กรกฏาคม 2567

 
2
3
4
5
6
7
9
11
12
13
15
16
17
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ผ่าตัดหมอนรองกระดูกปลิ้น ตอนที่ 3 - วันผ่าตัด
คืนก่อนผ่าตัด เราต้องเปลี่ยนคนเฝ้า
เรามีแต่พี่ชาย ก็เลยให้พี่ที่ทำงานมาเฝ้าช่วงหลังเที่ยงคืน
ซึ่งจะเรียกนามในนี้ว่า MP


MP เดินทางมาจากต่างจังหวัดมาเฝ้าเรา
พร้อมคำปลอบน้องที่ดีมาก ว่า
สบายมาก แม่พี่ผ่าตัดมา 5 ครั้ง หลังสามครั้ง เข่าสองข้าง
จริงๆ พ่อของ MP ก็ผ่าตัดหัวใจที่นี่
ตัว MP ก็ผ่านการถูกผ่าตัดใหญ่เล็กมาหมดแล้ว

คือ ชิลล์มากกับเรื่องการถูกผ่าตัด

แต่ความกังวลของเรามันยิ่งใหญ่กว่านั้น
ดังนั้นเมื่อ MP มาถึง ก่อนเที่ยงคืน
เราก็ยังไม่หลับ เรานอนลืมตาไปมา
เหมือนจะง่วง

ตอน MP มา พี่ไม่อยู่เฝ้าเราแล้ว
เพราะห้าทุ่มยังไม่ครึ่ง เราก็บอกให้พี่ชายกลับได้
เดี๋ยว MP ก็มา

คือเราเห็นพี่เราเริ่มไอบ่อยขึ้น เนื่องจากนอนถ่อแอร์ตรงที่นอนคนเฝ้า
พี่เราก็บอกไม่หนาว ไม่ต้องปรับแอร์
ส่วนเราขี้หนาวอยู่แล้ว นอนม้วนในผ้าตามอัธยาศัย
พร้อมกับถามพี่เป็นระยะว่าหนาวไหม


---------


การที่มีผู้หญิงเฝ้ามันดีจริงๆ ในที่สุดตีสองเราก็ปวด
เราไม่ได้ปวดแขน ปกติจะนอนไม่ได้ดีเพราะปวดแขน
แขนเราไม่ได้ปวดขนาดนั้น เราปวดท้อง ใต้สะดือ จากซ้ายไปขวา
แล้วก็ปวดทั้งหมด

เราก็ว่า ไม่ใช่เกี่ยวกับทางเดินอาหารแน่นอน เรากินไม่เยอะ ไม่หิว ไม่ได้เป็นกรดไหลย้อนมานานแล้ว
เมนส์ ก็อีกสองวัน หรือสามวันกว่าจะมี

ในที่สุด เราก็นอนไม่ไหว พลิกตัวจน MP ตื่นมาดูเรา ก็ถามเราว่านี่ยังไม่หลับเหรอ
เราก็บอกว่า ปวดฉี่ และเหมือนปวดท้องเมนส์
พอเข้าห้องน้ำ เมนส์มาจริง ก็ให้ MP ไปขอยาแก้ปวดกับยานอนหลับ
ตอนนั้นมันหลังเที่ยงคืนแล้ว ต้องงดน้ำงดอาหาร เราได้คิวผ่าตอนสายๆ
แต่มันจะพอมีปริมาณน้ำที่กินได้อยู่นิดนึง นิดเดียวพอให้กินยาได้

เราได้ยานอนหลับ แต่ไม่ได้ยาแก้ปวด
ก็กิน ก็ใส่ผ้าอนามัย แล้วก็นอนหลับ


------------------


เช้ามาตีห้า พยาบาลมาปลุกอาบน้ำ เราก็ไปอาบ
เป็นเช้าที่ต้องอาบน้ำด้วยยาฆ่าเชื้อต่างสบู่
เค้าให้ถูที่คอเป็นหลัง แต่เราสกปรกทั้งตัว ก็ถูทั้งต้วไม่ต้องกลัวเชื้อโรคไต่ขึ้นไปหาแผล

อาบเสร็จ แต่งตัวไปห้องผ่าตัด ซึ่งต้องไม่ใส่ชุดชั้นใน ทีนี้ผ้าอนามัยต้องหนีบเอาไว้ก่อน
เป็นผ้า pad ของ รพ ไม่มียางยืดรอบเอว แถมสั้น
ถ้าเทียบก็คือ เป็นการขี่ม้า และม้าตัวสั้น

ก็หนีบไป
การนอนรอนี้ ไม่ปวดท้องเมนส์แล้ว ก็ต่อน้ำเกลือรอเวลาไป
ถึงเวลาก็ถูกเข็นไปห้องผ่าตัด


--------------------


การตรียมตัวไม่มีอะไร
คือมีการนัดมาเตรียมตัวผ่าตัดวันก่อนหน้า เป็นการเจาเลือด เอกซเรย์ปอด ทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ถามยาที่กินประจำ (ช่วงนั้นเรากินยาแก้ปวด กับวิตามินบำรุงเส้นประสาท ปกติไม่มียา)
ก็มียาที่ต้องงด ก็ให้งด /ถ้ากินอาหารเสริมใดๆ ก็ให้งดมา/ แต่เราก็ไม่มี

มีแบบสอบถามความกังวลต่อการดมยาสลบผ่าตัดในวันนั้นด้วย

เราได้ให้คะแนนการกังวลต่อการดมยาไว้ที่ 1 คะแนน (0-10) 10 คือ กังวลสุดๆ

เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา เรามีแต่เป็นคนบอกคนไข้ให้เตรียมตัวหลับ เวลาเราจะผ่า
เราเข้าใจขั้นตอนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในการถูกดมยา
แต่ว่าเราก็กลัวผลข้างเคียง ทุกครั้งที่ถูกดมยามีความเสี่ยงทั้งนั้นล่ะ

แม้ว่าเราจะแข็งแรง บางทีความแน่นอนอาจเป็นความไม่แน่นอน ก็ให้ค่าความกลัว 1 คะแนนซะ

+(เรามาเจาะเลือดฯ นัดเตรียม-ประเมินเข้าผ่าตัด ก่อนวันผ่าตัดประมาณ 5 วัน เพราะเราสะดวกไปวันนั้น)

++(การเตรียมคนไข้นี้จะเตรียมทั้งสองอย่าง ทั้งการถูกผ่าตัด และการถูกดมยา
หมอที่คุยกับเราไม่ใช่หมอดมยาและไม่ใช่หมอผ่าตัด
แต่มีเอกสารจากหมอผ่าตัดมาว่าจะใช้เวลาผ่านานเท่าไหร่
รวมๆ คือ มีข้อมูลที่พร้อมใช้เตรียมคนไข้ได้นั่นเอง)

+++(ส่วนรายละเอียดการจะมานอนโรงพยาบาล ค่าใช้จ่าย ระเบียบคนเฝ้าคนเข้านอน
ก็มีพยาบาลแจ้งให้ทราบเช่นกัน)


--------------------


ผลข้างเคียงของการผ่าตัดที่ทราบคือ อาจจะเจ็บคอ กลืนลำบาก
แต่ตอนจะเข้าห้องผ่า หมอบอกหน้าห้องอีกอันว่า ตื่นมาจะตึงบ่า
(เพราะเค้าจะต้องเหยียดคอ เก็บแขนเราหลบให้มีพื้นที่ผ่าตัด
นอนท่านั้นเป็นชั่วโมงๆ ต้องเมื่อยขบตึงบ้างแหละ)

เราก็โอเค

พอจะหลับ หมอดมยาก็บอกว่า เมื่อตื่นแล้วถ้าปวดขอยาเพิ่มได้
(จริงๆ คนทั่วไปน่าจะถูกอธิบายมากกว่านี้ แต่ว่าตัวหมอดมยาคงพอทราบว่าเราทำงานอะไร
แล้วพอดีเราให้คะแนนการกลัวดมยาแค่ 1 ด้วยมั้ง)
(อีกอันคือ มีการคุยเตรียมผ่าตัดมาก่อนแล้วต้งหลายวัน คนไข้ก็พร้อมระดับนึงล่ะ)

เรารับทราบ แล้วเราก็ง่วงหนักขึ้น เราหลับตารอ
ความจำสุดท้ายคือ ในลูกตามันมืดดับวับไปเลย เร็วมาก


--------------


เราตื่นอีกทีน่าจะที่ห้องพักฟื้นดมยา ที่เราจำได้
หมอเรามาสะกิดให้บีบนิ้วมือเพิ่นสองข้าง และให้ขยับเท้า
(คงมาตรวจว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรงรึเปล่านั่นแหละ)
แล้วเราก็หลับต่อ ตื่นอีกทีตอนถึงห้องพัก นอนต่ออีกหน่อย ตื่นมา หิวน้ำมาก
กินลำบาก เหมือนอยากกลืนมากกว่านั้น แต่เหมือนหายใจไม่ทัน ไม่ก็ที่นอนเอนไป
เราก็ตั้งหัวขึ้น แล้วกินน้ำ จิบบ่อยๆ

ตอนกลับมาถึงห้อง ที่เราตื่นดีแล้วมันบ่ายสามกว่า
กินน้ำไปพักนึง เราอยากกินโค้ก เลยขอให้ MP ซื้อมาให้
กับขนมหมีโคอะล่า มาร์ช ของโปรด

ข้าวมาพอดี มันดูจืดมาก
พี่ชายคนโตมาถึงประมาณช่วงเดียวกัน ซักแป๊บนึง พี่ก็นั่งเล่นไอแพด
เราเปิดข้าวมา มื้อเมื่อวานเย็น วันที่มานอน รพ มันอร่อยมาก
กินหมดทุกอย่าง

แต่หลังผ่าตัด ซึ่งเราก็เป็นเมนส์แล้ว เราอยากกินอะไรที่มีรสจัด
ทว่าสิ่งที่ได้คือ ข้าวต้ม และกับข้าวที่หน้าตาซีดเซียว (จริงๆ มันคงจะอาจ อร่อย)
ไม่ผ่าน--

โฮย ดูจืดมากเลย อยากกินอะไรแซ๋บๆ -- เราโวยวาย
(จริงๆ หมอคงรู้แหละว่า น่าจะเจ็บคอ เลยให้อาหารอ่อน)
(ข้าวต้มไม่เท่าไหร่ แต่เมนูกับข้าวมันดูจืด ประมาณ ปลาทอด ต้มผัก)

จะกินอะไรล่ะ ลาบเหรอ---พี่เราถามขึ้นโดยที่ไม่ละสายตาจากไอแพด

คือเราก็อยากกินอะไรมีรสชาติกว่านี้ไง คือเป็นเมนส์
ป่วยเพิ่งผ่าตัดเสร็จก็จริง อาการอ่อนไม่ว่า แต่ต้องการรสจัด
สรุปว่า โคอะล่าร์ มาร์ช และเป๊ปซี่ กับส้มในถาดอาหาร คือมื้อเย็นของเรา

ก็นอนต่อ
หลับๆ ตื่นๆ เริ่มมืด พี่คนโตก็กลับ
เพราะเค้าให้ญาติเฝ้าแค่คนเดียว


--------------


สองทุ่ม
MP บอกว่า เรายังไม่ฉี่เลยตั้งแต่กลับจากห้องผ่าตัด
เราก็ถามพยาบาลว่า เราไม่ปวด เค้าสวนฉี่เรามาแล้วรึเปล่า
พยาบาลตอบว่า ไม่ได้สวนค่ะ (สวน คือ เอาฉี่ออกจากกระเพาะปัสสาวะ แต่ไม่คาสายฉี่ไว้)
เราดูท้องน้อยตัวเอง เออ มันก็ป่องเนอะ แต่ไม่รู้สึกปวดฉี่แฮะ

ไปฉี่ก็ฉี่ออก
เราเดินได้อย่างระมัดระวัง พร้อมสายน้ำเกลือ
แล้วเราก็พบว่า ผ้านุ่งเราเลอะเมนส์ไปหมด
เราฉี่ออกดีมาก นี่เก็บสะสมมา 12 ชม เลยนะ
แล้วก็เลยใส่ผ้าอนามัย เปลี่ยนผ้านุ่ง ส่วนเสื้อไม่เปลี่ยน
เอาเสื้อแขนยาวมาใส่ทับ อย่างที่บอก เราขี้หนาว รูดซิบปิดเรียบร้อยมิดชิด
เพราะมันมีสายระบายเลือดที่คอด้วย (คอซ้าย เราปวดแขนข้างซ้าย หมอนรองเราปลิ้นข้างซ้าย)
เราก็เลยจัดการเก็บมันไว้ในเสื้อ จะได้ไม่เผลอไปเกาโดน

เพราะเช้าวันถัดไป หมอก็จะให้กลับแล้ว น่าจะเอากล่องน้อยสายระบายออกพรุ่งนี้แหละ
คืนเดียว อย่าให้ไปเผลอดึงออกเป็นพอ


--------


สี่ทุ่ม พยาบาลมาให้ยา
พบว่า กล่องระบายเลือดของเราไม่ทำงาน คือมันไม่มีแรงดูด มันจะบานออก
ก็บานเป็นทรงเกือบกลมมาเลย ตัวเราตอนนั้นสามารถเป็นญาติกับโดเรมอนได้
มีกระพรวนข้างหน้า เอียงซ้ายหน่อย เปรี้ยวๆ เก๋ๆ

พยาบาลก็แก้ท่อระบายอยู่สองสามรอบ มันก็ไม่ได้
สรุปว่า ยังคงทำตัวเป็นกระพรวนแมวเหมือนเดิม (มันสีขาวนะคะ)
​​​​​​​
เราก็เลยบอกว่า อุดสาห์ใส่เสื้อไม่ให้ตัวเองเกา นี่เผลอเกาแน่เลย
พยาบาลปลอบใจว่า ไม่น่าจะใช่เพราะเรา

พอดีหมอมา หมอเห็นที่ระบายไม่ทำงาน แก้แล้วหลายที
หมอบอกว่า เอากล่องระบายเลือดออกเลยไหม

แต่พอเห็นที่ปิดแผลมันแน่นดี ก็บอกว่า ค่อยเอาออกพรุ่งนี้
เราไม่ว่าอะไร สอบถามเพิ่มเติมอันที่อยากถาม หมอราวน์เสร็จกลับไป

เราทำหน้าที่นอนต่อ ทีนี้นอนไม่ได้ ไม่หลับ (สงสัยนอนมาเยอะ)
สรุป
ตีสองขอยานอนหลับอีกคืน

ดีแล้วแหละ นอนแค่สองคืน กินยานอนหลับทั้งสองคืน
เรานอนไม่ได้ทั้งที่ ที่นอนและห้องพักดูน่าสบาย

จริงๆ หมอจะให้นอนหลังผ่าตัดคืนเดียวล่ะ แต่บ้านเราไกลไง
เราไม่อยากตื่นตีสี่ เพื่อมาแต่เช้า (ถ้าอันนั้นเค้าจะให้งดน้ำงดอาหารมาเอง)

มานอนให้เรียบร้อยซะคืนนึง เตรียมตัวไว้เรียบร้อย จบ
เมนส์มา/ ปวดท้องไม่หลับได้ยาของโรงพยาบาล-- สื่อสารกันง่ายค่ะ ไม่ต้องอธิบายเยอะ


สรุปคืนหลังผ่าตัดวันแรกไม่มีอะไรแล้ว ได้ยาฆ่าเชื้อ ลดบวม แก้ปวด แก้อักเสบ ยานอนหลับ
ครบทุกตัวสบายดี

จบตอน






Create Date : 08 กรกฎาคม 2567
Last Update : 8 กรกฎาคม 2567 23:22:59 น.
Counter : 655 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ


สุขใจพริ้ว
Location :
บุรีรัมย์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



เป็นบันทึกเรื่องราวทั่วไป ตามที่ใจนึกอยาก
ของคนทำงานไกลบ้าน