กัปตันลูกชุบพาเที่ยวลาวเหนือ ตอนที่ 6: เดินเที่ยวเมืองมรดกโลก - หลวงพะบาง
สวัสดีครับ รีวิวคราวนี้ก็เป็นรีวิวเที่ยวในเมืองหลวงพะบางกันแล้ว สำหรับวันนี้นั้นผมวางแผนไว้ว่าจะเดินเล่นในเมืองและเที่ยวชมวัดในเมือง สำหรับการเดินทางไปยังที่ต่างๆในวันนี้ ผมเลือกเดินทั้งหมดครับ แต่อากาศก็ร้อนพอสมควรในวันที่ผมไป วันนี้จุดหมายแต่ละที่ที่ผมได้วางแผนไว้ว่าจะไปมีดังนี้ครับ แวะไหว้พระที่วัดใหม่สุวันนะพูมาราม (Wat Mai Suwannapumaram) จากนั้นก็ไปวัดป่าไผ่มีไซยาราม (Wat Paphai Misaiyaram) วัดหนองสีคูนเมือง (Vat Nong Sikhounmuang) วัดแสนสุุขาราม (Vat Sensoukharam) ตามด้วยวัดสบสิกขาราม (Vat Sop Sickharam) ซึ่งวัดหลักๆที่ผมเลือกไว้มีตามนี้ แต่บางวัดผมอาจถ่ายมาตอนเดินผ่านครับ
จากนั้นผมเดินอ้อมไปจนสุดถนนเพื่อผ่านไปชมที่ที่เรียกว่าปากคาน และผ่านหลักจารึกของ UNESCO ที่ประกาศให้หลวงพะบางเป็นมรดกโลก แล้วเดินทางถนนเลียบโขงจากนั้นก็ไปวัดเชียงทอง ราชวรวิหาร (Vat Xieng Thong Ratsavoravihanh) แล้วเที่ยวเล่นเดินชมเลียบถนนริมน้ำโขงไปเรื่อยๆ หาข้าวทานแล้วกลับไปพักผ่อนที่ที่พัก ต่อจากนั้นผมก็ออกไปหาอะไรทานและเดินเที่ยวตลาดมืดอีกนิดหน่อย จากนั้นผมก็กลับที่พักแล้วเตรียมตัวเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ซึ่งในวันนี้ผมก็ได้เลือกแวะซื้อทัวร์เพื่อไปเที่ยวถ้ำติ่ง (Tham Ting)และน้ำตกตาดกวางซี (Tat Kuang Xi Waterfall) ผมเลือกซื้อตรงร้านขายทัวร์เยื้องๆกับหอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพะบาง ตรงถนนสีสะหว่างวงซึ่งละแวกนั้นจะมีร้านขายทัวร์หลายร้านมากๆครับ ซึ่งร้านนี้ราคาอยู่ที่คนละ 100,000 kip
จากที่เล่ามาข้างต้นเป็นแผนคร่าวๆของการเที่ยวชมเมืองหลวงพะบางในวันนี้ แต่ในรายละเอียดจะขอเล่าไว้ในรูปภาพนะครับ พูดมาเยอะแล้วผมว่าไปชมผมพาเที่ยวหลวงพะบางในแบบฉบับของกัปตันลูกชุบกันดีกว่าครับ ^________^
แวะชม Review ใน Pantip ของผมได้ที่นี่ครับ //www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9906870/E9906870.html
ตอน5 >>กัปตันลูกชุบพาเที่ยวลาวเหนือ ตอนที่ 5: พาชมที่พักเลียบน้ำโขง - หลวงพะบางริเวอร์ลอดจ์ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=captainchoob&month=11-2010&date=11&group=12&gblog=5 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาทำธุระอาบน้ำเรียบร้อย ผมก็ลงไปทานอาหารเช้า เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ผมเลยออกเดินมายังจุดที่เป็นที่เริ่มต้นของตลาดมืดยามค่ำคืน พอถึงแยกไปรษณีย์ผมเลี้ยวซ้ายเพื่อเดินไปยัง ถนนสีสะหว่างวง(Sisavangvong) ที่เห็นจากภาพเรียกว่าตลาดม้งครับจะมีในตอนเช้าขายพวกงานหัตถกรรมต่างๆ
บรรยากาศยามเช้าของ Ancient Luang Prabang Hotel
ระหว่างทางก่อนไปถึงจุดหมายแรกของผมในวันนี้ บรรยากาศร้านอาหารช่วงเช้า
เดินต่อมาผ่าน Bank of the Lao PDR สาขาหลวงพะบาง
ห้องสมุดหลวงพะบาง ผมชอบแนวคิดของที่นี่อย่างนึงซึ่งผมได้ทราบมาจากหนังสือ Lonely Planet คือเขาจะไม่สนับสนุนให้เราบริจาคสิ่งของให้เด็กเป็นเงินแต่จะให้เราซื้อหนังสือจากที่นี่แล้วนำไปให้เด็กๆหลวงพะบางแทน และเงินที่ได้จากการขายหนังสือให้เราแล้วจะนำไปสนับสนุนด้านการศึกษาของเด็กต่อไป ซึ่งผมค่อนข้างชอบแนวคิดนี้มากทีเดียว
เดินมาเรื่อยก็จะถึงจุดหมายแรก วัดใหม่สุวันนะพูมาราม (Wat Mai Suwannapumaram) เปิดทุกวันเวลา 8:00-16:00 น. ค่าเข้าชมราคาคนละ 10,000 Kip
ที่นี่ได้รับการแกะสลักลวดลายจากเพียตัน (พระยาตัน) ซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติของลาว ท่านมีฝีมือโดดเด่นในเรื่องของการแกะสลักไม้
ลวดลายแกะสลักเรื่องพระเวสสันดร สวยงามมากครับ
เข้าไปชมด้านในกันต่อครับ
ภายในจะเป็นที่ให้สักการะพระเอ้หรือพระปรานที่ประดิษฐานอยู่
สักการะเรียบร้อย ออกมาเดินชมความสวยงามด้านนอกต่อครับ
บานประตูเป็นฝีมือการแกะสลักไม้แบบเชียงขวาง สวยและงดงามจริงๆ
ส่วนนี้จะมีติดอยู่ทั่วเมืองหลวงพะบางเลยครับ
เป็นข้อความสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับประเพณีการตักบาตรในตอนเช้า และหลักปฏิบัติในการตักบาตรครับ
ภายในวัด
อีกมุมภายในวัดครับ
ออกจากวัดผมเดินไปตามถนนเส้นเดิม ผ่านหอพิพิธภัณฑ์์แห่งชาติหลวงพะบาง (Luang Pra Bang National Museum) ซึ่งเคยเป็นพระราชวังหลวงเดิม แต่วันนี้เราจะไม่แวะนะครับ เพราะวันอังคารที่นี่ปิด
ถนนหนทางของเมืองหลวงพะบาง ตลาดมืดที่วางขายทุกคืนนั้น จะเริ่มวางตั้งแต่แยกตรงไปรษณีย์จนมาถึง ประมาณสุดกำแพงสีขาวนั้นครับ ซึ่งกำแพงนั้นเป็นกำแพงของหอพิพิธภัณฑ์์แห่งชาติหลวงพะบาง
เดินมาเรื่อยๆจะเป็นบ้านเรือนซึ่งเรียกกันว่าเป็นย่านบ้านเจ๊ก มีทั้งบริษัททัวร์ สายการบิน ร้านอาหารต่างๆ จะอยู่บริเวณนี้เป็นส่วนมาก ผมก็ซื้อทัวร์ไปเที่ยววันพรุ่งนี้แถวๆนี้แหละครับ แต่เป็นอีกฝั่งที่ไม่ได้ถ่ายมาให้เห็นครับ
ผมเดินชมบ้านเรือนและเดินเก็บภาพมาเรื่อย ผ่านสายการบินกรุงเทพไปนิด แล้วผมก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพื่อจะไปยังเป้าหมายต่อไป คือวัดป่าไผ่มีไซยาราม (Wat Paphai Misaiyaram)
ที่นี่มีลายพอกคำในสิมของวัดที่นับว่าสมบูรณ์ที่สุดในหลวงพะบาง
เข้ามาชมภายในวัดกันครับ
เข้าไปด้านในกันครับ
ลายพอกคำ
อีกรูปครับ
ภายในครับ
ลวดลายสวยงามจริงๆครับ
ชมวัดป่าไผ่มีไซยารามเสร็จ ผมเดินตรงไปต่อไม่ได้ย้อนกลับไปทางเดิม และพอถึงทางแยกผมเลือกเลี้ยวขวา ไปทางนี้ครับ
เดินมาเรื่อยละแวกนี้มีเกตส์เฮ้าท์อยู่หลายที่เหมือนกันครับ
นี้ก็อีกที่แต่ละที่ดูน่าพักดีครับ
เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดหมายอีกที่ในวันนี้ของผมที่นี่ครับ วัดหนองสีคูนเมือง (Vat Nong Sikhounmuang)
ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าองค์แสน พระพุทธรูปสำคัญของเมือง แต่ที่น่าเสีนดายคือผมไม่ได้เข้าไปด้านในเพราะผมเห็นประตูปิดอยู่ครับ
ชมด้านข้างกันบ้าง บานประตูหน้าต่างไม้แกะสลักโดยฝีมือช่างสกุลช่างเพียตัน สิมของวัดนี้ได้รับการสร้างขึ้นใหม่เป็นศิลปะเวียงจันทน์
จากนั้นผมเลือกเดินออกมาทางซอยเล็กๆที่เป็นที่ตั้งของโรงแรมวิลล่าสันติ (Villa Santi) เพื่อจะออกไปยังถนนสักกะริน (Sakkaline)ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนสีสะหว่างวงที่เราเดินมาก่อนหน้านี้อีกครั้ง โรงแรมวิลล่าสันติในภาพนี้จะเป็นส่วนที่อยู่ในซอยนะครับ
จากนั้นผมเดินออกมาจนถึงถนนสักกะลินแล้วผมเลี้ยวซ้าย จะมองเห็นร้านอาหารชื่อดังของเมืองหลวงพะบาง ร้านตำหนักลาวครับ (Tamnak Lao Restaurent)
และฝั่งตรงข้ามร้านอาหารตำหนักลาวก็จะเป็นโรงแรมวิลล่าสันติ อีกที่นึง
เดินตรงมาเรื่อยๆ ไม่ห่างกันนักก็จะเจอ 3 Nagas ตึกนี้เป็นส่วนของร้านอาหารของโรงแรม และส่วนของโรงแรมจะตั้งอยู่ฝั่งนี้
ส่วนฝั่งนี้จะเป็น Auberge Cafe Les 3 Nagas ผมไม่ได้ถ่ายเข้าไปด้านนี้เพราะมีแขกอยู่ด้านหน้าเยอะพอสมควรตอนที่ผมเดินผ่าน สังเกตรถที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงแรมคลาสสิคมากครับ
เดินมาอีกหน่อยตึกสีเหลืองเป็นที่พักอีกที่ ที่ชื่อว่า The Chang Inn
ผมเดินตรงมาอีกหน่อยก็ถึงจุดหมายต่อไป คือ วัดแสนสุุขาราม (Vat Sensoukharam)
ด้านข้างสวยงามจริงๆครับ
มาชมภายในกันต่อ
ภายในวัดอีกมุม
ไปชมส่วนนี้กันต่อครับ
ลวดลายสวยงามทีเดียว
ลงไปชมรอบๆกันต่อ
>
สิมของวัดแสนตกแต่งลวดลายพอกคำ ตัวสิมเป็นศิลปะหลวงพะบางตอนกลางศตวรรษที่ 20
ส่วนด้านนี้เป็นหอพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก คนหลวงพะบางจะเรียกว่า "พะเจ้า 18 สอก"
เดี๋ยวเราไปเดินเที่ยวชมกันต่อครับ
ออกจากวัดฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นที่พักอีกที่
เดินมาอีกนิดจะถึงวัดสบสิกขาราม (Vat Sop Sickharam) ซึ่งอยู่ติดกับวัดแสนสุุขารามเลย ผมไม่ได้เดินเข้าไปชมเนื่องจากเหมือนชาวบ้านจะประกอบพิธีอะไรสักอย่างอยู่ครับ
ตามทางก็จะมีร้านขายของ ร้านขายอาหารแต่ก็ไม่เยอะเท่าตรงส่วนย่านบ้านเจ๊ก
จากนั้นผมเดินไปต่อบริเวณย่านนี้จะมีวัดเยอะทีเดียวครับ อย่างรูปนี้คือวัดสิริมงคนไชยาราม (Wat Sirimungkhum)
ต่อจากนั้นก็เดินมาถึงวัดสีบุนเฮือง (Wat Si Bun Heuang) ซึ่งอยู่ติดๆกัน
จากนั้นเดินไปต่ออีกนิดก็จะเจอวัดสุวันนะคีรี (Vat Souvannakkiri) ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
เดินต่อมาเรื่อยๆครับ พอดีว่าเดินไปเรื่อยๆก็เริ่มเหนื่อย บางวัดจึงไม่ได้แวะเข้าไปชม แต่แอบไหว้อยู่ด้านนอก ^______^
เดินต่อมาก็เห็นที่พักอีกแล้ว หลวงพะบางนี่ที่พักเยอะแยะจริงๆครับ
ผมเดินไปจนสุด จากที่ผมเดินบนถนนเส้นสักกะรินจะมาเจอกับปากคาน และเห็นหลักจารึกของ UNESCO ที่ประกาศให้หลวงพะบางเป็นมรดกโลก
จากนั้นผมก็เลี้ยวซ้ายแล้วเปลี่ยนมาเดินตรงเส้นถนนเลียบโขง เดินมาไกลขอผมนั่งชมวิวพักเหนื่อยแปบครับ
ที่พักนี้อยู่ตรงนี้พอดีเลย ผมว่าฝั่งนี้ดูสงบมากเลยนะครับ หากเป็นตอนกลางคืนคงสงบมากๆ
ในส่วนตรงนี้จะเป็นส่วนที่แม่น้ำคานไหลมาเจอแม่น้ำโขง เสียดายผมนั่งพักจนลืมเก็บภาพมาให้เห็นชัดๆ ^^
Mekong Riverview ดูน่าพักดีครับ อยู่สุดถนนเส้นเลียบโขงตรงฝั่งนี้เลย
เดินมาต่อไม่ไกลมากครับ ก็จะเจอบันไดที่จะพาลงไปไกลชิดกับแม่น้ำโขงได้ แต่คราวนี้ผมขอผ่านครับ
และฝั่งตรงข้ามกันก็ถึงจุดหมายซึ่งเป็นวัดสุดท้ายของการเที่ยวในวันนี้ของผมแล้ว
จะเป็นวัดอะไรได้ล่ะครับ นอกจากวัดวัดเชียงทอง ราชวรวิหาร (Vat Xieng Thong Ratsavoravihanh) เปิดทุกวันเวลา 8:00 - 16:00 น. ค่าเข้าชมคนละ 20,000 Kip
ภายในวัดมีหลายส่วนทีเดียวแต่เดี๋ยวผมขอไปไหว้พระด้านในสิมก่อนนะครับ ด้านนอกนี้ใช้การผนีงสีดำลงรักปิดทอง หรือที่เรียกว่าพอกคำ ได้สวยงามมากครับ
ภายในครับ
จะเห็นว่าสิมของที่นี่มีหลังคาซ้อนกันสามชั้นที่เรียกว่าหลังคาปีกนก อีกอย่างสิมที่นี่เป็นรูปแบบศิลปะล้านช้างที่ถือได้ว่างดงามและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศลาว
ไปชมโรงเมี้ยนโกศกันต่อ ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ และแกะสลักโดยช่างฝีมือดี เพียตัน
จุดเด่นของโรงเมี้ยนโกศคือ ด้านหน้านั้นจะสามารถถอดได้เป็นส่วนๆ เพื่อให้สามารถนำราชรถเก็บเข้าและนำออกมาได้
ราชรถไม้แกะสลัก การแกะลายเป็นฝีมือช่างเพียตันเช่นกัน ประทับด้วยพระโกศสามองค์
เดินเข้ามาด้านหลังจะมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักตั้งเรียงรายให้ชมกันอยู่
เดินกลับมาชมด้านข้างของสิมต่อ ตั้งแต่ชมวัดกันมาจนวัดสุดท้ายของวันนี้แล้วผมลืมพูดเรื่องช่อฟ้าไปเลยครับ สิ่งที่อยู่บนหลังคาที่เป็นแหลมๆอยู่นะครับ อันนั้นคือช่อฟ้า แต่ที่นี้การที่มีช่อฟ้ามากหรือน้อยนั้นจะแบ่งไว้ตามนี้ครับ ถ้าสิมมีช่อฟ้า 17 ยอด แสดงว่าเป็นสิมที่เจ้ามหาชีวิตสร้างขึ้น หากน้อยกว่า 17 ยอดแสดงว่าเชื้อพระวงศ์รองลงมาเป็นผู้สร้าง แต่ถ้ามีแค่ 1-7 ยอดนั้น จะแสดงว่าเป็นสิมที่สามัญชนสร้างขึ้น ส่วนที่นี่มี 17 ยอดครับ
ด้านหลังสิมถือเป็นจุดเด่นของที่นี่ก็ว่าได้ จะเห็นว่ามีลายต้นทองซึ่งประดับด้วยกระจกสีเป็นรูปต้นไม้ใหญ่ และมีสัตว์หลายชนิดอยู่รอบ ซึ่งต้นทองนี้จะหมายถึงต้นงิ้วในภาษาไทยเรานะครับ
สวยงามจริงๆครับ ทำไว้เพื่อเป็นที่ระลึกเพราะเมื่อก่อนที่นี่เป็นป่าต้นทอง และเป็นนิมิตหมายถึงชื่อ "เชียงทอง"
หอพระม่าน ภายนอกจะตกแต่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวเมืองหลวงพะบาง ลวดลายเป็นการตัดกระจกสีมาประดับเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้ประดิษฐานพระม่าน หรือพระพม่า
ส่วนนี้เป็นอีกหอเรียกว่า หอพระพุทธไสยาสน์ ลวดลายจะเป็นนิทานพื้นบ้าน เรื่องท้าวสีสะหวาด วรรณกรรมชิ้นเอกของประเทศลาว ด้านในมีพระพุทธรูปให้ได้เข้าไปกราบไหว้กันครับ
อีกมุม
อีกมุมชัดๆครับกับหอพระม่านและหอพระพุทธไสยาสน์
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดเหมือนว่าการวางข้าวเหนียวไว้เป็นก้อนแบบนี้ตามที่ต่างๆ เพื่อเป็นการให้ทานแก่สรรพสัตว์
อีกมุมกับด้านหลังสิม
มุมด้านหลัง
ด้านข้างของสิมอีกมุม ภายในวัดเชียงทองยังมีส่วนต่างๆอีกเยอะนะครับ แต่ผมไม่ได้นำภาพลงกลัวภาพจะเยอะจนเกินไป ส่วนที่ขาดไปก็เป็นตรงส่วน เจดีย์หมู่ต่างๆ เจดีย์แปดทิศ โรงเก็บเรือยาว หอกลอง และอูบมง ประมาณนี้ครับ
เอาล่ะหลังจากผมใช้เวลาเดินเที่ยวชมอยู่ที่นี่นานพอสมควร ก็ได้เวลาที่ต้องกลับแล้วล่ะครับ ผมออกทางประตูเดิมที่ใช้เข้ามาซึ่งจะตรงกับทางบันไดลงแม่น้ำโขงพอดี
จากนั้นผมก็เดินตามถนนเส้นเลียบแม่น้ำโขงไปต่อเรื่อยๆ
ร้านน่านั่งอีกแห่งบนถนนเลียบโขงครับ
เดินเที่ยวชมมาสักระยะก็เห็นตึกที่ถือได้ว่ามีสีสันของบานประตูและหน้าต่างที่ดูเด่นมากทีเดียวครับ ที่นี่ชวนให้น่าพักจริงๆ มีชื่อว่า Bille River Hotel and Restaurant
หน้าต่างสีสันตัดกับผนังของตัวอาคารดูสวยงามและเด่นจริงๆ
ส่วนด้านตรงข้ามนี้จะเป็นร้านอาหารของทางโรงแรม
นั่งทานอาหารบรรยากาศวิวแม่น้ำโขง
สวยงามจริงๆครับสองตึกนี้
ผมเดินต่อมาเรื่อยๆก็เริ่มเห็นที่พักมากขึ้น
เป็นอีกหนึ่งที่ ผมถ่ายรวมๆกันมาให้ชมนะครับ เผื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่จะไปเที่ยวหลวงพะบาง
มองไปอีกฝั่งของแม่น้ำโขง ทางนั้นจะเรียกว่าเมืองเชียงแมน จะมีวัดให้เที่ยวชมแต่การไปนั้นจะต้องอาศัยไปโดยเรือข้ามฟาก ซึ่งไปขึ้นได้ที่ท่าเรือไปเชียงแมน จะอยู่แถวตรงข้ามกับที่พักหลวงพะบางริเวอร์ลอดจ์ที่ผมเข้าพัก เมืองเชียงแมนเป็นที่ปลูกพืชผักแล้วส่งมาขายที่ตลาดเมืองหลวงพะบาง
เดินมาสักพักก็จะผ่านท่าเรือไปปากอู ซึ่งผมได้ตัดสินใจซื้อทัวร์ไปในวันพรุ่งนี้ครับ
เจอที่น่าพักอีกแล้ว
จากนั้นผมเดินถนนเลียบโขงต่อมามาเจอกับที่ยอดฮิตอีกที่ สาลาพะบาง
พอมาถึงตรงนี้ผมเลือกทานอาหารข้างๆกับสาลาพะบางนี่แหละครับ เพราะรู้สึกหิวแล้วแต่จำชื่อร้านไม่ได้ซะแล้ว
ผมเลือกนั่งมุมนี้ครับ นั่งทานอาหารพร้อมชมวิวแม่น้ำโขง
ไม่นานอาหารจานแรกก็มา สลัดหลวงพะบาง ส่วนน้ำเป็นน้ำแตงโมปั่น
จานสองจำชื่อไม่ได้ครับว่าข้างผัดอะไร ^________^"
จานนี้ ไคแผ่น และน้ำอีกแก้วเป็นน้ำปั่นเช่นกัน ราคาสำหรับมื้อนี้อยู่ที่ 60,000 Kip
ท้องอิ่มก็มีแรงเดินเที่ยวชมกันต่อ
เดินชมถนนเลียบโขงไปเรื่อยๆ
ที่พักอีกที่ น่าพักดีนะครับ
เดินมาสักพักก็มาถึงท่าเรือไปห้วยทราย ซึ่งวันสุดท้ายผมต้องมาลงเรือที่นี่กลับประเทศไทยครับ
เรือที่ผมเลือกนั่งกลับวันสุดท้ายจะเป็นเรือช้า ซึ่งต้องใช้เวลา 2 วัน 1 คืน แต่จะไปค้างคืนที่เมืองปากแบ่ง
จะเห็นว่าขนาดถ่ายบ้างไม่ถ่ายบ้างผมยังเจอที่พักเยอะแยะทีเดียวครับ และเป็นที่พักที่น่าพักหลายแห่งเลยทีเดียว
ร้านกาแฟ ผมเห็นทรงตึกแปลกสีขาวสวยดีเลยถ่ายมาหน่อย แต่ไม่ทราบว่ายังเปิดขายกาแฟอยู่หรือเปล่า
ชมตึกและอาคารไปเรื่อยๆ
ชมกันต่อครับ พอผ่านจุดนี้อีกไม่ไกลก็ถึงที่พักผมแล้ว ผมเลยเข้าไปพักผ่อนเสียหน่อย แล้วค่อยออกมาเดินชมเมืองหลวงพะบางช่วงเย็นกันต่อ
ต่อจากนั้นผมก็เดินไปแถวตลาดมืด ผมออกจากที่พักประมาณ 17:00 น. แม่ค้าเริ่มวางของขายกันตั้งแต่เย็นแล้วครับ
เดินชมของไปเรื่อยๆ ผมอยู่ที่หลวงพะบางนี้ผมเดินเที่ยวตลาดมืดทุกวันจริงๆครับ สนุกดี
มีเสื้อขายเยอะแยะราคาไม่แพงเลยล่ะครับ
อีกมุมของตลาดมืดแต่ยังไม่มืด และในเย็นวันนี้ผมก็ได้แวะซื้อทัวร์เพื่อไปเที่ยวถ้ำติ่ง (Tham Ting) และน้ำตกตาดกวางซี (Tat Kuang Xi) ในวันพรุ่งนี้ ผมซื้อตรงร้านขายทัวร์เยื้องๆกับหอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพะบาง ตรงถนนสีสะหว่างวงซึ่งละแวกนั้นจะมีร้านขายทัวร์หลายร้านมากๆครับ ซึ่งร้านนี้ราคาอยู่ที่คนละ 100,000 kip
ต่อจากนั้นผมเดินกลับมาใกล้กับ Ancient Luang Prabang Hotel จะมีซอยอยู่ตอนเย็นๆจะขายพวกอาหารชาวบ้าน วันนี้ผมได้ทานไก่ย่าง ข้าวเหนียว และปลาเผาของข้างในซอยนี้ด้วยครับ ราคา 41,000 Kip ทานสองคนนะครับ แต่เสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายมาให้ชมกันเพราะว่าที่นั่งไม่พอครับ ผมต้องนั่งรวมกับคนอื่นเป็นเก้าอี้ไม้ยาวๆ กลัวว่าถ้ามัวถ่ายภาพอยู่คนข้างๆจะรำคาญเอา ^^
ผมเดินทะลุซอยนี้ไปโผล่ถนนเลียบโขงอีกครั้งแล้วเดินชมบรรยากาศยามเย็น
ผมเดินทะลุมาหันหน้าออกแม่น้ำโขงผมเดินไปทางซ้ายผ่านที่พักผมหลวงพะบางริเวอร์ลอดจ์ เดินต่อไปอีกเพื่อชมบรรยากาศแถวนั้น ในรูปคือที่พักที่อยู่ด้านฝั่งนี้
ต่อจากนั้นผมเลือกเดินซอยที่จะไปทะลุตรงวงเวียนน้ำพุพอดี รู้สึกว่าผมจะเห็นร้านอาหารชื่อร้านสมจันทน์ก่อนครับแล้วผมก็เลี้ยวซ้ายเพื่อจะเดินกลับมายังถนนเจ้าฟ้างุ้ม เห็นร้านอาหารนี้เป็นไม้สวยดีเลยถ่ายมาหน่อย
วงเวียนน้ำพุครับ
เดินกลับมา ผ่านร้านโจมาเลยถ่ายมาหน่อย แต่เบลอเยอะเลยครับ ^______^
จากนั้นผมก็เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าไปยังซอยที่ว่ากันว่ามีที่พักหลากหลาย เพราะซอยนี้มีที่พักทั้งซอยเลยทีเดียว จริงๆผมก็แอบดูที่ New Daraphet Villa เอาไว้ด้วย ก่อนที่ผมจะมาหลวงพะบางและในวันแรกที่ผมมาถึงนั้นผมก็ได้มาขอดูห้องแล้วดูสะดวกสบายดี แต่เนื่องจากขี้เกียจย้ายที่พักแล้วเลยทำตามแผนเดิมคือนอนแค่สองที่พอครับ จริงๆแล้วราคาก็ไม่ได้ต่างจากหลวงพะบางริเวอร์ลอดจ์มากนัก แต่ห้องใหญ่กว่าพอสมควรและมีตู้เย็นด้วยครับ หากใครไม่ได้อยากได้วิวโขงที่นี่ก็เป็นที่หนึ่งที่น่าสนใจทีเดียว
บรรยากาศที่พักละแวกนี้
จากนั้นผมก็เดินย้อนกลับมาทางเดิมแล้วเลี้ยวซ้ายกลับไปผ่านไปรษณีย์หลวงพะบาง แล้วก็ไปเดินตลาดมืด วันนี้ได้ของติดไม้ติดมือมาหน่อย
เดินเลือกซื้อเลือกชมของเสร็จ ผมก็กลับที่พักแล้วล่ะครับ เพราะพรุ่งนี้ผมมีนัดกับทัวร์ไว้ด้วย เอาเป็นว่ารีวิวนี้ผมขอจบไว้ที่ตอนนี้แล้วกันนะครับ แล้วรีวิวคราวหน้าไปเที่ยวกับผมกันต่อกับทัวร์ one day trip ไปถ้ำติ่ง (Tham Ting)และน้ำตกตาดกวางซี (Tat Kuang Xi) กับผมกันครับ ^_________^
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2553 15:38:12 น. |
|
6 comments
|
Counter : 4496 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ชิงดวง วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:09:35 น. |
|
|
|
โดย: อมยิ้มนิดนิด วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:44:13 น. |
|
|
|
โดย: me-o วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:22:37:03 น. |
|
|
|
โดย: นะจ๊ะ IP: 183.88.49.198 วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:10:50:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
- เลิฟปายโฮม
- ปายในฝัน
- AKA Hotel Resort and Spa,Hua Hin
- ทองสมบูรณ์คลับ
- The Scenery Resort, Suanphung
- Foresta Resort, Hua Hin Pranburi
- Best Western Bella Villa Cabana
- โฮมพุเตย รีสอร์ท
- AANA Resort & Spa
- Thavorn Beach Village & Spa,Phuket
- Pande Permai
- Tegal Sari
- All Seasons Legian Bali
- Novotel Mangga Dua, Jakarta
- Centara Chaan Talay Resort & Villas Trat
- Haven- Hua Hin
- The Zign Hotel
- Eve Avataa, อุทัยธานี
- พนาลี โฮม แอนด์ แคมป์ปิ้ง
- La Toscana Resort
- Centara Grand Mirage Beach Resort, Pattaya
- X2, KUIBURI
- At Niman Conceptual Home
- Le Méridien Chiang Rai Resort
- ไร่แสงอรุณ
- โรงแรมคำวงสา (Hotel Khamvongsa)
- THAVONSOUK Hotel & Resort , วังเวียง
- Luangprabang River Lodge , หลวงพะบาง
- Maison Souvannaphoum Hotel , หลวงพะบาง
- At Villa Sansai
- พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Madame Tussauds
- Lareena Resort, เกาะล้าน
- THE HOTEL CHA-AM (ALiLa)
- TinkerBell Privacy Resort
- Baan Amphawa Resort and Spa
- Pattara Resort & Spa
- V Villas Huahin Managed by Accor
- Value Hotel Thomson
- สวนเมืองพร
- PUTAHRACSA HUA HIN
- The Piano Resort Khao Yai
- Dasada - The Flower EsSenses Resort
- Marrakesh Hua Hin Resort & Spa
- Evason Hua Hin
- Hanoi Charmimg Hotel
- Cat Cat View Hotel
- BlogGang.com
|
|
|
|
และสวยจับตา
ดูเพลินเลยค่ะ รำลึกความหลังที่เคยไปเมื่อหลายปีที่แล้ว
ดูสวยงามและแปลกตาขึ้นเยอะเลย
อยากจัดบล็อกแบบนี้บ้างจังค่ะ เป็นระเบียบดีแต่ทำไม่เป็น
เลยได้แบบเดิม ๆ เชย ๆ ...