครื่องตรวจจับติดแน่นดียิ่งขึ้น หากเป็นชาย ควรโกนหนวดและเคราด้วย
- ทำตัวเป็นปกติตามตารางเวลาที่เคยปฏิบัติ เช่น การออกกำลังกาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานยา หรืออาจถามแพทย์ก่อนว่าคุณควรทำเช่นนั้นหรือไม่ในคืนที่เข้ารับการตรวจ
ข้อมูลจากการซักประวัติ การตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจการนอน จะช่วยประเมินว่า
- ผู้ป่วยนอนกรนมากน้อยเพียงใด เป็นการนอนกรนชนิดธรรมดา หรือเป็นโรคนอนกรนชนิดที่มีการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย
- ทราบตำแหน่งที่ทำให้เกิดภาวะนอนกรนหรือนอนกรนร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจพบได้บริเวณจมูก ลำคอ หรือโคนลิ้น
- ถ้ามีการหยุดหายใจร่วมด้วย จะทราบว่าเกิดจากการอุดตันของระบบทางเดินหายใจส่วนบน หรือเกิดจากความผิดปกติของสมอง หรือทั้ง 2 กรณี และความรุนแรงของโรคอยู่ในระดับใด |