ผ่าตัดหมอนรองกระดูกปลิ้น (ตอนที่หนึ่ง จุดเริ่มต้นของการป่วย)
วันนี้เป็นวันที่ 7 หลังการผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูก
อาการปวดทุเลาลง
ที่ตื่นมานี้คือ กินยาไม่ครบ
เพราะพออาการดีชึ้น ยาบางตัวเริ่มหมด
(หมด 2 ตัว เหลืออีก 8 ตัว)
ก็จะพบว่า เริ่มเบี้ยวกินยาตามสไตล์
อันนี้ก็ลุกมากินจะนอนต่อ ก็เลยเปิดคอมพ์มาบันทึกไว้ซะหน่อย
เราลอง ไล่เรียง ว่าความเจ็บป่วยมันมาได้ยังไงดีกว่า
เริ่ม
เราอุ้มยายขึ้นกระโถนตั้งแต่มัธยม 1 คืออายุ 12 ปี
อุ้มไม่บ่อยมากหรอก แต่เฉลี่ยก็ทุกวันแหละ
ซึ่งการอุ้มก็คือ ต้องยืนโค้งตัว
แต่อันนี้น่าจะยังไม่ใช่ผลเดี่ยว
เราอุ้มยายอยู่ประมาณ 11 ปี ช่วงขึ้นคลินิกแล้วอาจจะไม่ได้อุ้มทุกวันแล้ว
ตอนเราอายุ 17 ปี เราขึ้นปี 2
เป็นครั้งแรกที่ใส่รองเท้าแบบเห็นเล็บเท้าบ้างไปมหาวิทยาลัย
เราจำได้ว่า เท้าเรา 2 ข้างเท่ากัน
ไม่เหมือนตอนนี้ที่เท้าข้างซ้ายจะมีปุ่มนูนทางด้านใน ( ด้านขวา )
ออกมาเป็นข้อ ซึ่งช่วงจบเฉพาะทางมาแล้ว
( อายุ 29 ไปจน 39 และน่าจะค้นพบตอน 35-36 ) เราพบว่ารองเท้าข้างซ้ายของเรามักจะสิึกไ่ม่เท่ากัน
ด้านชิดขวาของเท้าซ้ายจะสึกมากที่สุด
ตอนเอายุ 35 เราเรียน Master และไปดำน้ำที่บาหลี
ที่นั่น เราต้องแบกถังอากาศ
ในเช้าวันสุดท้ายก่อนกลับ ซึ่งเป็นวันเที่ยว
( ดำน้ำเสร็จต้องรอ 24 ชั่วโมงค่อยขึ้นเครื่อง ) เราตื่นมาปวดคอซ้าย
วันนั้นเราคิดว่า เรานอนตกหมอน
เพราะก่อนนอนไม่ปวด
เรากลับมจากบาหลี อีกประมาณเดือนนึงไปคำน้ำ น่าจะที่ชะอำ
ขากลับเรารถเกิดอุบัติเหตุ เราปลอดภัยดี
สมัยนั้น บุรีรัมย์ยังไม่มีเครื่องบินมาลง ( ปี 2557 )
ต้องเอารถไปกลับเพราะของดำน้ำเยอะมาก
และเราเองก็ไม่สะดวกตากไว้ที่กรุงเทพฯ
ปี 2557 เดือนธันวาคม ช่วงวันหยุดยาว น่าจะต้นๆ เดือน
เรานอนเล่นที่ร้านเรา
พลิกตัวตะแคงขวา เอาไหล่ขวาลง
ทันใตนั้นเราก็ชาไหล่ซ้าย เราจำเรื่องนี้ได้
จำได้แม้กระทั้งที่ที่นอนเล่นกลางวันนั้น เรานอนในห้องพระ
เราปวดขึ้นมาคอ จนต้องไปลงเข็มครั้งแรก
เราดีขึ้น
ต้นปี 2558 เรายังมีอาการชานิ้วโป้งมือซ้าย
ต่อมาเราปวดจนไม่สามารถเปิดขวดน้ำด้วยมือซ้ายได้
ปีนั้นต้นปี แม่เรากลับไทยพอดี แม่มาประคบอุ่น
ในราวเดือนกุมภาพันธ์ ในระหว่างที่แม่ประคบอุ่น
แขนซ้ายเรามีกระตึ๊กๆ แล้วก็หายชาทันที
การป่วยครั้งนั้นสิ้นสุดลง โดยที่ทุก 3 ปีเราจะปวด และไปลงเข็ม ปีละครั้ง
เหตุการณ์ผ่านไป
ครบ 9 ปีโดยประมาณ ปีที่แล้ว เราไปลงเข็มทุก 3 เดือน เพราะแาการปวดกลับมา
การลงเข็มแต่ละครั้ง เราไม่ค่อยกินยาเกิน 1 เม็ด
และไม่เคยกายภาพเลย จะไปประคบอุ่นแค่วันลงเข็ม และเบี้ยวที่เหลือ
เรายังคงเล่นกีฬาเป็นปกติ และถ้ามีปวดเล็กน้อย เราก็จะสำนึกตัว ยืดเหยียด
ไปว่ายน้ำ ไปฟิตเนต (คือไปนอนเหยียดแขน ฟังเพลงเกาหลี)
และในที่สุด ก็ถึงเวลา
เราไปซื้อกระถางด่านเกวียน 2 รอบ
รอบแรก ไปเดือน กุมภาพันธ์ ขนกระถางมาใหญ่ ๆ ดินเผา เกือบยี่สิบอัน
รอบสอง เดือนมีนาคม ต้นเดือน วันหยุดสัปดาห์ที่สอง
การยกของลงจากท้ายรถ ทำให้เราไม่ค่อยได้ย่อตัว และกระถางมันเยอะมาก
เพิ่มทอปปิ้งด้วย ไปซับม่วง ปากช่อง เพื่อขนกุหลาบกระถางดำ ทีละสิบกว่าต้น
เพื่อ เพื่อ เพื่อ ความม่วนในการปลูกกุหลาบ เลี้ยงไว้ให้ครบ 150 ต้นตลอดเวลา ฮ่าๆ
และแล้วในที่สุดของที่สุด
ก็พบว่า จากกลางเดือนมีนาคม ไปยังเดือนเมษายน เรามีอาการปวด และชาปลายนิ้วโป้งซ้ายเป็นระยะ
ต่อมาเริ่มชานิ้วชี้ซ้าย และ ปวดที่ไหล่ซ้ายมากขึ้น
ลงแขน ลงข้อมือ
หลังสงกรานต์เราไปลงเรียนโยคะแบบหนึ่งเดือน หวังทุเลา
ระหว่างนั้นเราบอกพี่หมอกายภาพว่า เราขอ MRI
ในที่สุดผล MRI ก็เฉลยว่าเราหมอนรองกระดูกปลิ้น
(พิมพ์เสร็จตีสาม ปิดคอมพ์นอน ตื่นมานึกได้้ยังไม่ได้ upload )
ไว้ต่อตอนหน้าค่ะ