ร้านบัวเป็นร้านอาหารไทยที่เปิดตัวเองมานานพอใช้ได้แล้ว อย่างน้อยก็ 10ปี++ ล่ะครับเพราะผมกินร้านบัวนี่มาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ล่ะ ตอนนั้นกินอยู่ 2สาขาที่ศรีนครินทร์กับที่หน้าม.เกษตรฯวันเวลาผ่านไปไม่ได้กินมาหลายปีวันนี้มีโอกาสได้ชวนที่บ้านไปกินกันก็เลยเก็บรีวิวมาฝากครับสาขาที่ผมไปกินคือสาขาศรีนครินทร์ซึ่งแต่ก่อนจะตั้งอยู่ติดถนนติดกับห้างเสรี(ตอนนี้เป็น Paradise Park) แต่ตอนนี้ที่เดิมของร้านกลายเป็นที่จอดรถไปซะแล้วส่วนตัวร้านนั้นย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในซอยข้าง Paradise Park ลึกเข้าไปประมาณ300-400 เมตรครับ ร้านเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ เลยโชคดีตอนผมไปสร้างเสร็จแล้วพอดี ความตั้งใจในการไปกินเลยไม่ถูกทำให้แหลกสลายไป

                อาหารของร้านนี้เป็นอาหารแบบไทย-จีนครับโดยเน้นไปทางด้านไทยๆ มากกว่า สนนราคาก็อยู่ในช่วงภัตตาคารร้านไทย-จีนทั่วไปคือ 150– 300 บาทแล้วแต่อาหารไป พนักงานของร้านนี้บริการดีครับ แถมมีเยอะด้วยถึงแม้ว่าลูกค้าจะเต็มร้านผมก็ว่าพนักงานดูแลสบาย ๆและจุดเด่นอีกอย่างของร้านนี้คือ อาหารมาเร็วมากกกกก ตอนที่ผมไปเป็นคืนวันอาทิตย์ลูกค้าก็มีอยู่สัก 70% ของจำนวนโต๊ะทั้งหมด แต่ไม่น่าเชื่อครับอาหารที่สั่งไป 6-7 อย่างจะถูกยกมาเสิร์ฟครบภายในเวลา15 นาทีและแต่ละจานห่างกันกำลังดี 2-3 นาทีนี่ถ้าบ้านผมไม่ได้เป็นบ้านที่กินอาหารเร็วนี่ คงจะไม่มีที่วางกันเลยทีเดียวล่ะครับ

                อาหารจานแรกที่ได้เป็นทอดมันกุ้ง(150 บาท) ครับ หน้าตาและรสชาติของจานนี้ ตรงตามมาตรฐานหมดครับแต่แอบรู้สึกว่าเนื้อใน(กุ้งบด) มันขาดอะไรไปรึเปล่าน้า จานที่ 2 เป็นยำสามกรอบ(150 บาท) จานนี้ก็ค่อนข้างแพงนะครับเมื่อเทียบกับตัววัตถุดิบที่ให้มารสชาติผมว่าดีกว่ายำสามกรอบที่เคยกินมาตามร้านอื่น ๆ ครับ ร้านอื่น ๆส่วนใหญ่จะไม่อร่อยแต่ร้านนี้อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว อย่างที่ 3เป็นข้าวผัดคะน้าเป๋าฮื้อ (350 บาท) จานนี้ตอนแรกจินตนาการว่าเป็นคะแนนแบบเป็นก้าน  ๆ มาพร้อมกับเป๋าฮื้อเป็นก้อน ๆแต่ที่ไหนได้ครับ ทั้งคะน้าทั้งเป๋าฮื้อมาแบบถูกซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ หมดแล้วซึ่งก็ประหลาดใจดี ส่วนเรื่องรสชาติจัดได้ว่าเป็นข้าวผัดที่อร่อยมาก ๆจานนี้เลยล่ะครับ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างจากที่ทุกทีกินแต่ข้าวผัดปู ๆๆๆๆๆ หุหุ

                จานต่อมาเป็นปลาสำลีแดดเดียว(450 บาท) จานนี้มาแบบไม่เหมือนร้านอื่นอีกแล้วครับ (ดูรูปประกอบ)แต่มาแบบนี้ก็ดีไปอย่างครับ กินเป็นคำ ๆ ได้สะดวกดี เรื่องรสชาติอร่อยไม่ผิดหวังเลยล่ะครับ ปลาเนื้อนุ่มเข้าคู่กับยำมะละกอ โอ้ววแย่อย่างตรงที่แพงไปนิด ผมจำได้ว่าร้านอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะ 300 – 350 บาทอย่างต่อมาเป็นปูเนื้อผัดพริกไทยดำ (1,120 บาท) จานนี้พนักงานเชียร์แต่แรกว่าควรสั่งพ่อผมก็เลยสั่งไปครับตอนยกมาก็เห็นตัวไม่ค่อยใหญ่เท่าไรก็เลยถามไปว่านี่หนักกี่ขีดพนักงานก็บอก 8ขีดซึ่งผมกับพ่อผมฟันธง จากประสบการณ์นักกินปูว่ามันไม่น่าถึงอย่างมากก็ 6 ขีดแต่ก็อย่างว่าครับไปว่าอะไรเค้าไม่ได้ ทีหลังสั่งอะไรพวกนี้นี่ต้องไปชั่งกันเดี๋ยวนั้นเลยแล้วค่อยเอาไปทำโอเคราคาแพงไปหน่อยสำหรับจานนี้ แต่ก็อร่อยคู่ควรกับคำแนะนำของพนักงานเค้าล่ะครับอย่างสุดท้ายเป็นแกงป่าเนื้อ (140 บาท) ที่ลืมถ่ายรูปมาครับจานสุดท้ายนี่ก็อร่อยตามประสาแกงป่าอีกแล้ว แต่ก็อีกแล้วเช่นกันที่ถ้วยเล็กเหลือเกิน

                เบ็ดเสร็จมื้อนี้2,485 บาทครับ ทางร้านมีค่าผ้าเย็ยผืนละ 20 บาทด้วยแต่ไม่มี vat + service charge ก็เลยหยวน ๆ กันไปครับ มื้อนี้จริง ๆไปแพงเจ้าปูน้ำหนักเกินตัวนั่นล่ะครับไม่งั้นก็คงถูกกว่านี้หลายร้อย สรุปมื้อเย็นชิล ๆ ที่บัวนี้ก็เป็นมื้อที่ดีมื้อนึงครับ อาหารอร่อย มาเร็วพนักงานบริการดี ร้านบรรยากาศดี ครบถ้วนทุกด้านที่ต้องการเลยจริง ๆ ใครสนใจก็ไปลองแล้วมารีวิวกันหน่อยนะครับมีอีก 6 สาขารอบกรุงกันเลยทีเดียวสำหรับร้านบัวแห่งนี้