เดินเขา
ดอก ranunculus รวมสี
+ + + รูปกับเรื่องดูจะไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่ จริงๆก็ไม่เกี่ยวนั่นแหละ
เมื่อวันก่อนได้หนังสือของนัทสึเมะ โซเซกิมา เรื่อง Kusamakura มีตอนนึงตัวเอกซึ่งเป็นศิลปินในเรื่องพูดว่า ถ้าเราสรุปเอาว่า ความรักต้องลงเอยที่การแต่งงาน ก็เหมือนกันการคิดว่า การอ่านนิยายต้องอ่านจากต้นจนจบ เรื่องกับรูปวันนี้ก็เป็นไปตามตรรกะนี้
+ + + เมื่อวันก่อนเราไปเดินเขามาอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นเส้นที่ทรหดที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา ตอนแรกเดินไปได้ครึ่งทาง แล้วดูเหมือนว่าส่วนที่เหลือจะปิด เลยจะเดินกลับทางเดิม ซึ่งไม่ทรหดเท่าไหร่ แต่พอวกกลับมา ดันเจอว่าจริงๆแล้ว เราเดินผ่านจุดที่ต้องเลี้ยวไปตังหาก ก็เลยตัดสินใจเดินไปตามทางที่ควรจะไปตั้งแต่แรก ปรากฏว่า ส่วนนี้เป็นส่วนที่ทรหดมาก ชันสุด และยิ่งใกล้จุดสูงสุดของภูเขาเท่าไหร่ มันแทบจะเป็นการปีนหินขึ้นไปเลยทีเดียว
เรารู้สึกถึงความร้อนในตัวจากการที่กล้ามเนื้อเผาผลาญพลังงานอย่างหนัก แต่พอใกล้จะถึงจุด summit ถึงเหงื่อจะไหลไม่หยุด และ ในตัวจะเผาผลาญพลังงานจนเลยจุดที่รู้สึกว่า "เหนื่อย" ไปแล้ว สิ่งเดียวที่เรานึกถึงคือ ใกล้แล้ว อีกนิดเดียวๆ เราหายใจลึกและสม่ำเสมอ พร้อมมุ่งปีนก้อนหินใหญ่พวกนั้นขึ้นไป พอขึ้นไปถึงแล้ว เหงื่อโทรม หัวใจเต้นตึกๆๆๆๆ แต่วิวบนยอดเขามันสวย สงบ จริงๆ เป็นรางวัลสำหรับคนที่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาดู เราไม่ได้ยินเสียงคนหรือเสียงอะไรหนวกหูๆ สูงขนาดนี้ เสียงพวกนั้นคงเดินทางขึ้นมาไม่ถึง
ระหว่างนั่งพักกินข้าวกันบนหินก้อนใหญ่ริมธารน้ำที่ไหลลงไปสุดที่ไหนก็ไม่รู้ คนที่ไปด้วยกันพูดขึ้นมาว่า เวลาน้ำไหล มันจะสะอาด แต่ถ้ามันไม่ไหล มันจะสกปรก แล้วชี้ให้ดูน้ำส่วนนึงที่ไหลผิดทางไปขังอยู่ในแอ่งเล็กๆข้างๆธารน้ำ ในนั้นมีเศษขี้ผงอะไรเต็มไปหมด น้ำก็นิ่งๆไม่มีที่ไป ไม่น่าเชื่อว่า การไหล กับ ไม่ไหล นี่ทำให้น้ำดูต่างกันขนาดนี้ทีเดียว คนพูดจินตนาการต่อว่า เราควรจะไหลไปให้สุด จนไปเจอมหาสมุทร พอไปรวมกับมหาสมุทรแล้ว ปริมาณน้ำในมหาสมุทรมันเยอะมาก มันสามารถมีการถ่ายเทในตัวมันเองได้ แล้วตอนนั้นถึงจะไม่ได้ไหลไปไหน มันก็ไม่สกปรกอีกต่อไป
(ข้อคิดจาก conversation on the slop #2)
Create Date : 21 พฤษภาคม 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2555 21:54:25 น. |
Counter : 1044 Pageviews. |
|
|
|
ช่วงนี้อยู่แต่ในกรุงเทพ อากาศร้อน เลยอยู่แต่ในห้องแอร์อะค่ะ