"ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้นเสมอด้วยพระตถาคตย่อมไม่มี พระพุทธเจ้าแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยการกล่าวคำจริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี....." "พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง, เป็นหูที่วิเศษยิ่ง, เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง, เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง, เป็นกายที่วิเศษยิ่ง, เป็นใจที่วิเศษยิ่ง, เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง, เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง, เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง, เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง, เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง"จากวัดสามแยก
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 

หลวงปู่เกษม แสดงธรรมชุดที่ ๑๒๔ ชุด กษัตริย์ตั้งใว้ ให้เป็นที่ยำเกรง ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

หลวงปู่เกษม แสดงธรรมชุดที่ ๑๒๔ ชุด กษัตริย์ตั้งใว้ ให้เป็นที่ยำเกรง ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
เนื้อหา บางส่วนจากการแสดงธรรมชุดนี้
      ๑. นาคราชผู้มีฤทธิ์มาก ก็ยังอยากเป็นมนุษย์...
      ๒. เคารพกวนอู ขุนแผน ก็เหมือนเคารพฆาตกร
      ๓. ใช้คำถวายที่ดินแบบไม่ถูกต้อง... ภิกษุห้ามรับ
      ๔. พญายม ก็ปรารถณาให้ได้เป็นมนุษย์...
      ๕. การเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา... นานเป็นแสนโกฏิกัป
           ฯลฯ

หลวงปู่เกษม กษัตริย์ต้องตั้งไว้ 1/3

หลวงปู่เกษม กษัตริย์ต้องตั้งไว้ 2/3

หลวงปู่เกษม กษัตริย์ต้องตั้งไว้ 3/3

แม้พระอรหันต์ก็หงุดหงิดเหมือนกัน เล่ม 45 หน้า 304

...ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ (เครื่องผูก) ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้น ย่อมเสวยอารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕ (ตา–หู–จมูก–ลิ้น–กาย) เหล่าใด เป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย  อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอ ยังตั้งอยู่นั่นเทียว

เล่ม 22 หน้า 122  
...สำหรับปุถุชน อารมณ์ยังไม่เป็นสัปปายะ (ไม่สบาย) ก็ช่างเถอะ  
แต่สำหรับพระขีณาสพ อารมณ์อย่างไรจึงไม่เป็นสัปปายะเล่า ? 

ไม่เป็นสัปปายะแก่ปุถุชนด้วยอารมณ์ใด ก็ไม่เป็นสัปปายะเลยแม้แก่พระขีณาสพแม้ด้วยอารมณ์นั้น.
ขึ้นชื่อว่ายาพิษ รู้แล้วกินก็ตาม ก็คงเป็นยาพิษอยู่นั่นเอง.

แล้วความแตกต่างของความเป็นอริยะกับปุถุชนอยู่ตรงไหน ?

ความแตกต่างก็คือ พระอริยะไม่ยึดมั่นถือมั่นในรูปขันธ์และนามขันธ์ทั้งหลายเหมือนปุถุชน
เมื่อพระอริยะท่านป้องกันภัยแห่งความทุกข์ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นกับรูปขันธ์และนามขันธ์อย่างพอเพียงแล้วเมื่อไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไป ท่านก็ยอมรับภัยนั้นอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

แต่ปุถุชนนั้น เมื่่อทำการป้องกันภัยทั้งหลายอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่สามารถป้องกันภัยนั้นได้ภัยนั้นก็ยังเกิดขึ้นอยู่ ปุถุชนจะยอมรับภัยนั้นๆได้ยากมากๆจนถึงไม่ได้เลย เมื่อปุถุชนประสบภัยต่างๆที่ำทำให้เกิดทุกข์อยู่ ก็จะเต็มไปด้วยเศร้าโศก คร่ำครวญ เสียใจและเป็นทุกข์อย่างหนัก

ททาติ เว ยถาสทฺธํ ยถาปสาทนํ ชโน ชนย่อมให้ทานตามศรัทธา ตามความเลื่อมใส.

แม้อาหารที่เป็นเดนของโยม ก็สามารถนำมาถวายพระได้ (ถ้าโยมต้องการจะถวาย)แม้จะไม่ได้บุญมากเท่ากับถวายอาหารที่ไม่เป็นเดน แต่ก็ไม่มีบาป ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม43 หน้า366

...แม้พราหมณ์เห็นพระศาสดาแล้ว  
จึงพูดว่า" นางผู้เจริญ หล่อนไม่บอกพระราชบุตรผู้เสด็จมาประทับยืนอยู่ที่ประตูแก่เรา ให้เราฉิบหายเสียแล้ว,หล่อนทำกรรมหนัก"ดังนี้แล้ว ก็ถือเอาภาชนะแห่งโภชนะที่ตนบริโภคแล้วครึ่งหนึ่ง ไปยังสำนักพระศาสดา แล้วกราบทูลว่า" ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ถวายทานอันเลิศในฐานะทั้ง ๕ แล้ว จึงบริโภค แต่ส่วนแห่งภัตส่วนหนึ่งเท่านั้น อันข้าพระองค์แบ่งครึ่งจากส่วนนี้บริโภค ส่วนแห่งภัตส่วนหนึ่งยังเหลืออยู่ ขอพระองค์ได้โปรดรับภัตส่วนนี้ของข้าพระองค์เถิด."
      
พระศาสดาไม่ตรัสว่า "เราไม่มีความต้องการด้วยภัตอันเป็นเดนของท่าน" แต่่ตรัสว่า " พราหมณ์ ส่วนอันเลิศก็ดี ภัตที่ท่านแบ่งครึ่งบริโภคแล้วก็ดี เป็นของสมควรแก่เราทั้งนั้น,แม้ก้อนภัตที่เป็นเดน เป็นของสมควรแก่เราเหมือนกัน พราหมณ์ เพราะพวกเราเป็นผู้อาศัยอาหาร ที่ผู้อื่นให้เลี้ยงชีพ เป็นเช่นกับพวกเปรต"แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า
               
" ภิกษุผู้อาศัยอาหารที่บุคคลอื่นให้เลี้ยงชีพ ได้ก้อนภัตอันใดจากส่วนที่เลิศก็ตาม จากส่วนปานกลางก็ตาม จากส่วนที่เหลือก็ตาม ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่ควรเพื่อชมก้อนภัตนั้น และไม่เป็นผู้ติเตียน แล้วขบฉันก้อนภัตนั้น ธีรชรทั้งหลายย่อมสรรเสริญแม้ซึ่งภิกษุนั้นว่าเป็นมุนี."

ซึ้อนมมา 1 ลัง เพื่อจะใส่บาตร แต่เราหยิบมา 1 -5 กล่อง เพื่อทานเองจะบาปหรือไม่ครับ
//www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1642.0

วัดป่าสามแยก เบิกบุญ โอนบุญ อกหัก โดนของ ธรรมะ ธรรมทาน คลายเครียด เจริญรุ่งเรือง www.samyaek.com




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2554
2 comments
Last Update : 7 เมษายน 2556 18:36:35 น.
Counter : 1214 Pageviews.

 



สวัสดีปีใหม่2555ค่ะคุณบุษ..

ขอให้มีความสุขมากๆในทุกๆวัน..

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงและสมบูรณ์..

และมีรักที่สมหวังตลอดไปนะค่ะ

พรุ่งนี้อ้อมแอ้มได้มีโอกาสใส่บาตรร่วมกับสมเด็จพระเทพฯ

และท่านทรงมีพระราชโอวาสแด่บุคคลากรทุกปี

เป็นพรที่ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีเก่า-รับปีใหม่ค่ะ


 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 29 ธันวาคม 2554 20:29:00 น.  

 



ธรรมะสวัสดีค่ะคุณบุษ..

เทศกาลงานบุญที่เขาคิชฌกูฎ

จะเริ่มวันที่ 24มกรา-24มีนาคมนี้ค่ะ

อ้อมแอ้มแวะมาเชิญชวนเดินขึ้นเขากันค่ะ

ได้ออกกำลังกายและได้พลังใจกลับไปด้วยนะค่ะ

เอาฟิตเตรียมตัวด่วนค่ะ..ฮิๆ

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 12 มกราคม 2555 17:41:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Budratsa
Location :
พิจิตร Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆคนค่ะ
"ดูก่อนอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์ (พุทธพจน์) มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา" เล่มที่ ๑๓ : พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๒๐
Friends' blogs
[Add Budratsa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.