บาบูผู้ทรงความยุติธรรม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น มีเมืองๆ หนึ่งสร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงาม ที่เมืองๆ นี้มีพระราชาพระนามว่า “บาบู” เป็นผู้ปกครอง พระราชาบาบูทรงเป็นพระราชาที่ประชาชนรักมาก เพราะพระองค์ทรงยึดเอาความยุติธรรมเป็นที่ตั้งในการปกครองบ้านเมือง ถึงขนาดทรงให้แขวนกระดิ่งทองคำเสียงกังวานก้องไว้ที่หน้าพระราชวัง เมื่อชาวบ้านคนใดมีความเดือดร้อน หรือได้รับความอยุติธรรมใดๆ ก็ให้มาสั่นกระดิ่งทอง แล้วพระองค์จะเสด็จออกมารับฟังและช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ด้วยพระองค์เอง
มาระยะหลังๆ ปรากฏภาวะแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ในเมือง ประชาชนปลูกข้าวไม่ได้ พืชผลต่างๆ ก็ล้มตายตามๆ กันไปจนหมดสิ้น ทุกๆ วันจึงมีประชาชนมาสั่นกระดิ่งทองคำเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระราชาบาบู โดยในช่วงแรกๆ พระราชาบาบูได้มีพระราชโองการเบิกข้าวสารและพืชผลที่เก็บไว้ในคลังผลผลิตของ พระราชวังมาแจกจ่ายแก่ชาวบ้านเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แต่เมื่อต้องแจกเช่นนี้ไปทุกๆ วัน ข้าวสารและพืชผลต่างๆ ที่เคยมีอยู่เต็มคลังก็เริ่มร่อยหรอ ไม่พอแก่การแจกจ่าย ทำให้ทรงกลุ้มพระทัยเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ทรงตัดสินพระทัยส่งพระราชสาส์นไปกับนกพิราบถึงเจ้าชายบาเบพระ โอรส ซึ่งทรงกำลังศึกษาวิชาการปกครองอยู่ในป่ากับพระอาจารย์ ความในพระราชสาส์นมีอยู่ว่า
บาเบลูกรัก ขณะที่เจ้าได้อ่านสาส์นจากพ่อพ่อเชื่อเหลือเกินว่าเจ้ากำลังคร่ำเคร่งอยู่ กับการศึกษาเป็นแน่ ลูกรัก...ตัวพ่อนั้นวางใจในผลการศึกษาของเจ้า และไม่เคยเป็นกังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะยิ่งกว่าความฉลาดเฉลียวที่มีมาแต่เล็กแต่น้อยของเจ้าแล้ว พ่อยังเชื่อมั่นในความตั้งใจจริงของเจ้ามากกว่า แต่บาเบ ลูกรักของพ่อ...ตอนนี้ บ้านเมืองของเรากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ด้วยภัยแห่งความแห้งแล้งที่มาเยี่ยมเยือนโดยที่เราหาได้ยินดีปรีดาไม่ ชาวบ้านกำลังพบทุกข์เข็ญเพราะไร้ผลผลิตเก็บเกี่ยว น้ำตาของเด็กๆ กำลังจักท่วมแผ่นดินเพราะไร้อาหารประทังชีวิต บ้านเมืองของเรากำลังพบกับภัยแห่งความอดอยากหิวโหยครั้งใหญ่แล้ว และพ่อก็เจ็บปวดใจยิ่งนักที่ไม่อาจช่วยบรรเทาความทุกข์ยากเหล่านี้ได้มาก เท่าที่เป็นถึงพระราชาปกครองประเทศ ลูกรัก...พ่อรู้ว่าลูกรักการศึกษา และดิ้นรนด้วยความเหนื่อยยากกว่าจะได้เข้าศึกษากับพระอาจารย์ของลูก แต่พ่อคงต้องขอให้ลูกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม กลับมาบ้านเมืองเราเถิด กลับมาหาประชาชนของเรา มาช่วยกันแก้ปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปเพื่อความสุขของพวกเขา เมื่อประชาชนมอบความไว้วางใจให้เราเป็นพระราชาของเขา ก็ถือเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำให้เขาอยู่กันอย่างมีความสุขที่สุด ‘หากไม่มีประชาชนก็ไม่มีพระราชา’ จำคำพ่อไว้เถิดลูก พ่อและประชาชนของเราจะรอวันที่ลูกกลับมา ด้วยรัก... พ่อของลูก เจ้าชายบาเบเมื่อได้รับพระราชสาส์นจากพระบิดาก็ไม่รอช้า ทรงเข้าพบพระอาจารย์เพื่อขอลากลับบ้านเมืองทันที อย่างไรก็ตาม เข้าชายบาเบก็อดที่จะโอดครวญแก่พระอาจารย์ด้วยความเสียดาย ในเรื่องที่ตนไม่อาจอยู่ศึกษาจนจบหลักสูตรดังเช่นเจ้าชายเมืองอื่นๆ พระอาจารย์ฟังเจ้าชายโอดครวญแล้วกล่าวว่า “ความรู้ไม่ได้อยู่ที่นี้ที่เดียวดอก บาเบ ครูสอนการปกครองที่ดีที่สุดไม่ใช่ข้า แต่คือประชาชนของเจ้าเอง” เจ้าชายบาเบเห็นจริงดังคำพระอาจารย์ว่า จึงรีบกราบลาแล้วทรงม้าคู่พระบารมีของเสด็จกลับเมืองในทันที
เจ้าชายบาเบทรงม้าติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน โดยไม่หยุดพัก เนื่องจากด้วยเห็นว่าความเดือดร้อนที่กำลังเกิดแก่ประชาชนนั้นรอช้าไม่ได้ และแล้วในวันที่ 4 ซึ่งเจ้าชายบาเบและม้าทรงของพระองค์รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
มีลูกวัวตัวหนึ่งเดินผ่านมาจากพงหญ้าทึบข้างทางเพื่อเล็มหญ้าอ่อน ตรงทางที่เจ้าชายเสด็จผ่าน ด้วยความเหน็ดเหนื่อยผสมอาการสะลึมสะลือ เพราะไม่ได้นอนหลับมาหลายวัน ทำให้เจ้าชายบาเบบังคับม้าทรงให้หลบลูกวัวน้อยไม่ทัน เป็นเหตุให้ม้าทรงวิ่งเหยียบลูกวัวน้อยถึงแก่ความตาย เจ้าชายบาเบทรงตกพระทัยตื่นจากอาการสะลึมสะลือนั้น รีบเหลียวกลับไปมองพร้อมร้องอุทานว่า
“หยุดก่อน! เจ้าม้าเอ๋ย เห็นทีว่าข้าคงจะเหยียบเด็กคนใดเข้าแล้ว”
เจ้าชายบาเบจ้องมองไปยังร่างที่พระองค์ทรงคิดว่าเป็นเด็ก แต่แล้วก็เห็นเพียงวัวน้อยตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งสิ้นลมหายใจอยู่เท่านั้น
“โธ่เอ้ย...ที่แท้ก็แค่ลูกวัว”
เจ้าชายบาเบเอ่ยอย่างโล่งใจ แล้วรีบควบม้าทรงต่อไปจนกระทั่งถึงบ้านเมืองและได้เข้าเฝ้าพระราชาบาบู ซึ่งเมื่อได้เห็นหน้าพระโอรสก็รู้สึกดีพระทัยเหลือจะกล่าว รวมทั้งข้าราชบริพารต่างก็พากันโห่ร้องแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในระหว่างที่ความยินดีปรีดากำลังบังเกิดขึ้นนั้น จู่ๆ เสียงกระดิ่งทองคำก็ดังกังวานขึ้น พระราชาบาบูจึงรีบละจากพระโอรสออกไปรับเรื่องเดือดร้อนจากชาวบ้านทันที แต่เมื่อเห็นผู้สั่นกระดิ่ง พระราชาบาบูก็ทรงรู้สึกแปลกพระทัยยิ่งนัก เพราะผู้สั่นกระดิ่งในครั้งนี้คือแม่วัวสาวที่มีน้ำตาไหลอาบแก้ม และร้องครวญอย่างน่าเวทนา
“มีใครในที่นี้รู้บ้าง ว่าเหตุใดแม่วัวตัวนี้จึงมาสั่นกระดิ่งทองคำร้องเรียกเรา”
พระราชาตรัสถามพระราชบริพาร แต่ไม่มีใครทราบ จึงทรงมีพระราชโองการออกไปว่า “เราเชื่อว่าต้องมีเรื่องทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสเกิดแก่แม่วัวตัวนี้แน่ จงไปสืบความจากชาวบ้านและผู้เห็นเหตุการณ์ ถึงเรื่องราวที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นแก่แม่วัว แล้วนำความนั้นมาบอกเราเดี๋ยวนี้”
เหล่าทหารรับรุดออกจากวังไปสอบถามชาวบ้าน แล้วรีบกลับมากราบทูลให้พระราชาบาบูทรงทราบ เมื่อทรงรับเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงรับสั่งให้เจ้าชายบาเบเข้าเฝ้า แล้วตรัสถามเจ้าชายว่า “ลูกพ่อ พ่อรู้เรื่องที่ลูกได้คร่าชีวิตลูกวัวน้อยแล้ว ใยเจ้าจึงทำเช่นนั้นเล่า”
“กราบทูลเสด็จพ่อ ด้วยความรีบร้อนเดินทางกลับบ้านเมือง ทำให้ลูกขาดสติในการบังคับม้า ม้าของลูกจึงพลาดไปเหยียบลูกวัวจนถึงแก่ชีวิตพระเจ้าค่ะ” เจ้าชายบาเบตอบ
“เมื่อเจ้าทำให้ชีวิตลูกวัวน้อยหลุดลอยไปแล้ว เจ้าแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้างเล่าลูกรัก” พระราชาบาเบตรัสถามอีก “ลูกมิได้ทำสิ่งใดเลย ด้วยเห็นว่านั่นเป็นเพียงแค่ลูกวัวตัวหนึ่งเท่านั้น”
เมื่อ ทรงได้ฟังคำตอบเช่นนั้น พระราชาบาบูจึงถึงกับทรุดตัวลงบนพระที่นั่ง เจ้าชายบาเบเห็นดังนั้นก็ตกพระทัย เนื่องจากไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างไร
“ลูกทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือเสด็จพ่อ” เจ้าชายบาเบตรัสถามด้วยความกังวลใจ
“เจ้าเป็นถึงลูกพระราชา ใยดูแคลนคุณค่าขงชีวิตเช่นนั้น แม้นั่นจะเป็นลูกวัว แต่ลูกวัวก็มีชีวิต มีเลือดเนื้อ มีความเจ็บปวดเช่นเดียวกับเจ้า ลองหันไปดูสิลูกรัก หากชีวิตของลูกวัวน้อยไม่มีค่าดังเช่นที่เจ้าว่า เหตุใดจึงทำให้แม่วัวเศร้าโศกถึงขนาดต้องมาร้องทุกข์กับพ่อ ลูกรัก หากเจ้ามองไม่เห็นความสำคัญของสิ่งเล็กสิ่งน้อย ในวันนี้ แล้ววันหน้าเจ้าจะปกครองประเทศด้วยใจที่เป็นธรรมได้อย่างไร ต่อไปเจ้าคงจะละทั้งความเป็นธรรม ละทิ้งสิ่งที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งละทิ้งประชาชนและสูญสิ้นประเทศ ลูกรัก...พ่อไม่ยอมให้พระราชาเช่นนั้นมาปกครองประชาชนของพ่อเป็นแน่ และความผิดของเจ้าสมควรได้รับการชำระโทษอย่างเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย” เมื่อตรัสจบพระราชาบาบูก็ทรงตัดสินพระทัยที่จะลงโทษพระโอรสด้วยวิธีเดียวกับ ที่เจ้าชายได้ทำกับลูกวัวน้อย สร้างความตกตะลึงให้แก่ทหารและข้าราชบริพารในที่แห่งนั้นเป็นอย่างมาก ต่างทัดทานให้พระราชาบาบูทรงตัดสินพระทัยใหม่ ด้วยเห็นว่าการลงโทษเช่นนี้ร้ายแรงเกินไปสำหรับความผิดของเจ้าชายที่ฆ่าลูก วัวหนึ่งตัว
“วัวหนึ่งตัวคือชีวิต เมื่อหนึ่งชีวิตสูญสิ้นในแผ่นดินของเราอย่างไม่เป็นธรรม ตัวเราซึ่งเป็นพระราชาก็ต้องรียกร้องความยุติธรรมนั้นคืนมาให้ เจ้าชายไม่คิดว่าหนึ่งชีวิตน้อยๆ ของลูกวัวสำคัญ ฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าชายรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดก่อนสิ้นชีวิต เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจคุณค่าของชีวิตมากขึ้นและเราผู้เป็นพ่อของเจ้าชายผู้ กระทำความผิด ก็สมควรได้รับโทษแห่งความสูญเสียรวดร้าว ดังเช่นที่แม่วัวกำลังได้รับอยู่ขณะนี้...ตัวเรา จะเป็นผู้คร่าชีวิตลูกชายเราเอง” ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากเหล่าเสนาอำมาตย์ แต่พระราชาบาเบกลับยอมรับโทษจากพระบิดาด้วยจิตที่สำนึกผิด ทรงเดินไปยังหน้าพระราชวังแล้วล้มตัวลงนอนทอดกลายบนพื้นดินที่ระอุ เพื่อรอการลงพระอาญาจากพระบิดา
"ลูกพร้อมจะรับโทษจากเสด็จพ่อแล้ว ขอให้ลงโทษลูกให้สมกับความผิดด้วยเถิด” เจ้าชายตรัสด้วยน้ำเสียงกล้าแข็ง
พระราชาบาบูมองพระโอรสแล้วรู้สึกประหนึ่งพระทัยจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็ต้องแข็งใจทรงม้าพระที่นั่งเพื่อลงโทษเจ้าชายด้วยตนเองตามที่ได้ลั่น วาจาไว้
พระราชาบาบูทรงม้า แล้วควบตรงไปยังร่างของเจ้าชายที่นอนรอรับโทษอย่างสงบ ม้าพระที่นั่งเหยียบร่างเจ้าชายอย่างแรง เจ้าชายสิ้นพระชนม์ในทันที ท่ามกลางความตกใจและเสียงร่ำไห้ พระราชาบาบูทรงลงจากม้าอย่างคนสิ้นวิญญาณ และทรุดตัวลงไปกองบนพื้นดินข้างๆ ร่างที่ไร้วิญญาณของพระโอรส น้ำพระเนตรไหลอาบเต็มพระพักตร์... ทันใดนั้นเอง มีแสงสว่างวาบเกิดขึ้นที่ร่างของแม่วัวที่มาร้องทุกข์ หลังสิ้นแสงนั้นร่างของแม่วัวก็หายไปปรากฏเป็นร่างของพระฤาษีเฒ่าที่น่า เลื่อมใสขึ้นมาแทน “อย่าทุกข์ใจไปเลยองค์ราชา คุณธรรมที่มั่นคงของท่านได้ประจักษ์แก่สามโลกแล้ว เราจะชุบชีวิตโอรสของท่าน ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของเราเช่นกัน กลับคืนมา ณ บัดนี้”
กล่าวจบ พระฤาษีก็วาดไม้เท้าขึ้นกลางอากาศแล้วชี้ไปยังร่างไร้วิญญาณของเจ้าชายบาเบ แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เจ้าชายบาเบรู้สึกพระองค์ลุกขึ้นมามีลมหายใจอีกครั้ง สร้างความยินดีให้ทุกๆ คนในที่นั้นโดยเฉพาะเจ้าพระราชาเป็นอย่างมาก
“พระอาจารย์” เจ้าชายบาเบร้องอุทานเมื่อเห็นพระฤาษี “พระอาจารย์มาช่วยศิษย์หรือพระเจ้าค่ะ”
“เปล่าเลยบาเบ” พระฤาษีตอบ “ความยุติธรรมอันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญยิ่งของพระราชาแห่งพระบิดาของเจ้า ต่างหากที่ช่วยเจ้าไว้ ลูกวัวตัวนั้นเป็นร่างที่เสกจากข้าเพื่อทดสอบคุณธรรมในพระบิดาของเจ้า ซึ่งได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพระราชาผู้นี้ทรงมีความยุติธรรมเป็นที่น่า สรรเสริญยิ่ง บาเบ ศิษย์ข้า...เจ้าไม่ต้องกลับไปศึกษาวิชาการปกครองจากข้าอีกดอก ในเมื่อพระบิดาของเจ้าเองคือพระอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่มากอยู่แล้ว จงศึกษาคุณธรรมจากพระราชาผู้นี้แล้วเจ้าจะเป็นพระราชาผู้ครองใจประชาชนใน เวลาไม่นาน”
พูดจบฤาษีก็ให้พรแก่พระราชาบาบูว่า
“ด้วยความยุติธรรมอันโดดเด่นของท่าน ข้าขออวยพรให้บ้านเมืองท่านพ้นจากภัยแห้งแล้งเสียเดี๋ยวนี้” ฉับพลันนั้นก็มีฝนตกลงมาจากฟากฟ้า “และขอให้บ้านเมืองของท่านอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร ประชาชนอยู่อย่างเป็นสุขและเทิดทูนพระราชาผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมเป็นที่ ตั้งดังเช่นท่านตลอดไป”
สิ้นคำให้พรสุดท้ายพระฤาษีก็หายตัวไป เสียงโห่ร้องยินดีของชาวบ้านดังก้องไปทั่วทั้งเมือง เจ้าชายบาเบทรงสวมกอดกับเจ้าชายบาบูและทรงให้คำมั่นสัญญาว่า จะเป็นพระราชาผู้ทรงไปด้วยความยุติธรรมดังเช่นพระบิดาให้จงได้ ~~~~~~~~
เธอทั้งหลาย... หลายคนอาจคิดว่า การลงโทษเจ้าชายของพระราชานั้นดูเหมือนจะรุนแรงเกินความผิดไปสักหน่อย บางคนก็ว่า พระราชานี่ช่างใจร้ายนัก ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกตนเอง แต่เธอจ๋า ความยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากมากในโลกใบนี้ และนับวันก็จะยิ่งลดน้อยถอยลงด้วย บางเวลา เมื่อเธอต้องการความยุติธรรม เธอก็จะไม่พบกับความยุติธรรมใดๆ เลย นั่นเป็นเพราะเนื่องจากความยุติธรรมมีน้อย ดังนั้นบางครั้ง เราจึงจำเป็นต้องสร้างแม่บทของความยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่นๆ ได้ถือเป็นแบบย่างและนำไปปฏิบัติด้วย
พระราชาอาจจะดูใจร้ายไปสักหน่อย แต่พระองค์ทรงทำเพื่อส่วนรวม ทรงเป็นพระราชาที่ให้ความรักความเมตตาต่อทุกคนเหมือนกันหมด ไม่แบ่งแยก ไม่ลำเอียง ถ้ามีผู้นำหรือคนอย่างพระราชาบาบูอยู่มากๆ สังคมของเราทุกวันนี้จะมีความสุขมากมายขนาดไหน ~~~~~~~~
Create Date : 09 กรกฎาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2552 22:26:55 น. |
Counter : 982 Pageviews. |
|
|
|
มิใช่ไม่รักกันแล้วไม่เล่านิทานให้กันฟังนะ !
แต่รอฟังนิทาน.. !!
ปล.ขอไปลุยงานพระเจ้าองค์แสนก่อนจ๊า