ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
17 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
รักแร้…ดูแลได้



รักแร้เป็นส่วนของข้อพับใต้วงแขนที่ประกอบด้วยรูขุมขน และต่อมเหงื่อปริมาณมาก โดยเฉพาะต่อมเหงื่อที่พบแต่ในบริเวณข้อพับหรือขาหนีบ ชื่อว่า Apocrine glands ซึ่งจะสร้างเหงื่อที่มีสารจำพวกฟีโรโมนอันเป็นกลิ่นเฉพาะตัว หรือที่เรียกว่า “กลิ่นเต่า” บริเวณรักแร้จึงเป็นจุดซ่อนเร้นที่ต้องคอยดูแล หมั่นกำจัดขน และป้องกันการเกิดกลิ่นอยู่เสมอ


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket เกลี้ยงเกลา ไร้ขน

การกำจัดขนรักแร้ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายวิธีตามความชอบ ความสะดวก และงบประมาณ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียให้ชั่งใจก่อนทำ ดังต่อไปนี้

โกน
ข้อดี :
ง่าย สะดวก กำจัดขนรวดเร็ว
ข้อเสีย : เนื่องจากรากขนยังอยู่ ขนจึงงอกเร็ว แข็งและเป็นตอ นอกจากนี้การโกนจะเกิดขูดบริเวณผิวหนังทำให้อักเสบและติดเชื้อขึ้น

ถอน
ข้อดี :
กำจัดขนได้แบบถอนรากออกมาด้วย ทำให้ขนที่งอกใหม่ใช้เวลานานกว่าจะขึ้นอีกครั้ง
ข้อเสีย : ใช้ระยะเวลานานกว่าจะถอนออกหมดและทำให้เกิดตุ่ม ลักษณะเหมือนหนังไก่ เนื่องจากขนคุดได้

แวกซ์
ข้อดี :
เหมาะกับคนที่มีขนยาว และหนา วิธีนี้รวดเร็วกว่าการถอน ขนที่ขึ้นใหม่จะนุ่มและงอกช้าประมาณ 6 สัปดาห์
ข้อเสีย : ค่อนข้างเจ็บ ทำให้เกิดตุ่มหรือการแสบแดงได้ และทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้น

เลเซอร์
ข้อดี :
เป็นการทำลายรากขน ทำให้ขนไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก
ข้อเสีย : ต้องทำซ้ำประมาณ 4-6 ครั้ง และเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 15,000 บาทขึ้นไป

จี้ด้วยไฟฟ้า
ข้อดี :
กำจัดขนได้ถาวรประมาณ 15-20เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนขนที่จี้ไฟฟ้าในแต่ละครั้ง
ข้อเสีย : อาจเกิดแผล รอยไหม้ หรือการระคายเคือง ต้องใช้เวลานาน และเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง

หลังกำจัดขนอาจใช้ผ้าชุบน้ำแข็งโปะเพื่อกระชับรูขุมขน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ สารเคมี เช่น โลชั่น น้ำยาดับกลิ่นเหงื่อ ฯลฯ เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตัน และอักเสบขึ้น

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket สดชื่น ไร้กลิ่น

บริเวณรักแร้มีต่อมเหงื่ออยู่ 2 ชนิด คือ Eccrine glands และ Apocrine glands ต่อมชนิดแรกพบได้ทั่วร่างกาย ผลิตเหงื่อชนิดใสและมักไม่มีกลิ่น ยกเว้นเวลาที่กินอาหารมีกลิ่น เช่น กระเทียม แอลกอฮอล์ ส่วนต่อมเหงื่ออีกชนิดพบในบริเวณข้อพับ ขาหนีบ จะผลิตเหงื่อที่มีความเหนียวกว่าและมีกลิ่น นอกจากนี้ยังพบสาเหตุกลิ่นรักแร้จากพันธุกรรมและการทำงานที่ผิดปกติของรูขุมขนและต่อมเหงื่อ

ปัญหากลิ่นตัวที่เกิดจากสาเหตุทั้งหมดนี้แก้ไขได้ดังนี้


1.ทำความสะอาดด้วยสบู่ เพื่อชำระล้างเหงื่อ

2.กำจัดขน เพื่อลดการหมักหมมของแบคทีเรีย

3.ใช้ยาระงับกลิ่นกาย ที่มีให้เลือกทั้งแบบสเปรย์ โรลออน และสติ๊ก ซึ่งจะแตกต่างกันเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่คุณสมบัติไม่ต่างกัน แต่ต้องระวังผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบน้ำมัน (oil) เพราะอาจทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันได้ และผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (Antiperspirant) ซึ่งมีการวิจัยพบว่า สารลดการขับเหงื่อจะไปปิดกั้นต่อมเหงื่อ จนก่อให้เกิดมะเร็งได้หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

4.ใช้สารส้ม เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นด่างจึงช่วยลดความเป็นกรดในเหงื่อลงได้ ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นตัวอย่างได้ผล ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากสารส้มออกมาหลายรูปแบบ และได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ เช่น แป้ง โรลออน สเปรย์

5.การทำงานที่ผิดปกติของรูขุมขน และต่อมเหงื่อ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อใช้ยาปฏิชีวนะประเภทครีม

6.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่น เช่น กระเทียม แอลกอฮอล์ สะเดา

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket วงแขนขาวเนียน

ปัญหารักแร้ดำเกิดได้จากหลายสาเหตุ คือ จากการอักเสบเรื้อรังที่มีสาเหตุจากการเสียดสี บริเวณใต้วงแขน ปริมาณเม็ดสีหรือเมลานินมากเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนที่มีแอลกอฮอลล์ ผสมอยู่เป็นประจำ เมื่อแอลกอฮอล์ระเหยจะดึงน้ำจากผิวไปด้วย ทำให้ผิวแห้งและเกิดรอยดำขึ้นได้ วิธีการปรับสีผิวใต้วงแขนให้ขาวขึ้นนั้นทำได้หลายวิธี

1.
ใช้ยาหรือเวชสำอางลดการทำงานของเม็ดสี เช่น ยาในกลุ่มไวท์เทนนิ่ง ได้แก่ Kojic Acid, Licorice, Retinal ที่ไม่ส่วนผสมของสารปรอท โดยหาซื้อได้ตามรายขายยาทั่วไป

2.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทาวงแขนขาวที่ผสมกรดผลไม้ (AHA) มีความเข้มข้น 5-8 เปอร์เซ็นต์เพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้น

3.เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนทุก 6 เดือน เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารเคมีตัวเดิมนานเกินไปจนเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง


ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสาร Health & Cuisine




Create Date : 17 มิถุนายน 2554
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 8:16:26 น. 0 comments
Counter : 1655 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.