::::::::My..Life.. It..Go..On!.::::::::

::การเมือง..ของใคร..กับใจว่างๆของฉัน::

::การเมือง..ของใคร..กับใจว่างๆของฉัน::



      ฉันมีอาชีพอิสระค่ะหรือที่ใครๆเรียกกันให้เท่ว่า " Freelance" นั่นแหละค่ะ ฉันเป็น Freelance ในสายงานวงการภาพยนตร์และโฆษณาค่ะ นอกเหนือจากนั้นก็รับทำพวก Event และ Wedding เล็กๆน้อยๆทั่วไปค่ะ ฉันยังไม่เคยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับเพื่อนๆในนี้เลยนะคะ นับตั้งแต่เราเริ่มรู้จักและเป็นเพื่อนกันทางสัญญาณอากาศในโลกไซเบอร์สเปซแห่งนี้ และอย่างที่พวกคุณรู้การเป็น Freelance มีเวลาในการทำงานที่เป็นอิสระ ไม่ต้องตอกบัตร ไม่มี Office Hour ไม่ต้องเข้า Office ไม่มีเงินเดือน ไม่มีโอที ไม่มีโบนัส และไม่มีเจ้านาย (แต่ฉันมีลูกน้องนะค่ะ) ฉันมีแต่ลูกค้ากับเพื่อนร่วมงาน การบริหารเวลาและวิธีการทำงานก็ขึ้นอยู่กับสมอง และสองมือของตนเองและอาชีพอิสระอย่างฉันนั้นจะมีรายได้ที่ไม่แน่นอนทุกเดือน ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของงานที่จะมีเข้ามาในแต่ละเดือน ชีวิตการงานของฉันฟังดูดีไม่มีปัญหา และน่าจะมีความสุขใช่ใหมค่ะ จริงๆแล้วตลอดระยะเวลา 6-7 ปีที่ฉันเป็น Freelance มาฉันไม่เคยมีปัญหาอะไรในการใช้ชีวิต Freelance เลยค่ะ ทั้งเรื่องงานและเรื่องเงิน ฉันมีความสุขกับชีวิตมาตลอดค่ะ...


      จนกระทั่งย่างเข้าปี 2551นี้ 8-9 เดือนที่ผ่านมา ฉันงานน้อยเหลือเกินค่ะ น้อยจนถึงน้อยมากจนถึงขั้นไม่มีเลยในบางเดือน ในช่วงที่เหตุบ้านการเมืองไม่สงบสุขแบบนี้ เศรษฐกิจเริ่มซบเซาต่อเนื่อง ข้าวที่กินทุกวันจากที่ไม่เคยแพง..กลับแพงมากในปี พ.ศ นี้ น้ำมันจากที่ไม่เคยราคาสูงเท่านี้ ก็ราคาสูงมากในยุคปัจจุบันทองคำ-น้ำตาล สิ่งเหล่านี้เริ่มแพงมาก แพงจนฉันอดคิดไม่ได้ว่า มันเริ่มแพงกว่าคุณประโยชน์ของตัวมันเองที่ให้ต่อชีวิตคนคนหนึ่ง (ต้องขอโทษในข้อนี้ที่ฉันคิดไม่เหมือนใคร เพราะฉันมองว่าทองเป็นเพียงแร่ธาตุ ยังประโยชน์เพื่อประดับกาย และประดับบารมี น้ำตาลเป็นเพียงสารให้ความหวาน ใช้เพิ่มรสชาติให้อาหารและเติมพลังงานแก่ร่างกาย แต่ก็สามารถหาความหวานทดแทนได้จากแหล่งอื่นๆ ขอโทษจริงๆคุณค่าของทั้งสองสิ่งสำหรับฉัน มีเท่านั้นเอง) แต่จริงๆมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ฉันเพียงอยากบ่น อยากระบาย ในชีวิตว่างๆ ในวันว่างๆที่ไม่มีงาน และไม่มีเงินเหลือมากพอที่จะฟุ้มเฟือยอีก มันน่าเบื่อหน่ะคะ.......


      ในวันที่เวลามีเหลือมากกว่าเรื่องที่จะต้องทำ....การหยิบภาพยนตร์เก่าๆ ที่เคยประทับใจมานั่งดูอีกครั้ง เป็นกิจกรรมโปรดที่ฉันชอบทำมากค่ะ วันนี้ฉันเลือกนั่งดูหนังกับหลานชายวัยขวบกว่าๆที่แสนน่ารักแบบลิงๆของฉัน (จริงๆแล้วพี่สาวเอาหลานชายมาให้เลี้ยงต่างหากล่ะค่ะ เพื่อเป็นการประหยัดค่าเนอร์สเซอร์รี่ในยุคน้ำมันแพง ข้าวแกงราคาภัตตาคารอย่างนี้ เฮ้อ..อ.. -_-') หลานชายสุดแสบของฉันปกติมิเคยนั่งนิ่งๆได้เกิน 5 วินาที กลับยอมนั่งสงบเสงี่ยมดูการ์ตูนเรื่องนี้อย่างตั้งใจ เมื่อฉันเลือกหยิบการ์ตูนแอนิเมชั่นของไทยเรื่องนี้ ( เรื่องเดียวที่ฉันยอมรับตอนนี้ค่ะ ) มานั่งดูกับเค้า มันคือเรื่อง...ก้านกล้วย เดอะ มูฟส์วี่ นั่นเองค่ะ......


      ก้านกล้วยเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติอิงประวัติศาสตร์ แนวแฟนตาซี ดราม่า เนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตช้างไทยที่ชื่อว่า ก้านกล้วย ก่อนที่จะได้มาเป็นช้างทรงผู้ยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในการทำสงครามยุตธหัตถีและได้รับแต่งตั้งนามว่า " เจ้าพระยาปราบหงสาวดี " การ์ตูนเรื่องนี้ถูกผลิตขึ้นโดยการจับมือของสองพันธมิตรยักษ์ใหญ่แห่งวงการหนังไทย คือ บริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัท กันตนาแอนนิเมชั่นจำกัด โดยทุ่มทุนสร้างกว่า 150 ล้านบาท โดยคาแรกเตอร์ช้างในเรื่องโดยรวม มีความเป็นเอกลักษณ์ และสามารถแสดงออกถึงความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี  และที่เป็นจุดแข็งที่สร้างความประทับใจแก่ฉันในการดูการ์ตูนเรื่องนี้ นั่นก็คือ " บท " ค่ะ บทภาพยนตร์ที่ดูจะทำได้ดี (ดีกว่าบทภาพยนตร์ที่ทำให้คนจริงๆแสดงหลายเรื่องเลยค่ะ) ตัวบทมีความละเอียด มีลูกเล่นที่สนุกสนานไม่น่าเบื่อ....โดยเฉพาะบทพูดของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในตอนไคลแม็กซ์ของเรื่อง ที่เล่นเอาฉันสะอึกและประทับใจไปเลยที่เดียวละค่ะ บทที่ท่านพูดว่า.......    



  " เหล่าทหารกล้าทั้งหลาย จงอย่ากลัวศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า ยิ่งกองทัพเราเล็กเพียงใด ชัยชนะก็จะยิ่งใหญ่เพียงนั้น เลือดเนื้อที่จะนองสนามรบในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อประกาศแสนยานุภาพ แต่เพื่อกำจัดศัตรูผู้เหยียบย่ำ รุกรานแผ่นดินของเรา..วันนี้..เราจะสู้ ขับไล่ผู้รุกรานออกไป รักษาแผ่นดินนี้ไว้ เพื่อลูกหลานของเรา "    



    และอีกตอนที่ฉันประทับใจมาก นั่นก็คือตอนที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงใช้มือลูบสัมผัสที่หัวของช้างก้านกล้วย และพูดว่า.....       



" พ่อเมืองเอย ถ้าท่านละทิ้งเราณ.บัดนี้ ก็เท่ากับว่า พ่อ..ละทิ้งตัวท่านเอง...ยืนหยัดอยู่กับเราเถอะ!ด้วยความกล้าหาญของพ่อและกำลังของเรา จะสามารถพลิกชะตากรรมของแผ่นดินได้ "        



    ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างค่ะ แผ่นดินไทยแห่งนี้ถูกรักษาไว้ด้วยชีวิต และเลือดเนื้อของบรรพบุรุษมานับแต่โบราณ แม้แต่ช้างซึ่งเป็นสัตว์ ก็ยังรักและหวงแหนผืนแผ่นดินแห่งนี้ แล้วพวกเราล่ะค่ะ รู้สึกรัก และหวงแหนผืนแผ่นดินไทยกันขึ้นมาบ้างใหมค่ะ...แล้วตอนนี้..นี่...


     ทำอะไรกันอยู่หรือค่ะ...     


     ทำเพื่ออะไรกันหรือค่ะ...      


     ทำแล้วได้อะไรกันค่ะ....


     ทำอย่างนี้ไปทำไมค่ะ...      


     ฉันไม่มีความรู้เรื่องการเมือง..ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าใครถูก ใครผิด...ฉันไม่อยากสนใจเรื่องการเมือง..ฉันไม่ฉลาดหลักแหลมพอ ที่จะรู้เท่าทันเกมการเมือง..ฉันเบื่อเกมการเมือง..ฉันเซ็งนักการเมือง..แต่ฉันรักแผ่นดินนี้ค่ะ...


     วันนั้น..น้ากับหลาน นั่งดูการ์ตูนสนุกสนานเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน เจ้าตัวเล็กดูมีสมาธิดีในการดูการ์ตูนที่มีเนื้อหายาวขนาดนี้...ส่วนฉัน...ชื่นชมและตื้นตัน..รักและหวงแหนแผ่นดินนี้ขึ้นอีกเป็นกอง...ฉันเช็ดและเก็บแผ่นการ์ตูนเรื่องนี้ลงกล่องอย่างเบามือ....ก่อนจะหันกลับมาอุ้มเจ้าตัวเล็ก เพื่อจะพากันไปอาบน้ำต่อไป...


     "..จ้วย...จ้วย...จ้างจ่านจ้วย.." เสียงเจ้าหลานชายตัวน้อย ร้องอย่างสนุกสนาน และกระโดดโลดเต้น วิ่งเข้าห้องน้ำไป...






Free TextEditor




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2551
1 comments
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 4:33:56 น.
Counter : 253 Pageviews.

 

เพราะว่าเราไม่เล่นตามกติกา เลยยุ่งเป็นลิงแก้แห

เปนกะลังจัยให้ จ๊ะ

 

โดย: บ้าได้ถ้วย 31 สิงหาคม 2551 9:11:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


to-be-love
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add to-be-love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.