Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2548
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 

หมัก....จืด....หมากไม่จืด

อดีตเป็นยังไง ปัจจุบันเป็นอย่างนั้น




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2548
67 comments
Last Update : 25 กรกฎาคม 2548 14:18:53 น.
Counter : 680 Pageviews.

 

การที่สมัคร-ดุสิตใช้สื่อทีวี+วิทยุด่าใครต่อใครไปทั่ว
โดยไม่ให้สิทธิผู้ถูกพาดพิงได้ชี้แจง ท่านคิดว่า...

1. เป็นสิทธิของสมัคร-ดุสิตที่จะทำได้
2. เป็นการมัดมือชกแบบไม่เป็นธรรม
3. เป็นเรื่องสนองตัณหา ปล่อยๆไปเหอะอย่าคิดมาก
4. อื่นๆ(โปรดระบุ)

จากคุณ : ป๋าค๊ะป๋าขา - [ 20 เม.ย. 48 11:23:11 ]
ราชดำเนิน P3424425

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 14:47:31 น.  

 

มองอีกมุม....

สมัครพูดก็ถูกเป็นบางเรื่องเช่นพวกประท้วงสมัย14,6 ตุลา ควรถูกยิงตายให้หมดเพราะอันตราย เกือบทำประเทศเป็นคอมมูนิสต์ไป

ท่านยังสามารถโทร อีเอ็มเอส หลายวิธี ไปโต้ตอบได้ ไปถึงบ้านสมัครก็ได้
----------
แต่การฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิที่ตากใบ ใครเพียงร้องหาญาติหาย จะถูกอุ้มหายเป้นรายต่อไป

ไม่ทางทางเรียกหาความเป็นธรรมเลย
.....................

ข้อสมมติฐานที่ระบุว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังจ้างวานให้วัยรุ่นในราคาหัวละ 200 บาท จำนวนนับพันคนร่วมกับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ออกมาก่อความไม่สงบ นอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่าระบบการข่าวล้มเหลวแล้ว ยิ่งทำให้การสร้างแนวร่วมเพื่องานด้านมวลชน ยากขึ้นเป็นลำดับ

ข้อกล่าวอ้างที่ว่าอาวุธที่เจ้าหน้าที่ค้นพบในสระ เตรียมนำมาถล่ม สภ.อ.ตากใบ ดูเลือนรางเต็มที เมื่อเทียบกับกำลังพลจากฝ่ายทหาร-ตำรวจพร้อมอาวุธสงคราม ที่ตรึงกำลังโดยรอบ หน้ากลุ่มผู้ชุมนุม

อีกทั้งการอ้างเหตุสุดวิสัยในการใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 ศพ เพราะขาดอากาศหายใจพร้อมกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุมว่าเสพสารเสพติด อดอาหารในช่วงศีลอด ทำให้สภาพร่างกายอิดโรย จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงรับฟังไม่ขึ้น

ในทางกลับกันจะยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกของชาวบ้าน เพราะไม่เข้าใจถึงระบบขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิมในช่วงถือศีลอด



85 ศพจากเหตุการณ์ตากใบ เชื่อว่าจะยังไม่ลดละและไม่มีแนวโน้มจะยุติด้วยสันติวิธี ทั้งจากปัจจัยภายใน และองค์กรระหว่างประเทศ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า ปฏิบัติการสลายม็อบไม่ใช่สงครามต่อต้านการก่อการร้าย


ความรุนแรงจนนำถึงความสลดใจที่ตากใบเมื่อวันวาน จึงถือเป็น"ระเบิดเวลา”ที่พร้อมปะทุเข้าใส่รัฐบาล ทั้งจากปัจจัยกดดันทั้งจากภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งนานาอารยประเทศออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แม้กระทั่งรัฐบาลมาเลเซีย ออกมากล่าวหาว่า เป็นการ"สังหารหมู่กลุ่มผู้ประท้วงอย่างสันติวิธี” กรณีตากใบจึงถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับรัฐบาล "ทักษิณ 10” .....

จากคุณ : สามโตรก - [ 20 เม.ย. 48

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 14:50:13 น.  

 

พูดออกทีวี.ถ้าไม่จริงทำให้เสียหาย(ส่วนมากจะเป็นนักการเมืองและก็มีทุนหรือเงินพอทั้งนั้น)..."ฟ้อง" ได้ครับ..เห็นโวยวายว่า ด่า ด่า่ ด่า .มา 3 เดือนแล้วมั๊ง..ว่าไม่จริง..แ่ต่ไม่เห็นคนที่ถูกด่าหรือกล่าวถึงฟ้องเลยละ..
มีแต่คนนี้เท่านั้น ที่ออกมาโวยวาย.

จากคุณ : มันเรื่องจริงมั๊ง - [ 20 เม.ย. 48

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:06:00 น.  

 

ดูแล้วบางครั้ง รำคาญ บางครั้งก็สะใจ

จากคุณ : diaa - [ 20 เม.ย. 48 12:34:44 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:09:53 น.  

 

ติดตามเมื่อมีโอกาส บางประเด็นก็ทำให้ตาสว่าง เพราะนำข้อมูลอีกด้านหนึ่งมานำเสนอ ถ้ามองอย่างข้อ. 2 เชื่อว่าผู้จัดมั่นใจในข้อมูล แล้วก็อยู่ในความสนใจของคนหมู่มาก แต่ละเรื่องเลยได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง ผู้ที่ได้รับการกล่าวถึงชกสวนกลับได้เลย ประชาชนอย่างผมจะได้ได้ประโยชน์เพราะรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องที่หยิบยกมาพูด

จากคุณ : จิตประสงค์ - [ 20 เม.ย. 48 12:40

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:10:45 น.  

 

เท่าที่ดูๆมา ผมอยากให้ผู้เสียหายออกมาฟ้องร้องสองคนนี้ให้หนักๆ เลยครับ การที่มีสื่อที่ไม่รับผิดชอบนี่เป็นผลเสียมากๆ เพราะสามารถชักนำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ไม่ถูก เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชอบเป็นผิดได้

ให้มันเด็ดขาด ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ให้ใครคิดเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคต

จากคุณ : บันลือ - [ 20 เม.ย. 48 12:43:33 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:11:21 น.  

 

พวกที่โดนด่า ๆ อยู่ดันคิดว่า "แค่หมาเยี่ยวรดภูเขาทอง" หละมังครับ ทั้งอานันท์ นายชวน นักวิชาการ เอ็นจีโอ สื่อต่างๆเลยไม่มีใครคิดค้าความกับ 2 คนนี้...ไหน ๆ ก็ไหน ๆลองฟ้องให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยก็ดีนะครับ


หรืออีกทางหนึ่งหากเอาให้แฟร์ ไม่ชกเขาข้างเดียว สมัครกับดุสิตก็ชวนพวกที่คุณด่าๆเขามาดีเบตออกรายการไปเลยสิครับ อย่าดีแต่ด่าเขาข้างเดียว

จากคุณ : ป๋าค๊ะป๋าขา - [ 20 เม.ย. 48 12:55:03 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:12:24 น.  

 

ลองชวนมหาจำลองมาดีเบตในรายการก็ดีนะผมว่า งานนี้มวยถูกคู่แหง ๆ จะได้เป็นบุญตาแก่ชาวบ้าน ถ้านั่งด่าเขาข้างเดียวอยู่อย่างนี้ถือว่าสมัครกับดุสิตเป็นคนขี้ขลาดตาขาวครับ

จากคุณ : ป๋าค๊ะป๋าขา - [ 20 เม.ย. 48 12:56:58 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:13:01 น.  

 

ผมว่าคุณสมัคร-ดุสิตแกใช้สื่อในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่า เราอยู่กับสื่อแย่ ๆ ไร้สำนึกมานาน เมื่อตอนเด็กๆผมไม่ชอบแกเลย แต่ตอนนี้ตาสว่างขึ้น ใจกว้างขึ้นยอมรับว่าแกเป็นคนที่ปากร้ายแต่แกรักความยุติธรรม และความถูกต้อง

จากคุณ : แจ้ - [ 20 เม.ย. 48 12:59

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:13:46 น.  

 

^
^
^
สมัครกับดุสิตก็ชวนพวกที่คุณด่า ๆ เขามาดีเบตออกรายการไปเลยสิครับ อย่าดีแต่ด่าเขาข้างเดียว


...แบบนั้นมันผิดสันดานเขาครับ...มันยุติธรรมเกินที่สันดานพวกเขาจะรับได้...

จากคุณ : 3X@ (XIXIX) - [ 20 เม.ย. 48 13:00:04 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:14:40 น.  

 

ทำไมต้องมาบอก(สอน) รมช.มหาดไทย ขณะออกรายการตอนเช้า ว่าไม่ต้องไปขอโทษคุณชวนหรอก ผมว่าผิดถูก ท่าน รมช.ท่านทราบดี เป็นวิจารณญาณของท่าน เล่นยิงคำถามและตอบให้ท่านซะเอง
เอ่อนี่มันสื่อฯ ประเภทไหน หรือ..???

จากคุณ : จอร์จครับจอร์จ - [ 20 เม.ย. 48 13:00

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:15:23 น.  

 

ถ้าไม่เชื่อข้อมูลของสมัครที่ว่า 14 ตุลา มีต่างชาติญวนอยู่เบื้องหลังใน ม.ธรรมศาสตร์

แล้วไฉนจึงไม่เชื่อข้อมูลไฟใต้ของสมัครที่ว่าต่างชาติหนุนหลัง ? เช่นกัน
ทั้งๆที่วุฒิความคิดมาจากคนๆเดียวกัน
--------------

สำหรับผมวิเคราะห์แล้ว ไฟใต้ลุกลามมาจากเหตุนี้เป็นหลักครับ และขออภัยสำหรับคนคิดต่างจากผมๆไม่โกรธหรอกครับ เพราะวุฒิภาวะและการเรียนรู้ไม่เท่ากัน ผมคนศึกษาประวัติศาสตร์ทั่วโลกครับ

-----------------
ทำเนียบจุดไฟเอง สร้างเงื่อนไขก่อการร้าย

1-ใครส่งนายทหาร-ตำรวจสายเหยี่ยวนักอุ้มฆ่า-ซี้ซั้วจับซ้อมชาวบ้านอย่างทารุณไปทำงานที่ภาคใต้

2-ใครปล้นปืนค่ายทหารได้สำเร็จ 300 กว่ากระบอก ? ไปขายต่างประเทศกันแน่ ?

จับกำนันปล้นปืนได้ ถูกซ้อมจนสารภาพ แต่ปืนอยู่ไหน?
ชาวบ้านไม่เชื่อข่าวของรัฐและสื่อไทยซึ่งเต้าข่าว

3-มีคนบริสุทธิ์และคนร้ายรวมอยู่ในมัสยิดกรือแซะ ใครสั่งยิงจรวดอาร์พีจีและเอ็ม 97 เข้าไปในกรือแซะอย่างป่าเถื่อน ทั้งๆที่คนที่อยู่ในวงล้อมไม่มีทางหนีได้เลย

3-ใครฆ่านักฟุตบอลเยาวชนดีเด่นสะบ้าย้อยที่ออกไปซ้อมฟุตบอลตอนเช้า ถูกยิงตายทั้งทีมที่สามแยกไฟแดง?

4-ชาวบ้านมีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรม เมื่อกล่าวหาว่าคนของรัฐจับแพะ เมื่อคนประท้วงถูกจับ คนของรัฐต้องดูแลให้ความปลอดภัย ไม่มีสิทธิพาไปฆ่าตายอย่างทารุณ เช่นกรณีตากใบ

5-เมื่อราษฎรทำผิด รัฐลงโทษเต็มที่ ควรให้ตุลาการลงโทษ แต่คนของรัฐทำผิดเป็นอาชญากรกลับได้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ประเทศบ้าบอที่ไหนเขาดูถูกประชาชนแบบนี้กัน
---------
ภาคใต้ที่เคยมีผู้ก่อการร้ายนับคนได้ เดี๋ยวนี้มีนับไม่ถ้วน
ตั้งแต่มีการอุ้มฆ่าชาวบ้านที่นั่นเต็มรูปแบบ ความผิดของชาวบ้านที่ถูกเหยียบหยามหรือของรัฐที่ปกครองชนส่วนน้อยอย่างไร้ศิลปะในยุคนี้กันแน่

ให้พับนกล้านตัว ให้พระเทศน์ล้านรูป ก็ไม่ยุติปัญหาไฟใต้ได้ ให้ยาผิดโรคจะหายได้อย่างไร
หากรัฐไม่เอาคนของรัฐที่อุ้มฆ่าประชาชนมาลงโทษอย่างเป็นธรรม ประเทศไทยทุกคนต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายเดียวกัน

แยกให้ออก
คนบริสุทธิ์ทุกคนมีราคาเท่าเทียมกันไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดๆ

นายกฯทักษิณ ไม่กล้าลงโทษนายทหารและตำรวจที่ทำผิดกฎหมาย ฤา ผู้ยิ่งใหญ่ในทำเนียบจุดระเบิดไฟใต้ "สั่งการเอง"

จึงแกล้งตาบอดคลำช้าง
เอาเมล็ดทรายปิดซิมการ์ด

จากคุณ : สามโตรก - [ 20 เม.ย. 48

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:18:55 น.  

 

แก้ไข

ถ้าไม่เชื่อข้อมูลของสมัครที่ว่า 14 ตุลา มีต่างชาติญวนอยู่เบื้องหลังใน ม.ธรรมศาสตร์

แล้วไฉนจึง "เชื่อ" ข้อมูลไฟใต้ของสมัครที่ว่าต่างชาติหนุนหลัง?เช่นกัน
ทั้งๆที่วุฒิความคิดมาจากคนๆเดียวกัน

จากคุณ : สามโตรก - [ 20 เม.ย. 48

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:19:37 น.  

 

เป็นเพราะการเอาความจริงเข้ามาพูด ไม่ใช่การกล่าวหาลอยๆ
ผู้ถูกพาดพิงมีสิทธิทางศาลหรือตามกฎหมายที่จะฟ้องกลับ
แต่ทุกครั้งที่คุณสมัครพาดพิงถึงบุคคลเหล่านั้น ไม่เคยเห็นมีใครกล้าตอบโต้
เพราะเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริง ที่ไม่สามารถหาหลักเหตุผลมาชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเองได้

จากคุณ : ซุ้มเหนือ - [ 20 เม.ย. 48 13:16:08 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:20:13 น.  

 

เลือกข้อ 3 ครับ ...
ผมดูหน้าตา 2 คนเนี่ย มันหื่นๆไงม่ะรู้

จากคุณ : แมวม่อน - [ 20 เม.ย. 48 14:23:49 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:20:41 น.  

 

.........แปลกนะ..นายหมักและคู่หูนี่นะ.กล้ากว่า "นายชู" และสส.หรือสว.บางคนเสียอีก ( ขนาดมีกม.คุ้มครองนะ )ยังไม่กล้าออกชื่อตรงๆเลยใช้ นาย ก. นาย อ. นาย ส.เท่านั้น
แต่นายหมักและคู่หู "กล้า" ที่จะเอ่ยชื่อจริงตรงๆและไม่มีกม.คุ้มครองด้วย..ทำให้ปชช.มองว่า 2 คนนี้พูดจริงในเรื่องดังกล่าวครับ.เพราะถ้าไม่จริงหรือ"แค่มีมูล"คงไม่กล้าเอาชื่อคนเหล่านั้นมาด่าออกทีวีแน่ๆ

.......และยิ่งแน่ใจว่าเรื่องจริง ( บางคนในนี้บอกว่า"แค่หมาเยี่ยวรดภูเขาทอง" ) เพราะไม่เคยมีใครที่ถูกด่าหรือกล่าวถึงฟ้องศาลเลย..ทั้งนายชวน นายอนันท์.ฯ
ยิ่งนายชวนโน่นไปร้องหรืออะไรโน่นให้ยุบรายการนี้เสีย.. ถ้าไม่จริง"ฟ้อง"ไปซิครับคนระดับนายชวน นายอนันท์นี่นะชื่อเสียงมากมาย ฟ้องได้หลายสิบหลายร้อยล้านบาทแน่ๆ..
แปลกจริงหนอ.แต่ไม่ฟ้องสักคน..แล้วจะให้คนฟังคิดว่าเรื่องเหล่านี้โกหกหรือครับ

จากคุณ : ฟ้องเสียให้เข็ดซิครับ - [ 20 เม.ย. 48 14

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:22:18 น.  

 

เท่าที่ดูก็เห็นสมัคร-ดุสิตเปิดโอกาสให้ผู้ถูกพาดพิงมาชี้แจงนะ แต่ไม่เห็นผู้ถูกพาดพิงออกมาชี้แจง อยากฟังเหมือนกันว่าจะชี้แจงว่าอย่างไร ก็ตอนนั้นที่ 2 คนพิธีกรพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์คุณองอาจก็ออกมาชี้แจง ทุกคำพูดที่ฟัง 2 พิธีกรเอามาถ่ายทอดก็โอเค แฟร์ ๆดี

จากคุณ : ซุ้มเหนือ - [ 20 เม.ย. 48 14:46:07 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:23:01 น.  

 

วันวันแรกที่ออกที่ช่อง ๙....

หมักว่าอภิรักษ์.....

์ว่าข่มขู่ข้าราชการกทม.ให้ซื้อบัตรงานเลี้ยงอะไรนี้แหละ...

แต่พอมีคนเขามาชี้เเจง...

จืดมันบอกว่า....อ่านไม่ออกอ่านไม่รู้เรื่อง...เลยไม่อ่าน....

และจืดมันก็ไม่เอาเรื่องที่เขามาชี้เเจงออกอากาศและพูดถึงอีกเลย...ในวันอื่นๆ

แบบนี้ใครจะแก้ตัวเเทนพวกมันอีก....

จากคุณ : An.mkII - [ 20 เม.ย. 48 14:54:25 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:23:55 น.  

 

ผมว่าน่าคิดนะว่าทำไมผู้ถูกกล่าวหาถึงไม่ฟ้อง.....

ชวนให้คิดได้หลายประเด็น.........

หนึ่ง......ไม่อยากถือสาหาความ.......

สอง.......กลัวถูกแฉมากกว่านี้...เพราะเป็นเรื่องจริง...

สาม.......ไม่รู้ว่าถูกด่า..เพราะไม่ได้ดูได้ฟัง...

สี่.......เหตุผลอื่นๆอีกมากมาย...

คุณว่าข้อไหนล่ะ

จากคุณ : ผมเอง - [ 20 เม.ย. 48 15:00

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:24:29 น.  

 

ทำไม ? คุณชวน ไม่ให้คุณนิพิฏฐ์ ท้าสาบาน...

ดีกว่าให้เลิกรายการตั้งเยอะ !!..

จากคุณ : ID:095555 - [ 20 เม.ย. 48 15:17

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:25:02 น.  

 

ขำก๊ากกกก เลย มีคนบอกว่า 2 ตัวเนี่ยเปิดโอกาสให้ผู้ถูกพาดพิง

มันคิดไปได้ขนาดนี้เลยนะคนเรา

จากคุณ : แมวม่อน - [ 20 เม.ย. 48 15:34:57 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:25:50 น.  

 

อื่นๆ ...
ใจตุ๊ดอ่ะ...

จากคุณ : ไกลตัวใกล้ใจ - [ 20 เม.ย. 48 15:35:24 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:26:15 น.  

 

เคยได้ยิน นะว่าท้าให้อานันท์ออกมาพูดคุยเหมือนกัน

แต่อานันท์เงียบ และก็ทุกครังลุงหมัก แกก็จะบอกด้วยว่า ถ้าพูดไม่ถูกผมก็ให้ชี้แจงเลย

แต่ก็เงียบ อย่าคิดสิครับว่า ไม่ให้สิทธิผู้ถูกพาดพิงได้ชี้แจง

ผมว่าพวกที่ถูกพาดพิงหุบปากแล้วดูอยู่เฉยๆจน 2 คนนี้พูดเรื่องนั้นๆน้อยลง มันคงเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่ถูกพาดพิงเสียมากกว่ามั้ง หุหุหุ

จากคุณ : พรรคเทพ - [ 20 เม.ย. 48 16:11

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:26:57 น.  

 

ขอร้องเรียนอะไรนิดหน่อยนะครับ นิดหน่อยเท่านั้น

จะตั้งโหวตน่ะ มันควรจะมีความเป็นกลางนิดนึง ถ้าตั้งแล้วช้อยส์ ที่ให้เลือกมันมีแต่ในทางเสียหาย แบบนี้อ่ะ
1. เป็นสิทธิของสมัคร-ดุสิตที่จะทำได้
2. เป็นการมัดมือชกแบบไม่เป็นธรรม
3. เป็นเรื่องสนองตัณหา ปล่อยๆไปเหอะอย่าคิดมาก
4. อื่นๆ(โปรดระบุ)

เล่นงานเสีย 2 ชมเชยเสีย 1
ผมว่าก็ตั้งด่ามันไปเลยดีก่ามั้ง 555 ไม่ต้องมีแนวชมเชยมาหรอก ในนี้โหวตมันเป็นของพวกคุณอยู่แล้วนิเนาะ
หุหุหุ

จากคุณ : พรรคเทพ - [ 20 เม.ย. 48 16:20

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:27:50 น.  

 

อยากเห็น 2 ไดโนเสาร์ ถูกฟ้อง

อยากเห็น ผอ. มิ่งขวัญ ถูกฟ้องด้วย

รายการแบบนี้ มีแต่ยุคเผด็จการครองเมืองเท่านั้นที่ได้รับความนิยม

จากคุณ : รายการขยะๆ - [ 20 เม.ย. 48 17:38

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:28:32 น.  

 

ก็แค่อยากเห็นการถูกฟ้อง เป็นเรื่องความสะใจส่วนตัว
ความจริง ก็น่าคิด ถ้าไม่เป็นความจริงป่านนี้ก็โดนแล้ว
แต่นี่แต่ละคนที่ถูกด่า เห็นเงียบเป็นเป่าสาก
อยากรู้เหมือนกันว่าไปมุดหัวอยู่ไหนทำไมไม่ออกมาโวยวายบ้าง

คิดได้อย่างเดียวว่า เรื่องจริง ถึงไม่กล้าตอบโต้
ฮิฮิฮิ..

จากคุณ : แอบเหงา - [ 20 เม.ย. 48 18:09

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:29:07 น.  

 

เรียนคนข้างบน..# 3 #14 ที่บอกว่าไม่เห็นมีใครฟ้องนายชมพู่
พวกคุณไปอยู่ไหนมาครับ
โดนฟ้องหมิ่นประมาทไปไม่รู้กี่คดีแล้ว..โทษจำคุกก็มี
แต่ด้วยความเมตตาของศาลเปลี่ยนโทษจำให้เป็นรอลงอาญา

เช่น คดีคุณจิรายุ คดีคุณดำรงค์ ดคีเสหนั่น(ให้ลูกสาวมาขอให้ถอนแจ้งความ)
ถ้าพวกคุณๆเกิดทัน..คุณเคยเห็นคนหน้าเหลือสองนิ้วครึ่งไหมครับ..
ตอนถูกศาลตัดสินว่าผิด..หน้างี้จืดสนิดหุบปากเงียบเอาหน้าแถกแผ่นดินอยู่หลายปี

จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 20 เม.ย. 48 18:23:38 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:30:28 น.  

 

ปากประชาธิไตย ใจเผด็จการ

จากคุณ : Can - [ 20 เม.ย. 48 18

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:30:59 น.  

 

คุณไทยพันธ์แท้..ครับเขาพูดถึงเรื่องที่นายหมักด่าออกทีวีนี่.ว่าด่าได้ทุกวันแต่ไม่มีใครที่ถูกด่าออกที่วีคือนายชวน นายอนันท์ฯ.ครับ..ร้อนจังเลยนะตัวเอง

จากคุณ : ร้อนแทนนายมากเลยนะ - [ 20 เม.ย. 48 19

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:32:03 น.  

 

ไทยใหญ่

วันนี้..ต้องขอแสดงความเห็นใจกับกลุ่มผู้ปลดปล่อยด้วยครับ
เมื่อต่างชาติมองเห็นไทยใหญ่สำคัญกว่าฆาตรกรต่อเนื่องในภาคใต้ หรืออาจจะมีคนกลุ่มเดียวกับพวกท่านเห็นสัจจะธรรมว่าความจริงเป็นอย่างไร ร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติของเราคนไทย ดีกว่า
จึงถูกดึงเงินไปช่วยทางด้านไทยใหญ่(เงินก่อนใหญ่กว่า) ต่อไปเงินคงไม่มีมาให้อีกแล้วหรืออาจจะได้น้อยลง แต่เพื่ออุดมการณ์ของพวกท่านเงินเรื่องเล็กครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว

เจ้าหน้าที่ก็คือคนคือมนุษย์ มีกิเลสเหมือนกันหมด เมื่อคนหมู่มากอยู่รวมกันก็ต้องมีทั้งคนดีและคนเลว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เกิดในเฉพาะภาคใต้ของไทย ทุกแห่งในโลกนี้ก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ที่..พยามพูดให้กลุ่มของพวกท่านกลับใจใหม่นี้ ก็คือ อย่าทำร้ายจิตรใจกับเจ้าหน้าที่เลยครับ เขาเป็นคนไทยเหมือนผมและอีกหลายล้านคนที่อาศัยประเทศไทยนี้ ได้เกิดและอาศัยอยู่ โดยที่พวกเราถือว่าผืนแผ่นดินนี้เป็นบุญคุณที่ต้องตอบแทน

ท่านอาจจะเห็นความสำคัญของมนุษย์ร่วมโลกว่าต้องเสมอภาค ก็ถูกต้องของพวกท่านและน่าจะทำตามนั้นด้วยแต่ต้องทั้งสองด้าน เพราะคนไทยก็คือมนุษย์โลกเหมือนกันนะครับ เมื่อท่านเห็นใจกลุ่มของพวกท่านและนำเสนอในด้านเดียวทุกวันๆใส่ร้ายแต่เพื่อร่วมประเทศของพวกผม พยายามจะป้ายสีให้คนทั้งโลกมองว่าประเทศของผมขาดคุณธรรม และ ประเทศที่กล่าวร้าย วิจารณ์ประเทศผมมากที่สุดมันก็ไม่ได้มีมนุษยธรรมมากกว่าประเทศไทยของผมเลยครับ

ไปปรึกษาทีมงานมาแล้วหรือครับ..จึงได้ออกแนวคิดแหวกแนวเกี่ยวกับคุณสมัครที่พวกท่านด่าอยู่ทุกวัน และคุณสมัครก็ด่าพวกท่านอยู่ทุกวัน หรือจะเปิดประเด็นใหม่ผมไม่ออกความเห็นให้เปลี่ยนประเด็นในเรื่องนี้หรอกครับ เอาไว้คุยกับคนอื่นดีกว่า

เออ.สงสัยอยู่นิดหนึ่ง
เมื่อก่อนกลุ่มพวกท่านในภาคใต้ที่ว่านับคนได้นะมันมีกี่คนครับ
และ จริงๆหรือที่ว่าเดี๋ยวนี้นับไม่ถ้วน ผมว่าพวกท่านถูกโกงแล้วแหละ เขาเบิกเงินเกินความจริง
ถ้าพวกท่านว่าทักษิณไม่ดีทำไมไม่แก้แค้นให้ถูกคนละครับ ไปฆ่าคนอื่นทำไมละครับโดยเฉพาะพวกเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทักษิณเลย เลือกตั้งคราวที่แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เลือกไทยรักไทย

จากคุณ : 01 - [ 20 เม.ย. 48 19:51:45

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:33:09 น.  

 

เห็นด้วยกับ คห 26
เอาเลย ชอบๆๆๆๆๆๆๆ
ฟ้องเลย ฟ้องเลย

จากคุณ : e-sam - [ 20 เม.ย. 48 19:56:10 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:33:49 น.  

 

ใช่ๆๆเอาเลย ฟ้องเลย ฟ้องเสียที ไม่ใช่มานั่งเห่านั่งขู่อยู่ได้

เอ้าฟ้องเลย จะดูหน้าซิว่า หน้าไหนมันจะกล้าแกว่งเท้าหาเสี้ยน

เอาฟ้องเรยๆๆๆๆ หุหุหุ

จากคุณ : พรรคเทพ - [ 20 เม.ย. 48 19:59

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:34:19 น.  

 

ไม่ใช่ แกว่งเท้าหาเสี้ยน

แต่ใครจะกล้าเอาไม้สั้นไปรันขี้

จากคุณ : Can - [ 20 เม.ย. 48 20:35

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:34:52 น.  

 

- -*

จากคุณ : พรรคเทพ - [ 20 เม.ย. 48 21:15

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:35:34 น.  

 

5555...

พรระคเทพจ๋อยไปเลย...

จากคุณ : An.mkII - [ 20 เม.ย. 48 21:35:19 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:35:58 น.  

 

ปัญหามันอยู่ที่คำว่า"ด่าใครต่อใครไปทั่ว"
ใครต่อใคร ในที่นี้ บังเอิญโดนใจผู้ชมผู้ฟังอย่างจัง
บรรดาคนสนิท ผู้สนับสนุน ของ ใครต่อใคร
เลยมีอาการตีโพยตีพาย ตีอกชกตัวไปตามเรื่อง
...ก็เท่านั้น

จากคุณ : กูก้า - [ 20 เม.ย. 48 21:51:29 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:36:35 น.  

 

แต่ผมว่าคนมือเปลื้อนขี้.เลยกลัวคนอื่นรู้หรือแค่ออกมาก็เหม็นแล้วเลยไม่กล้าออกมาฟ้องมากกว่าครับ..
มีหรือคนระดับนายชวน นายอนันท์.จะปล่อยให่มานั่งด่าเรื่องไม่จริงออกทีวีได้บ่อยๆ..(แทบทุกวัน)..มันเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นหรอกครับคำแก้ตัวแบบนี้นะ.
..ขนาดบางคนในนี้โดนตั้งกระทู้ยังรับไม่ได้..แล้วคนระดับอดีตนายก.อย่างนั้นโดนด่าตรงๆประจานตรงๆ ไม่ต้องใช้อักษรย่อด้วย.(แบบที่นายชูหรือนักการเมืองที่ใจปลาซิวเขาทำกัน)...รู้เห็น ฟังกันทั้งประเทศ..ยังเงียบนี่นะ..แถวบ้านผมเขาเรียกว่า"จนด้วยหลักฐาน"ครับ.เพราะถ้าไม่จริง..ต้องโต้แย้งบ้าง

จากคุณ : ใครน่ะที่ทนได้ถ้าเรืองไม่จริง - [ 20 เม.ย. 48

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:37:23 น.  

 

เอาเรื่องนี้ไปถามจืดหมักสิ เรื่องจริงมั๊ย
...................................................
คุณรู้มั๊ย เมียนายหมัก ทำงานซีพีหลายสิบปี
ผัวขึ้นเป็น รมต. ยังทำอยู่เลย

นายจืดได้ดิบได้ดีมีที่สำรากเพราะซีพี ให้โอกาสที่ ยูบีซี

ซีพีเสียประโยชน์เรื่องโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย มีการเจรจาระหว่างนายกอานันท์กับเจ้าสัวซีพี

สมัยนายอานันท์เป็นนายก หั่นเหลือ 1 ล้านเลขหมาย เฉพาะกรุงเทพและปริมณฑลส่วนต่างจังหวัดประมูลใหม่

ถ้าเป็นคุณ..เจ็บใจมั๊ย...ถามแค่นี้ก่อน

นี่เป็นข้อมูลจริง ที่มองข้ามไม่ได้...หรือจะให้กระชากลากไส้ ลิ่วล้อนายทุนออกมาอีก ไอ้ห้อย-ไอ้โหน มันมีภาพต่อต้านคอรับชั่นมาจากใหน

เห็นเช็ดปากแผล็บ ๆอยู่หลายเรื่อง ก็แค่หาโอกาสเอาคืนแค่นั้นเองครับ...ไอ้พวกลิ่วล้อนายทุน แค่แอะปากก็เห็นขี้

ตัวเองนั่นแหละ เผด็จการเต็มร้อย ยังมีหน้าไปชี้คนอื่นเผด็จการ
...........................................................
แน่จริง เปิดปากเรื่อง ออเหลิม ต่อสัญญาช่อง 3 อีก 20 ปีมั๊ยล่ะ

ขณะที่สัญญายังไม่หมดอายุน่ะ

แฉอะไรก็แฉให้หมดดิ...ไอ้ห้อย-ไอ้โหน ปากเหม็นจริง ๆ
...............................................................
ไอ้คนเซ็นต์สัญญาเรื่องโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมายก็ไปเมืองผี...ด้วยโรคอะไรบางอย่าง...หัวหน้าพรรคเชียวนะนั่นน่ะ เป็น รมต.คมนาคม

ทำไมไม่แฉล่ะ....พอผูกขาดโทรศัพท์ไม่ได้ก็ให้ลิ่วล้อออกมาเห่าหอน เป็นความเจ็บช้ำแต่ปางบรรพ์

เห็นหรือยังว่า ทำไมคนอื่นไม่อยากเอาไม้สั้นไปรันขี้ เพราะสองตัวนี้มันเหม็นทั้งตัว

เวลาฟังขี้ปากพวกนี้ ต้องดูด้วยว่าไอ้คนพรรคนี้มันมายังไง ไปยังไง ประวัติเป็นยังไง

อย่าเอาแต่สะใจอย่างเดียว.....มันก็แค่ สว.ในวงการสื่อฯแค่นั้นแหละครับ เขียนหนังสือสันดานหนังสือพิมพ์ไว้ยังไงมันถึงมากลายเป็นสันดานอดีตรัฐมนตรีไปซะแล้ว

จากคุณ : Can - [ 20 เม.ย. 48 22:46

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:39:19 น.  

 

อีกหน่อยก็คงจะกระชากลูกสาว
ลากลูกเขยทั้งสองมาละเลงด้วย อย่างไม่ละอาย

((( อย่าบิดเบือนและตะแบงไปมากกว่านี้เลย.. )))

ออกทีวีทุกครั้งเขาประกาศชัด..
** ผม.. สมัคร ......... **

แล้วคุณละ..ใคร ?.. นาย Can
เคยทำอะไร ? เป็นประโยชน์...

จากคุณ : กับประเทศชาติบ้าง !!! - [ 20 เม.ย. 48 23:17

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:40:12 น.  

 

โน่น.ไปถึงลูกเมียเขาแล้ว..คุณแคน.กท.เขาว่าอะไรล่ะครับ.เอาเรื่องที่นายหมักด่านายชวนและนายอนัันท์.มาแย้งซิครับ..อย่างนอกเส้นทาง..ว่าทำไมไม่ออกมาตอบโต้.หรือแจ้งความ..
โอเค.ผลประโยชน์สมัยก่อนไม่ลงตัว.นายหมัมาปูด..แล้วถ้าไม่จริงทำไมไม่ออกมาปฏิเสธล่ะ..ปชช.อย่างผมสงสัยนะครับเพราะผิดวิสัยนายชวนที่จะยอมใครง่ายแบบนี้(แค่เบอร์เก้ายังหาเรื่อด่าเขาเลย)แต่เรื่องนี้เงีบยบน่ะ.

จากคุณ : กลัวขี้เหม็นออกมาหรือไง - [ 20 เม.ย. 48 23:24

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:40:43 น.  

 

เหตุก็คือไม่มีใครเป็นนายชวนหรือนายอานันท์ ย่อมไม่สามารถตอบแทนได้

ดังนั้นในฐานะคอการเมือง ก็ต้องเชื่อมโยงว่า เหตุมาจากอะไร

ทำไมหมักจืด จ้องอัดนายอานันท์ นักวิชาการ หรือคนทำงานภาคประชาชน

ไม่มีใครรู้ว่าจริงไม่จริง แต่หากถ้ายึดถือมาตรฐานนี้

มาตรฐานว่าถ้าไม่จริงทำไมไม่ออกมาตอบโต้หรือฟ้องร้อง

คนรู้ทันทักษิณ ออกหนังสือมา 3 เล่ม ไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ทักษิณและรัฐบาลไม่ตอบโต้หรือชี้แจง

แสดงว่ารัฐบาลโกงตามที่คนกล่าวหาหรือไม่ เพราะรัฐบาลไม่เคยชี้แจงหรือฟ้องร้องพวกรู้ทันทักษิณ

ใช้ตรรกะแบบนี้ได้ใช่มั๊ยครับ

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 00:17:08

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:41:41 น.  

 

ผมถึงบอก หมัก-จืดน่ะ กำลังเห่าเรือบินครับ

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 00:20

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:42:25 น.  

 

อีกหน่อยคนโดนหมาเห่าก็เป็นโจรไปหมด...ประเทศนี้คงอยู่ไม่ได้แล้ว

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 00:34

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:42:56 น.  

 

แต่ผมแปลกใจมากกว่าว่า ทำไมคนถึงปล่อยให้หมามันเห่าอยู่ได้ ไม่รำคาญกันหรือไง

จากคุณ : ธนูไฟ - [ 21 เม.ย. 48 01:15:54 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:43:23 น.  

 

อิ อิ ก็มีคนชอบยุให้หมามันเห่านะซีครับ รำคาญก็ต้องทำเป็นไม่ได้ยิน

สำคัญว่าข้อมูลผมน่ะจริงแท้แน่นอน...ไม่เชื่อเอาไปถามหมัก-จืด ดูซีครับ

เรื่องเมียทำงานน่ะ หมักเอามาเขียนหนังสือเชียวนะจะบอกให้ จะเอาหลักฐานมั๊ยล่ะ...ฮ่า ฮ่า เมีย...ใครคิดว่าไม่สำคัญ

บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ...พวกอาศัยสื่อของตัวเองเที่ยวด่าคนอื่น มันไม่ได้วิเศษมาจากใหนหรอกครับ...เลวมาก่อนทั้งนั้น

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 01:33

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:44:29 น.  

 

ใครที่บอกสมัครไม่มีแผล...โปรดดูที่นี่ แล้วไปตรวจสอบ
เหตุเกิดเมื่อ ปี 2526
...........................................................

รพช. กรณีที่ท้าทาย......ใครจะเป็นรายต่อไป ?
...........................................................
หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง เขียนบทความชื่อดังกล่าวข้างบน ผมจึงขอนำเนื้อหา มาลงให้อ่าน ดังนี้

“ฮือฮากันมาตั้งแต่วันที่คำสั่งเลขที่ 748/2521 ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งให้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการใช้เงินมากกว่าความจำเป็น ของโครงการเงินกู้ ในการพัฒนาชนบท จากธนาคารโลก ของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม สมัยรัฐบาลเกรียงศักดิ์ 1

สาเหตุที่เรื่องดังกล่าว “โด่ง-โป่ง” ออกมานั้น มีสาเหตุด้วยกัน 2 กรณี คือ

1. การคอร์รัปชัน หรือ ลักษณะของ “เสือนอนกิน” ที่บริษัทที่ปรึกษา “หากิน” อยู่กับหน่วยงานของรัฐ นั้น ทำกันมานานเป็นแรมปี ซึ่งส่งผลให้รัฐต้องเสียหาย และสูญเงินไปกับบริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้ จำนวนไม่น้อย รวมทั้งสัญญาที่ “ประโยชน์” ตกอยู่กับบริษัทที่ปรึกษา ภายใต้การรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ มากกว่าจะผลักดันให้ผลประโยชน์ทั้งหมด ตกอยู่กับการพัฒนาประเทศ อย่างแท้จริง ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทนไม่ได้ และ “โวย” ออกมาในที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

2. เกี่ยวกับกรณีบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา TEC. และ รพช.นั้น นอกจาก TEC. จะเป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ที่ “หากิน” กับหน่วยงานราชการมานานแล้ว ยัง “โยง” ไปถึงนักการเมืองอย่าง “สมัคร .....” ที่อดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย และเป็นผู้ “อนุมัติ” ในสัญญาระหว่าง TEC. กับ รพช.

ด้วยความ “ดัง” ของนักการเมืองผู้นี้ ในฐานะคนของประชาชน ดังนั้นข่าวเกี่ยวกับตัวเขา และ “ญาติ” รับผิดชอบโครงการเงินกู้ดังกล่าว จึงพลอย “ดังไปด้วย

ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการเงินกู้ธนาคารโลกรายนี้ ทั้งหมด คือ

1. นายส. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น ในฐานะผู้ “อนุมัติ” สัญญา ระหว่าง TEC. กับ รพช.

2. นายช. ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ซึ่งลงนาม “เห็นควร” กับสัญญาดังกล่าว ฯลฯ

โครงการผูกขาดของ TEC. เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2522 รพช. ได้ขอบอกเลิกสัญญาที่กระทำไว้กับ TEC. เนื่องมาจาก บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาดังกล่าว กระทำผิดสัญญา ซึ่งทาง รพช. จะได้มอบให้ทางกรมอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายมากว่า 28 ล้านบาท (ตามสัญญานี้ โครงการจะสิ้นสุดลง ณ วันที่ 6 ก.พ. 2525)

เนื่องจากข่าวนี้ เกิดขึ้นเนื่องมาจากสมัยที่ ออหมัก เป็น รมว.มท. หรือ มท.1 ที่กลายเป็นข่าว เพราะพลเอกเปรม ฯ รมช.มหาดไทย หรือ มท.2 ในรัฐบาลต่อมา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ดังกล่าวแล้ว และผู้บริหารของ รพช. ก็เคยถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต จนถูกดำเนินคดีมาแล้ว แต่ขณะนี้ผมยังนึกชื่อไม่ออก

ลองเอาไปถามออหมักหน่อยครับ....เคยมีเรื่องแบบนี้หรือไม่ ท่าน พลเอกเปรม ได้ตรวจสอบเรื่องนี้จริงหรือไม่

เห็นปากดีนัก เลยลองกระชากลากไส้ออกมาให้ดูเล่น ๆ

ประเภทก้ำกึ่งๆ แบบนี้ ออหมักเค้าถนัดนักละครับท่านผู้ชม...ยังมีอีกเยอะครับ...ไว้ว่าง ๆจะกระชากออกมาให้ดูเรื่อยๆ

แม้แต่เรื่องโฟมวันลอยกระทง...มองให้ดี ๆ ใครมีผลประโยชน์กับพวกขายโฟม....เรื่องแบบนี้มันมีผลข้างเคียง แม้แต่ออกถุงดำมาขายนั่นน่ะ...มันผลประโยชน์ชัด ๆ

บริษัทขายของพวกนี้จะมีกี่บริษัทเชียวครับ ตามดี ๆก็คงจ๊ะเอ๋...เจอดีเข้าจนได้

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 03:07

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:47:10 น.  

 

สันดานรัฐมนตรีที่ชอบทำตัวเป็นสื่อมวลชน
......................................................
* สมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีคอลัมนิสต์

นอกจากสมญานามรัฐมนตรีจอแก้วแล้ว ออหมัก ก็ยังได้ฉายาอีกว่า “รัฐมนตรีคอลัมนิสต์ ดังหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ได้จั่วหัวเอาไว้

ผมขอถ่ายทอดเนื้อหาของเรื่องนี้ มาให้อ่าน ดังนี้

“ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง และปฏิเสธตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าที่จะมีการแต่งตั้งเพียงไม่กี่วัน มีรัฐมนตรีที่เป็นนักพูด นักเขียน อยู่หลายคน ที่เคยเป็นคอลัมนิสต์ให้หนังสือพิมพ์ ก็เคย แต่ที่ปฏิบัติตนได้อย่างคงเส้นคงวา เห็นจะเป็นนายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ก่อนหน้าที่จะเป็นรัฐมนตรีฯ นายสมัครเขียนคอลัมน์ประจำอยู่ที่ นสพ.เดลิมิเร่อร์ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคประชากรไทย (ปชท) ที่เขาเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ และเมื่อเขาเป็นรัฐมนตรีฯ เขาก็ยังเขียนอยู่เป็นประจำ การเขียนคอลัมน์ประจำหน้า นสพ.ของรัฐมนตรีฯ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบขึ้น กับ ผู้ที่เป็นนักเขียน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม (แสป) นั้น ก่อนนี้เขียนประจำอยู่ที่ นสพ.สยามรัฐ แต่เมื่อได้จัดตั้งรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านก็วางมือ ที่วางมือ ไม่ใช่เพราะราชการงานเมือง มาเบียดบังเวลาการเขียนหนังสือของท่าน เพราะผู้ที่มีความรู้ ความสามารถอย่างท่าน คอลัมน์แค่หน้าเดียวนั้น ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำ

การวางปากกาของนายวีระ มุสิกพงศ์ รมช.มหาดไทย อาจจะแตกต่างไปจากกรณีของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เพราะท่านหยุดเชียนที่มติชน ไทยรัฐ ก่อนหน้าที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง (เมื่อปี 2522) ซึ่งอาจจะโดยมารยาทของท่าน เพราะ นสพ.ทั้ง 2 ฉบับนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน แต่เมื่อท่านสอบตก มาทำหนังสือของท่านเอง และมีอันต้องล้มเลิกไป หลังจากที่ท่านร่วมรัฐบาล พล.อ.เปรม ท่านก็ไม่เขียน

สิ่งที่เป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่ขณะนี้ คือ มีคนพยายามที่จะให้นายสมัคร สุนทรเวช เอาอย่าง มรว.คึกฤทธิ์ หรืออย่างนายวีระบ้าง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ มรว.คึกฤทธิ์ ก็ มรว.คึกฤทธิ์ นายวีระ ก็นายวีระ และคนอย่างนายสมัคร ก็นายสมัคร จะให้คิด จะให้ทำ จะให้มีคุณธรรม จริยธรรม เหมือนกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้.........

อย่างไรก็ตาม นสพ.มติชน ในบทนำ ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ไว้ว่า การที่นักการเมืองคนใด ได้เป็นรัฐมนตรี มิได้หมายความว่า สถานะของเขา จะแยก หรือ หย่าขาดจากความสัมพันธ์ กับ รัฐมนตรีทั้งคณะ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องถือกติการ่วมกัน แต่สภาพที่รัฐมนตรีบางคน เป็นนักเขียนบทความทางการเมือง ก็มีความเป็นไปได้ ที่จะสร้างความอึดอัดให้กับเพื่อนในคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างยิ่ง เพราะในที่ประชุม ก็ไม่ได้มีหลักประกันแม้แต่น้อยว่า จะไม่ถูกนำไปขยายทั้งในรูปบทความ และรายงานข่าว ในแบบแทงข้างหลังอย่างไร้ความเป็นลูกผู้ชาย แค่พลเอกเปรม พบกับพลตรีประมาณสองต่อสอง ก็ยังรู้กันเลยว่า ทั้ง 2 ท่านคุยกันด้วยเรื่องอะไร ต่อรองอะไรกันบ้าง ตกลงหรือไม่ตกลง

สิ่งที่หนังสือพิมพ์เป็นห่วงนั้น แท้จริงแล้วเห็นจะอยู่ที่ตัวนายสมัคร สุนทรเวช เองมากกว่า เพราะหนังสือพิมพ์ไม่เชื่อในความมีคุณธรรม ไม่เชื่อในความเป็นลูกผู้ชาย ไม่เชื่อในเกียรติยศของคนอย่างนายสมัคร นั่นเอง

การที่นายสมัครฯ รมว.คมนาคม เขียนหนังสืออยู่ เขาเรียกคอลัมนิสต์บางคน ที่โต้แย้งเขา ไม่เห็นด้วยกับเขาว่า “อั้ยคอลัมนิสต์หน้าโง่” นั่นก็ยิ่งจะเป็นการดีเสียอีก ที่คอลัมนิสต์คนนั้น จะได้ศึกษาหาความรู้ ให้หายจากคำว่า “อั้ยหน้าโง่” และถ้าหากนายนายสมัครฯ เขียนอะไรที่โง่ ๆ เชย ๆ ออกมา เราก็จะได้เรียกเขาได้เช่นเดียวกันว่า “อั้ยรัฐมนตรีหน้าโง่”
.........................................
เป็นไงครับ ออหมัก ในสายตานักหนังสือพิมพ์

เค้าไม่เชื่อในความเป็นสุภาพบุรุษมาแต่ใหนแต่ไรครับ

ว่าง ๆ ลองไปค้นที่มติชน หรือ บทนำ ไทยรัฐนะครับ

ความไม่ไว้ใจในความเป็นสุภาพบุรุษของออหมัก...เหลือรับประทานครับ...ดูคนให้ดูนาน ๆ ดูถึงสันดานถึงจะซึ้งครับ

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 03:25

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:49:11 น.  

 

ทำไมจะลากเอาครอบครัวมาชำเรา ( ทางการเมือง ) ไม่ได้ ?
...ถ้ามูลเหตุของความระยัม มาจากครอบครัว
...อย่ากระแดะนักเลย
...ขอร้อง

จากคุณ : qazwsx - [ 21 เม.ย. 48 04:40:29 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:49:38 น.  

 

ออกทีวีทุกครั้งเขาประกาศชัด..
** ผม.. สมัคร สุนทรเวช **

แล้วคุณละ..ใคร ?.. นาย Can
เคยทำอะไร ? เป็นประโยชน์...

จากคุณ : กับประเทศชาติบ้าง !!!
"""""""""""""""""""""""""""""""""""
ผมชื่อ นาย Can

กระชากหน้ากากนักการเมืองจอมเผด็จการ ปากหมา ไม่ให้ใครหลงลมง่าย ๆ คงช่วยชาติได้กระมังครับ

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 05:56

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:50:41 น.  

 

อีกซักเรื่อง...สมัครกับทิปโก้...ค้ายางมะตอย
.........................................................
ยางมะตอยนั้น ก็ต้องนึกถึงนายประสิทธิ์ ทรัพย์สาคร แห่งบริษัทถนอมวงศ์ และบริษัททิปโก้อีมัลชัน และบริษัททิปโก้ แอสฟัลท์ จำกัด

สมัยแม่ชะม้อยกำลังโด่งดัง ก็เคยโอดครวญเรื่องแชร์น้ำมันที่เกิดปํญหาว่า "ม้อยไม่ได้โกง แต่ตอนนี้เงินอยู่ที่คุณประสิทธิ์ จิตต์ที่พึ่ง" ซึ่งกลายเป็นปริศนาให้ขบคิดกันว่า คุณประสิทธิ์ฯ ของชะม้อยนี่ เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ หรือว่ามีตัวตนจริง ๆ

บริษัทถนอมวงศ์บริการจำกัด มีความสัมพันธ์กับองค์การเชื้อเพลิง (อชพ) ในเรื่องจัดหาน้ำมันไปขายตามปั๊มถนอมวงศ์บริการ และเกี่ยวพันกับผลผลิตของน้ำมัน คือยางมะตอย หรือยางแอสฟัลท์ที่ใช้ราดถนน นั่นเอง ทำให้ในช่วงปี 2516-2522 บริษัทถนอมวงศ์ได้สยายปีเข้าสู่ธุรกิจยางมะตอย โดยได้สิทธิ์จัดซื้อหายางมะตอย ให้กับกรมทางหลวงประมาณ 25% ของงบประมาณทั้งหมด รวมทั้งยางมะตอยใก้กับกรมชลประทาน และสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) กระทรวงมหาดไทย

แต่ช่วงดังกล่าว บริษัทถนอมวงศ์ ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ดังกล่าวแต่ประการใด ทำให้บริษํทแอสฟัลท์บริการ ของนายชาญ อิสสระ ซึ่งดำเนินการอยู่ก่อน เป็นผู้จัดหาแต่ผู้เดียว

ข. ต้องไม่ลืมว่า บริษัทถนอมวงศ์นั้น มีส่วนพัวพันกับการเมืองอย่างแน่นแฟ้นด้วยดี ชื่อบริษัท ก็มาจากชื่อของจอมพลถนอม กิตติขจร จึงไม่แปลกที่ยุคหนึ่ง สำนักงานพรรคสหประชาไทย (สปท.) ที่มีจอมพลถนอมเป็นหัวหน้าพรรค และ พล.อ.อ.ทวี จุลทรัพย์ เป็นเลขาธิการพรรค จะตั้งอยู่ที่อาคารถนอมวงศ์บริการ

เมื่อปี 2534 ที่ทำการพรรคกิจสังคม ก็เคยมาตั้งอยู่ที่อาคารถนอมวงศ์ แถว ๆ ถนนพิชัย เขตดุสิต เหมือนกัน

เมื่อปี 2529 นายบุญชู โรจนเสถียร ตั้งพรรคกิจประชาคม ก็มาอาศัยชั้น 3 ของอาคารถนอมวงศ์ เป็นที่ทำการพรรค ก่อนจะรวมกับพรรคเอกภาพในเวลาต่อมา

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2533 คนที่ไปหานายประสิทธิ์ ทรัพย์สาคร ก็คือ นายดุสิต โสภิชา ส.ส.อุบลราชธานี พรรค กิจประชาคม จนนายดุสิต โสภิชา กลายเป็น "เหยื่อแห่งชาติ" ที่ถูกเชือดฐานกรรโชกทรัพย์ เพราะไปเรียกรับสินบน นั่นเอง นายดุสิตฯ ตกเป็นจำเลยฐานกรรโชกทรัพย์ และผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม โดยโจทก์ยื่นฟ้องนายดุสิต เมื่อ 24 มี.ค. 2534

โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อ 25 ธ.ค. 2533 จำเลยซึ่งเป็น ส.ส.อุบลราชธานี ได้กระทำผิดด้วยการกรรโชกทรัพย์ จากนายสมจิตต์ เศรษฐิน (ลูกเขยนายประสิทธิ์) กรรมการผู้จัดการบริษัททิปโก้ แอสฟัลท์ จำกัด เป็นเงิน 2 ล้านบาท พร้อมรถยนต์กะบะอีก 1 คัน หากไม่ยินยอม จำเลยจะนำเรื่องการทุจริตการซื้อขายยางมะตอยของบริษัททิปโก้ฯ ที่จำหน่ายให้แก่รัฐโดยไม่ถูกต้อง ไปอภิปรายในสภา ทำให้นายสมจิตต์ และนายประสิทธ์ ฯ ประธานบริษัททิปโก้ฯ เกรงกลัว จึงยินยอมมอบทรัพย์สิน ที่จำเลยเรียกร้องให้ แต่ในวันที่ 28 ธ.ค. 2533 จำเลยเดินทางมารับเงิน และรถยนต์ ได้ถูกตำรวจจับกุมตัว พร้อมของกลาง

ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาจำคุกจำเลย 15 ปี จำเลยฎีกาขอให้ศาลยกฟ้อง แต่เมื่อถึงเวลา จำเลยกลับไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วถึง 3 ครั้ง ศาลจึงออกหมายจับ เนื่องจากจำเลยมีพฤติการณ์จะหลบหนี และศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยตามกฎหมาย ว่าจำเลยมีหน้าที่ควบคุมการบริหารงานแผ่นดินหรือของรัฐ หรือคณะรัฐมนตรี ด้วยการอภิปราย หรือตั้งกระทู้ถาม เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งข่าวที่หนังสือพิมพ์กล่าวหาว่า ผู้บริหารบริษัททิปโก้ฯ ติดสินบนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อซื้อขายางมะตอย จำเลยมีสิทธิ์พึงกระทำได้ ซึ่งจำเลยอาจเห็นว่า เป็นเรื่องจริง หรือเชื่อว่าเป็นความจริง แต่เป็นการแกล้งกล่าวหา เพื่อใช้เป็นข้ออ้าง ในการข่มขืนใจ ให้ผู้เสียหายยินยอมมอบทรัพย์สินให้เป็นการส่วนตัว

การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานผิดต่อตำแหน่งหน้า ในการยุติธรรม ให้ยกฟ้องความผิดฐานนี้ แต่จำเลยยังคงมีความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ฎีกาจำเลยฟีงขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ฐานกรรโชกทรัพย์ 4 ปี

นายดุสิตฯ หนีไปกบดานที่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายปี เพิ่งเข้ามอบตัวราวปี 2546 นี้เอง

ต่อมา บริษัทถนอมวงศ์ได้เติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นับแต่ปี 2522 เป็นต้นมา และในสมัยรัฐบาลเปรม นายสมัคร สุนทรเวช เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สำนักงาน หรือ ที่ทำการพรรคประชากรไทย (ปชป.) ระยะหนึ่ง ก็คือ ชั้น 3 ของอาคารทิปโก้ หลังปั๊ม ปตท. ที่ริมคลองประปา
.....................................................................
กลับไปถาม หมัก ซักคำ...มีอะไรกับ ทิปโก้ ถึงไปใช้อาคารของเค้าเป็นที่ทำการพรรคประชากรไทย

อย่าบอกว่าไม่รู้จักล่ะ...ไปถามลูกพี่ให้ดี อย่าทำเป็นความจำเสื่อม....

ว่าง ๆจะเอาเรื่อง "จอมเนรคุณ" มาเผย...รู้จักคนชื่อ ธรรมนูญ เทียนเงินมั๊ยครับ มีคำสัมภาษณ์อยู่ด้วย

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 06:14

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:51:24 น.  

 

คราวนี้คงรู้แล้วกระมัง ทำไมต้อง โฟม...ทำไมต้องทำถุงกทม.ออกขาย

อย่าบอกว่าไม่เกี่ยวล่ะ...อายเค้าตาย

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 06:22

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:51:57 น.  

 

5555...

พรรคเทพจ๋อยไปเลย...

จากคุณ : An.mkII
...........................
โอ๊ะโอ กระผมไม่ได้จ๋อยนะครับ

ก็แค่ง่วงแล้วขี้เกียจมานั่งร่ายกับลุงแก

เพราะเดี๋ยวแกจะยกประวัติศาสตร์ชาติเชื้อที่รู้เฉพาะแกคนเดียวแล้วก็ใส่สีให้ผมหลงตามอีก ก็แค่นั้นแหละครับ

..........................

สำหรับลุง can

ที่สำคัญที่อ้างตัวว่ากระชากหน้ากากนักการเมืองจอมเผด็จการ ปากหมา ไม่ให้ใครหลงลมง่าย ๆ คงช่วยชาติได้กระมังครับ

มากระชากในเน็ทแล้วมันได้อะไรล่ะครับ

ถ้าชอบมองว่า 2 คนนี้เล่นงานคนอื่นโดยไม่มีโอกาสชี้แจง

ลุงก็คงไม่ต่างกันหรอก มีปัญญาก็แค่มานั่งโพสต์ให้พวกคอเดียวกันมาสรรเสริญก็เท่าน้านนนนน

หรือว่าไม่จริง??

จากคุณ : พรรคเทพ - [ 21 เม.ย. 48 06:43

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:52:43 น.  

 

ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ด่าข้างเดียวแบบหมักจืด สนุกจะตายไป

แต่เท็จจริง ท้าให้ไปถามไง....

อย่างน้อยคนที่ไม่ฟังความข้างเดียวก็จะได้รู้ ได้ตรวจสอบ

ที่เห่าหอนทางทีวีฝ่ายเดียวน่ะ มันต้องโดนกระชากหนังหมาออกมาให้เห็นกันบ้าง

อยากฟังเรื่องจืดด่า ท่านคึกฤทธิ์ ว่า ไอ้หัวหงอกมั๊ยล่ะ ฮ่า ฮ่า

ไอ้นี่ปากหาเรื่อง ตอนนี้กลับไปอาศัยชายคาท่านคึกฤทธิ์ ที่สยามรัฐ แอบเป็นสื่อเขียนคอลัมน์ เอามั๊ย ๆ

ของจริงด้วย...ไอ้ที่จีบปากจีบคอให้คนไม่มีข้อมูลหลงลมอยู่นั่นน่ะ...จะได้รู้สันดานหรือว่ากำพืดคนบางคน

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 08:10

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:53:33 น.  

 

เอ้า พรรคเทพ เอาไปตรวจสอบนะ
...........................................
“ เช้าวันที่ 4 กันยายน 2520 บรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ ต่างก็ตกอยู่ในอาการตกตะลึง เมื่อได้รับโทรศัพท์จาก พลเอกประลอง วีระปรีย์ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) และสมาชิกสภาที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (ธานินทร์) เชิญมาพบที่บ้าน เพื่อรับฟังกรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์ไปในเรื่องปากท้องของประชาชน และขอยืนยันว่า “ตนพูดจริง ตามที่ นสพ.ลงข่าวไป แต่ไม่ได้ว่าใคร ผมเองไม่ได้ส่งให้หนังสือพิมพ์แก้ข่าว แล้วไม่รับรู้ด้วย”

เรื่องของเรื่อง เริ่มต้นมาจากเมื่อ 23 ส.ค. 2520 นายดุสิต ศิริวรรณ (จืด ข้าวบูด) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวคำปราศรัยในการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมนักธุรกิจการท่องเที่ยว ภาคเอกชน เกี่ยวกับสภาวะบ้านเมือง จนเป็นที่ซาบซึ้งแก่คนทั้งหลายว่า

“...รัฐบาลทราบดีถึงกลุ่มอดีตนักการเมือง กลุ่มพ่อค้า ฉวยโอกาสปล่อยข่าวลือทำลายรัฐบาล ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน แม้แต่พวกฝ่ายขวา(ตกขอบ) ด้วยกัน ก็พยายามกอบโกยผลประโยชน์ ขัดขวางรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา บางคนทำตนเป็นไม้แก่ดัดยาก หัวหงอกแล้วยังพูดทำลายภาพพจน์บ้านเมือง และตำหนิรัฐบาลมาตลอด”

คำพูดอันห้าวหาญของท่านรัฐมนตรีหนุ่ม ทำให้บุคคลหลายฝ่าย พยายามคาดเดากันว่า รมต.ดุสิต หมายถึงใครกันแน่ เพราะมีหลายคนอยู่ในฐานะ “หัวหงอก” อย่าง มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เจ้าของคอลัมน์ “คลื่นใต้น้ำ” จากสยามรัฐอันลือลั่น ก็เป็นคนหนึ่งที่มีผมสีดอกเลา ยาวเป็นรากไทรดูสวยงาม อย่างไรก็ตาม การคาดเดาก็ไม่มีข้อยุติ เพราะคนที่รู้ดีที่สุด คือตัวคนพูดนั้น ก็มิได้ปริปากแฉออกมา

เมื่อ 30 ส.ค. 2520 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ผู้อยากรู้เกี่ยวกับปริศนานี้ ก็ไปถามหลายคน ให้ช่วยแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ จนไปถามพลเอกประลอง วีระปรีย์เข้า ท่านก็ได้กล่าวว่า

“ขอให้ระลึกถึงคำกล่าวของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ไว้ให้ดีว่า เป็นใหญ่ จะคิด จะทำอะไร ต้องมีหลักฐานให้แน่ชัด ขอให้รัฐมนตรีซึ่งถือว่า เป็นใหญ่แล้ว ให้ระมัดระวังคำพูดไว้ให้มาก อย่าพูดอะไรโดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด ซึ่งไม่เกิดผลดีแก่รัฐบาล และประเทศชาติ ที่จริงแล้ว รัฐบาลน่าจะให้ความสนใจแก่ปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน ที่กำลังเดือดร้อน จะเป็นประโยชน์มากกว่า”

พลเอกบุญชัย บำรุงพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่มีนักข่าวไปถามเรื่องนี้เข้า ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่พัทยา ท่านกล่าวว่า

“การที่ว่า มีคนจะล้มล้างรัฐบาล ก็เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีดุสิตว่า ผมไม่เห็นจะมีใคร เห็นแต่คนหวังดีต่อชาติทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์สัญญา หม่อมเสนีย์ หม่อมคึกฤทธิ์ ก็ตาม”

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน ที่ล้วนแต่ “หัวหงอก”

ทันทีที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ตีพิมพ์ ข่าวคำให้สัมภาษณ์ของพลเอกประลอง วีระปรีย์ ในฉบับเช้าวันที่ 31 สิงหาคม 2520 บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ก็ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการที่ปรึกษาเจ้าพนักงานการพิมพ์ ให้แก้ข่าวว่า

“ข่าวที่อ้างว่า เป็นคำให้สัมภาษณ์ของพลเอกประลอง วีระปรีย์ นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะ พลเอกประลอง มิได้ให้สัมภาษณ์ดังที่ลงพิมพ์ไว้ หนังสือพิมพ์ต้องตีพิมพ์ข้อความขออภัยต่อพลเอกประลอง รัฐมนตรีดุสิต และผู้อ่านไว้ด้วยทุกฉบับ”

เรื่องนี้น่าจะยุติลงได้ตามแบบฉบับของหนังสือพิมพ์ยุคปฏิรูป ที่ถือเอาคำสั่งของคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ เป็นเด็ดขาด แต่แล้วคนทำหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย ก็ต้องพบกับความประหลาดใจยิ่งขึ้นอีก เมื่อพลเอกประลอง วีระปรีย์ ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ยืนยันถึงคำให้สัมภาษณ์ของตน ที่หนังสือพิมพ์ได้ตีพิมพ์ไปแล้ว พร้อมกับชี้แจงเรื่องการแก้ข่าว ว่า

“เรื่องการแก้ข่าว ผมไม่ได้รับรู้เลย ที่เป็นข่าวว่า ผมแก้ข่าวนั้น อาจเนื่องมาจากว่า ภรรยาของน้องภรรยาผม คือ คุณเพ็ญแข เสนาณรงค์ ปัจจุบันทำงานในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีดุสิต ได้โทร.มาถามว่า พี่ไปว่ารัฐมนตรีดุสิตหรือ ผมก็ตอบไปว่า พี่ไม่ได้ว่ารัฐมนตรีดุสิต แค่นี้เอง ซึ่งคำพูดอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ได้พูดอย่างหนังสือพิมพ์เขียนคำว่า “ไม่ได้ว่า” กับ “ไม่ได้พูด” นั้นต่างกัน ที่ผมว่า ผมไม่ได้ว่า นั้น แปลว่า ผมไม่ได้เจตนา หรือไม่มีเจตนาจะไปว่า”

แล้วพลเอกประลอง ก็คุยกับหนังสือพิมพ์อย่างเป็นกันเองต่อไปว่า

“การปฏิบัติงานของตนนั้น ถือหลักว่า ถ้ากลัวแล้วอย่าทำ ถ้าทำแล้วอย่ากลัว และขอให้ช่วยลงคำว่า “ไม่ว่า” กับ “ไม่พูด” นั้น ต่างกัน ให้ตัวโต ๆ ด้วย”

วงการหนังสือพิมพ์ เมื่อได้ทราบดังนี้ ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างกว้างขวาง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่ออภิปรายถึงผลต่อการประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ การอภิปรายครั้งนั้น ก็ได้สรุปตรงที่ว่า สถาบันผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ ทั้ง 5 แห่ง จะร่วมกันทำหนังสือถึงท่านนายกรัฐมนตรี และสภาที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้พิจารณายกเลิก คณะกรรมการที่ปรึกษาเจ้าพนักงานการพิมพ์ และให้มีหนังสือถึงประธานที่ปรึกษาเจ้าพนักงานการพิมพ์ คือ นายประหยัด ศ.นาคะนาท ให้พิจารณาตัวเอง ออกจากตำแหน่ง นอกจากนั้น สถาบันผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาในข้อกฎหมายว่า จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับคณะที่ปรึกษาฯ ได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน นายประหยัด ศ. นาคะนาท ก็ได้รีบชี้แจงออกมาว่า ตนเองทำงานตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และถือหลักเสริมสร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่ายในชาติ และสำหรับเรื่องนี้ ก็ให้ฟังและเชื่อตามพลเอกประลองให้สัมภาษณ์ ในครั้งหลังสุด มากกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น

“อย่างนี้ก็แย่สิ” พลเอกยศ เทพหัสดินฯ กล่าวอย่างงง ๆ เมื่อทราบถึงการแก้ข่าว ที่เจ้าพนักงานการพิมพ์เรียกไปให้แก้ข่าว

“เรื่องแบบนี้ อย่าไปถือสาเลย ผมมีความเห็นเหมือนคุณประลอง ที่เคยให้สัมภาษณ์แล้ว ผมได้สอบถามดู ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่รู้เรื่อง ไมได้ให้ใครไปแก้ข่าว ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมหนังสือพิมพ์ ไปลงแก้ข่าวอย่างนั้น”

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ตรวจสอบได้นะข่าวนี้

ด่าเค้าหัวหงอก ยังมีหน้าไปเสนอหน้าในสยามรัฐของท่านผู้เฒ่าอีกเหรอ

หรือว่าหน้าไม่มียางแล้ว จืดเอย...

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 08:20

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:54:15 น.  

 

เป็นไงล่ะเรื่องคุณพ่อ ซีพี ผิดจากที่ผมตั้งข้อสังเกตมั๊ย

เมื่อเช้า อ.แก้วสรร โดนสับเละหาว่า อ.แก้วสรรออกข่าวทำให้คุณพ่อซีพีเสียหาย เออ...ให้มันได้ยังงี้ลูกรัก

รู้ไปหมด คุณพ่อซีพี ซื้อที่มา 10 ปี ฮ่า ฮ่า

มีหน้าที่แก้ตัวแทนซีพี มาตั้งแต่เมื่อไหร่

จืดเล่นไปถึงคุณพ่อ อ.แก้วสรรเข้าไปอีก...สันดานรัฐมนตรีไม่ยอมหาย พูดไม่ทันขาดคำ หางโผล่แล้วไง

จากคุณ : Can - [ 21 เม.ย. 48 09:00

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:54:46 น.  

 

เย๊ ๆ ๆ ๆ เอาอีก หนุกดี ระหว่าง ชอบ กับ เกลียด สุด ๆ
เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

จากคุณ : ซาน โฮเซ่ (San Jose) - [ 21 เม.ย. 48 17:29:24 ]

 

โดย: ไทเมือง 25 กรกฎาคม 2548 15:55:17 น.  

 

สมัครปากเหม็น ข้าวบูดของเสีย รับใช้ชาติ/ประชาชนหรือรับใช้ใคร เพื่อประโยชน์อะไรกันแน่

 

โดย: ปชช IP: 203.188.34.75 30 กรกฎาคม 2548 12:53:41 น.  

 

เกลียดไอ้หมักจมูกบาน
เกลียดไอ้ดุสิตหน้าจืดข้าวบูด

เกลียดโครต ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: กากี่นั้ง IP: 203.172.57.110 2 ตุลาคม 2548 20:45:14 น.  

 

เข้ามาชมครับ มันส์จริงๆ

 

โดย: เด็กถอนหงอก IP: 202.129.52.203 5 ตุลาคม 2548 0:42:38 น.  

 

ไปเจอมาจาก ผู้จัดการ คอลัมเซี่ยงมีความเห็นหนึ่งน่าสนใจ
...........................................
ไอ้หมักโว้ย

เอ็งลืมตอนที่เอ็ง**กราบตีนจอมพลถนอม กิตติขจร

ข้างห้องประชุมใหญ่ มธ(ด้านสนามหลวง)

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2506 วันสถาปนา มธ

ขอความกรุณาอย่าให้ท่านลบชื่อเอ็ง เพราะเอ็งทะลึ่ง

หน้าส้นตีน..ไปเขียนด่าท่านเรื่องส่วนตัวสมัยที่ท่านยัง

หนุ่ม ๆ เอ็งใช้นามปากกาว่า นายหมอดี

เมื่อเอ็งกราบตีนเสร็จเอ็งยังกอดขาท่านไว้แน่นเลย

จนท่านยอม แต่ เอ็งต้องสาบานต่อวัดพระแก้ว

ว่าจะไม่ยุ่งเกียวกับท่านอีก เอ็งต้องกล่าวคำสาบานตาม

คำของ พลโทอำนวย ชัยโรจน์

นับจากนั้นเอ็งก็ขวาตกขอบ

สอพลอนักเผด็จการทุกรูปแบบ การที่เอ็งเป็นอย่างนี้ก็

น่าเห็นใจ เพราะเอ็งยากจนมาก

เป็นลูกพระยาเหม็ดเอาตอนก่อนเปลี่ยนการปกครอง

เพียงไม่กี่วัน ก็เลยกินแห้ว ขายห่อหมก แทน

แต่เอ็งไม่กตัญญูคน ทหารเก่า(สละ ลิขิตกุล) อุตส่าห์

ช่วยให้*สยามรัฐลงบทความห่วย ๆ ของเอ็ง

และ ยอมออกเงินค่าเขียนให้เอ็งแทนสยามรัฐ

ครั้งละ 50 บาท แต่พอเอ็งใหญ่ตอน รสช เอ็งกลับ

แทนคุณด้วยการด่าท่านว่า "ไอ้แก่หลายนามปากกา"

ท่านก็เลยด่าว่าเอ็งว่า **"ไอ้ซ่า จอมเนรคุณ"

เอ็งออกจาก*ปชป เพราะอาจารย์เสนีย์ ไล่เอ็งออก

เพราะดันไปอิจฉาคุณสุรินทร์ มาศดิตถ์

ที่ท่านได้เป็น รมต สำนักนายก

แต่เอ็งท่านอาจารย์เสนีย์จะให้

เป็นโฆษก(ปรก) เอ็งกลับไปด่าท่าน อ้างว่าคุณสุรินทร์

ไม่มีความรู้ จบแค่ ม 3 เท่านั้น

เอ็งจำได้ไหมเวลาประชุมเอ็งถูกวีระ หนูพงศ์(มุสิกพงศ์)

สอนมวยในการโต้วาทีจนหัวหมุน เข็ดขี้อ่อนขี้แก่กัน

ตลอด รวมทั้งสาวบัญชีนักเขียนใหญเคยด่าเอ็งว่า ไอ้

หน้าห...?จนต้องวิ่งไปฟ้องอาจารย์ผ่อง มิลินทางกูร นายกสโมสร

ไอ้หมักเอ๋ย เอ็งเคยขายเทปปราศัยของเอ็งตอนแรก ๆ

เหมือนเทน้ำเทท่า แต่ตอนหลัง ๆ ทำไมขายไม่ได้

เพราะคนจับได้ว่าไอ้ตัวเลขหรูที่เอ็งอ้างตลอดเวลานั้น

มันไม่เคยตรงกันสักม้วน เอ็งพูดโกหกตลอด นาย

บัญญัติเคยด่าเอ็งจนดังไปทั้งแผ่นดินจนเป็น

คำการเมือง คือ เอ็งเป็น**นักโกหกคำโต

เอ็งจำไว้ว่า นายใหญ่กังฉินจะไม่มีทางตั้งคน

แบบ "โมฆะบุรุษ" อย่างเอ็งเป็นประธานวุฒิหรอก

มันหลอกใช้ให้เอ็งเห่าแสดงความเป็นสัตว์เฝ้าบ้าน

ยามที่หาสัตว์ตัวอื่นยังไม่ได้เท่านั้น

นิติ มธ 01

 

โดย: Can IP: 202.5.88.149 1 ธันวาคม 2548 4:21:18 น.  

 

อย่างนี้เขาเรียกว่า "พอถ่านจะเป็นขี้เถ้าก็ไปเป่าให้มันคุ" กรณีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่นัดรวมพลคนเสื้อเหลืองไปฟังรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ที่สวนลุมพินีอีกครั้งในวันที่ 9 ธันวาคม ก็ทอดระยะเวลาจากครั้งที่แล้วนานพอสมควร นานพอจะทำให้แฟนๆ ได้คิดอะไรกันบ้าง แต่แล้วก็จนได้..!

ครับ..พอไฟอารมณ์ร่วมจะมอด ท่านว่าที่ผู้สมัคร ส.ว.ครั้งหน้า "นายสมัคร สุนทรเวช" ก็ออกมากระชุ่นอารมณ์ให้คุกันต่อ

อันที่จริงผมไม่รู้หรอก เพราะนายสมัครท่านทำหน้าที่ "โฆษกนอกทำเนียบ" ผ่านรายการโทรทัศน์ ช่อง 5 เมื่อเช้าวันอังคารที่ 29 พ.ย. ในขณะที่นายสมัครกำลังเอนจอยปาก ผมก็กำลังเอนจอยนอน

แต่มาเปิดเจอข่าวในเว็บไซต์ผู้จัดการเขาน่ะครับ เขาพาดหัวกลางจอไว้ว่า

"สมัคร" ฉุน! โต้แฟนเมืองไทยฯ สวนลุมแค่ 5 พัน-วอน 9 ธค.อย่าออกจากบ้าน

ผมจะไม่เล่ารายละเอียดทั้งหมดหรอก แต่จะยกคำพูดนายสมัครซักประโยคตามที่เว็บไซต์ผู้จัดการเขาถ่ายทอดมาเสนอเป็นข่าวไว้

"ผมก็เป็นเจ้าของประเทศคนหนึ่ง ใครจะมาทำให้บ้านเมืองเสียหาย ผมต้องโผล่หน้าออกมา ใครจะเคียดแค้นชิงชังก็ช่าง ผมจะทำหน้าที่นี้ ขอวิงวอน วันที่ 9 ธันวาฯ ใครไม่เห็นด้วยไม่ต้องออกมา

แต่ใครเห็นด้วย อยากจะออกไปก็ไปเลย ไม่ได้ห้าม แต่ถ้าใครไม่เห็นด้วยขอให้อยู่แต่ในบ้าน อย่าไปเป็นเครื่องมือ อย่าไปดูเขา บ้านเมืองอยู่ดีๆ ก็มามีคนปลุกระดม แล้วสื่อทั้งหลายก็แส่เข้าไปด้วย รวมทั้งพวกที่เกลียดนายกฯ ทั้งหลาย มันไม่มีเหตุผล เขาเข้ามาตามตรอกออกตามประตู

ผมขอเตือนไว้นะไอ้พวกนี้ แล้วก็พวกที่เกลียดปลาไหลแต่รอกินน้ำแกง ได้พวกหน้าจำบ่ม รอชิงสุกก่อนห่ามทั้งนั้น ระวังไว้ให้ดีก็แล้วกัน"

นี่แหละครับ ถ้าผมเป็นนายกฯ อ่านแล้วก็คงต้องบอกนายสมัครว่า "นี่..ทั่นช่วยรักผมน้อยๆ และถอยไปห่างๆ หน่อยได้มั้ย?"

แต่นายกฯ ท่านไม่ได้พูดอย่างนั้นหรอกครับ เพียงแต่วานนี้ท่านให้สัมภาษณ์ในบรรยากาศรวมๆ ไว้ในประโยคหนึ่งว่า

"ในช่วงนี้อาจมีหลายคนที่กำลังเตรียมลงสมัคร ส.ว.ออกมาโหมกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงปฏิกิริยาการเมืองแปลกๆ เพื่อสร้างความยอมรับในสังคมด้วย ซึ่งไม่ควรไปให้ความสนใจอะไรมาก"

ความจริง ที่คุณสนธิย้ายเวที "เมืองไทยรายสัปดาห์" ไปเข้าวัดหลวงตาพระมหาบัว และยิงภาพผ่านดาวเทียมมายังแฟนๆ ที่เนืองแน่นอยู่ในสวนลุมพินี เมื่อศุกร์ที่ 25 พ.ย.นั้น

การที่คุณสนธิประกาศงดรายการศุกร์ที่ 2 ธันวา. และนัดเปิดวิกอีกทีในวันศุกร์ที่ 9 ธันวา. ปรากฏว่าในช่วงห่างของระยะเวลาเหล่านี้ มีผู้ใหญ่หลายท่านออกมาให้แง่คิดเป็นการ "เตือนสติ" ไว้อย่างหนึ่งคือ

ไม่ควรนำ "สถาบัน" มาเล่นกัน!

เท่าที่ผมสดับตรับฟัง ผู้คนก็ตั้งสติ ใคร่ครวญทวนทบด้วยวิจารณญาณเพื่อบ้านเมืองดีอยู่ จนดูเหมือนว่าความร้อนรุ่มทางการเมืองลดอุณหภูมิลงสู่ระดับ "พลังอบอุ่น" แก่บ้านเมือง

ไม่ใช่ไฟที่เผาบ้าน-เผาเมือง!

ประชาชนทุกวันนี้แยกแยะเป็นแล้วครับ คือเขาสามารถแยกออกจากกันได้ชัดเจนระหว่างคำว่า

เสถียรภาพบ้านเมือง กับคำว่า

เสถียรภาพรัฐบาลทักษิณ!

และถ้าสังเกตให้ดี คุณสนธิก็คงได้คิด-ได้ไตร่ตรองตามด้วย ดังจะเห็นจากคำเชื้อชวนเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ซึ่งก่อนๆ จะมีการอ้างอิงถึงสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเงื่อนไขในการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

แต่ขณะนี้-เวลานี้ ไปดูซีครับ นอกจากภาพคุณสนธิสวมเสื้อยืดเหลืองตัวเดิม มีคำว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ตรงหน้าอกแล้ว

จะไม่มีข้อความใด "อิงกำแพงวัง" หรือข้อความใดที่ชักชวนให้ผู้คนแห่แหนกันไปในลักษณะเพื่อ

ปลุกระดมโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ!

ผมอ่านดูก็มีเพียงว่า แล้วพบกัน สนธิ ลิ้มทองกุล-สโรชา พรอุดมศักดิ์ ในเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 11 ที่เก่า เวลาเดิม สี่โมงเย็น ศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2548 ณ สวนลุมพินี

ยิ่งปิดกั้น

ยิ่งคุกคาม ยิ่งต้องกล้า

ครับ..ก็ไม่เห็นมีอะไรที่คุณสนธิ หรือใครจะทำอย่างนั้นไม่ได้นี่ครับ ตรงกันข้ามที่นายสมัครพูดผ่านจอโทรทัศน์อันเป็นของรัฐ โดยเฉพาะของกองทัพบกว่า

"...คือเขาจะเอาคน 5 แสนออกไปบนถนน เพราะเขาแน่ใจว่ามันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้"

อย่างนี้ตะหากที่เข้าลักษณะใส่ร้าย เอาสิ่งที่ฝันมาสรรค์แต่งเป็นตัว แล้วโพนทะนาว่ากล่าวคนอื่น โดยหาคิดไม่ว่า ใครก็ตามที่เอาจมูกบานไปรันขี้ ต่อให้ไปดมดอกไม้ มันก็จะตะโกนแต่ว่า

"เหม็นอัญไร" อยู่วันยังค่ำ!

ท่านนายกฯ เสียอีก ท่านยังพูดเองเมื่อวานนี้ถึงการให้ถ่ายภาพทางดาวเทียมที่สวนลุมฯ มาดูว่า

"..ก็เพื่อดูปฏิกิริยาของประชาชน หากไม่พอใจก็พร้อมรับฟังและนำมาปรับปรุงการทำงาน และพร้อมให้ประชาชนตัดสินในอีก 4 ปีข้างหน้าว่าจะเลือกกลับมาเป็นรัฐบาลอีกหรือไม่?"

ฉะนั้น ใครก็ตามที่ "เห่าแทนนาย" ในลักษณะนั้น ผมจะบอกว่า เท่ากับไปเร่ง "อัตราเพิ่ม" ของผู้คนให้ไปสวนลุมฯ ในวันที่ 9 ธันวา.หนักขึ้น

ไม่เพียงนายกฯ เท่านั้นที่บอกว่า "ผมไม่ชอบการท้าทาย"

คนไทยก็ไม่ชอบครับ!

ผมย้ำแล้ว-ย้ำอีกว่า "พอเหอะ คุณสนธิ" ชูธงแห่งชัยเมื่อวันที่ 25 พ.ย. แล้วก็คืนสู่ที่ตั้งท่าพระอาทิตย์ แจกแจงความผิด-ถูกของรัฐบาลผ่านงานสื่อตามปกติ

แต่คุณสนธิเขาหยุด ณ จุดหนึ่งบนจิตใคร่ครวญของเขาเองแล้ว แต่อีกฝ่าย "ไม่หยุด" นี่ครับ แถมใช้ความได้เปรียบทางอำนาจ-ทางสื่อรัฐ ไล่บี้-ไล่อัด สารพัดรูปแบบ

ในขณะที่ฝ่ายรัฐกลัวกันขี้ขึ้นหัวขมอง พยายามจะทำให้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ในวันที่ 9 ธันวา.ล้มไปให้ได้ หรือก็ให้คนหมดความเชื่อถือ-สนใจจะไปร่วมฟัง

แต่ฝ่ายรัฐบาล กลับตั้งเวทีในจอโทรทัศน์ ยึด UBC ช่อง 9 เอาเทปแก้ต่างของนายวิษณุ กับนายธงทอง เรื่องจัดงานทำบุญประเทศในวัดพระแก้วมาออกอากาศชนิดว่า

วันละ 3 เวลา วันหยุดราชการเพิ่มรอบเช้า แถมรอบดึก ปานนั้นเชียว!

ผมเห็นติดต่อมาเป็นสัปดาห์น่าจะได้ เที่ยงเปิดก็เห็น บ่ายเปิดก็เห็น ตอนดึก ตี 2 ตี 3 กลับไป อะไรวะ..มันยังมาตะแคงข้างๆ คูๆ เป็นไอ้พวกตุ๊กแก "กินปูนร้อนท้อง" อยู่อีก

จากที่พอกล้อมแกล้มยกประโยชน์ให้จำเลย แต่เดี๋ยวนี้ผู้คนเลยบอกว่า "เอ๊ะ..มันลุกลี้-ลุกลน วกๆ วนๆ ส่อเจตนา?"

ความจริง บ้านเมืองในภาวะ "ข้าคนเดียว-คือทักษิณ" การที่คุณสนธิทำหน้าที่ "เอากระพรวนไปผูกคอแมว" ผมก็ว่ามันเป็นคุณูปการด้านข้อมูลข่าวสารที่คุณสนธิทำให้ชาวบ้านหูตาสว่างขึ้น

เหตุที่เกิดจะไปโทษคุณสนธิโดยตรงไม่ได้!

ต้องโทษรัฐบาลทักษิณ และไอ้พวกขี้ข้าที่ทำหน้าที่บริหารสื่อรัฐ!

ก็คุณสนธิเป็น "หมามีปลอกคอ" จ้ออยู่ในจอโทรทัศน์ช่อง 9 ดีๆ อยู่แล้ว พอเห็นหมาเปลี่ยนจากเลียมือมางับมือ ก็ดันไล่เอาออกไปซะนี่

เขาก็ต้องดิ้นรน ไปเปิดเวที เพราะไปตีให้เขา "เอาหลังพิงฝา" สู้เอง

แล้วมันต่างกันแค่ จากจอทีวี มาเป็นสวนลุมพินี แค่เนี้ย..ทำจมูกพะเยิบพะยาบสามหาวว่ามาปลุกระดมคน 5 แสนไปโค่นล้มรัฐบาล!?

ก็บอกกันให้ตรงๆ ซะเลยก็หมดเรื่องว่า "จอทีวี" คือสถานีองครักษ์-พิทักษ์รัฐบาล อย่างรายการนายสมัครที่ช่อง 5 ช่อง 9 เป็นต้น

"สนามหลวง-ราชดำเนิน-สวนลุมพินี" คือสถานีอัลญะซีเราะห์เมืองไทย! ฉะนั้น เมื่อคุณสนธิไม่ยอมเลีย แล้วออกไปตั้งเวทีพูดจาให้ประชาชนฟังด้วยเรื่องที่ "ศาลท่านอนุญาต" ให้พูดได้เป็นการติชมรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ ซ้ำเจ้าตัว คือนายกฯ ก็ใจกว้างรับได้

แล้ว "ชายชรา" ไร้อันดับ มาทำจมูกพะเยิบพะยาบอยู่ทำไม?

ถ้าคุณสนธิเอาสถาบันมาเล่นเกินเลย ถ้าคุณสนธิพูดปลุกระดมให้ฝูงชนไปโค่นล้มรัฐบาล เหมือนอย่างตอนพฤษภาทมิฬ

เออ..ถ้าอย่างนั้น กฎหมายก็ต้องไม่ละเลยกับคุณสนธิ!

แต่..วันนี้ ถ้าคุณสนธิไม่ออกมาบอก ใครล่ะจะออกมาบอกประชาชนให้รู้ว่า

"มีการใช้ C-130 อันเป็นยุทโธปกรณ์ในกองทัพ เป็นพาหนะขนคนไปงานขึ้นบ้านใหม่ "น้องสาวนายกฯ" ที่เชียงใหม่"

ทางกองทัพเรอะ ทางรายการนายสมัครเรอะ ทางกรมประชาสัมพันธ์เรอะ ทางช่อง 3-5-7-9 และ ITV เรอะ?

"คุณสนธิ" มีสิทธิ์สมบูรณ์ที่จะจัดรายการ และพูดในสิ่งที่กฎหมายคุ้มครอง และคนจะ 5 แสน หรือ 5 ล้านไปฟังคุณสนธิพูด ก็เป็นสิทธิ์สมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนอะไรอาจเกิดนั้น คุณสนธิคงไม่ต้องการทำหน้าที่ "พาคนไปตาย" เหตุร้ายถ้ามี ก็ระวัง "ช่างทาสีชรา" นี่แหละ..ตัวดีนัก.

เปลว สีเงิน

 

โดย: Can IP: 202.5.88.149 1 ธันวาคม 2548 4:23:16 น.  

 

เมื่อ"สมัคร สุนทรเวช" ทำบาปซ้ำ ตำแหน่ง"ประธานวุฒิสภา"คงได้แค่ฝัน

โดย เซี่ยงเส้าหลง 1 ธันวาคม 2548 00:12 น.


•• ช่างบังเอิญเสียนี่กระไรถึงคำพูดของ คน 2 คน ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า วันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 คนแรก สมัคร สุนทรเวช พูดในรายการ เช้าวันนี้ที่เมืองไทย ทาง ททบ. 5 คนต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดกับคณะรัฐมนตรีก่อนเริ่มประชุมประจำสัปดาห์ที่ ทำเนียบรัฐบาล ทั้งสองพูดว่า จำนวนคนที่เข้ามาชมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรมีน้อยกว่าที่หนังสือพิมพ์ลง กล่าวคือ ไม่ถึงแสน, ไม่ถึงหมื่น คนแรกบอกว่าแค่ สี่ห้าพัน คนหลังบอกว่า เจ็ดพัน ตกอกตกใจอะไรกันนักหนาถึงมาจับประเด็นนี้ที่ใคร ๆ ที่พอมีสติปัญญาทางการเมืองอยู่บ้างก็รู้ได้ทันทีว่าคำพูดประเภทนี้แหละที่ เรียกคน, เพิ่มคน ใน อัตราเร่ง ตั้งสติกันเสียใหม่ปรับตัวปรับใจปรับขบวนกันให้ นิ่ง จะได้ คู่ควร กับการตั้งหลักรับมือกับ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 11 วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2548 ที่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนพลออกมาสู่บริเวณ เวทีกลางแจ้ง ให้ นับจำนวนกันง่ายขึ้น กะอีแค่เรื่องแค่นี้ยังอุตส่าห์ โกหกพกลมกันอย่างหน้าด้าน ๆ นับประสาอะไรกับ เรื่องใหญ่กว่านี้ พูดก็พูดเถอะ สนธิ ลิ้มทองกุล เริ่มต้นต่อสู้ตามวิถีทางมาอย่างชนิด “...ข้ามาคนเดียว.” จัดรายการอยู่ 7 ครั้ง จำได้ไหม แทบไม่เป็นข่าวในหน้าหนังสือฉบับอื่น (ยกเว้นแต่ ผู้จัดการรายวัน) มาเริ่มยกระดับเป็น ข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ ก็เมื่อ ครั้งที่ 8 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2548 และยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ชนิด เป็นข่าวไม่เว้นวัน ในช่วง ครั้งที่ 9 – 10 วันศุกร์ที่ 18, 25 พฤศจิกายน 2548 รู้ไหมว่าเพราะอะไร “เซี่ยงเส้าหลง” ตอบให้ก็ได้ว่าเพราะ จำนวนคนเข้าชมรายการที่เพิ่มมากขึ้น ในระดับที่เรียกว่า แตะหลักหมื่นในครั้งที่ 8 และเพิ่มในอัตราเร่งระดับ แตะหลักห้าหมื่นในครั้งที่ 9 ทั้ง ๆ ที่ฝนตกหนัก มิพักต้องพูดถึง ผลสะเทือนในวงกว้างทั่วประเทศ ที่ก่อตัวเป็น กระแส จนหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับทั้งที่ชอบและไม่ชอบเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะยกระดับเป็น ข่าวหน้า 1, ข่าวพาดหัวใหญ่ รวมทั้ง บทวิเคราะห์ทุกแง่มุม โดยมีผู้บัญญัติศัพท์ที่เริ่มใช้กันแพร่หลายว่านี่คือ ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล อันหมายถึงว่านี่คือ ปรากฏการณ์ใหม่ทางสังคมที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ควรค่าแก่ การศึกษา, การทำความเข้าใจ ควรรู้ว่าหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับที่เขาเขียนถึงวิเคราะห์ถึงไม่ใช่เพราะ เห็นด้วย, ร่วมขบวน หากแต่เพราะนี่คือ ข่าวที่คนสนใจ, ข่าวที่คนอยากรู้ และพูดก็พูดเถอะนี่คือ ข่าวที่ขายได้ ไม่ใช่เฉพาะแต่ สื่อภายในประเทศ แม้แต่ สื่อต่างประเทศชั้นนำ ก็ยังให้ความสำคัญแก่สิ่งที่เรียกว่า ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล ปรากฏการณ์นี้กำลังก่อให้เกิดผลสะเทือนทางสังคมและทางการเมืองอย่างใหญ่หลวงชนิดที่แม้ในอนาคตจะ ไม่มีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร กระทั่งต่อให้ ไม่มีสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะสามารถ หยุดกระแสวิกฤตศรัทธา ลงได้ง่าย ๆ ก็อย่างที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เคยกล่าวไว้ตั้งแต่งานเขียนชุด จากกัลยาณมิตรถึงนายกฯทักษิณ ชินวัตร – ตอนที่ 1 ลงตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 29 พฤษภาคม 2548 นั่นแหละว่า “...เครื่องติดแล้ว (ใครก็หยุดยาก).” วันนี้เวลาผ่านมา 6 เดือนเต็มสถานการณ์ไม่ใช่แค่ เครื่องติดแล้ว หากแต่เดินมาถึงขั้น ล้อหมุนแล้ว, ขบวนขับเคลื่อนไปข้างหน้าแล้ว ยังจะมามัวแก้เกมด้วยวิธีการเก่า ๆ ของทรราชหลายรุ่นในอดีต โกหกพกลมกันอย่างหน้าด้าน ๆ อีก

•• แค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีคนอย่าง สมัคร สุนทรเวช มาเป็น กัลยาณมิตรที่เอาการเอางาน คอยพูดจาในลักษณะตั้งแต่ ดูถูกประชาชน ไปจนถึง ข่มขู่ประชาชน ทุกวัน ๆ ละ 3 เวลาทางช่อง 5 ช่อง 9 และ วิทยุ FM 94 Megahertz มันก็เท่ากับ เพิ่มอัตราเร่ง ให้กับ ขบวนที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าแล้ว โดยที่ สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต้องพูดไม่ต้องทำอะไรในระหว่างนี้เลย

•• ไม่รู้ว่าระหว่างกัลยาณมิตรคู่นี้ใครคิดก่อนใครในเรื่อง จำนวนคนที่สวนลุมพินี แต่ก็อยากจะเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สักนิดว่าระวังจะติดโรค สมองด้านการนับเลขเสื่อมอย่างรุนแรง มาจาก สมัคร สุนทรเวช เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ อาการของโรคแสดงออก ก่อนหน้านี้เมื่อพูดถึง เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก็ไม่ใช่นายหมอดีคนนี้หรอกหรือที่บอก จำนวนคนตาย ว่า มีน้อย ต่างจาก ความจริงที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ คงจะจำกันได้นะ

•• พูดก็พูดเถอะ สมัคร สุนทรเวช วันนี้ก็ อายุเกิน 70 พูดภาษาชาวบ้านก็ ไม้ใกล้ฝั่ง บาปเพราะปากที่ทำไว้ช่วง วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ยังไม่ทันได้ สารภาพ ก็กำลังมา ทำซ้ำ ในวันนี้อีกกับกรณี ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล และกรณี วิกฤต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสมองคิดอยู่แต่เรื่องล้างผลาญทำลายชีวิตผู้คนด้วยอำนาจนิยมเท่านั้นหรือถึงได้พูดออกมาว่า “...ผมอยากให้ท่านอยู่กับบ้าน คอยฟังข่าว คอยดูรูปถ่าย เขาถ่ายมาให้ดูว่าหน้าตาเป็นยังไงมั่ง เขาจะทำอะไรให้สุดฤทธิ์สุดเดช ก็ปล่อยเขาไป -- เรื่องพรรค์นี้บ้านเมืองจะเป็นคนจัดการเขาเอง ท่านรอให้หมดเรื่องปลุกระดมก่อน แล้วบ้านเมืองก็กลับเข้าสู่ปกติเอง.” ท่านเป็นมนุษย์ประเภทไหนกันแน่ระหว่าง มนุสเนริยโก, มนุสเปโต, มนุสเดรัสฉาโน, มนุสมนุสโส, มนุสเทโว หรือ มนุสอริโย ถึงได้ชอบเอ่ยวาจาในเชิงที่ตีความได้ว่า อำนาจนิยม, กระหายเลือด ทำนอง “...บ้านเมืองจะเป็นคนจัดการเขาเอง.” กับกิจกรรมทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญที่ สงบ, สันติ และ อหิงสา ก่อนตายจากโลกนี้ไป ตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่ มันสำคัญล้ำหน้า ธรรม นักหรือ “เซี่ยงเส้าหลง” อยากจะเตือนความจำว่านักการเมืองที่เคยมีอนาคตดีอย่างท่านแต่ คิดสั้น ไป รับใช้อำนาจนิยม แล้ว รับตำแหน่ง มท. 1 ในรัฐบาลที่มาจาก เหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 นั้นมันส่งผล บั่นทอนอนาคต, ประทับตราบาป ไปแล้วเท่าไรระวังไว้แม้แต่ตำแหน่งสุดท้ายที่อยากได้ในชีวิตก่อนตาย ประธานวุฒิสภา ก็จะ อด ไม่เชื่อคอยดู

•• ข้อถกเถียงเรื่อง จำนวนคนที่สวนลุมพินี นั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่ประสงค์จะ ถกเถียง ใครสนใจก็ลองเปิดอ่าน //www.pantip.com กระทู้ที่P 3917072 แต่อยากจะแนะ วิธีการนับ ตามแบบฉบับเจ้าของนามปากกา หนุ่มเมืองจันทน์ ที่เสนอไว้ใน มติชนสุดสัปดาห์ – ฉบับล่าสุดดูเผื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร – สมัคร สุนทรเวช จะนำไปประยุกต์ใช้ “...ช่วงสถานการณ์แบบนี้ผมชอบคลิกเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่มีการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แม้รู้ว่าจะมีพวกจัดตั้งเข้ามาโพสต์โต้ตอบกัน แต่พอได้รับรู้ความรู้สึกของกลุ่มอื่นบ้าง วันที่เข้าไปดู ผมชอบความเห็นของคนหนึ่งที่คงรำคาญพวกไทยรักไทยที่พยายามบอกว่าคนไปสวนลุมฯมีน้อยแค่หลักพัน ไม่ใช่หลักแสน และส่วนใหญ่ไปดูคอนเสิร์ตหรือออกกำลังกาย รู้ไหมครับว่าเขาว่าอย่างไร -- เขาบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าพวกของจริงมีจำนวนอยู่เท่าไร ให้คนสงสัยเอาถุงใส่ขี้โคลนไปปาใส่สนธิฯบนเวที จากนั้นก็เตรียมนับเลขให้ดี เขาเสนอทฤษฎีการคำนวณแปลกดีครับ – โดนกระทืบกี่เท้าให้นับไว้...แล้วเอา 2 หาร...นั่นแหละของจริง.” หากรับความคิดนี้แล้วหาผู้กล้าอาสาไม่ได้ละก็ขอแนะนำให้ สั่งการ ให้ผู้ภักดีอย่าง น.ต.ศิธา ทิวารี เจ้าของวาจา “...คนมาร่วมได้รับเงินหัวละ 300 บาท.” เป็นผู้เข้าไปหาความจริง

•• อยากจะแนะให้นักสื่อสารมวลชนและนักศึกษาวิชาสื่อสารมวลชนทั้งหลายอ่านงานของ บุญรักษ์ บุญญะเขตมาลา เรื่อง ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล – ในฐานะที่เป็นข่าว ตีพิมพ์ใน ผู้จัดการรายวัน – วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2548 อดีตคณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คนนี้มองว่าไม่ว่าจะวัดจากมาตรวัดใดที่ใช้ตัดสิน คุณค่าด้านข่าว แล้วก็ล้วนจะพบว่า ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล คือ ข่าวใหญ่ เพราะมีครบถ้วนทั้ง แรงกระทบ (impact), น้ำหนัก (weight), ความขัดแย้ง (controversy),อารมณ์ (emotion), ความไม่ปกติ (unusualness), ความเด่น (prominence), ความใกล้ตัว (proximity), ความทันต่อเวลา (timeliness), ความตรงใจ (currency), ประโยชน์ (usefulness) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณค่าทางการศึกษา (educational value) ท่านสรุปไว้ตอนท้ายบทความว่า “...ไม่ว่าสิ่งที่สนธิ ลิ้มทองกุลนำเสนอจะผิดถูกอย่างไรก็ตาม เรื่องราวของเขาก็คือข่าวใหญ่อย่างแน่นอน สื่อต่างๆ มีภารกิจที่จะต้องนำเสนอตามข้อเท็จจริงด้วยความซื่อสัตย์ ทั้งนี้โดยไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วยกับเนื้อหาที่เขานำเสนอก็ได้ อย่างน้อย ๆ การกระทำดังกล่าวก็คือการแสดงความเคารพต่อมาตรฐานขั้นต่ำของวิชาชีพของสื่อที่ต้องรายงานความเป็นจริงที่สำคัญ ๆ ให้ผู้บริโภคได้รับทราบอย่างครบถ้วน -- ทั้งนี้ โดยไม่ต้องพูดถึงความจริงง่ายๆ ที่ว่าการกระทำหน้าที่ตามมาตรฐานขั้นต่ำทางวิชาชีพนี้มีค่าเท่ากับการปกป้องรักษาสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน และสังคมทั้งระบบ ตามนัยของปรัชญาว่าด้วยเสรีภาพในการพูดของโวลแตร์ที่ว่า... (แม้น)ข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด แต่(ข้าพเจ้า)ก็จะปกป้องสิทธิของคุณในการพูดนั้นๆ ด้วยชีวิต.” ใครยังไม่ได้อ่านก็โปรดลองอ่านดู

•• ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2548 เป็นต้นไป “เซี่ยงเส้าหลง” ขอ ลางานชั่วคราว จะกลับมาพบผู้อ่านอีกครั้งใน วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2548 ขอความสวัสดีมีชัยจงมีแด่ทุกท่าน


เซี่ยงเส้าหลง

 

โดย: Can IP: 202.5.88.149 1 ธันวาคม 2548 4:24:16 น.  

 

เย้...หมัก-จืด หมดโอกาส จ้อทางทีวี วิทยุแล้ว...สะใจจริง ๆ

กรรมใดใครก่อ...ปลาหมอตายเพราะปาก

 

โดย: Can IP: 58.8.185.100 15 กุมภาพันธ์ 2549 15:25:39 น.  

 

เล่นกะใครไม่เล่น ดันไปเล่นกะป๋า...ฮ่วย
ลืมแล้วหรือว่าป๋าเป็นใคร?

 

โดย: เด็กถอนหงอก IP: 202.129.52.202 17 กุมภาพันธ์ 2549 22:21:52 น.  

 

ลุงแคนย้ายไปประจำการที่

www.weopenmind.com

อยากพบปะพุดคุยอยู่ที่นั่นทุกวัน

 

โดย: แวะมาบอก IP: 58.8.108.142 31 กรกฎาคม 2549 22:22:17 น.  

 

สนธิ ลิ้มทองกุลเป็นคนที่มีประวัติด่างพร้อยจนให้อภัยไม่ได้ การโจมตีทักษิณ ชินวัตรเป็นการสาดโคลนแบบการโฆษณาชวนเชื่อ ทั้งหมดมาจากความไม่สมหวังของตนเองจากการอยากต่อสายกับทักษิณล้วนๆ
การพูดถึงเบื้องสูงเข้าข่ายเสี้ยมเขาให้ชนกัน

หนอยแน่ะ ทำต๊กตากับเสื้อคอกลมใส่รูปตัวเองมาขาย ออกแบบเสื้อผ้าเหมือนกับเป็นแฟชั่น อยากดังจนน้ำลายไหล

ตอนนี้เป็นไงล่ะ สมน้ำหน้าไหม คนหัวเราะเยาะทั้งเมือง

นี่คือสุดยอดของเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจประจำปี ๒๔๓๙

 

โดย: สนธิ ลิ้ม = บุคคลน่ารังเกียจแห่งปี IP: 58.8.191.94 2 พฤศจิกายน 2549 19:38:46 น.  

 

ข้อมูลล่าสุดบ้านลุงแคน

//www.oknation.net/blog/canthai

Facebook Canthai
https://www.facebook.com/can.thai1

เว็บใหม่
Thai Cyber Talk

//thaicybertalk.com/

 

โดย: มาเติมข้อมูล IP: 58.11.94.152 7 ตุลาคม 2554 1:01:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ไทเมือง
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ไทเมือง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.