|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ปัญหาที่จะตามมาของการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549
การเลือกตั้งทั่วไป 2 เมษายนนี้ส่อเค้าว่าจะไม่ได้รับการยอมรับมากขึ้นทุกที หลากหลายองค์กรออกมายื่นข้อ-เสนอข้อเรียกร้องต่อ คณะกรรมการเลือกตั้งหลายหลายรูปแบบจึงขอนำมาบันทึกไว้...เพื่อเตือนใจ
การเลือกจั้งที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนจะนำไปสู่ปัญหาอะไรบ้าง
ตื่นเถิด กกต.
บทนำ
ไม่ว่าข้อกล่าวหาที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์นำออกมาแถลงข่าวที่พาดพิงถึงการจ้างวานให้พรรคการเมืองขนาดเล็กส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในระบบเขต เพื่อมิให้เขตเลือกตั้งนั้นๆ มีผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคไทยรักไทยเพียงพรรคเดียว อันจะทำให้ต้องแสวงหาคะแนนเสียงมาสนับสนุนถึงร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นถึงจะถือว่าผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทยคนนั้นได้รับการยอมรับจากประชาชนในเขตเลือกตั้งให้เป็นตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎร จะจริงหรือไม่ ไม่ว่าข้อกล่าวหาที่พาดพิงไปถึงเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ามีส่วนในการกระทำผิด และปล่อยให้มี "ไอ้โม่ง" เข้าถึงข้อมูลเพื่อเปลี่ยนแก้ข้อมูลของผู้สมัครจะจริงหรือเท็จ และไม่ว่าข้อกล่าวหาที่กล่าวพาดพิงไปถึงตัวพรรคประชาธิปัตย์ถึงการทุ่มเงินเพื่อให้พรรคเล็กพรรคน้องไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง จะจริงแค่ไหน
แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความเชื่อถือศรัทธาขององค์กรอิสระในอนาคต คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสะสางหาความจริงในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งนี้ เพราะข้อกล่าวหาของนายสุเทพเป็นข้อกล่าวหาที่กระทบต่อกระบวนการเลือกตั้งอย่างรุนแรง โดยนายสุเทพมีตำแหน่งเป็นถึงเลขาธิการพรรคการเมืองพรรคใหญ่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพเองก็ท้าให้มีการฟ้องร้องเพื่อนำข้อมูลทั้งหมดไปพิสูจน์ในชั้นศาล ซึ่งการกระทำดังกล่าวนายสุเทพ แสดงให้เห็นว่ามีความมั่นใจในพยานหลักฐานที่ตัวเองได้กล่าวหาไป
แล้วทำไมคณะกรรมการการเลือกตั้งถึงจะนิ่งเฉย รออ่านกฎหมายว่ามีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าไปทำการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันอยู่ คณะกรรมการการเลือกตั้งควรจะเดือดร้อนกับข้อกล่าวหาที่ทำให้การเลือกตั้งแปดเปื้อน และดูว่าน่าจะมีมลทิน คณะกรรมการการเลือกตั้งเองก็ต้องมีหน้าที่ที่จะพิสูจน์ว่ากระบวนการจัดการเลือกตั้งที่ตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา คณะกรรมการการเลือกตั้งควรจะหาวิธีการที่จะทำการสอบสวน สอบถาม เพื่อให้รู้ให้ได้ว่าข้อมูลของนายสุเทพที่พาดพิงมาถึงเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และพาดพิงมาถึงระบบชั้นความลับข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นมีปัญหาจริงหรือไม่ ใครเป็นคนที่ถูกกล่าวหา มีการสอบสวนและลงโทษกันอย่างไร แล้วประกาศผลการตรวจพิสูจน์ให้กับประชาชนรับทราบ
อย่าลืมว่าข้อกล่าวหาที่นายสุเทพนำออกมาเปิดเผยในช่วงนี้มีผลได้เสียกับการเลือกตั้ง มีผลต่อแกนนำพรรคไทยรักไทย และมีผลต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หากข้อกล่าวหาของนายสุเทพไม่ได้รับการพิสูจน์ จะเชื่อมั่นไปได้อย่างไรว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายนที่จะถึงนี้บริสุทธิ์ยุติธรรมจริง หากข้อกล่าวหานี้ไม่มีการพิสูจน์จะรู้ได้อย่างไรว่าระหว่างนายสุเทพจากพรรคประชาธิปัตย์ กับแกนนำพรรคไทยรักไทยที่ถูกกล่าวหา ใครคือคนพูดจริงและใครคือคนพูดโกหก ที่สำคัญคือหากข้อกล่าวหาของนายสุเทพจริง แสดงว่าระบบการรักษาความปลอดภัยของคณะกรรมการการเลือกตั้งบกพร่อง
ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงต้องเคลื่อนไหวมากกว่าการทำหนังสือเพื่อขอข้อมูลการกล่าวหาจากนายสุเทพเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้งควรที่จะเร่งทำงานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ว่า ถ้าพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่นายสุเทพพูดเป็นเรื่องเท็จ คณะกรรมการการเลือกตั้งก็มีหน้าที่ในการนำเสนอให้นายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ต้องรับโทษในฐานะโกหกหลอกลวงประชาชน และยังสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษให้พรรคประชาธิปัตย์ยุบไป เพราะดันมีผู้บริหารของพรรคพูดจากโกหก แต่ถ้าข้อมูลที่นายสุเทพนำมาเป็นความจริง พรรคไทยรักไทยและแกนนำที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องรับโทษไป เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ กกต.ที่ถูกกล่าวหา หากมีพฤติกรรมเช่นที่ถูกกล่าวหาก็ต้องมีการทำโทษ
ทั้งหมดที่ต้องทำก็เพื่อรักษาศรัทธาของประชาชนที่มีต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง รักษาความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อการเลือกตั้ง และเพื่อให้วิกฤตคลี่คลาย คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องตื่นจากภวังค์ คิดถึงประโยชน์ของชาติก่อนประโยชน์ส่วนตัว ต้องจัดการทุกอย่างอย่างโปร่งใสและบริสุทธิ์ เพื่อยืนยันหลักการสำคัญขององค์กรอิสระที่จะทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งไปในอนาคตอีกยาวนาน
มติชน
Create Date : 22 มีนาคม 2549 |
Last Update : 22 มีนาคม 2549 5:30:22 น. |
|
9 comments
|
Counter : 647 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Can (ไทเมือง ) วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:5:32:38 น. |
|
|
|
โดย: Can (ไทเมือง ) วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:5:33:36 น. |
|
|
|
โดย: Can (ไทเมือง ) วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:5:36:08 น. |
|
|
|
โดย: Can (ไทเมือง ) วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:5:37:22 น. |
|
|
|
โดย: Can (ไทเมือง ) วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:5:38:44 น. |
|
|
|
โดย: Can (ไทเมือง ) วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:5:42:13 น. |
|
|
|
โดย: คุณย่า วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:6:19:50 น. |
|
|
|
โดย: Can IP: 58.8.197.157 วันที่: 22 มีนาคม 2549 เวลา:19:48:35 น. |
|
|
|
โดย: 000 IP: 58.8.106.179 วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:5:43:25 น. |
|
|
|
| |
|
|
วันที่ 21 มี.ค. 2549
"สุเทพ" แฉอีก เปิดวีซีดีสัมภาษณ์ผู้สมัครพรรคแผ่นดินไทย ปูดรับเงินจาก ทรท.ลงสมัคร มีทั้งคุณหญิงหน่อย-ศิธา-ธรรมรักษ์-เสธ.ไอซ์-เสธ.ผดุง เป็นตัวละคร พร้อมแฉอีกรายการ ทรท. นำสมาชิกที่ลาออกไปแล้วลงสมัครที่นครศรีฯ ใช้บัตรประชาชนที่ทำหลังวันสมัคร 6 เดือน หอบหลักฐานทั้งหมดให้ กกต. วันนี้ "วาสนา เพิ่มลาภ" ดูแล้วถึงกับอึ้ง เชื่อเบื้องต้นมีมูล
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้นายสุธรรม แสงประทุม รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กรณีที่ระบุว่า ผู้ช่วยของนายสาทิตย์เป็นคนจ้างผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ตรัง 3 คนของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า มากล่าวหาพรรคไทยรักไทยว่า คำพูดของพรรคไทยรักไทยทั้ง 2 ครั้ง ไม่ตรงกัน อ้างแหล่งข่าวคนละคน แต่การที่พรรคไทยรักไทยมาแถลง เข้าใจว่า พยายามที่จะพูดให้คลุมเครือ และทำให้เข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์จัดฉากเพื่อจะกลบเกลื่อนเรื่องที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเรื่องการทุจริตในการเลือกตั้ง กรณีที่ จ.ตรังเป็นคนละกรณีกับที่นายสุเทพเปิดโปง เพราะเรื่องที่ จ.ตรังเป็นเรื่องที่ชาวบ้าน 3 คนมาขอความช่วยเหลือจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทราบว่า ชาวบ้านทั้ง 3 คนไปสมัครอย่างไรมาก่อน จนกระทั่งมาร้องเรียนกับพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 11-12 มีนาคม
นายสาทิตย์กล่าวว่า ประเด็นที่ จ.ตรังไม่มีการเปิดโปงว่า พรรคไทยรักไทยหรือใครอยู่เบื้องหลัง แต่เป็นความกลัวของชาวบ้านที่ถูกหลอกและชักจูงไป พรรคประชาธิปัตย์และตนไม่ได้เกี่ยวข้องหรือจัดฉากแต่อย่างใด เรื่องนี้อยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แล้ว และในสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำชาวบ้านที่มาร้องเรียนกับพรรคทั้ง 3 คนแล้ว หากมีข้อเท็จจริงใดที่พาดพิงถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก็เป็นเรื่องที่ กกต.จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
จากนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในฐานะเลขาธิการพรรค จะมีประชาชนมาปรึกษาหารือเมื่อมีปัญหาเป็นประจำ เรื่องที่มีผู้สมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าในภาคใต้ ไม่ได้มีเฉพาะ 3 คนที่ จ.ตรัง แต่มีอีกที่ จ.นครศรีธรรมราชและปัตตานี แต่มาไม่พร้อมกัน แต่กรณีของ จ.ตรังคือ มาพร้อมกันและเป็นคนตำบลเดียวกัน ต่างกลัวมากว่าจะผิดกฎหมาย และวันที่ตนนำทั้ง 3 คนมาแถลงข่าว ก็ไม่มีเจตนาพาดพิงใคร เพราะไม่คิดว่ากระบวนการนี้จะใหญ่ขนาดนี้ คิดแต่ว่าจะช่วย 3 คนไม่ให้ผิดกฎหมาย จึงแนะนำไปว่าให้แสดงเจตนาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะสำนึกแล้วว่า อาจจะผิดกฎหมายได้ ซึ่งตนจะไปเป็นพยานให้
"สิ่งที่แปลกคือ ทั้ง 3 คนนั้นบอกว่า ไม่รู้จะไปลาที่ไหน เพราะไม่เคยรู้ว่า พรรคอยู่ที่ไหน ผมก็ถามว่าไปสมัครที่ไหน เขาก็บอกว่าไปสมัครที่โรงแรมลิเบอร์ตี้ ไปสมัครกับเจ๋ง ดอกจิก ผมก็บอกว่า นี่มันไม่มีเลยนี่หัวหน้าพรรคหรืออะไรต่างๆ ผมถึงได้ทำหนังสือถึง กกต.บอกว่า 3 คนนี้มาร้องเรียน แล้วช่วยรับใบลาไว้เถิด กกต. ก็ไปหาเอาก็แล้วกันว่าพรรคเขาอยู่ที่ไหน" นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพได้กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกี่ยวพันกับพรรคไทยรักไทยหลังจากที่ จ.ตรังเป็นข่าวก็มีคนอื่นมาหาตนมากมาย จะเอาเทปบันทึกตัวอย่างว่า เวลาเขามาหา เขาพูดจาอย่างไร แล้วตนซักไซร้อย่างไร
จากนั้นนายสุเทพ ได้นำวีดีโอซีดีบันทึกการสัมภาษณ์ น.ส.ฐัติมา ภาวะลี ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับ 2 พรรคแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียน โดยนายสุเทพเป็นผู้สัมภาษณ์ มาเปิดในการแถลงข่าว โดยในวีดีโอ นายสุเทพได้ถามว่า ได้เจอผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ชื่ออะไร เมื่อไร ที่ไหน น.ส.ฐัติมากล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายอภิพล ได้มาประชุมที่รัฐสภา ที่มี 15 พรรค แต่ตนไม่ได้มา นายอภิพลได้เจอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อประชุมเสร็จ นายอภิพลได้บอกว่า พรรคเล็ก 15 พรรค พ.ต.ท.ทักษิณยินดีที่จะช่วยสนับสนุนในการลงสมัคร เมื่อนายอภิพลประชุมเสร็จก็กลับมาประชุมกับตนและนายพันธมิตร ดวงทิพย์ โดยนายอภิพลบอกว่า ไม่ต้องห่วงในการลงสมัคร เรามีพรรคไทยรักไทยหนุนหลังอยู่ ดังนั้น เตรียมลงสมัครได้เลย
น.ส.ฐัติมายังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านั้น ได้เตรียมผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ 5 คน โดยนายพันธมิตรอยู่ลำดับ 1 ส่วนลำดับ 2 คือตน ในวันที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อในวันที่ 2 มีนาคม ตนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย 50,000 บาท ซึ่งนายอภิพลบอกว่า พรรคไทยรักไทยจะสนับสนุนเงินส่วนนี้ โดยให้ออกไปก่อนแล้วมาเบิกคืน ซึ่งหลังจากที่ส่งผู้สมัครไปวันแรก แล้วจับเบอร์ได้เบอร์ 5 ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยได้มาทำความรู้จัก นายพันธมิตรก็ได้รู้จักกับ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย น.ต.ศิธาได้คุยกับนายพันธมิตรว่า ให้เตรียมผู้ที่จบปริญญาตรีลงในเขต กทม. ทั้งหมด พรรคไทยรักไทยจะช่วยค่าสมัคร ค่าสนับสนุนทุกอย่าง โดยเงินนี้ "คุณหญิงหน่อย" จะเป็นคนให้งบมา นายพันธมิตรจึงได้คุยกับ น.ต.ศิธา หลังจากนั้นก็กลับมาที่ทำการพรรค ซึ่งอยู่ที่ ซอยอินทรมระ 43 หลังจากนั้น นายพันธมิตรและ น.ต.ศิธาก็ได้ติดต่อประสานกันว่า จะจ่ายเงินมาเท่าไร โดยเงินส่วนนี้ คุณหญิงหน่อยจะช่วยใน กทม. ต่อหัวคนละ 15,000 บาท หลังจากสมัครเสร็จก็ช่วยให้อีก 15,000 บาท
น.ส.ฐัติมากล่าวว่า หลังจากนั้น ตนก็มาเตรียมเอกสารรับสมัคร ซึ่งนายอภิพลอยู่ที่ จ.มหาสารคาม เอกสารทั้งหมด นายอภิพลเป็นคนลงนามไว้ โดยตนเป็นคนคัดเลือกผู้สมัครใน กทม. ใต้ เหนือ และอีสาน ตรงนี้ บังเอิญในวันที่ 3 มีนาคม ช่วงเย็น นายไพฑูรย์ วงศ์วานิช ซึ่งมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี ได้ไปประชุมกับผู้ใหญ่ของพรรคไทยรักไทย ที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัล ย่านรัชดา กล่าวว่า ท่านธรรมรักษ์เป็นเพื่อนกับผม รุ่นเดียวกัน ผมอยากให้ท่านธรรมรักษ์ช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายของพรรคแผ่นดินไทย ผมจึงอยากมาลงสมัครในนามพรรคแผ่นดินไทย แต่นายไพฑูรย์ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแผ่นดินไทยมาก่อน และนายไพฑูรย์เอ่ยถึงท่านธรรมรักษ์ว่า ได้ไปประชุมกันที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัล ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า ท่านธรรมรักษ์จะช่วยสนับสนุนด้านภาคใต้ทั้งหมด หลังจากนั้นนายไพฑูรย์ก็มาสมัครสมาชิกที่พรรค เขียนใบสมัครไว้
น.ส.ฐัติมากล่าวว่า วันที่ 4 มีนาคม นัดประชุมกันอีกรอบที่ตึกริมคลองของศูนย์เลือกตั้ง พรรคแผ่นดินไทย ถนนอินทมระ 43 นายไพฑูรย์ได้โทรศัพท์ไปหาท่านธรรมรักษ์ว่า ประชุมเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านนำเงินมา เพราะเรามีแกนนำประชุมกันในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียบร้อบแล้ว ท่านธรรมรักษ์พูดออกมาว่า เงินใช้จ่ายทั้งหมดได้มอบให้ เสธ.ไอซ์เป็นผู้ดูแล หลังจากนั้น นายไพฑูรย์ได้ต่อโทรศัพท์ไปที่ เสธ.ไอซ์ ซึ่ง เสธ.ไอซ์บอกว่า เดี๋ยวจะเข้ามาที่ประชุม หลังจากนั้น เสธ.ไอซ์ก็มาในที่ประชุมในเวลา 21.00 น.
นายสุเทพได้ถามว่า เสธ.ไอซ์คือใคร น.ส.ฐัติมาตอบว่า ผู้ที่ท่านธรรมรักษ์ส่งให้มาดูแลในเขตของแผ่นดินไทย เสธ.ไอซ์มากับเสธ.ผดุง กับลูกน้องผู้ติดตามอีก นายสุเทพ ถามว่า เสธ.ผดุง คือใคร น.ส.ฐัติมา กล่าวว่า คือผู้ติดตามของเสธ.ไอซ์ อีกที พอมาถึงที่ทำการพรรค นั่งประชุมกันเสร็จ เสธ.ไอซ์ ก็ดูว่า เราวางแผนตรงไหนบ้าง แต่เขาเน้น 3 จังหวัดชานแดนภาคใต้ว่า ต้องเอวาส.ส. เข้ามาให้ได้ เพราะตรงนี้เขาช่วยเงินสนับสนุนเต็มที่ เขาบอกว่า ถ้าสามารถส่งคนลงภาคใต้ได้ทั้งหมด เขาจะช่วยค่าสมัครคนละ 1 แสนบาท คือ ก่อนสมัครให้ 50,000 บาท หลังสมัครให้อีก 50,000 บาท เมื่อตกลงเป็นที่เรียบร้อย เสธ.ไอซ์ ก็เดินทางกลับ จากนั้นในเวลา 22.00 น. เสธ.ผดุง ก็นำเงินมาให้
นายสุเทพถามว่า เสธ.ผดุงรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร น.ส.ฐัติมาตอบว่า สูงเท่ากับนายสุเทพ รูปร่างขาวดำ ใส่แว่นตา ตนจำหน้าได้ นำเงินมาวางให้ที่ห้องประชุม โดยเราระบุ ส.ส. ที่จะลงเลือกตั้ง เพราะเขาจะจ่ายตามรายหัว สมัครกี่คนก็จ่ายเท่านั้น ซึ่งสมัครประมาณ 29 คน เงินทั้งหมด 1.45 ล้านบาท เป็นธนบัตรใบละ 1 พันบาท ใส่ในถุงกระดาษ ซึ่งตนและนายประพันธ์ พรหมรัตน์ ผู้สมัครลำดับที่ 5 พรรคแผ่นดินไทย เป็นคนนับเงินแล้วเซ็นรับ หลังจากนั้น เสธ.ผดุง และทุกคนก็กลับไป
น.ส.ฐัติมากล่าวว่า พรรคมาจัดสรรว่า การที่จะหาคนมาเป็นสมาชิก แกนนำทั้งหมดจะให้ค่าหัวคนละ 1 หมื่นบาท คือค่านำคนมาสมัครในนามพรรคแผ่นดินไทย วันนั้นจ่ายไปประมาณ 4 แสนบาท มีนายไพฑูรย์ วงศ์วานิช นายบุญชู คุ้มสุวรรณ จาก จ.สงขลา นายแฟนดี้ ปะสู ผู้ดูแลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายพันธมิตร ดวงทิพย์ ดูแลใน จ.นครศรีธรรมราช หลังจากนั้น วันที่ 5 มีนาคม จะมีผู้สมัครเข้ามาเรื่อยๆ ตนก็จ่ายค่าสมัครให้ต่อหัว ครั้งแรก ทางคุณธรรมรักษ์บอกว่าให้หัวละ 50,000 บาท แต่เราให้ 40,000 บาท อีก 10,000 บาท หักเป็นค่าหัวคิว
"ขั้นตอนในการสมัคร หัวหน้าพรรคจะทำชุดสมัครของพรรคแผ่นดินไทย แล้วให้กรอกใบสมัคร วันที่รับสมัครยังไม่กรอก ให้กรอกรายชื่อ หมายเลขประจำตัว และที่อยู่ เพื่อให้หัวหน้าเซ็นรับรอง ลงวันที่รับรองว่าคุณเป็นสมาชิกวันที่เท่าไร โดยดิฉันทำเอกสารทั้งหมด ตรงนี้ เรารู้ว่าเราผิด ในเมื่อผิดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร"
นายสุเทพถามว่า พอสมัครเป็นสมาชิกพรรคแผ่นดินไทย แล้วกรอกใบสมัครอย่างไร ในเมื่อบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคแผ่นดินไทยที่ กกต. ไม่มี แล้วจะทำอย่างไร น.ส.ฐัติมากล่าวว่า ตนได้แจ้งหัวหน้าพรรคแผ่นดินไทย นายอภิพลบอกว่า ไม่เป็นอะไร ทำย้อนหลัง 90 วันได้ โดยวิธีการเอาผู้สมัครเดิมที่ลาออก แล้วเอาคนใหม่ที่จะลงสมัครเข้าไปใส่แทน โดยนายอภิพลบอกว่า จะลงเป็นสมาชิกกิติมศักดิ์ นายอภิพลจะเป็นคนจัดการเอง โดยประสานกับ กกต. กับนายวีระศาสตร์ เป็นผู้อำนวยการ ผมขาวใส่แว่น ผิวออกดำแดง โดยนายวีระศาสตร์แนะนำว่า ให้ทำมติที่ประชุมของพรรคว่า พรรคได้รับสมาชิกไว้และมีหลักฐานว่าเป็นสมาชิกครบ 90 วัน นายอภิพลก็ร่างมติที่ประชุมขึ้นมาในวันที่ 12 มีนาคม หลังจากสมัครเสร็จไปแล้ว โดยนายอภิพลนำเอกสารบันทึกการประชุมไปยื่น กกต. ในวันที่ 14 มีนาคม ทั้งประเทศ กกต. รับรอง 7 คนให้ลงสมัคร ที่ จ.พัทลุง 3 คน ขอนแก่น กทม.ที่เขตบางกอกน้อย นครนายก และร้อยเอ็ด เขต 4
นายสุเทพถามว่า นอกจากนายวีระศาสตร์แล้ว ที่ กกต. ยังมีใครที่ช่วยเหลืออีก น.ส.ฐัติมาตอบว่า ไม่ทราบว่า หัวหน้าไปติดต่อใครไว้บ้าง นายสุเทพถามว่า ทั้งหมดนี้ พร้อมขึ้นให้การเป็นพยานต่อศาล น.ส.ฐัติมากล่าวว่า พร้อม นายสุเทพถามว่า เคยได้เจอคุณหญิงหน่อย และ น.ต.ศิธาหรือไม่ น.ส.ฐัติมากล่าวว่า ไม่เคยเจอคุณหญิงหน่อย แต่เคยเจอ น.ต.ศิธา ซึ่ง น.ต.ศิธา บอกว่า ที่ กทม. คุณหญิงหน่อยจะดูแล
หลังจากฉายวีดีโอซีดีจบแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดเรื่องนี้เพราะต้องการให้สื่อมวลชนได้เห็นว่าเมื่อมีคนมาหาตนในฐานะเป็นเลขาธิการพรรค แล้วนำหลักฐานมายื่น ตนก็ตรวจดู ซึ่งกรณีนี้ ตนได้ถ่ายวีดีโอซีดีไว้อีก 2 ครั้ง คือ เมื่อครั้งที่ทนายความและทีมกฎหมายของพรรคสัมภาษณ์ และตนได้ทำคำให้การเสร็จ วีดีโอที่เห็นวันนี้ยังไม่ละเอียด ทนายซักละเอียดกว่านี้ ตนจะเอาวีดีโอไปให้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ในบ่ายวันนี้ เพื่อให้พล.อ.วาสนา ดูเพราะต้องการชี้ว่า ในกกต. ถูกระบอบทักษิณชอนไชเข้าไปหมดแล้ว และตนจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้นว่า เกี่ยวพันกับอะไรบ้าง ส่วนน.ส.ฐัติมาก็พร้อมจะขึ้นศาล
นายสุเทพกล่าวอีกว่า จากที่ตนให้เวลาพ.ต.ท.ทักษิณ 24 ชั่วโมงเพื่อสะสางว่า มีการกระทำการทุจริตการเลือกตั้งในพรรคไทยรักไทยจริงหรือไม่ ที่จริงตนได้บอกกับพ.ต.ท.ทักษิณและผู้บริหารของพรรคไทยรักไทย น่าจะตระหนักและสำนึกว่า ขณะนี้คนอื่นรู้เรื่องแล้ว ตนสังเกตดูผู้บริหารพรรคไทยรักไทยก็ยังใช้นิสัยเดิมคือ เสียงแข็งปฏิเสธเอาไว้ก่อน แล้วทำท่าทีขึงขังออกมาสัมภาษณ์กับสื่อโดยเฉพาะนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริยะเดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีอ้างกับประชาชนว่า ตนเป็นนักจินตนาการ นักปั้นเรื่อง และพูดจาไม่รับผิดชอบในอดีตเคยอภิปรายนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยเรื่องสัญชาติบิดา ซึ่งกรณีที่อภิปรายเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และมีผู้รับผิดชอบ ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้อภิปรายเรื่องนี้ นายพรหมินทร์ เป็นแพทย์สติปัญญาดีไม่น่าเชื่อว่า อ่านบันทึกการประชุมแล้วไม่เข้าใจ แสดงให้เห็นถึงนิสัยถาวรของนายพรหมินทร์ว่า เมื่ออยู่ในระบอบทักษิณนานๆ เข้าก็บิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อมาเล่นงานตน
"ผมให้เวลาคุณทักษิณมา24 ชั่วโมง ณ เวลานี้25 ชั่วโมงแล้ว ผมรักษาคำพูดของผมเพื่อคนเหล่านั้นไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ผมก็จะเอาโลงมาให้เขาดู" นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องที่ตนจะเรียนต่อไปนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องความผิดที่พรรคไทยรักไทยทำร่วมกับคนอื่น แต่ความผิดกรณีนี้เป็นความผิดที่พรรคไทยรักไทยทำเองโดยทำร่วมกับกกต. ในการเตรียมการทุจริตเลือกตั้งข้อกล่าวหาในเรื่องนี้คือ ไปสมคบร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ระดับรองเลขาธิการกกต. และผู้อำนวยการกองกกต. โดยร่วมมือในการแจ้งความเท็จ ให้ข้อความอันเป็นเท็จ ปลอมแปลงแก้ไขเอกสารหลักฐานทางราชการโดยทุจริต และทำรายงานอันเป็นเท็จรายงานต่อประธานกกต.
ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาตนขออนุญาตยกกรณีนายนัฏฐ์ประชา เกื้อกสุล (จเร) ผู้สมัครส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 3 นครศรีธรรมราช ซึ่งคนนครศรีธรรมราชได้บอกกับตนว่า นายนัฏฐ์ประชาเคยลงสมัครผู้แทนที่นครศรีธรรมราชในนามพรรคไทยรักไทยและสอบตกและได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทยเพื่อเตรียมตัวสมัครส.ว. แต่เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ยุบสภาและหาผู้สมัครไม่ทัน จึงได้ติดต่อนายนัฏฐ์ประชามาลงสมัครอีกครั้ง ซึ่งประชาชนที่นั่นเห็นว่า ไม่น่าจะถูกต้องเพราะได้หมดสมาชิกภาพไปแล้ว และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ตนจึงได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพรรคและได้ไปดูข้อมูลที่กกต. และได้เอกสารหลักฐานมาระบุว่า นายนัฏฐ์ประชาก็คือ นายจเร เกื้อสกุล ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในวันที่ 5 ม.ค. 2547 และพ้นจากสมาชิกในวันที่ 3 ส.ค. 2547 และนายวีระศาสตร์ นริศบุญสนอง ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา เป็นคนลงรายมื่อชื่อ ซึ่งทางพรรคได้ไปคัดค้านว่า นายนัฏฐ์ประชาไม่ได้เป็นสมาชิกภาพ
นายสุเทพกล่าวว่า หากดูตามหลักฐานของกกต. ได้มีการสมคบโดยเรียกนายนัฏฐ์ประชามาสอบสวนและบันทึกถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ โดยให้การว่า นายนัฏฐ์ประชา เดิมชื่อนายจเร และตอนที่ชื่อนายจเร ได้เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ปี 2543 ต่อมาไปบวชในปี 2546 ซึ่งเมื่อบวชแล้วทำให้พ้นสมาชิกภาพของพรรคไทยรักไทย เมื่อบวชเสร็จพ้นสภาพในปี 2547 แต่อ้างว่าฝ่ายทะเบียนของพรรคไทยรักไทยไม่ได้รายงานให้กกต. ทราบในปี 2547 แต่มารายงานในปี 2548 และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจากนายจเรเป็นนายนัฏฐ์ประชา เมื่อปลายปี 2547 เมื่อเปลี่ยนชื่อแล้วจึงมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยใหม่อีกครั้งในวันที่ 5 ม.ค. 2547 และยังเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในชื่อของนายนัฏฐ์ประชามาจนถึงทุกวันนี้
นายสุเทพ กล่าวว่า ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่า เป็นการสมคบกัน กกต. ฟังคำให้การนายนัฏฐ์ประชาเสร็จก็เรียกเอาเอกสารหลักฐานมาแสดง เอกสารที่กกต.นำมาแนบเรื่องนี้มี 3 ชิ้น คือ 1.เอกสารแสดงทะเบียนสมาชิกพรรคไทยรักไทย เมื่อครั้งที่นายจเร เกื้อสกุล เป็นสมาชิกพรรค และได้ระบุว่า นายจเรได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคในเดือนมีนาคม 2543 และข้อมูลสุดท้ายลาออกเมื่อเดือนสิงหาคม 2547 2.ใบสมัครการเป็นสมาชิกของนายนัฏฐ์ประชาในวันที่ 5 มกราคม 2547 และ 3. เอกสารลงนามโดยพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพื่อนำมายืนยันว่านายนัฏฐ์ประชายังเป็นสมาชิกพรรค โดยมีการอ้างเรื่องมีการเปลี่ยนแปลงการเพิ่มลดสมาชิก และนายนัฏฐ์ประชาอยู่ในกรณีนี้ด้วย จากนั้นก็นำข้อมูลมาอ้างกับกกต. โดยนายไพบูลย์ ร่วมสุข ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมือง ได้ทำหนังสือถึงกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยบันทึกว่า ได้ตรวจสอบทุกเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบและยืนยันว่า นายนัฏฐ์ประชายังเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยอยู่ ไม่ได้ขาดคุณสมบัติ แต่ที่มีความคลาดเคลื่อนเนื่องมาจากคอมพิวเตอร์
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า หนังสือดังกล่าวไปไม่ถึงประธานกกต. เพราะนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการกกต. เป็นคนรับหนังสือและลงนามในหนังสือถึงผอ.กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 3 นครศรีธรรมราชในวันที่ 3 มี.ค. 2549 โดยยืนยันว่า นายนัฏฐ์ประชาได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 47 แต่การบันทึกข้อมูลลงในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งออกแบบให้ใช้เลขบัตรประชาชนเป็นหลักทำให้ระบบชื่อสับสนโดยลงผิด
"เรื่องที่ผมนำมาเสนอเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือเพราะเป็นหนังสือที่มีลายลักษณ์อักษรของผู้สมัครที่ทำบันทึกถ้อยคำต่อกกต. พรรคการเมืองที่นายนัฏฐ์ประชาสมัครคือ พรรคไทยรักไทยและมีลายเซ็นต์ของพ.ต.ท.ทักษิณ และน่าเชื่อถือยิ่งกว่านั้นคือ กกต. ตรวจเช็คเอกสารทั้งหมดและทำหนังสือรับรอง หากจะดูตามใบสมัครจะมีระบุวันออกบัตรประชาชนให้กับนายนัฏฐ์ประชาวันที่ 2 ก.ค. 2547 แต่วันที่สมัครสมาชิกคือวันที่ 5 ม.ค. 2547 นี่เป็นเรื่องจริงนายนัฏฐ์ประชาเก่งมากไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคโดยใช้บัตรประชาชนที่ออกให้ภายหลัง 6 เดือน ไม่ใช่ประเทศไทยทำไม่ได้เรื่องนี้ มีที่เดียวในโลก นอกจากนี้ยังมีพิรุธคือ ในวันที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นายนัฏฐ์ประชายังชื่อ นายจเรอยู่ โดยตนได้เอาหลักฐานจากสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายนัฏฐ์ประชามีการแปลงรายชื่อถึง 4 ครั้ง ซึ่งเอกสารทั้งหมดเป็นของพรรคไทยรักไทยสมคบกับกกต. ทำปลอมขึ้นมา ซึ่งกกต. ก็มีรอรับอยู่แล้วรับรองทันทีว่านี่คือความถูกต้อง" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า อยากเรียนว่านี่ไม่ใช่กรณีเดียวที่พรรคไทยรักไทยทำ ถ้าไม่ใช่ระบอบทักษิณสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อตนเอาข้อมูลมาเปิดเผยในวันนี้เชื่อว่า จะต้องมีการดิ้นรนกันสุดฤทธิ์ในการแก้ไขหลักการทั้งหมดให้ถูกต้อง เพราะระบอบทักษิณยังอยู่ นี่คือเหตุผลที่พวกตนเรียกร้องให้ล้มระบอบนี้ เพราะถ้ายังอยู่ความชั่วร้ายเลวทรามยังจะมีอีกมากและแก้ไขไม่ได้ ทำผิดแล้วจะมากลบเกลื่อน ซึ่งคนพวกนี้ระดับมืออาชีพในการทำผิดไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น ตนเชื่อว่า ประธานกกต. เป็นลูกผู้ชายมีศักดิ์ศรีถึงเวลาที่จะต้องประกาศให้ประชาชนเห็นว่ากกต. เป็นองค์กรอิสระวันนี้จึงตัดสินใจเอาเอกสารทั้งหมดไปมอบให้กับประธานกกต. แม้ใจหนึ่งจะระแวงว่า เมื่อเอาไปมอบให้เท่ากับเป็นการชี้ช่องให้เขาไปแก้ไขหลักฐานข้อเท็จจริงและกลับมาเล่นงานตน แต่ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประธานกกต. ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปรวมมือกับคนพวกนั้น ตนไว้ใจพล.อ.วาสนาและจะได้รู้ผลว่ามันเป็นอย่างไร
นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะไม่พูดเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังมีข้อมูลทะยอยเข้ามาอีกเรื่อยๆ การออกมาเปิดเผยเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ประชาชนได้เห็นชัดเจนถึงกระบวนการต่างๆ ฉะนั้น การที่พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า จะเดินหน้าปฏิรูปการเมือง แต่ระบอบทักษิณมีการโกงทุจริตปลอมแปลงเอกสารร่วมมือกันทำความผิดกฎหมาย เบี่ยงเบนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า คนจะสมัครส.ส. ได้ต้องเป็นสมาชิกพรรค 90 วัน ศึกษาอุดมการณ์แนวความคิดที่ชัดเจนถึงจะไปลงเลือกตั้ง แต่พ.ต.ท.ทักษิณและระบอบทักษิณบอกว่า วันเดียวก็ได้ ถ้าไม่ครบก็ทำปลอมได้ คนที่คิดทุจริตการเลือกตั้งปฏิรูปการเมืองไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอระบุได้หรือไม่ว่าพรรคไทยรักไทยส่งใครไปประสานกับกกต. นายสุเทพปฏิเสธที่จะเปิดเผยโดยระบุว่า ให้เป็นการบ้านของพล.อ.วาสนา ไปตรวจสอบ ตนพูดขนาดนี้แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่สะดุ้งอีกก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะหากเป็นตนและสมมุติว่า เป็นผู้บริหารพรรคไทยรักไทย วันนี้ตนลาออกกลับบ้าน เพราะถูกเขาจับแก้ผ้าประจานให้คนทั้งประเทศเห็นแล้ว จะมีหน้ามาลงสมัครเลือกตั้งได้อย่างไร ทุจริต สมคบ โกง ทั้งหมดไม่ใช่เล็กๆ น้อยๆ เพราะเท่าที่ตนได้หารือกับฝ่ายกฎหมายก็บอกว่า ข้อมูลที่ตนมี ฟังขึ้น ถ้าคดีไปถึงศาลน่าจะรับฟังได้ ถ้าเป็นประชาชนธรรมดาหรือเป็นตนก็คงจะติดคุก แต่ระบอบทักษิณอาจจะคุ้มครองเขาได้ก็แล้วไป ทั้งหมดนี้ตนไม่ได้พูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สมคบกระทำความผิดแต่หลักฐานเอกสารที่นำมาอ้างมีลายเซ็นต์ของพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ด้วย ซึ่งมองในแง่ดีได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะไม่รู้เรื่อง
เมื่อถามว่า พรรคมีข้อเสนอต่อกกต. ให้ถึงขั้นยุบพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคงไม่ไปบอกหรือแนะนำว่าต้องทำอะไร ให้เป็นหน้าที่ของกกต. ในการพิจารณาเพราะคงรู้ว่ามีหน้าที่อะไร หากกกต.ไม่ทำตนจะเล่นงานฐานละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่
ต่อมาเมื่อเวลา 13.15 น. ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค เดินทางมาที่สำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อพบพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. พร้อมมอบหนังสือ เอกสาร แผ่นซีดี เกี่ยวกับข้อมูลหลักฐานการรับเงินค่าจ้างของพรรคการเมืองเล็ก เพื่อส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงข้อมูลการของเจ้าหน้าที่ กกต. ที่แก้ไขคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองขนาดเล็กให้สามารถลงสมัครส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้
นายสุเทพ กล่าวก่อนเข้าร้องเรียนกับ กกต. ว่า ตนได้รับหนังสือจาก กกต. ให้มาชี้แจงกรณีที่ตนออกมาระบุว่า พรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ จ.ตรัง ซึ่งพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า 3 คน ตนจึงได้ทำหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอชี้แจงกับท่านโดยตรง โดยจะชี้แจงในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริต โดยเฉพาะการรวบรวมการบันทึกคำให้การของพยาน วีดีโอเทป ซึ่งตนพร้อมให้ความร่วมมือหาก กกต. ต้องการข้อมูลอื่นๆ ตนก็มีเอกสารหลักฐานอีกกว่า 100 หน้า ซึ่งตนมั่นใจว่า เอกสารที่นำมาทั้งหมดนี้สามารถเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ และหวังว่าประธานกกต. จะกอบกู้ศักดิ์ศรี ความเชื่อมั่น ศรัทธาของกกต. กลับคืนมา แต่หากเมื่อมายื่นแล้ว กกต. ไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะมาคุยกันใหม่อีกครั้ง
"ผมไม่ได้ติดใจเรื่องว่า จะมีเลือกตั้งหรือไม่มีเลือกตั้ง เพราะพวกผมเห็นแล้วว่าตราบใดที่ยังมีระบอบทักษิณอยู่ การเลือกตั้งไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยกับประชาชน การเลือกตั้งเป็นเพียงการฟอกย้อมสีให้ดูสดใสเท่านั้น แต่ว่าเนื้อในจริงๆ เป็นระบอบทักษิณไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย และตราบใดที่ยังมีระบอบทักษิณอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งพวกผมไม่ได้ขัดขวางการจัดการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ยังดื้อดึงให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. ผมก็จะไปเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิของเรา" นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า ส่วนปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งนี้ กกต.จะทำให้กระจ่างก่อนวันเลือกตั้งหรือไม่อยู่ที่ความตั้งใจของกกต. ตนจึงตัดสินใจมา เพราะถ้ากกต.ดูข้อมูลที่ตนนำมาให้วันนี้ ก็จะตัดสินใจได้ทันทีว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะให้มีการเลือกตั้ง ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 พนักงานที่เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนรายชื่อพรรคการเมืองเล็กเพื่อให้มีสิทธิลงสมัครนั้น เป็นเรื่องภายใน กกต. ที่ตนไม่ขอก้าวก่าย แต่ที่ตนมาวันนี้ก็เพื่อมาชี้เบาะแสว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับผู้ใหญ่มากกว่า 3 คนที่ กกต. พิจารณาโยกย้าย
ต่อมาเมื่อเวลา 14.25 น. ว่า กกต. ทั้ง 4 รายได้เข้าประชุมร่วมกันโดยพร้อมเพียงก่อนจะได้เชิญนายสุเทพ และคณะ เข้าชี้แจงกรณีมีเจ้าหน้าที่แก้ไขมูลสมาชิกพรรคการเมืองขนาดเล็กเพื่อให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กรณีเจ้าหน้าที่ กกต. เกี่ยวข้องกับการแก้ไขข้อมูลบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคการเมือง ที่มีนายนาม แย้มยิ้ม อดีตรองประธานศาลฎีกาเป็นประธาน โดย พล.ต.อ.วาสนา มีสีหน้าเคร่งเครียด
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วยนายสุเทพ และคณะทำงานด้านกฎหมาย ได้ย้ายห้องประชุมมาชั้น 16 ของอาคาร เพื่อชี้แจงและมอบข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ กกต. เข้าไปมีส่วนร่วมแก้ไขข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงในครั้งนี้ด้วย โดยนายสุเทพ ได้ขอให้ประธาน กกต. ดูวีซีดีที่บันทึกคำให้การของพยานในการทำทุจริตไว้ และได้มีการเปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกระทำความผิด 2 คน ให้กับประธาน กกต. รับทราบ
หลังจากชี้แจงเสร็จนายสุเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักฐานที่ทำมาจะมอบให้ประธานกกต. แต่หากไม่เพียงพอและต้องการเพิ่ม ตนก็จะนำมามอบให้เพิ่มอีก แต่ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ที่ กตต. ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ปรากฏเพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของ กกต. ถึงเวลาแล้วที่กกต. ต้องปัดกวาดบ้านนอย่างขนานใหญ่
"นี่คือการปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้คนเหล่านี้มีคุณสมบัติในการลงสมัคร แต่ที่น่าเจ็บใจคือ ลูกน้องของท่านกลับยอมรับและเอามาอ้างหลอกท่านเป็นตุเป็นตะ ซึ่งท่านควรพิจารณาว่า ในองค์กรของท่านมีบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าด้วยช่วยเหลือผู้สมัครให้กระทำผิดทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อองค์กร ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อ กกต. ที่สำคัญพฤติกรรมนี้ผมถือว่า เป็นการทุจริตบิดเบือนรัฐธรรมนูญเป็นอันตรายเพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย และความผิดได้สำเร็จไปแล้ว ไม่อยากพูดไปถึงว่า การสืบสวนของท่านควรจะนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดได้หรือไม่ แต่บอกได้ว่า นี่เป็นการเตรียมการทุจริตเลือกตั้งอย่างเป็นกระบวนการ ผมจะไปพิสูจน์เองทั้งหมดคงไม่ไหว แต่ถ้าจะให้ผมทำผมก็จะทำ ผมว่าวันนี้ท่านต้องทำอย่างเร่งด่วนหากพบความผิดก็ควรยุบพรรคเสีย ผมไม่ใช่ในฐานะผู้เสียหาย แต่ครั้งนี้เป็นผลเสียถึงระบอบประชาธิปไตยดังนั้นหลักฐานที่มีอยู่ใน กกต. ควรต้องดำเนินการซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทาย กกต. และเป็นสิ่งสำคัญมาก" นายสุเทพกล่าวและว่า ตนอยากขอความมั่นใจจาก กกต. ว่า พยานจะได้รับความปลอดภัยหากพยานมาให้การกับ กกต. เพราะขณะนี้พยานถูกอิทธิพลจาก นายทหารกลุ่มหนึ่งอยู่
ด้าน พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. กล่าวขอบคุณที่นายสุเทพนำข้อมูลมาให้ และได้กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับฟังตนพอสรุปความได้ว่า มันน่าจะเกิดจากความบกพร่องของพนักงานที่แย่มาก อย่างเช่นในกรณีของ นาย ก. ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองมากกว่า 1 พรรคและได้ลาออกไปสู่อีกพรรคหนึ่งและฐานข้อมูลเรายังไม่ได้ลบออกแก้ไข ทำให้เอกสารและข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของ กกต. ไม่ตรงกัน และ ณ วันนี้มีการตรวจสอบเอกสารของ กกต. ที่มีอยู่จึงปรากฏขึ้นมา ดังนั้น จึงต้องพิจารณาปรับปรุงขนานใหญ่ ที่เกิดจากการไม่คาดคิดของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกันแบบหลวมๆ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า จะตรวจสอบข้อมูลที่เสนอมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและตรงไปตรงมา ทั้งนี้ผลก็ขึ้นกับพยานหลักฐานคิดว่าไม่นานเกินรอทุกอย่างจะปรากฏ ตนไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากได้รับการชี้แจงกว่า 2 ชั่วโมง กกต. ก็ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทันที
หลังจากนั้น พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังการชี้แจงของนายสุเทพ และคณะว่า ต้องรอให้อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดที่มีนายนาม แย้มยิ้ม เป็นประธานให้ทำงานไปก่อน ซึ่งกำหนดให้แจ้งผลการสืบสวนให้กกต. ทราบในวันที่ 29 มี.ค. นี้ โดยหลักฐานที่ได้รับฟังจากนายสุเทพ เบื้องต้นก็มีมูลพอรับฟังได้ น่าเชื่อได้ว่ามีการทำผิด แต่ก็ต้องเรียกพยานหลักฐานมาสอบเพิ่มเติมให้เกิดความชัดเจน เพื่อนำไปสู่การพิจารณาดำเนินการ หากมีน้ำหนักก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตนได้กำชับให้อนุกรรมการฯ ทำงานเชิงรุก อย่าตั้งรับอยู่ที่กกต. ต้องออกไปข้างนอกเพื่อหาข้อมูลด้วย โดยเฉพาะไปตรวจสอบพรรคการเมือง และบุคคลที่ถูกพาดพิงในเรื่องนี้ สำหรับพยานที่ระบุว่า เกรงอิทธพลจากทหารนั้น ในเมื่อไม่กล้าเดินทางมาให้การที่กกต. คณะอนุกรรมการฯ ก็สามารถประสานไปคุยข้างนอกก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเชิญพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรมว.กลาโหม มาให้การหรือไม่ พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า ต้องรอดูผลการสอบสวนก่อนว่าจะเป็นอย่างไร มีความชัดเจนตามที่ถูกพาดพิงเพียงใด เหมือนกับการถูกกล่าวหาว่าฆ่าคน ก็ต้องมีการสอบพยานและรวบรวมหลักฐานก่อน หากมีความผิดก็ค่อยดำเนินการออกหมายจับ ไม่ใช่แค่กล่าวหาว่า ฆ่าคนก็ไปจับเลย เมื่อถามว่า การกล่าวหาครั้งนี้จะนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า ยังไม่อยากวิจารณ์ไปถึงขั้นนั้น ขอรอดูผลการสอบสวนก่อน
เมื่อถามว่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการสืบสวนสอบสวน จะมีการโยกย้ายพนักงานระดับผอ.สำนัก และรองเลขาธิการออกจากหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการพิจารณากันแน่นอน ถ้าเป็นผู้บังคับบัญชาแล้วยังปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ ถ้ากกต. ยังอยู่ครบทุกคนก็จะหารือกันเลยในวันนี้ แต่ถ้าไม่ทันค่อยหารือในวันที่ 22 มี.ค. ต่อไป ซึ่งเบื้องต้นเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และชัดเจนในการหาตัวผู้กระทำผิด ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์มาตรวจสอบเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลของกกต.แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไม่รับเรื่องของกกต. ดังนั้นในเขต 3 สมุทรสาคร กกต.จะดำเนินการอย่างไร จะเปิดรับสมัครใหม่หรือไม่ พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า คงจะต้องพิจารณาโดยด่วน 1-2 วันนี้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนจะเป็นเหตุให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปหรือไม่เพราะจะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 25-26 มี.ค.นี้ หรือไม่นั้น เกี่ยวกับการเลื่อนการเลือกตั้งนั้น ไม่มีกฎหมายเขียนเอาไว้ แต่ในขั้นนี้ยังไม่มีการพูดถึงการเลื่อนวันเลือกตั้งแต่อย่างใด
ด้านพล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า หากจะมีการเปิดรับสมัครใหม่ในพื้นที่ เขต 3 จ.สมุทรสาครนั้น คาดว่า คงจะเปิดรับสมัครเพียงวันเดียว ประมาณวันที่ 22 มี.ค. เพื่อที่จะประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 23 มี.ค. ถือว่าทันการเลือกตั้งล่วงหน้าพอดี อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดรับสมัครใหม่ คงต้องเริ่มกระบวนการใหม่หลังเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งกรณีหลังนี้ หากนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตส.ส.สมุทรสาคร ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแล้ว สิทธิทางการเมือง 8 ประการ ก็จะกลับคืนมาโดยอัตโนมัติ และสามารถลงสมัครส.ส.ได้
E-mail : webeditor@matichon.co.th