"ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้นเสมอด้วยพระตถาคตย่อมไม่มี พระพุทธเจ้าแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยการกล่าวคำจริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี....." "พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง, เป็นหูที่วิเศษยิ่ง, เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง, เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง, เป็นกายที่วิเศษยิ่ง, เป็นใจที่วิเศษยิ่ง, เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง, เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง, เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง, เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง, เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง"จากวัดสามแยก
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

หลวงปู่เกษม แสดงธรรม ชุดที่ ๐๘๐ สมาธินอกศาสนาพุทธ มิจฉัตตะ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๔

ชุดที่ ๐๘๐ แสดงธรรม "สมาธินอกศาสนาพุทธ (มิจฉัตตะ)" (๒๙ มกราคม ๒๕๕๔)
เนื้อหา บางส่วนจากการแสดงธรรมชุดนี้
     ๑. หลวงพ่อเกษมถึงคราวจะตายให้เปิดเผย
     ๒. การทำพระปริตร
     ๓. เคยทำมา จึงได้เจอทุกข์
     ๔. หลวงตานิพพาน ก็ไม่มีใครยื้อแย่งเอาไว้ได้
     ๕. ความเห็นผิด - สมาธิผิด... พลาดสวรรค์และมรรคผล

หลวงปู่เกษม สมาธินอกศาสนาพุทธ 1/4

หลวงปู่เกษม สมาธินอกศาสนาพุทธ 2/4

หลวงปู่เกษม สมาธินอกศาสนาพุทธ 3/4

หลวงปู่เกษม สมาธินอกศาสนาพุทธ 4/4


ปโลภสูตร ว่าด้วยเหตุที่ทำให้มนุษย์มีจำนวนน้อยลง จุดเริ่มต้นของหายนะ ที่กำลังจะเกิด เล่ม 34 หน้า 224 บรรทัด 10


[๔๙๖] ครั้งนั้น พราหมณ์มหาศาลผู้หนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ฯลฯ พราหมณ์มหาศาลนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระเจ้าได้ยินพราหมณ์ ผู้เฒ่าผู้ใหญ่แต่ก่อน ๆ ซึ่งเป็นอาจารย์สืบ ๆ กันมา เล่าว่า แต่ก่อน โลกนี้เต็มไปด้วยคน ราวกะอเวจีมหานรก คามนิคมชนบทและราชธานี มีหลังคาเรือนตั้ง(เรียงรายกัน) อยู่ชั่วระยะไก่บินตก ดังนี้ เหตุอะไรปัจจัยอะไรเล่าหนอ พระโคดมผู้เจริญ เดี๋ยวนี้ คนจึงดูหมดไปเบาบางไป ที่เคยเป็นคาม นิคม นคร ชนบท ก็ไม่เป็นคาม นิคม นคร ชนบท.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า พราหมณ์ คนเดี๋ยวนี้กำหนัด ยินดีไม่เป็นธรรม โลภเกินสมควร มุ่งไปแต่ทางมิจฉาธรรม เขาทั้งหลายกำหนัด ยินดีไม่เป็นธรรม โลภเกินสมควร มุ่งไปแต่ทางมิจฉาธรรมแล้วก็จับศาสตรา อันคมฆ่ากันและกัน คนเป็นอันมากตายไป เพราะเหตุนั้น นี่เป็นเหตุเป็นปัจจัย อันหนึ่ง ซึ่งทำให้คนเดี๋ยวนี้ดูหมดไปเบาบางไป ที่เคยเป็นคาม นิคม นคร ชนบท จึงไม่เป็นคาม นิคม นคร ชนบท.

อีกข้อหนึ่ง พราหมณ์ คนเดี๋ยวนี้ กำหนัดยินดีไม่เป็นธรรม โลภเกินสมควร มุ่งไปแต่ทางมิจฉาธรรม เมื่อเขาทั้งหลายกำหนัดยินดีไม่เป็นธรรม โลภเกินสมควร มุ่งไปแต่ทางมิจฉาธรรม ฝนจึงไม่ตกตามฤดูกาล ด้วยเหตุ นั้นจึงเกิดทุพภิกขภัย ข้าวเสีย เป็นขยอก ตายฝอย คนเป็นอันมากตายไป เพราะเหตุนั้น นี่ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยอันหนึ่ง ซึ่งทำให้คนเดี๋ยวนี้ดูหมดไป เบาบ้างไป ที่เคยเป็นคาม นิคม นคร ชนบท จึงไม่เป็นคาม นิคมนคร ชนบท.

อีกข้อหนึ่ง พราหมณ์ คนเดี๋ยวนี้กำหนัดยินดีไม่เป็นธรรม โลภเกินสมควร มุ่งไปแต่ทางมิจฉาธรรม เมื่อเขาทั้งหลายกำหนัดยินดีไม่เป็นธรรม โลภเกินสมควร มุ่งไปแต่ทางมิจฉาธรรม ยักษ์ทั้งหลายจึงปล่อยอมนุษย์ร้าย คนเป็นอันมากตายไปเพราะเหตุนั้น นี่ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยอันหนึ่ง ซึ่งทำให้คน เดี๋ยวนี้ดูหมดไปเบาบางไป ที่เคยเป็นคาม นิคม นคร ชนบท จึงไม่เป็นคาม นิคม นคร ชนบท.ดีจริง ๆ พระโคดมผู้เจริญ ฯลฯ ขอพระโคคมผู้เจริญทรงจำข้าพระองค์ไว้ว่า เป็นอุบาสกถึงสรณะแล้ว จนตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้ไป.

อรรถกถาปโลภสูตร พึงทราบวินิจฉัยใน ปโลภสูตรที่ ๖ ดังต่อไปนี้:-บทว่า อาจริยปาจริยานํ ความว่า ทั้งอาจารย์ทั้งหลาย ทั้งอาจารย์ ของอาจารย์ทั้งหลาย. บทว่า อวีจิ มญฺเญ ผุฏโฐ โหติ ความว่า เต็มเปี่ยมไปด้วยมนุษย์ทั้งหลาย เหมือนอเวจีมหานรกที่สัตว์สัมผัสแล้ว คือ เต็มเปี่ยมไปด้วยเหล่าสัตว์นรกชั่วนิรันดร.

บทว่า กุกฺกุฏสมฺปาติกา ความว่า การบินตกของไก่ กล่าวคือ การที่ไก่บินไปจากหลังคาของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

ไปตกลงที่หลังคาหมู่บ้านอีกหมู่หนึ่ง มีอยู่ในหมู่บ้านเหล่านี้ เพราะเหตุนั้น หมู่บ้านเหล่านี้ จึงชื่อว่า กุกกุฏสัมปาติกะ (มีอยู่ชั่วไก่บินตก) ปาฐะว่า กุกฺกุฏสมฺปาทิกา ก็มี. มีอธิบายว่า การตกของไก่ กล่าวคือการย่างเดินไปของไก่จากละแวกหมู่บ้าน สู่ละแวกหมู่บ้าน มีอยู่ในหมู่บ้านเหล่านี้. แม้ทั้งสองบทนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงถึงการอยู่กันอย่างหนาแน่นทั้งนั้น.

บทว่า อธมฺมราครตฺตา ความว่า ราคะเป็นอธรรมโดยส่วนเดียวเท่านั้น แต่ราคะที่เกิดขึ้นในบริขารของตน ไม่ทรงหมายเอาว่าเป็นอธรรมราคะ ราคะที่เกิดขึ้นในบริขารของคนอื่น จึงทรงประสงค์เอาความเป็นอธรรมราคะ.บทว่า วิสมโลภาภิภูตา ความว่า ขึ้นชื่อว่าโลภะ จะมีเวลาสม่ำเสมอไม่มี. โลภะนี้ไม่สม่ำเสมอโดยส่วนเดียวเท่านั้น แต่ว่าเมื่อเกิดขึ้นในวัตถุที่ตนหวงแหน ชื่อว่า สมโลภะ ที่เกิดขึ้นในวัตถุที่ผู้อื่นหวงแหนเท่านั้น ทรงประสงค์เอาว่า วิสมโลภะ. บทว่า มิจฺฉาธมฺมปเรตา ความว่า ประกอบด้วยธรรม ฝ่ายผิด กล่าวคือการซ่องเสพสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุ.บทว่า เทโว น สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉติ ความว่า ฝนไม่ตกในเวลาที่ควรจะตก. บทว่า ทุพฺภิกฺขํ ได้แก่ภิกษาที่หาได้ยาก. บทว่า ทุสฺสสฺสํ ความว่า ชื่อว่า ข้าวกล้าเสียหาย เพราะข้าวกล้านานาชนิดไม่เผล็ดผล.บทว่า เสตฏฺฐิกํ ความว่า เมื่อข้าวกล้ากำลังออกรวง หมู่หนอนจะลงกินรวงข้าวที่ออกแล้ว จะมีสีขาว ไม่มีเนื้อ เพราะถูกหนอนเหล่านั้นชอนไช.ทรงหมายเอาข้าวลีบนั้นตรัสว่า เสตฏฺฐิกํ ดังนี้. บทว่า สลากวุตฺตํ ความว่า ข้าวกล้าที่หว่านแล้ว ๆ งอกงามเพียงตั้งลำต้นเท่านั้น อธิบายว่า ไม่ออกรวง. บทว่า ยกฺขา ได้แก่ยักษ์ผู้เป็นอธิบดี. บทว่า วาเฬ อมนุสฺเส โอสฺสชฺชนฺติ ความว่า ปล่อยยักษ์ร้ายไปในถิ่นมนุษย์. ยักษ์เหล่านั้นได้โอกาส ย่อมทำให้มหาชนถึงความสิ้นชีวิต.

หมายเหตุ ***ยักษ์ในพระสูตรนี้ สามารถทำให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม เกิดพายุ ไฟไหม้ แผ่นดินถล่ม น้ำป่าไหลหลากและสึนามิได้

โลภเกินสมควรหมายถึง ถือเขาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ ฉ้อโกง ทุจริต คอรัปชั่น โกงบ้านกินเมือง อยากได้เงินหรือข้าวของเครื่องใช้จึงปลุกเสกพระเครื่อง เครื่องรางของขลังแล้วบอกว่าเป็นพุทธคุณแล้วนำไปขาย รวยแต่ไม่รู้จักให้ทาน ไม่รู้จักแบ่งปัน

กำหนัดยินดีไม่เป็นธรรม เช่นมีชู้ มีกี๊ก มีเพศสัมพันธ์โดยไม่แจ้งพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย มั่วเซ็กซ์ สวิงกิ้ง เที่ยวซ่อง....เที่ยวผู้หญิงขายตัว

มุ่งไปในมิจฉาธรรม หมายถึง บอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ แต่ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้าเช่นบอกว่าถวายเงินพระแล้วได้บุญ พระเครื่องต่างๆนี่ดี เจริญ เป็นพุทธคุณ ทำพระเครื่อง เครื่องรางของขลังขาย สร้างพระพุทธรูปเอามาเป็นตัวแทนหรือเป็นเจดีย์ ทั้งๆที่พระพุทธเจ้า สอนเจดีย์มีแค่ 3 อย่าง คือพระธาตุ ๑ สิ่งของที่พระองค์เคยบริโภคใช้สอย เช่น ต้นโพธิ์ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพานเป็นต้น ๑ และ ธรรม คือ คำสอน ๑
เจดีย์ คือ ของที่ทำให้น้อมระลึกไปถึงพระพุทธเจ้า ,ที่เคารพนับถือ ,บุคคล สถานที่
หรือวัตถุที่ควรบูชา ในพระพุทธสาสนามีแค่ 3 อย่าง

ศึกษาพระไตรปิฏก www.samyaek.com

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา  //www.dhammahome.com/front/tipitaka/list.phย




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2554
0 comments
Last Update : 7 เมษายน 2556 0:40:10 น.
Counter : 1075 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Budratsa
Location :
พิจิตร Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆคนค่ะ
"ดูก่อนอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์ (พุทธพจน์) มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา" เล่มที่ ๑๓ : พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๒๐
Friends' blogs
[Add Budratsa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.