ชีวิตนี้เป็นของตัวเอง ขอใช้มันให้มีความสุขและคุ้มค่าที่สุด...........
Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
23 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
เที่ยวบ่อน้ำพุร้อนและถ้ำแม่อุษา จ.ตาก

ถ้าพูดถึงจ.ตากแล้ว นึกถึงอะไรกันครับ..

ถ้าผมเดาไม่ผิด เพื่อนๆคงนึกถึงน้ำตกทีลอซู นึกถึงการล่องแพ นึกถึงป่าอุ้มผาง
หรือบางคนอาจจะนึกถึงอ.แม่สอด ซึ่งเป็นประตูการค้าติดต่อกับประเทศพม่า

แต่โดยแท้จริงแล้ว จ.ตากยังมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้นครับ เมืองที่หลากหลายทั้งวัฒนธรรมและเชื้อชาติแห่งนี้ เต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติ ที่นี่มีทะเลหมอกที่งดงามไม่แพ้ยอดดอยไหนๆ มีบ่อน้ำพุร้อน มีถ้ำ มีวัดไทยที่วิจิตรงดงาม ซึ่งล้วนแต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว


อย่างในวันนี้ผมขอนำเสนอเพียงที่เดียวก่อน คือ บ่อน้ำพุร้อนและถ้ำแม่อุษาในอุทยานแห่งชาติแม่กาษาครับ

อุทยานแห่งชาติแม่ภาษา เป็นพื้นที่ป่าอยู่ทางด้านตะวันตกของจังหวัดตาก มีเนื้อที่ประมาณ 137,500 ไร่ หรือ 220 ตารางกิโลเมตร

การเดินทางไม่ยากเลยครับ จากกรุงเทพใช้ทางหลวงหมายเลข 1 มาจนถึงทางแยกก่อนเข้าจังหวัดตาก 7 กิโลเมตร ให้ไปทางแยกซ้ายเส้น 105 ซึ่งจะไปอำเภอแม่สอด
จากอ.แม่สอด ให้ขับรถไปทางอ.แม่ระมาด ประมาณ 30 กิโลเมตร จะเจอแยกทางขวามือเป็นถนนลาดยางเข้าไปอีก 7 กิโลเมตร ถึงอุทยานแห่งชาติแม่กาษา

อุทยานแห่งชาติแม่กาษามีความน่าสนใจหลายอย่าง จุดเด่นอย่างแรกคือน้ำพุร้อนครับ



น้ำพุร้อนแม่ภาษา เป็นน้ำพุขนาดเล็ก ผุดขึ้นมาจากดิน มีความร้อนประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส ธารน้ำร้อนที่พุ่งออกมาผสมกับน้ำจากผิวดินที่เป็นน้ำเย็น เกิดเป็นธารน้ำอุ่น มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ และไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นมา
ตาน้ำร้อนมี2แห่ง ถ้าเป็นแห่งเล็กชาวบ้านนำหินไปวางล้อมไว้ ที่ปากบ่อจะมีน้ำเดือดผุดๆขึ้นมา สามารถต้มไข่ได้ ส่วนตาน้ำอีกแห่งมีขอบบ่อกั้นไว้ สามารถต้มไข่โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ10นาที ผมลองต้มไข่ดูแล้ว ทั้งไข่ไก่และไข่นกกระทา ได้ไข่กึ่งสุกกึ่งดิบ กินกับซอสแมกกี้อร่อยดีครับ



นอกจากต้มไข่ในบ่อน้ำพุร้อนแล้ว ทางอุทยานยังมีบริการอาบน้ำร้อนเป็นบ่อวงกลมใกล้จุดบริการนักท่องเที่ยวด้วย
มีบริการนวดแผนไทย และมีห้องอาบน้ำร้อน แต่มาคราวนี้ผมไม่ได้ใช้บริการครับ เพราะช่วงที่ผมไปแดดร้อนมาก กลัวไข่จะสุกเสียก่อน อิอิ


ที่นี่มีร้านอาหารหลายแห่ง ผมลองชิมมาแล้วร้านนึง ( แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ) ส้มตำ ไก่ย่างรสชาติดีสุดๆ อาหารที่นี่อร่อยหลายอย่าง เมนูปลาและกบก็ใช้ได้เลย ถ้าผ่านไปลองแวะชิมได้ครับ
หลังจากอิ่มท้องผมกับเพื่อนก็ไปเล่นเรือถีบกัน เจ้าเรือถีบนี้อยู่ในอ่างเก็บน้ำหน้าศาลเจ้าแม่อุษา ถ้าจำไม่ผิด20บาท/ครึ่งชั่วโมง ถ้าใครไม่อยากเหนื่อยก็นั่งเล่นที่แคร่ไม้ไผ่ ชทวิวสวยๆ แช่ขาให้เย็นๆ ถ้าใครอยากออกกำลังกายก็ลองลงไปเล่นเรือสีสันสดใสนี้ได้

ผมเองดันมีเพื่อนบ้าพลัง ปั่นกับมันแค่ครึ่งชั่วโมง เมื่อยขาสุดๆ



ปั่นเรือจนเหนื่อย อีกทริปที่น่าสนใจคือเที่ยวถ้ำแม่อุษาซึ่งผมถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ทีเดียว เจ้าเรือถีบกับน้ำพุร้อนน่ะเด็กๆๆ

ถ้ำแม่อุษา เป็นถ้ำบนภูเขาหินปูน เส้นทางเดินเป็นป่ารกครึ้ม มีทั้งป่าไผ่สลับกับป่าดิบเขา จำพวกสัก ตะเคียน ยาง ใช้เวลาเดินขึ้นเขาประมาณครึ่งชั่วโมง
ก่อนถึงปากถ้ำ 200 เมตร จะพบต้นกระบากที่ใหญ่มากหลายคนโอบ หน้าถ้ำเป็นป่าดงดิบมีแคร่ไม้ไผ่ให้นั่งพัก แม้ทางขึ้นจะไม่เหนื่อยมากแต่อากาศตอนบ่ายร้อนจนผมเหงื่อโชกทั้งตัว

อันนี้เป็นรูปหน้าปากถ้ำ นายแบบกิตติมศักดิ์กำลังสำรวจทางเข้าที่มืดสนิท :)



ภายในถ้ำเป็นทางเดินยาวและลึกอีกทั้งมีทางแยกมากมาย มีห้องโถงกว้างถึง 13 ห้อง ถึงตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องมีไกด์ ถ้าไม่มีคนนำทางเราอาจหลงในถ้ำหาทางออกไม่ได้ (ในอดีตเคยมีคนแอบเข้าไปแล้วหลงทางด้วยครับ อย่าได้คิดลองของเชียว)

ทางเดินระยะแรกเป็นทางเดินลงอย่างเดียว การมีกล้องและขาตั้งมาด้วยเป็นภาระในการปีนป่ายอย่างมาก (ซวยจริงๆ กลิ้งไปเถือกไป แต่ก็โยนทิ้งไม่ได้~~) ผมปีนป่ายตามไกด์ไปเรื่อยๆ สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าคือหินงอกหินย้อยจำนวนมากรูปร่างแปลกตา บางก้อนคล้ายดอกเห็ด บางก้อนคล้ายดอกกะหล่ำ เรียงสูงนับสิบๆเมตร



จากถ้ำหนึ่งเดินสู่อีกถ้ำหนึ่งต่อไปเรื่อยๆ ถ้ำแต่ละห้องจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ห้องกะหล่ำแก้ว ห้องเสาเอก ห้องกาน้ำแม่อุษา ชื่อเรียกมักสัมพันธ์กับสิ่งที่ค้นพบในห้อง เช่น หินงอกรูปกาน้ำ

อย่างภาพนี้ ชาวบ้านเชื่อว่าหินก้อนนี้คือตัวแทนของเจ้าแม่อุษา คุณคิดว่าหินก้อนนี้คล้ายผู้หญิงมวยผมยืนหันหลังไหมครับ



ตามตำนาน(ที่ไกด์เล่าให้ฟัง)บอกว่า เจ้าแม่อุษาเป็นมเหสีของเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งในอดีตเป็นขุนศึกที่นำทัพหนีพม่าเข้ามาทางจังหวัดตาก ตอนนั้นเจ้าแม่อุษากำลังตั้งครรภ์ จึงพาไพร่พลหนีเข้าไปในถ้ำ และให้กำเนิดบุตรที่ถ้ำแห่งนี้
หลังจากนั้นเจ้าแม่อุษาก็อาศัยอยุ่ที่ถ้ำนี้ตลอดจนสิ้นอายุขัย ชาวบ้านแถวนี้จึงตั้งศาลให้ชื่อว่าศาลเจ้าแม่อุษา ส่วนขุนพะวอได้กลายเป็นเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองตาก

ทั้งหมดนี้คือตำนานของเจ้าแม่ครับ ส่วนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับถ้ำคือ ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยพระธุดงค์เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นพระพบเพียงปากถ้ำจึงเข้าสำรวจ โดยใช้จีวรผูกต่อๆกันยึดกับต้นไม้หน้าปากถ้ำโรยตัวลงไป พบกับหินงอกหินย้อยมากมาย
หลังจากพระสำรวจอยู่หลายปี ค้นพบถ้ำหลายห้อง พบลำธารและสระน้ำในถ้ำ ชาวบ้านจึงได้เข้ามาดูบ้าง และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยทำบันไดในบางจุดที่สูงชัน ติดหลอดไฟในบางจุด
ตามความเห็นของผมแล้ว ผมคิดว่าถ้ำนี้สวยมาก แต่คงเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่การจัดไฟยังไม่ดีเท่าถ้ำที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ถ้าจัดไฟให้สวย ถ้ำนี้คงเป็นสถานที่ที่งดงามไม่น้อย



รูปนี้เป็นแผ่นหินย้อยบางเฉียบ มีลวดลายเส้นสีน้ำตาลแปลกตา ดูดีๆ คล้ายๆกล้วยฉาบเลยครับ อิอิ



ในถ้ำมีหินหลายรูปร่าง อย่างหินก้อนนี้ชาวบ้านบอกว่าคล้ายหัวครุฑหันหน้าไปทางขวา




ระหว่างทางเดินมีห้องหนึ่งชื่อว่าห้องค้างคาว มีค้างคาวนับร้อยนับพันเกาะอยู่บนเพดานถ้ำ ความสูงหลายสิบเมตรทำให้แสงไฟไปไม่ถึง ได้แค่ภาพมัวๆ เห็นค้างคาวเป็นจุดดำๆ



และนี่คืออีกภาพหนึ่งที่ผมไม่อยากเจอ แต่ท้ายสุดก็ต้องเก็บภาพเพื่อนำมาเตือนสตินักท่องเที่ยวทั้งหลายให้รับรู้
การไปเที่ยวถ้ำ ข้อห้ามสำคัญคือไม่ควรใช้มือสัมผัสหินงอกหินย้อย เพราะจะทำให้ผลึกซิลิกาที่ขาวใสขุ่นมัว และที่สำคัญ ไม่ควรขีดเขียนบนผนังถ้ำเลย
ความงามที่ใช้เวลาก่อร่างสร้างตัวนับล้านปี หมดคุณค่าลงเพราะฝีมือมนุษย์ในชั่วพริบตา



ทางเดินในถ้ำส่วนใหญ่ต้องปีนป่ายขึ้นลงโขดหิน และบางช่วงของทางเชื่อมต่อระหว่างถ้ำทำเอาผมต้องคิดหนัก
อย่างรูเล็กๆที่เชื่อมระหว่างถ้ำห้องที่ 3 กับห้องที่ 4 นี้ ทำเอาผมที่สะพายกล้องอยู่เครียดไปเลย กรูกับกระเป๋ากล้องจะลอดไปได้ไหมเนี่ย

เท่าที่คุยกับไกด์บอกว่า รูนี้เรียกว่า"ช่องคลอด" ตามตำนานเล่าว่า เจ้าแม่อุษามาคลอดบุตรที่นี่ ก็เลยตั้งชื่อตามนั้น

ไกด์เล่าว่าทุกคนที่มาถึงถ้ำนี้ลอดได้ทุกคน ฝรั่งตัวใหญ่ๆยังลอดได้ โดยการนอนแล้วคลานเข้าไป ส่วนผมเอาเข้าจริงก็ลอดสบายๆ เพราะตัวไม่ใหญ่มากครับ อิอิ

อันนี้รูปไอ้นิกกี้เพื่อนร่วมทริป ตามด้วยพี่วิชัยที่ลอดตามเข้ามา

นึกไม่ถึงว่าเกิดมาชาตินี้จะได้ใช้บริการ"ช่องคลอด"ถึง2รอบ เหอๆๆๆ





นอกจากทางแคบๆในบางช่วงแล้ว ห้องโถงบางแห่งน่าทึ่งมากๆ เพราะใหญ่ขนาดสนามฟุตบอลเลยทีเดียว
ห้องกว้าง สูง แถมพื้นมีหลุมปุ่มปั่มเหมือนรอยเท้าใครมาเตะบอลไว้



สาเหตุที่ถ้ำมีขนาดใหญ่ อาจเป็นเพราะถ้ำแห่งนี้เคยเป็นหน้าผาของภูเขาสองลูกที่อยู่ชิดกัน การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว ทำให้หน้าผาทั้งสองล้มมาชนกันเกิดเป็นช่องว่างตรงกลาง ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่ไกด์ได้บอกผมคือถ้ำห้องที่7-8มีลักษณะว่าเคยเป็นน้ำตกมาก่อน แต่การที่หน้าผามาชนกันทำให้ทางน้ำถูกตัด น้ำตกค่อยๆแห้งลง เหลือเพียงน้ำที่ซึมเข้ามาในถ้ำทีละนิดๆ เกิดเป็นหินงอกหินย้อย นอกจากนี้ในถ้ำยังมีพื้นเรียบเหมือนเคยมีน้ำไหลผ่าน บางจุดมีหินเป็นเกาะแก่งเหมือนเคยเป็นลำธารมาก่อน
อย่างภาพนี้ ดูดีๆคล้ายชั้นของน้ำตกที่จิ่วไจ้โกว



น้ำที่ซึมเข้ามาในถ้ำจะไหลไปรวมกันที่ห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นสระน้ำหินปูน น้ำใสสีฟ้าอ่อนๆ ผมมองตามสระน้ำไปเรื่อยๆจนถึงมุมถ้ำ พบว่าสระน้ำหายไปในความมืด บางทีอาจมีช่องว่างให้ไปได้อีก แต่ต้องเดินลุยน้ำเข้าไป ไกด์บอกว่าจริงแล้วถ้ำนี้ยังมีช่องทางแบบนี้อีกหลายแห่ง มีรูเล็กๆมืดๆอีกมากมาย แต่ยังไม่มีใครเสี่ยงไปสำรวจ ถ้ำจึงหยุดเพียงเท่านี้ คิดแล้วก็น่าตื่นเต้น น่าค้นหาดีครับ ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของความมืดนั้น จะยังมีอะไรซ่อนอยู่อีก

และนี่คือภาพผนังถ้ำที่ผมชอบมาก ผมดูแล้วคิดว่าแปลกดี สีขาวๆคือชั้นหิน สีส้มน้ำตาลคือชั้นดิน หินกับดินสลับกันไปมายังกับขนมชั้น
ก็ไม่รู้ว่าการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในยุคล้านปีที่แล้วเป็นยังไง ถึงได้เกิดศิลปะที่สวยสะดุดตาแบบนี้



และการท่องเที่ยววันนี้ก็จบลง ด้วยการเดินทางกลับ ขากลับไม่เหนื่อยแบบที่คิดครับ ต้องปีนป่ายนิดหน่อย แต่มีทางลัดที่ทำให้ขากลับเร็วกว่าขามา รวมๆใช้เวลาในถ้ำประมาณสามชั่วโมง

ปิดท้ายด้วยภาพภูเขาที่เราเพิ่งเดินลงมา ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจะมีถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์ซ่อนอยู่ภายใน




ถ้าใครที่ชอบการท่องเที่ยวชนิดปีนป่าย และมีเวลาซัก1วัน ลองแวะไปเที่ยวกันนะครับ รับรองว่าสถานที่จริงสวยกว่าที่เห็นในภาพถ่ายมากมาย ผมเองเพิ่งเคยถ่ายรูปในถ้ำเป็นครั้งแรก ยอมรับเลยว่าสภาพแสงในถ้ำซับซ้อน จัดมุมถ่ายรูปยาก รูปเลยออกมาแบบห่วยๆ ของจริงสวยประทับใจกว่านี้มากๆ

ก็สวยขนาดเป็นหนึ่งใน UNSEEN THAILAND ละครับ




Create Date : 23 เมษายน 2549
Last Update : 24 เมษายน 2549 18:45:34 น. 22 comments
Counter : 6254 Pageviews.

 
น่าไปเที่ยวค่ะ แต่ดรูปนั้นแล้วอนาจใจกับฝีมือมนุษย์บางคน


โดย: brasserie 1802 วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:22:19:19 น.  

 
... เป็นทริปที่แมนๆ ทั้งหลายไปวัดพลังกัน รึเปล่าเอ่ย ...(ล้อเล่น ขำๆ น่ะค่ะ)

แต่ทั้งหมดนั้นน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะหิยย้อยภายในถ้ำยังสวยมากๆ อยู่เลย แต่ช่องเล็กๆ ที่ลอดแคบๆนั้นดูน่ากลัวว่าลำบากมากอยู่น่ะค่ะ


โดย: D.K.H.N. วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:7:32:32 น.  

 
สวยจริงๆครับ น่าไปเที่ยวมากๆๆ

ตำนานเจ้าแม่อุษาเคยได้อ่านผ่านๆตาเหมือนกันครับ ได้เห็นสถานที่จากภาพถ่ายของคุณก็คราวนี้เอง


โดย: นายเบียร์ วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:8:16:04 น.  

 
ผมว่าถ่ายรูปสวยออกครับ^ ^

ชอบมากครับต้องหาโอกาสไปให้ได้ละ


โดย: นายเจย์ (JaYGUY ) วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:17:32:17 น.  

 
น่าไปเที่ยวมากเลยครับ


โดย: L-twin วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:19:35:52 น.  

 
วู๊ว์ สวยมากจริงๆ เป็นunseen thailand ของแท้เลย
ถ้ามีโอกาส ผมจะไปเที่ยวให้ได้
ขอบคุณนะครับที่ให้ข้อมูล

และขอแช่งคนที่ขีดเขียนถ้ำ ขอให้มือด้วน มือด้วน เกินไปมั๊ย!!!


โดย: yyswim วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:0:40:54 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ ดูไม่ยุ่งเท่าไหร่หนินะ
ยังมีเวลาแว่บ ๆ มาเล่าเรื่องที่นี่ได้

p.s.
ผมเองดันมีเพื่อนบ้าพลัง ปั่นกับมันแค่ครึ่งชั่วโมง เมื่อยขาสุดๆ <<เคยนั่งเรือแบบนี้เหมือนกันค่ะ
แล้วให้เพื่อนถีบ
ตอนแรกจะเหมาซะสองชั่วโมง
หมดไปครึ่งชั่วโมง
เพื่อนว่าจะสลบแล้ว


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:2:12:58 น.  

 
เข้าไปดูทริป นครฯ+สุราษฎร์ เมื่อปีที่แล้ว
จะถามว่าเคยขึ้นเขาหลวงป่าวอ่ะ


โดย: JayMel IP: 124.121.81.26 วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:12:27:22 น.  

 
ชอบรูป Drip stone กับ Flow stone จัง

เห็นบรรยากาศแล้วนึกถึงสมัยออก fireld เรียน ธรณีวิทยา อ่ะครับ


โดย: กุมภีน วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:11:39:40 น.  

 
สวยมากๆ เลยค่ะ เห็นกินไข่แช่น้ำแร่จัง


โดย: กระจ้อน วันที่: 27 เมษายน 2549 เวลา:11:49:58 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยคร้าบบ
โอ้โห แบกขาตั้งกล้องเข้าถ้ำด้วย พยายามมั่ก ๆ


โดย: 90210 วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:6:34:35 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยม blog รูปสวยจังนะคะ ยังไม่เคยเที่ยวจ.ตากเลย เคยแต่ผ่านเวลาไปเชียงใหม่ แหะๆๆ ปลายนี้นี้มี plan ว่าจะไปทีลอซูคะ


โดย: diary_cs วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:9:13:55 น.  

 
ไปใช้ทุนที่ไหนเอ่ย post บอกหน่อย


โดย: 3709xxx IP: 203.147.22.23 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:15:51:22 น.  

 
ผมกลัวถ้ำครับ
เป็นสิ่งที่กลัวรองมาจากความสูง
ดังนั้นถ้าไปเที่ยวก็ไปไหนไปกัน
แต่ถ้าเข้าถ้ำ ก็ต้อง Say No!

Photobucket - Video and Image Hosting


โดย: Marvel' Boy IP: 58.9.125.111 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:20:30:11 น.  

 
ธรรมชาติสวยงามจริงๆ อยากไปเห็นกับตาสักครั้ง
จขบ เที่ยวเก่งจังนะครับ ;)

ขอแช่งให้พวกที่มือบอนเขียนทำลายหินในถ้ำ พุงติดช่องคลอดตาย


โดย: BAYROCKU วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:7:02:34 น.  

 
สวยมาก


โดย: ปอ IP: 117.47.104.28 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:16:50:34 น.  

 
อยากไปเที่ยวแม่กาษามากเลยคับผมต้องไปให้ได้


โดย: แชมป์ IP: 125.27.105.96 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:18:35 น.  

 
มะกี้ เพิ่งดูรายการสมุดบันทึก
ถ้ำแม่อุษา สวยมากๆๆเลยครับ
อยากไปมั้งอ่าครับ
สุดยอดขอให้กระหรี่(กระเหรี่ยง)
อยู่กันแบบมีความสุขนะคับ
อยากไปอยากไปอยากไปอยากไป



โดย: เด็กชล IP: 124.157.138.245 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:03:26 น.  

 
ถุยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: ษ๋ฌํธ IP: 117.47.165.147 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:13:46:50 น.  

 
สวยจริงๆ
คอนเฟิร์มเลย
เพราะบ้านเราอยู่แถวนั้น
ไปเที่ยวกานเยอะๆนะ


โดย: ป่าน IP: 210.246.188.224 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:16:02:48 น.  

 
สวยมาก


โดย: นิวเมียเกอร์ IP: 49.48.180.72 วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:19:11:45 น.  

 
บ้านวิ อยู่สุโขทัย ซึ่งอยู่ติดกับตาก ...ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตาก... มีธรรมชาติที่แปลกตาและสวยงามอย่างนี้ ถ้ามีโอกาส อยากไปเที่ยวค่ะ


โดย: วิ (thanitsita ) วันที่: 27 สิงหาคม 2554 เวลา:15:37:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Carlziess Lens
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"a man is not where he lives,bus where he loves.. ...."

Friends' blogs
[Add Carlziess Lens's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.