Group Blog All Blog
|
มะม่วงในดวงใจ เอามะม่วงมาจากบ้านกรุงเทพฯ ได้สองสัปดาห์แล้ว เอามาสิบกว่าลูก ปอกกินไปบ้าง ยังเหลือ 4-5 ลูก ช่วงนี้ขับผ่านรถขายผลไม้แบบห่างเหินกันเลยทีเดียว ถือว่า มีมะม่วงส่วนตัวแล้ว ว่างั้น แต่ว่าปอกเอง มันจะขี้เกียจหน่อย อยู่เวรช่วงสงกรานต์ด้วย ไม่ค่อยมีอารมณ์ปอก แต่พอหมดเวร มาค้นตู้เย็น เหลือเต็มเลยเป็นสิบลูก เร่งกิน ไปซื้อน้ำตาลอ้อย เพราะ--เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีน้ำตาลปึกถุงใหม่ คือไม่ได้ทำอะไรนานมาก นี่อาจจะเป็นน้ำตาลปึกตั้งแต่ก่อนไปผ่าคอ สรุปว่า น้ำตาลอ้อยก็อร่อยดี ซื้อหอมแดงมา ส่วนพริกมีอยู่แล้ว เพราะซื้อมาโรยสวนไล่หนอนแมลง แบ่งพริกออกมาจากดงอุปกรณ์การเกษตร เอามากินบ้าง --------- จริงๆ เราไม่ค่อยปอกมะม่วงกินเองหรอก ส่วนมากเราขนไปที่ทำงาน ให้คนอื่นปอก ทีนี้ตอนเอามา มันลืมๆ และติดช่วงสงกรานต์ เลยต้องกินเอง ไม่งั้นสุกหมด ปกติเรามีมะม่วง มีมีด ก็ยังไม่ได้กินนะ ต้องมีแม่ ด้วย ให้แม่ปอกให้ แม้แต่วันที่แม่ป่วยติดเตียงก็ยังอาศัยบารมีแม่ ให้พี่เลี้ยงแม่ (คนดูแม่) ปอกให้ ฮิ้ว... เมื่อถึงวันแบบนี้ เราปอกมะม่วงเองทีไร คิดถึงแม่ทุกครั้ง เวลาแม่ปอกมะม่วงดิบ กำลังเฉาะ เรากับพี่คนกลางจะไปจ่อรอที่จาน เราตัวดี คอยจะยื่นมือไปหยิบก่อนเฉาะลงจานเสร็จ พี่กับแม่ต้องคอยร้องห้าม ----------- ส่วนน้ำปลาหวาน ความที่เราอยู่กับพี่ชาย ไม่ได้เคี่ยวอะไรทั้งนั้น น้ำตาลทรายสดใส่น้ำปลาก็คือ เคี่ยวแล้วเพราะมันละลาย พี่เราชอบใส่หอมซอยเยอะๆ กัน ตอนเด็กๆ เราไม่เข้าใจทำไมพี่ๆ ชอบกินหอมแดงซอยในน้ำปลาหวาน (เรามีพี่ชายแท้ๆ สองคน กับลูกลุงโตมาด้วยกัน เป็นพี่ชายสามคน) พอโตขึ้นมา เออ มันอร่อยดี แล้วบ้านเราก็ไม่ได้มีออพชั่นอื่น พวกกุ้ง อะไรในน้ำปลาหวาน เพราะงั้นหอมซอยคืออะไรที่แซ่บสุด ------------ ขอเล่าถึงต้นไม้ในบ้านกรุงเทพฯ ตอนที่บ้านยังมมีพื้นที่ 50 ตารางวา ถ้ายืนหน้าบ้านแล้วหันหน้าออก จะเป้นทิศเหนือ ที่เราจำได้ หลังบ้านมีมะพร้าว ข้างซ้ายในบ้านมีต้นเเชอรี่ที่พ่อปลูก เชอรี่นี้ต้นไม่ใหญ่มาก มันปลูกหลังม้านั่งที่ดินยกสูงก่อนจะสุดรั้วซ้าย หน้าบ้านทางซ้ายมีตะขบต้นเดียว อยู่นอกรั้ว บ้านเราหันหน้าไปทางทิศเหนือ และประตูรั้วชิดไปทางซ้าย ( เอ ทิศเดียวกับที่บ้านเช่าเราตอนนี้อยู่เลยแฮะ) มีระยะรั้วแค่ซักเมตรครึ่งที่พอให้ต้นตะขบใหญ่อยู่ ก่อนจะเป็นประตู ทำให้ต้นตะขบใหญ่หนึ่งต้น มุมตรงนั้นบังแดดบ่ายพอดี (คงจะเป็นต้นเดินตอนสร้างหมู่บ้านมีอยู่แล้ว พอตอนเราเด็ก ต้นมันก็โตมากแล้ว) (เฮ้ เหมือนที่ตอนนี้ทางซ้ายหน้าบ้านเช่าเรามีต้นตีนเป็ดเลย มุมบังแดดเหมือนกัน) ส่วนที่ถัดมาจากประตูรั้วมาทางขวา เมื่อหันหน้าออกนอกบ้าน รั้วตรงกลางๆ นอกรั้วมีต้นมะม่วง และริมขวามุมนอกรั้วมีต้นมะยม เรารู้ว่า มะม่วงนี่พ่อปลูก พี่คนโตเล่า ว่าพ่อมีเพาะเมล็ดแล้วตั้งชื่อพี่ด้วย มะยมก็น่าจะปลูกเอง เพราะตอนเราเด็กๆ ต้นโตไปเรื่อยๆ พ่อปลูกมะยมไว้ให้แม่ทำไม้เรียวดีเรา เวลาแม่จะตี แล้วบอกไปเอาก้านมะยมมา 3 หรือ 5 (ถ้าแม่ไปเอาเองจะกำใหญ่มาก) เราเลือกไม่ถูก ก้านใหญ่ เจ็บ ส่วนก้านเล็กที่ยังอ่อนตวัดเจ็บได้เหมือนกัน แม่ตี ยายทายาหม่อง วิถีเด็กดื้ออย่างเรา ----------- วกกลับมา ข้างขวาบ้าน เราจำได้ว่า มีน้อยหน่า กับละมุด ที่ต้นไม่ค่อยโต ตอนเราเด็กๆ ที่บ้านรองน้ำฝนกินกัน น้ำในหมู่บ้านยังเป็นน้ำบาดาลเลย น้อยหน่ากับละมุด ดินตรงนั้นดูไม่ค่อยดี เป็นต้นผอมๆ ตอนหลังก็ตาย เรารู้ว่าเป็นน้อยหน่า เพราะเคยเห็นลูก แต่ไม่ค่อยมีเนื้อ มุมตรงนั้นพอพ่อตายคงไม่มีคนรดน้ำ มุมในรั้วบ้านด้านหน้าที่เป็น ตะวันออกเฉียงเหนือนั้น มีชิงช้าวงกลมแบบที่นั่งสองข้างมีโต๊ะตรงกลาง ที่เวลามองตาด้านข้างจะเห็นเป็นวงกลมสีขาว โต๊ะสีขาว แต่ม้านั่งทั้งสองข้างสีฟ้าเข้ม พ่อคงเป็นคนหามาไว้ เพราะลูกเยอะ รวมแล้วลูกสี่คน เมื่อเวลาผ่านไปเราโตขึ้น เราเห็นชิงช้าแบบนี้ จะจำได้ทุกครั้งว่าที่บ้านมี แล้วจำได้ว่า โต๊ะพังก่อน น่าจะแถวๆ เราขึ้นประถม ส่วนโครงสีขาวก็ค่อยๆ ขึ้นสนิม พังไป เก้าอี้หลุด เอามานั่งพิงเล่นข้างรั้วกันพักนึง แล้วแม่ก็กำจัดไป ------------ ข้างบ้านทางขวา มีแท้งค์น้ำใหญ่สีเขียวตุ่นเหมือนเสื้อทหาร อย่างที่บอกว่าบ้านเรารองน้ำฝนกินกันสมัยนั้น แต่ว่า หลังบ้านก็มีตุ่มน้ำเยอะแยะเลย (ตอนนี้ก็ยังมี) (แต่แท้งค์ เข้าใจว่าเป็นอันใหม่แล้ว) รองน้ำฝนไว้เหมือนกัน เราเห็นรางน้ำที่บ้านมีทางให้เลี้ยวลงทั้งตุ่มและทั้งแท้งค์ใหญ่นั้น ตุ่มน้ำมี 5-6 ตุ่มได้ และอยู่ทางด้านขวาเหมือนกัน ค่อนไปทางหลังๆ บ้าน บ้านเรามีดินรอบบ้าน แท้งค์อยู่บนแท่นปูนสูงกว่าเข่าเราตอนเด็ก เพราะแท้งค์จะมีก๊อกด้วย ส่วนโอ่งตุ่มวางบนดินหรือมีปูนตรงพื้นที่แหละ เพราะเหตุนั้น พื้นที่ทางตะวันออกของบ้าน หรือทางขวาเมื่อหันหน้าออก เลยเหลือน้อย มีน้อยหน่าละมุดจ่อยอิงแอบกันเบาๆ หลังบ้านมีกล้วย แต่ไม่เยอะ จำได้ดีเรื่องมีมะพร้าวนี่แหละ เพราะตอนที่ตัดต้นมะพร้าว แม่บ่นว่า ขุดรากกันนานมาก ไม่ปลูกอีกแล้ว พอซื้อที่ดินข้างบ้านเพิ่ม ก็เห็นปลูกอีก นี่เราปอกมะม่วงที่บ้านเอง เราจะคิดถึงบ้านและรอบบ้านเสมอ เราอยากกลับไปนอนบ้าน อยากทำงานที่ทำงานนี้ ที่ต่างจังหวัดนี่แหละ แล้วมีประตูสารพัดสถานที่ เปิดไป นอนบ้าน กทม. ทุกวันได้คงดี เราจะได้ไม่ต้องรีบสอยมะม่วง เพราะรอโตก่อน แล้วสอยกินแต่ละวันได้เลย ------------ มะม่วงต้นหน้าบ้าน ตายตอนเราอายุน่าจะ 27-28 ปี ตั้งใจให้เค้าตัด หลังจากเลิกออกลูกแล้ว ปีท้ายๆ นั้น มันออกลูกเยอะมาก ก่อนจะหยุดออกลูก จนแม่สั่งให้ตัดทิ้ง (ปกติตัดเล็ม แม่ทำเอง แม่ปีนรั้วขึ้นกิ่งมะม่วงไปตัดหน้าตาเฉยจนแม่อายุ 50 กว่านะ ถ้าเราจำไม่ผิด) (ถ้าดูนางให้ดูแม่ เราว่า เราก็ปีนได้นะ ตอนนี้ยังชิลล์ คอก็ผ่าแล้ว ฮ่าๆ) ตอนที่ออกลูกมากๆ รุ่นท้ายนั้น มีแต่เรากับพี่คนโตอยู่บ้าน มันเป็นช่วงที่พี่ๆ เริ่มโต แยกย้ายกันไป ไม่ค่อยอยู่บ้าน แตพี่คนโตกลับมาอยู่ช่วงนั้นพอดี ส่วนเราอยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง ตอนนั้นบรรจุทำงานต่างจังหวัดแล้ว พี่บอกเราว่า ถ้ามันเยอะขนาดนี้ เราต้องกินวันละ 5 ลูก ต่อวันต่อคน (ตอนนั้นที่บ้านมี 5 คนคือ แม่ เรา พี่คนโต มีแม่บ้านกับยายด้วย ซึ่งแม่ก็ไม่ค่อยอยู่กินมะม่วงขนาดนั้น) เราเอง วันละลูกก็พอแล้วฝ เราเหวอเลยตอนพี่บอก แล้วมันก็สุกเอาๆ จนเน่าทิ้ง เป็นแบบนั้นเลย มีคนมาขอเหมาซื้อด้วย แต่พี่เราไม่ให้ คือกลัวเค้ามาเอาไปหมด จะไม่ได้กิน จนถึงตอนนี้เรายังจำไม่ได้เลยว่า ว่าต้นหน้าบ้านพันธุ์อะไร เราว่าอกร่องนะ เพราะกินดิบแซ่บ กินเปล่าไม่ได้ จะเปรี้ยว กินสุกได้ ต้องกลับไปถามพี่คนโต อันนี้เราจำไม่ได้จริงๆ ตอนเด็กๆ ไม่ค่อยสนใจ รู้แต่ว่า ที่บ้านมีมะม่วงกิน ------------ กลับมาที่จานมะม่วงของเราวันนี้ก่อน กลับมาจากทำงาน เรารดน้ำต้นไม้บางส่วน (มันจะมีส่วนที่โดดแดดจัด เราจะรดบ่อย) แล้วมาปอกมะม่วง 2 ลูก หั่นไว้ เอาน้ำตาลเคี่ยวกับหอมซอยเดิมในตู้เย็นมาคนใส่กัน ใส่ถ้วยไว้ เอาถั่วที่กินเหลือๆ มาใส่ เอาดอกเดซี่สีม่วงที่เพิ่งรดน้ำตะกี้มาใส่น้ำปลาหวานนั้น แปลกดี ทำไป ความทรงจำต้นมะม่วงและที่บ้านมาเต็มเลย คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่จัง.
|
สุขใจพริ้ว
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เป็นบันทึกเรื่องราวทั่วไป ตามที่ใจนึกอยาก ของคนทำงานไกลบ้าน Friends Blog
Link |