ผ่าตัดหมอนรองกระดูกปลิ้น (การเดินทางของคนป่วย- ยังไม่ถึงวันผ่าซะที)
เล่าต่อถึงไหนนะ
เอา
นอกจากจะไปเอากระถางที่ด่านเกวียนแล้ว
ช่วงที่เริ่มปวดแขนแล้วเรายังคงไปเอาต้นกุหลาบที่โคราช
ยังนั่งขับรถไกลๆ โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับชีวิตตัวเองเลย
นอกจากเล่นบาสเกตบอล ชอบกระโดดแทมโพลีน
ว่ายน้ำ ลงมาราธอน เรายังชอบถือของหนัก และมีวิธีการสะพายของ
แบบไม่ระวังหลังบ่าใดๆ ทั้งสิ้น
ด้วยความเข้าใจว่าตัวเองแข็งแรงมากมาตลอด
ตามประสาคนมีดาวอังคารเป็นเกษตร (คือ เกี่ยว ?)
(( ขออนุญาตทุบอกเหมือนคิงคองซ้ายขวาว่าคิดว่าตัวแข็งแรง))
ความปวดนี้ทำให้เราทำงานไม่ค่อยได้
เราจับคีมถอนฟันที่โยกมาก ช่วงต้นปี เราต้องเอามือซ้ายมาช่วยมือขวาจับ
(อันนี้น่าจะเพราะข้างขวา เริ่มเพลียตามกัน.. เดี๋ยวนะ ตรรกะคืออะไร)
ไปช่วยน้องให้น้องผ่าตัด เราถือที่ดึงแยกเนื้อนานเข้า เราชาไปทั้งแขนซ้าย
แต่ทั้งหมดนี้เราไม่เ่คยพูด
เราก็แค่บอกปวด -- นานๆ ทีพูด
เราประคบร้อนได้หนักมาก
เราเข้าซาวน่า เอาไหล่ซ้ายเข้าใกล้ตรงที่ท่อความร้อนออก
คือม่วนมาก
เราคิดว่าเราจะต้องหายจากการพยายามดูแลตัวเองต้วยการ
ไปว่ายน้ำ ลงเรียนโยคะ ขยันทำสะพานโค้งเล่นที่หอ
(เราทำสะพานโค้งได้อยู่แล้ว ไม่เกียวกับการเริ่มเรียนโยคะ)
วิ่งบ้าง เหยียดแขน
ทุกสิ่งอัน เราเชื่อว่า การออกกำลังของเราจะช่วยบรรเทาทุกอย่างเอง
เพราะมันคือปัญหาของกล้ามเนื้อ
เราเปิดยูทูปดูวิธีนวดกล้ามเนื้อ
ไปลงนัดนวด
จัดตารางงานให้ทำได้ปกติ
เพื่อที่จะพบว่า ในที่สุด ผล MRI ไม่ปกติ
เราไม่ดู MRI เลย เพราะมั่นใจว่าคงดูไม่ออก
รอไปอีก 4 วันหลังผลออกค่อยบอกพี่หมอกายภาพว่า ไปทำมาแล้ว
ซึ่งพี่หมอกายภาพก็บอกว่า มันน่าจะต้องถามหมอศัลยกรรมประสาทว่าต้องผ่าไหม
ในรายแบบนี้
ความจริงของความจริง
1 หมอศัลยประสาท กับ หมอออโธปิดิกส์ จะเป็นสองสาขาที่ผ่าตัดกระดูกสันหลัง
2 พี่หมอกายภาพน่าจะรู้ว่า มันต้องผ่า จะดีกว่า แต่ยิงเราไปถาม
เพราะ ถ้าต้องผ่า ก็ต้องให้หมอผ่าเป็นคนอธิบาย
แน่นอน เราไม่อยากผ่า
เราไม่ยอมผ่า แต่อาการปวดนั้น มันทำให้ชีวิตไปต่อไม่ได้
ในที่สุดเราก็ถูกส่งมาที่กรุงเทพฯ
การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเรานั้น
เกิดจากวันที่พบหมอออโธปิดิกส์ (หมอกระดูก) ซึ่งก็คือสามีของหมอกายภาพ
อธิบายครั้งสุดท้ายว่า ต่อไป เราจะกล้ามเนื้อลีบ
และถ้าเกิดอุบัติเหตุมันจะเป็นจุดอ่อนให้ทุกระยางของเรามีปัญหา
(Quadriplegia เหมือนแม่เราหลังอุบัติเหตุ)
เราตัดสินใจว่า ต้องพึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
การปรึกษาหมอที่สถานพยาบาลเรามันวนไปมา ถามนั่นนี่หลายรอบแล้ว
เราตัดสินใจผ่า เปลี่ยนหมอนรองกระดูก
ซึ่งเราจะกลับมานอนบ้านกรุงเทพฯ
รอผ่าตัดเสร็จ
รอพัก
หายดีแล้วกลับขึ้นไปทำงาน
เมื่อตัดสินใจได้ก็กำหนดวันที่จะทำงานวันสุดท้ายทั้งที่ทำงานและที่ร้าน
วันเดินทางมา
วันเก็บรายละเอียดชีวิตก่อนมา
เรานึกในใจว่า หากแม้การผ่าตัดนั้นผิดพลาดขึ้นมา จนเราไม่สามารถเดินได้
ก็คงลำบาก
เพราะ
ของเยอะมาก
สงสารพี่มาเก็บของ
แต่นึกในใจว่าพี่เก็บทิ้งชัวร์
สมบัติปู่โสม 599 อย่างของเรา
ความจริงยังมีอีกเรื่องนึงคือเราเพิ่งตอกเสาเข็มสร้างบ้านน้อยที่บุรีรัมย์
เรากำลังจะสร้างบ้าน ....ไม่สิ ทำสัญญาสร้างบ้านแล้ว
จบเท่านี้ก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อ