drafman noir
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ระวังถูกบริษัทประกันหลอก อย่าพูดคำว่า "สนใจ"

อ่านนะ มีประโยชน์


ดิฉันได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทบัตรเครดิตที่ดิฉันถืออยู่ ขอทบทวนความถูกต้องของข้อมูล เช่น ชื่อ เลขที่บัตร และเลขที่บัตรประชาชน ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยอ่านแล้วให้ดิฉันยืนยัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่คนนั้นได้นำเสนอขายประกันชีวิต แล้วถามดิฉันว่าสนใจหรือไม่ ดิฉันตอบว่าสนใจแต่ขอให้ส่งรายละเอียดมาให้ดูก่อน

เจ้าหน้าที่จึงบอกดิฉันว่า ขออนุญาตให้ดิฉันพูดใหม่ว่า "สนใจ" เพราะเขาต้องบันทึกเทปเสียงพูดไว้ยืนยันกับเจ้านาย ..ดิฉันก็โง่ ทำตาม

หลังจากนั้นมีเอกสารส่งมาถึงดิฉัน...แต่ไม่ใช่รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์...มันคือ "กรมธรรม์"

กรมธรรม์นั้นระบุว่า เป็น "ประกันอุบัติเหตุ" ไม่ใช่ประกันชีวิต ซึ่งเอาไปใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ และสิทธิประโยชน์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต

เพื่อนในที่ทำงานคนหนึ่งก็ประสบปัญหาเดียวกัน เราทั้งคู่จึงหารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท พบว่าเป็นบริษัทต่างชาติจากเกาะแห่งหนึ่งแถวอเมริกาใต้ และได้รับอนุมัติให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยไม่กี่ปีมานี้

ดิฉันได้โทรกลับไปที่บริษัทเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง เจ้าที่คนใหม่อธิบายว่าดิฉันได้รับปากตกลงทำประกันแล้วทางโทรศัพท์ มีเทปเป็นหลักฐาน ..ดิฉันจึงเสียงแข็งใส่ ล่าสุด สัญญาว่าจะส่งเอกสารกลับมาให้เซ็นยกเลิก แต่ไม่ได้ส่ง

ดิฉันโทรไปปรึกษาที่หน่วยงานของรัฐ คือสายด่วนประกันภัย....เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า...ตามกฏหมาย เพียงแค่บอกทางโทรศัพท์ ว่า "สนใจ" หรือ "ตกลง" ก็ถือว่าสัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว และดิฉันต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับบริษัทหากต้องการยกเลิกกรมธรรม์

เจ้าหน้าที่สายด่วนประกันภัย แนะนำดิฉันว่า หากได้รับโทรศัพท์เสนอขายประกันอีกให้ยืนยันว่าไม่สนใจ หรือไม่ก็ขอให้เขาส่งตัวแทนประกันมาพบเพื่ออธิบายผลประโยชน์

"อย่าพูด แม้แต่คำว่า สนใจ เพราะมีผลเป็นสัญญาตามกฏหมาย"


ดิฉันขอเสนอเรื่องความโง่ของตัวเองมาเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ค่ะ


Create Date : 08 มิถุนายน 2552
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 11:57:30 น. 11 comments
Counter : 5798 Pageviews.

 
ขอบคุณที่นำมาเล่นให้ฟังนะค่ะ

ทีหลังจะได้ไม่พูดคำว่า สนใจ


โดย: น้องนู๋ต้นหอม วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:12:28:27 น.  

 

มีโทรศัพท์ลักษณะนี้บ่อยมากค่ะ
โทรมาเหมือนกับว่าเราเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ได้รับเลือก
เหมือนเค้าตัดสินใจให้เราไปแล้วค่ะ
โทรมาแจ้งให้ทราบ และก็ขอคำยืนยันกับเราเท่านั้นเอง
เป็นปัญหายืดเยื้อจริงๆค่ะ
เวลาตกลงล่ะก็ง่ายนิดเดียว
แต่เวลาจะยกเลิกล่ะก็ เรื่องใหญ่เชียวค่ะ
เวลารับโทรศัพท์จากบริษัทประกัน ที่เกี่ยวกับบัตรเครดิต
จะปฏิเสธคำเดียวว่า ไม่ค่ะ ไม่อยากทำค่ะ


โดย: Ann (ann_shinchang ) วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:13:09:53 น.  

 
มีโทรศัพท์ลักษณะนี้บ่อยมากเหมือนกันค่ะ
บอกว่าสนใจทุกบริษัท
แต่เป็นความดันสูง เป็นเบาหวาน
และสงสัยจะเป็นมะเร็ง
ไม่เห็นมีบริษัทไหนยอมให้ทำเลย...555


โดย: anne IP: 192.168.202.72, 127.0.0.1, 61.19.22.186 วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:17:11:26 น.  

 
เอ...เหมือนจะเคยเจอเมื่อเร็วๆ นี้
พอดีบอกว่าเป็นความดันสูง เขาเลยวางสายไป

แต่ก่อนจะวางสาย ยังอวยพรให้เราสุขภาพดีอีก
คือ มาแบบสุภาพมากค่ะ


โดย: ตะวันเจ้าขา วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:20:02:24 น.  

 
สอบถามผู้รู้เรื่องเครมประกัน ACE ผ่านบัตรเรดดี้ เครติด

เมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว เราทำประกัน กับบริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ (ACE) ทำไว้ 2 กรรมธรรม์ คือของเราเอง และของคุณพ่อ โดยการชำระผ่านบัตรเรดดี้ เครติด ซึ่งตลอดเวลา 2 ปีกว่า เราเป็นลูกค้าที่ดีตลอดมา ชำระค่าประกันเป็นจำนวนเงินทั้ง 2 กรรมธรรม์ เดือนละ ประมาณ 700.- กว่าบาท จนกระทั่งเมื่อประมาณต้นปี 52 ทางซิตี้แบงค์เรียกเก็บเกินความเป็นจริง บางเดือนก็ พันกว่าบาท บ้างเดือนก็เกือบ 2 พัน ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าทางซิตี้แบงก์ เรียกเก็บเงินเพิ่มเพราะอะไร เราเลยโทรไปถามที่ ศูนย์บัตรของซิตี้แบงค์เราได้รับคำตอบว่า เป็นค่าเรียกเก็บเพิ่มกรณีที่เจ้าหน้าที่มาทวงถามให้ชำระเงินที่เรียกเก็บ เราก็บอกไปว่ายังไม่ถึงวันครบกำหนดชำระเลย ซึ่งเรามั่นใจว่าเราไม่เคยค้างชำระหรือชำระเงินไม่ตรงตามเวลาที่ครบกำหนดเลย เจ้าหน้าที่แจ้งเราว่าเป็นค่าทวงถาม ซึ่งเก็บเพิ่ม การทวงถามครั้งละ 200 หรือ 250 บาท ในรอบบิลถัดไป เราว่ามันไม่ยุติธรรมเลยนะ แต่เราก็ยังชำระเงินอยู่นะ (บัตรเรดดี้เครติด เราไม่ได้ใช้เลย ใช้แต่จ่ายค่าประกันอย่างเดียว) จนกระทั่งเดือนพ.ค. 52 เราเริ่มชักทนไม่ไหวที่เรียกเก็บเกินความเป็นจริง เราเลยโทร ไปที่ซิตี้เบงค์ เบอร์ 1588 เพื่อสอบถามการขอยกเลิกบัตร คุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอคำปรึกษาว่าจะยกเลิกยังไง เพราะว่ามีประกันที่เรียกเก็บของ ACE อยู่ ที่ชำระเป็นรายเดือน (ซึ่งเราต้องการยกเลิกเพื่อชำระโดยตรงเป็นรายปีกับทางประกัน) ทางเจ้าหน้าที่ถามว่าต้องการยกเลิกบัตรใช่มั้ย เราบอกว่าใช่ แล้วต้องทำอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่แนะนำว่า เราต้องขอยกเลิกชำระเป็นรายเดือนกับทาง ACE ก่อน แล้วส่ง FAX เอกสารอนุมัติการยกเลิกและเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันการยกเลิกมาทางซิตี้แบงค์ และเราได้โทรไปที่เบอร์ 02-611-4444 ของACE เพื่อสอบถามการยกเลิกการชำระจากรายเดือนผ่านซิตี้แบงค์มาเป็นชำระเป็นรายปี ที่บริษัทประกันโดยตรง แล้วไม่นานทาง ACE ได้ส่งเอกสารการยกเลิกชำระค่าประกันจากรายเดือนมาเป็นรายปีมาให้เรา เพื่อให้เราเซ็นต์ แต่เราก็ยังไม่ได้ส่งคำขอกลับไปให้ทางประกัน เนื่องจากเอกสารคำขอเราทำหาย เราก็เลยเฉยๆ ไป แต่ยังชำระค่าประกันผ่านทางซิตี้แบงค์อยู่เหมือนเดิน (งวดล่าสุดเพิ่งจ่ายไปเมื่อต้นเดือนก.ค. 52) จนกระทั่งวันที่ 16 มิ.ย. 52 ถึงวันที่ 26 มิ.ย. 52 เรานอนโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา (เป็นไข้เลือดออก) ประมาณ 10 วัน จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไป 55,000.- กว่าบาท (จากค่ารักษา 77,000.- กว่าบาท เนื่องจากได้ส่วนลดจากโรงพยาบาล) เราก็นำใบเสร็จไปเบิกที่ต้นสังกัดที่ทำงาน ส่วนกับประกัน ACE เราสามารถเบิกค่าชดเชยรายวันวันละ 1,000.- บาทและค่าทำขวัญกรณีนอนโรงพยาบาล 10 วัน จะได้รับเงินค่าทำขวัญอีก 10,000.- บาท รวมเป็นที่เราต้องได้รับจากประกันประมาณ 20,000.- บาท
ประมาณต้นเดือนก.ค. 52 เราก็โทรไปตามที่ประกันว่าเมื่อไหร่จะได้รับเงินค่าชดเชยให้เรา (เพราะทาง AIA ไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็ได้เงินแล้ว) ทางประกันบอกว่ารอประวัติการรักษาจากทางโรงพยาบาลอยู่ หลังจากนั้นมีเอกสารส่งมาที่บ้านและที่ทำงาน 4 ฉบับ เป็นใบสลักหลังอนุมัติยกเลิกกรรมธรรม์ทั้ง 2 กรรมธรรม์ เราก็งง ว่าเรายังไม่ได้ส่งเอกสารไปทำไมถึงยกเลิกกรรมธรรม์ของเรา ทั้งๆ ที่เพิ่งจ่ายเงินค่าประกันไปเอง เราโทรไปหาเจ้าหน้าที่ 3 ครั้ง เจ้าหน้าที่ก็โยนกันไปโยนกันมา สรุปได้ว่าศูนย์บัตรของซิตี้แบงค์เป็นคนยกเลิก เราก็โทรไปที่ศูนย์บัตร เบอร์ 1588 เพื่อสอบถามว่าเรายกเลิกบัตรตอนไหน เพราะที่คุยกับเจ้าหน้าที่มันเป็นการปรึกษามากกว่าว่าถ้าเราจะยกเลิกบัตรควรทำยังไง ไม่ใช่เป็นการยกเลิกบัตร เลยทำให้เราไม่ได้เงินค่าชดเชยเลย เพราะทางซิตี้แบงค์ก็อ้างว่าเรายกเลิกบัตรตั้งแต่วันที่เราโทรไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ ความจริงแล้วการขอยกเลิกเค้าแนะนำเราเองว่าต้องยกเลิกกับบริษัทประกันก่อน แล้วนำเอกสารอนุมัติยกเลิกพร้อมสำเนาบัตรประชาชนส่ง FAX ไปให้ทางซิตีแบงค์ ไม่ใช่ว่าอยากยกเลิกก็ยกเลิก แต่ที่สงสัยว่าทำไมต้องมายกเลิกช่วงที่เราต้องการเครมประกันด้วย
มีใครพอแนะนำได้บ้างมั้ยค่ะว่าต้องทำยังไง ถึงจะได้รับเงินค่าชดเชยฯ ค่ะ
onlybrabus@hotmail.com


โดย: ศิรินันท์ IP: 61.19.210.250 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:16:22:25 น.  

 
****ระวังถูกหลอกขายประกันผ่านทางโทรศัพท์****
เรื่องแบบนี้มีจริง และเกิดขึ้นจริงอยู่ทุกวัน เพราะหาเงินได้ง่าย อาศัยความไม่รู้ของคน แนะนำอย่าแม้แต่จะฟังรายละเอียด เพราะไม่งั้นอาจจะโดนหลอกลวงได้ทันที คนดีๆ ก็มีแต่คนชั่วมีเยอะ หวังแต่ผลกำไร หวังแต่เงินโดยไม่สนใจวิธีการว่าผิดหรือถูกหรือไปหลอกใครเค้า
แนะนำให้สังเกตุพฤติกรรมดังต่อไปนี้
1.โทรมา บอกว่าเป็นบริการเสริมจากบัตรเครดิต (อันนี้จะโดนสำหรับคนที่มีบัตรเครดิตหรือบัตรเดรบิตเท่านั้น) แนะนำให้โทรกลับไปเช็คที่ธนาคารเจ้าของบัตรว่าเป็นของธนาคารติดต่อมาเองหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ร้องเรียนให้ธนาคารตรวจสอบเลย เพราะบางครั้งในธนาคารเกลือเป็นหนอนก็เยอะ เพราะว่ารายชื่อ เบอร์ติดต่อเจ้าของบัตรมีราคาทั้งหมด ขายกันประมาณ +-2 บาท/รายชื่อ ก็อาจจะมีรั่วไหลออกมาได้
2.โทรมาบอกว่าคุณเป็นลูกค้า VIP , ลูกค้าชั้นเลิศ, ลูกค้าประวัตดี หรือ คุณเป็นผู้โชคดี.... ฯลฯ แล้วแต่จะสรรหาคำที่วิเศษเลิศเลอมาพูดให้เคลิ้ม แนะนำจงมีสติอยู่ตลอดเวลา ให้ฟังดี ๆ ตั้งใจฟัง อย่าได้วอกแวก เพราะจะโดนล้อหลอกทุกวิธีทางเพื่อให้ฟังข้อมูลและท้ายที่สุดก็จะโดนหลอกให้ทำประกัน
3.โทรมาทำเหมือนแกล้งคอนเฟริ์มการเปิดใช้งานบัตรเครดิต (สำหรับคนที่มีบัตรเครดิตใหม่ , ใบใหม่) ทำทีเหมือนเป็นจนท.ธนาคารถ้าเราไม่ถามเค้าก็จะเออออไปอัตโนมัติ แล้วก็อธิบายผลประโยชน์โน้นนี่ยืดยาว 3 วัน 8 วัน ก็ไม่จบ แนะนำให้ถามให้ชัดเจนเลยแล้วก็ทำเหมือนข้อ 1 โทรไปแจ้งธนาคาร ร้องเรียนและให้ธนาคารช่วยค้นหาความจริงให้เจอว่าที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่
วิธีการกำจัดพวกหลอกหากินบนความไม่รู้ของคน
1.ถามให้ชัดเจนว่าโทรมาจาก "ธนาคารเอง" หรือ "บริษัทประกัน"
2.ต้องถามชื่อ-นามสกุล และเบอร์ติดต่อ ชื่อบริษัท โดยเฉพาะที่สำคัญสุด ๆๆๆๆๆ คือ " ให้ถามรหัสตัวแทน (รหัสใบอนุญาตของคนขาย) อย่าลืมจดไว้ให้ละเอียดเพื่อประโยชน์ในอนาคต คุยไปด้วยอัดเสียงในโทรศัพท์ไปด้วยจะดีที่สุด เพราะพวกนี้หูดีถ้ารู้ว่าโดนอัดเสียงปุ๊บจะไม่กล้าทำอะๆรไม่ดี เพราะข้อมูลเหล่านี้โทรไปเช็คที่ คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและดูแลพวกบริษัทประกันภัย ติดต่อได้ดังนี้
1.บริการข้อมูลข่าวสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่าน OIC website:www.oic.or.th
2.บริการข้อมูลทางระบบโทรศัพท์ หรือ โทรสารอัตโนมัติ โทร.0-2547-6000
3.บริการสายด่วนประกันภัย 1186
4.สำนักงาน คปภ.สำนักงานใหญ่ โทร.0-2547-4602-6
5.สำนักงาน คปภ.ภาค 7 ภาค
ภาค 1 (เชียงใหม่) โทร.053-112-730-2
ภาค 2 (นครสวรรค์) โทร.056-226-862-3
ภาค 3 (ขอนแก่น) โทร.043-244-280-1
ภาค 4 (นครราชสีมา) โทร.044-257-203
ภาค 5 (ชลบุรี) โทร.038-276-498-9
ภาค 6 (นครปฐม) โทร.034-340-060
ภาค 7 (สงขลา) โทร.074-252105,252137
****** แนะนำให้ติดต่อไปร้องเรียนได้เลย ไม่ต้องกลัว เพราะยังไง คปภ.ก็เข้าข้างผู้บริโภค และบริษัทประกันภัยกลัว คปภ.มาก เพราะถ้ามีเรื่องร้องเรียนบ่อย ๆ และหนักหรือร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาจถูกสั่งปิดได้ ดังนั้นรักษาสิทธิ์ของตนเอง ก่อนที่จะเป็นเหยื่อให้หลอกแล้วต้องเสียเงินไปโดยไม่มีประโยชน์*****
หรือติดต่อ สคบ. ( สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ) สายด่วนร้องทุกข์ โทร 1166 ทำให้เป็นประเด็นและกระแสเลย เดี๋ยวก็ไปหลอกคนอื่น ๆ ไม่ได้อีก ถือซะว่าช่วยกันกำจัดคนไม่ดีที่ปะปนหากินอยู่ในสังคม
คำต้องห้ามเมื่อเผลอไปฟังรายละเอียดกับคนที่โทรมาแล้ว ดังนี้
1. ห้ามพูดคำว่า " ตกลง" หรือ " สนใจทำ" หรือ " ทำ " เด็ดขาด เพราะคำเหล่านี้จะเป็นหลักฐานยืนยันว่าคุณได้ทำประกันไปจริงๆ แนะนำให้พูดว่า " ไม่เอา , ไม่ทำ , ไม่สนใจ, ไม่ต้องโทรมาแล้ว และวางสายทันทีไม่ต้องคุยอะไรอีก
2. ห้ามพูดคำว่า "ให้ส่งเอกสารมาให้ดูก่อน" หรือ "ขอดูรายละเอียดก่อน" เพราะจะเข้างทางทันที คนที่โทรมาจะหลอกให้คุณตอบตกลงทำประกัน จากนั้นก็จะตัดเงินในบัตรเครดิต , บัตรเดบิต หรือให้โอนเงินให้ทันที
วิธีปฏิบัติภายหลังที่ได้ทำประกันไปแล้ว
1.ถ้าได้รับการติดต่อภายในวันนั้น ให้ติดต่อกลับไปแจ้งทันทีว่าไม่ทำแล้ว ให้ถามเลยว่าตัดเงินจากบัตรไปแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ตัดเงินจากบัตรก็โชคดีไป แต่ถ้าตัดเงินจากบัตรไปแล้วอาจไม่ได้คืนหรือได้คืนก็ช้ามากประมาณ 1 เดือน (แล้วแต่วิธีที่ตกลงกัน)
2.ถ้าได้รับเอกสารแล้วไม่ต้องการทำ ต้องส่งเอกสารทั้งหมดคืนกลับไปพร้อมระบุให้ชัดเจนในเอกสารว่า "ต้องการยกเลิกประกันที่ทำไว้" ส่งเอกสารภายใน 15 วันเป็นจดหมายลงทะเบียนหรือไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (เพื่อจะได้เช็คกับไปรษณีย์ได้ถ้าส่งธรรมดาไม่รู้จะถึงหรือเปล่า และเช็คหรือตามเอกสารไม่ได้ด้วย) จากนั้นคุณจะได้เงินคืน ถ้าบริษัทโทรมาต่อรองให้แจ้งไปเลยว่าต้องการเงินคืนเท่านั้น ซึ่งโดยมากก็จะคืนเงินให้อยู่แล้ว ห้ามใจอ่อน หรือคล้อยตามเด็ดขาดให้ยืนกรานแบบนี้เท่านั้นเพราะไม่เช่นนั้นคุณไม่มีทางได้เงินคืนแน่นอน
3.ขั้นตอนทั้งหมดต้องตามเรื่องตลอดไม่อย่างนั้นจะหายไปตามสายลม แล้วก็จะถูกตัดเงินเรื่อย ๆ ให้โทรกลับไปที่บริษัทฯ นั้น ๆ ทุกวัน รับรองว่าเรียบร้อยแน่นอน

*****โปรดจำไว้ว่า *****ไม่มีใครบังคับให้คุณทำประกันได้ ถ้าคุณไม่อยากทำหรือไม่ได้ตกลงที่จะทำ****** *****ถ้าไม่ได้ตกลงที่จะทำประกัน คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และถ้าถูกตัดเงินจากบัตรไปแล้ว มีสิทธิ์ได้คืนแน่นอน**********

*****หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบได้ได้ตลอดที่ tongchinmak@gmail.com ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้คุณถูกหลอก หรือเสียเปรียบพวกที่ชอบหลอกเงินคนจากความไม่รู้********



โดย: FHM IP: 192.168.10.105, 58.8.188.183 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:09:31 น.  

 
ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครที่จะดีได้ทั้งหมด
แต่อันที่จริงแล้ว ข้อดีของการทำประกันภัยไม่ว่าจะ
ทางโทรศัพท์ หรือผ่านตัวแทนที่เสนอโดยตัวต่อตัวนั้น
หากลองพิจารณาดีๆ แล้วก็ดีทั้งสองแบบ
เพราะสิทธิประโยชน์ที่ได้รับนั้น ไม่ใช่ใครที่ใหน
ก็ผู้บริโภคเองที่ได้รับความคุ้มครอง
ค่าใช้จ่ายที่ชำระเข้ามา ไม่ว่าจะผ่านบัตรเครดิต
หรือว่าชำระเองกับตัวแทนตรงนี้
ถ้าหักผ่านบัตรก็คือคุ้มครองอัตโนมัติหลังวางสายด้วย
แต่ในขณะที่เราทำกับตัวแทนโดยตรง
เราชำระเงินก่อน แต่ความคุ้มครองยังไม่เกิดขึ้นด้วย
แต่ทางกลับกัน ถ้าทางโทรศัพท์เรามีการบันทึกเสียง
การออนไลน์ความคุ้มครองระบุเวลาชัดเจนเลย
ถ้าเกิดเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลังจากวางสายไปนั้น
ก็เกิดความคุ้มครองดูแลให้แล้ว
แต่ทางตัวแทนที่ชำระเงินไปแล้ว ได้เห็นหน้าก็จริง
แต่ความคุ้มครองก็ยังไม่ได้รับด้วย แต่เสียเงินก่อน
ทุกสิ่งทุกอย่าง ข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง
ไม่มีอะไรที่มันจะดีสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง
นิ้วคนเรายังไม่เท่ากันเลยค่ะ
เพราะถ้านิ้วเท่ากันหมดทุกนิ้ว ก็คงหยิบจับอะไรไม่ได้



โดย: สาธยน IP: 110.168.77.152 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:1:48:37 น.  

 
ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครที่จะดีได้ทั้งหมด
แต่อันที่จริงแล้ว ข้อดีของการทำประกันภัยไม่ว่าจะ
ทางโทรศัพท์ หรือผ่านตัวแทนที่เสนอโดยตัวต่อตัวนั้น
หากลองพิจารณาดีๆ แล้วก็ดีทั้งสองแบบ
เพราะสิทธิประโยชน์ที่ได้รับนั้น ไม่ใช่ใครที่ใหน
ก็ผู้บริโภคเองที่ได้รับความคุ้มครอง
ค่าใช้จ่ายที่ชำระเข้ามา ไม่ว่าจะผ่านบัตรเครดิต
หรือว่าชำระเองกับตัวแทนตรงนี้
ถ้าหักผ่านบัตรก็คือคุ้มครองอัตโนมัติหลังวางสายด้วย
แต่ในขณะที่เราทำกับตัวแทนโดยตรง
เราชำระเงินก่อน แต่ความคุ้มครองยังไม่เกิดขึ้นด้วย
แต่ทางกลับกัน ถ้าทางโทรศัพท์เรามีการบันทึกเสียง
การออนไลน์ความคุ้มครองระบุเวลาชัดเจนเลย
ถ้าเกิดเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลังจากวางสายไปนั้น
ก็เกิดความคุ้มครองดูแลให้แล้ว
แต่ทางตัวแทนที่ชำระเงินไปแล้ว ได้เห็นหน้าก็จริง
แต่ความคุ้มครองก็ยังไม่ได้รับด้วย แต่เสียเงินก่อน
ทุกสิ่งทุกอย่าง ข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง
ไม่มีอะไรที่มันจะดีสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง
นิ้วคนเรายังไม่เท่ากันเลยค่ะ
เพราะถ้านิ้วเท่ากันหมดทุกนิ้ว ก็คงหยิบจับอะไรไม่ได้



โดย: สาธยน IP: 110.168.77.152 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:1:48:47 น.  

 
ขอตอกย้ำอีกครั้งกับประกันภัยของ ace ซึ่งนับว่าเป็นภัยสังคมรูปแบบหนึ่ง(อันนี้ว่าพนักงานขายนะ) ยังไม่มีแม้ข้อคำพูดไหนว่าเราสนใจตัวกรมธรรม์ เลย แต่มันมาตัดยอดเงินในบัตรเครดิตเราไปเฉยเลยนี่หวังแค่ตัวเองจะได้ยอดนะ (เซลส์ชื่อ นิวัฒน์ ใจมั่น) ซึ่งตอนนี้บริษัทได้ให้ออกแล้ว


โดย: พนมไพร IP: 118.173.144.150 วันที่: 12 กันยายน 2556 เวลา:12:50:28 น.  

 
น่าเกลียดมากค่ะกับการขายประกันประเภทนี้ โทรสอบถามกับทางบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา เป็นตัวประกันการใช้บัตร เลขที่กรมธรรม์ก็ไม่มีส่งมาให้ ทางประกันแจ้งว่าเป็นการบันทึกเสียง ก็เลยขอคลิปเสียง (ซึ่งจะโดนตัดต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้) และต้องใช้เวลานานในการหาข้อมูล ทางประกันแจ้งว่าทำประกันมานาน ประกันทำการตัดทุกเดือนตามยอดการใช้วงเงินในบัตร ทำการขอยกเลิกในทันที ทางอลิอันซ์แจ้งว่ามีผลเป็นรอบบัญชีถัดไป ไม่สามารถยกเลิกได้ ยกเลิกเถอะค่ะ การขายประกันประเภทแบบนี้ มันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างมาก


โดย: กุนตลา IP: 183.89.147.98 วันที่: 27 มิถุนายน 2557 เวลา:13:51:07 น.  

 
ช้าไปแล้วค่ะโดนซะแล้ว


โดย: มน IP: 182.232.10.16 วันที่: 7 พฤษภาคม 2559 เวลา:21:49:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pairot14
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add pairot14's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.