"ขุนพล"บ้านพิษฯ "เงาความคิด"ข้างกาย"น้าชาติ"
คอลัมน์ ความทรงจำเมื่อวันวานโดย อนุรักษ์ ทรัพย์เฮง( มติชน )
การเลือกตั้งครั้งนี้ ว่ากันว่า..เป็น "จุดเปลี่ยน" ที่สำคัญทางการเมืองครั้งหนึ่งของประเทศไทย
เพราะขณะนั้น ประเทศไทยว่างเว้นจากการมีนายกรัฐมนตรี ที่ "มาจากการเลือกตั้ง" นานถึง 11 ปี
ทำให้บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ต่อสู้กันอย่างเต็มที่ในสนามเลือกตั้ง เพื่อให้ได้รับชัยชนะและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
การเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคชาติไทย ที่มี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรค ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง 87 เสียง(จาก ส.ส.ทั้งหมด 357 คน)
พล.อ.ชาติชายได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 17 ของประเทศไทย
การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ชาติชายครั้งนั้น ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยมากพอสมควร ทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน การออกกฎหมายสำคัญๆ เพื่อนำประเทศไปสู่ความเป็นสากล
เบื้องหลังความสำเร็จของ พล.อ.ชาติชาย ส่วนหนึ่งมาจากคณะที่ปรึกษา "บ้านพิษณุโลก" หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า "ที่ปรึกษาบ้านพิษฯ" ซึ่งเป็นที่รวมตัวของนักวิชาการรุ่นใหม่ในขณะนั้น
ซึ่งขณะนั้นผู้ที่เป็น "ตัวเชื่อม" ระหว่าง พล.อ.ชาติชาย และนักวิชาการหัวก้าวหน้าที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาบ้านพิษ คือ อาจารย์โต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ บุตรชายของ พล.อ.ชาติชาย
"ตามปกติผมจะมีเพื่อนๆ ที่เป็นนักวิชาการมานั่งกินข้าวคุยกันที่บ้านในซอยราชครูเป็นประจำ จำได้ว่าวันนั้นมี ชัยอนันต์ สมุทรวณิช ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร พันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ และผม กำลังนั่งกินข้าวและคุยกันเรื่องบ้านเมืองอยู่ พ่อ(พล.อ.ชาติชาย) ก็เดินเข้ามาพร้อมกับโค้งให้พวกเรา และบอกว่ารัฐสภาจะทูลเกล้าฯเสนอชื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี และขอเชิญพวกเราทุกคนให้ไปช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ด้วย"
"ลูกชายโทน" ของ พล.อ.ชาติชายเล่าบันทึกที่ยังคงอยู่ในความทรงจำด้วยรอยยิ้มระคนเสียงหัวเราะ