|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เที่ยวบ่อน้ำพุร้อนและถ้ำแม่อุษา จ.ตาก
ถ้าพูดถึงจ.ตากแล้ว นึกถึงอะไรกันครับ..
ถ้าผมเดาไม่ผิด เพื่อนๆคงนึกถึงน้ำตกทีลอซู นึกถึงการล่องแพ นึกถึงป่าอุ้มผาง หรือบางคนอาจจะนึกถึงอ.แม่สอด ซึ่งเป็นประตูการค้าติดต่อกับประเทศพม่า
แต่โดยแท้จริงแล้ว จ.ตากยังมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้นครับ เมืองที่หลากหลายทั้งวัฒนธรรมและเชื้อชาติแห่งนี้ เต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติ ที่นี่มีทะเลหมอกที่งดงามไม่แพ้ยอดดอยไหนๆ มีบ่อน้ำพุร้อน มีถ้ำ มีวัดไทยที่วิจิตรงดงาม ซึ่งล้วนแต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
อย่างในวันนี้ผมขอนำเสนอเพียงที่เดียวก่อน คือ บ่อน้ำพุร้อนและถ้ำแม่อุษาในอุทยานแห่งชาติแม่กาษาครับ
อุทยานแห่งชาติแม่ภาษา เป็นพื้นที่ป่าอยู่ทางด้านตะวันตกของจังหวัดตาก มีเนื้อที่ประมาณ 137,500 ไร่ หรือ 220 ตารางกิโลเมตร
การเดินทางไม่ยากเลยครับ จากกรุงเทพใช้ทางหลวงหมายเลข 1 มาจนถึงทางแยกก่อนเข้าจังหวัดตาก 7 กิโลเมตร ให้ไปทางแยกซ้ายเส้น 105 ซึ่งจะไปอำเภอแม่สอด จากอ.แม่สอด ให้ขับรถไปทางอ.แม่ระมาด ประมาณ 30 กิโลเมตร จะเจอแยกทางขวามือเป็นถนนลาดยางเข้าไปอีก 7 กิโลเมตร ถึงอุทยานแห่งชาติแม่กาษา
อุทยานแห่งชาติแม่กาษามีความน่าสนใจหลายอย่าง จุดเด่นอย่างแรกคือน้ำพุร้อนครับ
น้ำพุร้อนแม่ภาษา เป็นน้ำพุขนาดเล็ก ผุดขึ้นมาจากดิน มีความร้อนประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส ธารน้ำร้อนที่พุ่งออกมาผสมกับน้ำจากผิวดินที่เป็นน้ำเย็น เกิดเป็นธารน้ำอุ่น มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ และไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นมา ตาน้ำร้อนมี2แห่ง ถ้าเป็นแห่งเล็กชาวบ้านนำหินไปวางล้อมไว้ ที่ปากบ่อจะมีน้ำเดือดผุดๆขึ้นมา สามารถต้มไข่ได้ ส่วนตาน้ำอีกแห่งมีขอบบ่อกั้นไว้ สามารถต้มไข่โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ10นาที ผมลองต้มไข่ดูแล้ว ทั้งไข่ไก่และไข่นกกระทา ได้ไข่กึ่งสุกกึ่งดิบ กินกับซอสแมกกี้อร่อยดีครับ
นอกจากต้มไข่ในบ่อน้ำพุร้อนแล้ว ทางอุทยานยังมีบริการอาบน้ำร้อนเป็นบ่อวงกลมใกล้จุดบริการนักท่องเที่ยวด้วย มีบริการนวดแผนไทย และมีห้องอาบน้ำร้อน แต่มาคราวนี้ผมไม่ได้ใช้บริการครับ เพราะช่วงที่ผมไปแดดร้อนมาก กลัวไข่จะสุกเสียก่อน อิอิ
ที่นี่มีร้านอาหารหลายแห่ง ผมลองชิมมาแล้วร้านนึง ( แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ) ส้มตำ ไก่ย่างรสชาติดีสุดๆ อาหารที่นี่อร่อยหลายอย่าง เมนูปลาและกบก็ใช้ได้เลย ถ้าผ่านไปลองแวะชิมได้ครับ หลังจากอิ่มท้องผมกับเพื่อนก็ไปเล่นเรือถีบกัน เจ้าเรือถีบนี้อยู่ในอ่างเก็บน้ำหน้าศาลเจ้าแม่อุษา ถ้าจำไม่ผิด20บาท/ครึ่งชั่วโมง ถ้าใครไม่อยากเหนื่อยก็นั่งเล่นที่แคร่ไม้ไผ่ ชทวิวสวยๆ แช่ขาให้เย็นๆ ถ้าใครอยากออกกำลังกายก็ลองลงไปเล่นเรือสีสันสดใสนี้ได้
ผมเองดันมีเพื่อนบ้าพลัง ปั่นกับมันแค่ครึ่งชั่วโมง เมื่อยขาสุดๆ
ปั่นเรือจนเหนื่อย อีกทริปที่น่าสนใจคือเที่ยวถ้ำแม่อุษาซึ่งผมถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ทีเดียว เจ้าเรือถีบกับน้ำพุร้อนน่ะเด็กๆๆ
ถ้ำแม่อุษา เป็นถ้ำบนภูเขาหินปูน เส้นทางเดินเป็นป่ารกครึ้ม มีทั้งป่าไผ่สลับกับป่าดิบเขา จำพวกสัก ตะเคียน ยาง ใช้เวลาเดินขึ้นเขาประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนถึงปากถ้ำ 200 เมตร จะพบต้นกระบากที่ใหญ่มากหลายคนโอบ หน้าถ้ำเป็นป่าดงดิบมีแคร่ไม้ไผ่ให้นั่งพัก แม้ทางขึ้นจะไม่เหนื่อยมากแต่อากาศตอนบ่ายร้อนจนผมเหงื่อโชกทั้งตัว
อันนี้เป็นรูปหน้าปากถ้ำ นายแบบกิตติมศักดิ์กำลังสำรวจทางเข้าที่มืดสนิท :)
ภายในถ้ำเป็นทางเดินยาวและลึกอีกทั้งมีทางแยกมากมาย มีห้องโถงกว้างถึง 13 ห้อง ถึงตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องมีไกด์ ถ้าไม่มีคนนำทางเราอาจหลงในถ้ำหาทางออกไม่ได้ (ในอดีตเคยมีคนแอบเข้าไปแล้วหลงทางด้วยครับ อย่าได้คิดลองของเชียว)
ทางเดินระยะแรกเป็นทางเดินลงอย่างเดียว การมีกล้องและขาตั้งมาด้วยเป็นภาระในการปีนป่ายอย่างมาก (ซวยจริงๆ กลิ้งไปเถือกไป แต่ก็โยนทิ้งไม่ได้~~) ผมปีนป่ายตามไกด์ไปเรื่อยๆ สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าคือหินงอกหินย้อยจำนวนมากรูปร่างแปลกตา บางก้อนคล้ายดอกเห็ด บางก้อนคล้ายดอกกะหล่ำ เรียงสูงนับสิบๆเมตร
จากถ้ำหนึ่งเดินสู่อีกถ้ำหนึ่งต่อไปเรื่อยๆ ถ้ำแต่ละห้องจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ห้องกะหล่ำแก้ว ห้องเสาเอก ห้องกาน้ำแม่อุษา ชื่อเรียกมักสัมพันธ์กับสิ่งที่ค้นพบในห้อง เช่น หินงอกรูปกาน้ำ
อย่างภาพนี้ ชาวบ้านเชื่อว่าหินก้อนนี้คือตัวแทนของเจ้าแม่อุษา คุณคิดว่าหินก้อนนี้คล้ายผู้หญิงมวยผมยืนหันหลังไหมครับ
ตามตำนาน(ที่ไกด์เล่าให้ฟัง)บอกว่า เจ้าแม่อุษาเป็นมเหสีของเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งในอดีตเป็นขุนศึกที่นำทัพหนีพม่าเข้ามาทางจังหวัดตาก ตอนนั้นเจ้าแม่อุษากำลังตั้งครรภ์ จึงพาไพร่พลหนีเข้าไปในถ้ำ และให้กำเนิดบุตรที่ถ้ำแห่งนี้ หลังจากนั้นเจ้าแม่อุษาก็อาศัยอยุ่ที่ถ้ำนี้ตลอดจนสิ้นอายุขัย ชาวบ้านแถวนี้จึงตั้งศาลให้ชื่อว่าศาลเจ้าแม่อุษา ส่วนขุนพะวอได้กลายเป็นเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองตาก
ทั้งหมดนี้คือตำนานของเจ้าแม่ครับ ส่วนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับถ้ำคือ ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยพระธุดงค์เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นพระพบเพียงปากถ้ำจึงเข้าสำรวจ โดยใช้จีวรผูกต่อๆกันยึดกับต้นไม้หน้าปากถ้ำโรยตัวลงไป พบกับหินงอกหินย้อยมากมาย หลังจากพระสำรวจอยู่หลายปี ค้นพบถ้ำหลายห้อง พบลำธารและสระน้ำในถ้ำ ชาวบ้านจึงได้เข้ามาดูบ้าง และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยทำบันไดในบางจุดที่สูงชัน ติดหลอดไฟในบางจุด ตามความเห็นของผมแล้ว ผมคิดว่าถ้ำนี้สวยมาก แต่คงเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่การจัดไฟยังไม่ดีเท่าถ้ำที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ถ้าจัดไฟให้สวย ถ้ำนี้คงเป็นสถานที่ที่งดงามไม่น้อย
รูปนี้เป็นแผ่นหินย้อยบางเฉียบ มีลวดลายเส้นสีน้ำตาลแปลกตา ดูดีๆ คล้ายๆกล้วยฉาบเลยครับ อิอิ
ในถ้ำมีหินหลายรูปร่าง อย่างหินก้อนนี้ชาวบ้านบอกว่าคล้ายหัวครุฑหันหน้าไปทางขวา
ระหว่างทางเดินมีห้องหนึ่งชื่อว่าห้องค้างคาว มีค้างคาวนับร้อยนับพันเกาะอยู่บนเพดานถ้ำ ความสูงหลายสิบเมตรทำให้แสงไฟไปไม่ถึง ได้แค่ภาพมัวๆ เห็นค้างคาวเป็นจุดดำๆ
และนี่คืออีกภาพหนึ่งที่ผมไม่อยากเจอ แต่ท้ายสุดก็ต้องเก็บภาพเพื่อนำมาเตือนสตินักท่องเที่ยวทั้งหลายให้รับรู้ การไปเที่ยวถ้ำ ข้อห้ามสำคัญคือไม่ควรใช้มือสัมผัสหินงอกหินย้อย เพราะจะทำให้ผลึกซิลิกาที่ขาวใสขุ่นมัว และที่สำคัญ ไม่ควรขีดเขียนบนผนังถ้ำเลย ความงามที่ใช้เวลาก่อร่างสร้างตัวนับล้านปี หมดคุณค่าลงเพราะฝีมือมนุษย์ในชั่วพริบตา
ทางเดินในถ้ำส่วนใหญ่ต้องปีนป่ายขึ้นลงโขดหิน และบางช่วงของทางเชื่อมต่อระหว่างถ้ำทำเอาผมต้องคิดหนัก อย่างรูเล็กๆที่เชื่อมระหว่างถ้ำห้องที่ 3 กับห้องที่ 4 นี้ ทำเอาผมที่สะพายกล้องอยู่เครียดไปเลย กรูกับกระเป๋ากล้องจะลอดไปได้ไหมเนี่ย
เท่าที่คุยกับไกด์บอกว่า รูนี้เรียกว่า"ช่องคลอด" ตามตำนานเล่าว่า เจ้าแม่อุษามาคลอดบุตรที่นี่ ก็เลยตั้งชื่อตามนั้น
ไกด์เล่าว่าทุกคนที่มาถึงถ้ำนี้ลอดได้ทุกคน ฝรั่งตัวใหญ่ๆยังลอดได้ โดยการนอนแล้วคลานเข้าไป ส่วนผมเอาเข้าจริงก็ลอดสบายๆ เพราะตัวไม่ใหญ่มากครับ อิอิ
อันนี้รูปไอ้นิกกี้เพื่อนร่วมทริป ตามด้วยพี่วิชัยที่ลอดตามเข้ามา
นึกไม่ถึงว่าเกิดมาชาตินี้จะได้ใช้บริการ"ช่องคลอด"ถึง2รอบ เหอๆๆๆ
นอกจากทางแคบๆในบางช่วงแล้ว ห้องโถงบางแห่งน่าทึ่งมากๆ เพราะใหญ่ขนาดสนามฟุตบอลเลยทีเดียว ห้องกว้าง สูง แถมพื้นมีหลุมปุ่มปั่มเหมือนรอยเท้าใครมาเตะบอลไว้
สาเหตุที่ถ้ำมีขนาดใหญ่ อาจเป็นเพราะถ้ำแห่งนี้เคยเป็นหน้าผาของภูเขาสองลูกที่อยู่ชิดกัน การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว ทำให้หน้าผาทั้งสองล้มมาชนกันเกิดเป็นช่องว่างตรงกลาง ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่ไกด์ได้บอกผมคือถ้ำห้องที่7-8มีลักษณะว่าเคยเป็นน้ำตกมาก่อน แต่การที่หน้าผามาชนกันทำให้ทางน้ำถูกตัด น้ำตกค่อยๆแห้งลง เหลือเพียงน้ำที่ซึมเข้ามาในถ้ำทีละนิดๆ เกิดเป็นหินงอกหินย้อย นอกจากนี้ในถ้ำยังมีพื้นเรียบเหมือนเคยมีน้ำไหลผ่าน บางจุดมีหินเป็นเกาะแก่งเหมือนเคยเป็นลำธารมาก่อน อย่างภาพนี้ ดูดีๆคล้ายชั้นของน้ำตกที่จิ่วไจ้โกว
น้ำที่ซึมเข้ามาในถ้ำจะไหลไปรวมกันที่ห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นสระน้ำหินปูน น้ำใสสีฟ้าอ่อนๆ ผมมองตามสระน้ำไปเรื่อยๆจนถึงมุมถ้ำ พบว่าสระน้ำหายไปในความมืด บางทีอาจมีช่องว่างให้ไปได้อีก แต่ต้องเดินลุยน้ำเข้าไป ไกด์บอกว่าจริงแล้วถ้ำนี้ยังมีช่องทางแบบนี้อีกหลายแห่ง มีรูเล็กๆมืดๆอีกมากมาย แต่ยังไม่มีใครเสี่ยงไปสำรวจ ถ้ำจึงหยุดเพียงเท่านี้ คิดแล้วก็น่าตื่นเต้น น่าค้นหาดีครับ ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของความมืดนั้น จะยังมีอะไรซ่อนอยู่อีก
และนี่คือภาพผนังถ้ำที่ผมชอบมาก ผมดูแล้วคิดว่าแปลกดี สีขาวๆคือชั้นหิน สีส้มน้ำตาลคือชั้นดิน หินกับดินสลับกันไปมายังกับขนมชั้น ก็ไม่รู้ว่าการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในยุคล้านปีที่แล้วเป็นยังไง ถึงได้เกิดศิลปะที่สวยสะดุดตาแบบนี้
และการท่องเที่ยววันนี้ก็จบลง ด้วยการเดินทางกลับ ขากลับไม่เหนื่อยแบบที่คิดครับ ต้องปีนป่ายนิดหน่อย แต่มีทางลัดที่ทำให้ขากลับเร็วกว่าขามา รวมๆใช้เวลาในถ้ำประมาณสามชั่วโมง
ปิดท้ายด้วยภาพภูเขาที่เราเพิ่งเดินลงมา ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจะมีถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์ซ่อนอยู่ภายใน
ถ้าใครที่ชอบการท่องเที่ยวชนิดปีนป่าย และมีเวลาซัก1วัน ลองแวะไปเที่ยวกันนะครับ รับรองว่าสถานที่จริงสวยกว่าที่เห็นในภาพถ่ายมากมาย ผมเองเพิ่งเคยถ่ายรูปในถ้ำเป็นครั้งแรก ยอมรับเลยว่าสภาพแสงในถ้ำซับซ้อน จัดมุมถ่ายรูปยาก รูปเลยออกมาแบบห่วยๆ ของจริงสวยประทับใจกว่านี้มากๆ
ก็สวยขนาดเป็นหนึ่งใน UNSEEN THAILAND ละครับ
Create Date : 23 เมษายน 2549 |
Last Update : 24 เมษายน 2549 18:45:34 น. |
|
22 comments
|
Counter : 6254 Pageviews. |
|
|
|
โดย: D.K.H.N. วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:7:32:32 น. |
|
|
|
โดย: นายเบียร์ วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:8:16:04 น. |
|
|
|
โดย: นายเจย์ (JaYGUY ) วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:17:32:17 น. |
|
|
|
โดย: L-twin วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:19:35:52 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:0:40:54 น. |
|
|
|
โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:2:12:58 น. |
|
|
|
โดย: JayMel IP: 124.121.81.26 วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:12:27:22 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:11:39:40 น. |
|
|
|
โดย: กระจ้อน วันที่: 27 เมษายน 2549 เวลา:11:49:58 น. |
|
|
|
โดย: 90210 วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:6:34:35 น. |
|
|
|
โดย: diary_cs วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:9:13:55 น. |
|
|
|
โดย: 3709xxx IP: 203.147.22.23 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:15:51:22 น. |
|
|
|
โดย: Marvel' Boy IP: 58.9.125.111 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:20:30:11 น. |
|
|
|
โดย: BAYROCKU วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:7:02:34 น. |
|
|
|
โดย: ปอ IP: 117.47.104.28 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:16:50:34 น. |
|
|
|
โดย: แชมป์ IP: 125.27.105.96 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:18:35 น. |
|
|
|
โดย: เด็กชล IP: 124.157.138.245 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:03:26 น. |
|
|
|
โดย: ษ๋ฌํธ IP: 117.47.165.147 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:13:46:50 น. |
|
|
|
โดย: ป่าน IP: 210.246.188.224 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:16:02:48 น. |
|
|
|
โดย: นิวเมียเกอร์ IP: 49.48.180.72 วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:19:11:45 น. |
|
|
|
โดย: วิ (thanitsita ) วันที่: 27 สิงหาคม 2554 เวลา:15:37:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|