"ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้นเสมอด้วยพระตถาคตย่อมไม่มี พระพุทธเจ้าแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยการกล่าวคำจริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี....." "พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง, เป็นหูที่วิเศษยิ่ง, เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง, เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง, เป็นกายที่วิเศษยิ่ง, เป็นใจที่วิเศษยิ่ง, เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง, เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง, เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง, เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง, เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง"จากวัดสามแยก
Group Blog
 
 
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
7 เมษายน 2554
 
All Blogs
 

การอุทิศบุญให้ได้ผล...หลวงพ่อเกษม อาจิณฺณสีโล

หลวงปู่สอนการอุทิศบุญ 1

หลวงปู่สอนการอุทิศบุญ 2

หลวงปู่สอนการอุทิศบุญ 3

หลวงปู่สอนการอุทิศบุญ 4

การอุทิศบญเป็นกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

การอุทิศบุญ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้รับบุญนั้นเกิดความสุข

การอุทิศบุญให้แก่ เปรต ผี เทวดา หรือญาติสนิทมิตรสหายที่ตายไปจากโลกมนุษย์นี้
เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

เชื้อโรค ก็เป็นสัตว์โลกประเภทหนึ่ง แม้จะมีขนาดของร่างกายที่เล็กมากๆ จนไม่สามารถที่จะมองเห็น ได้ด้วยตาเนื้อธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป แต่เชื้อโรคก็มีจิตใจที่สามารถรับรู้ถึงความสุข ความทุกข์ ความหิว ความกระหายที่สัมผัสให้ได้รับทราบเหมือนกัน และมีอยู่มากมายทั้งภายนอกหรือภายในร่างกายของมนุษย์เป็นต้น

การอุทิศบุญให้เชื้อโรค ตามที่หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล ได้สั่งสอน แนะนำผู้ที่มาศึกษาพระพุทธศาสนา กับท่านอยู่เป็นประจำนั้น เป็นเรื่องที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ชาวพุทธอย่างมากว่า "มันเป็นไปได้ขนาดไหน พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนเอาไว้หรือไม่"

เรื่องนี้ก็มีคำตอบจากพระไตรปิฎก ทั้งในส่วนที่เป็นพุทธพจน์และส่วนที่เป็นอรรถาธิบาย
ทั้งสองส่วนนี้ไม่มีขัดแย้งกัน มีแต่สนับสนุนส่งเสริมกันและกันให้ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาได้เกิดความเข้าใจชัดเจนยิ่งๆ ขึ้น

อ้างอิงจากคำสอนของพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกอรรถกถาแปลไทย ชุด 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย

ในสถานที่อย่างเช่น หลุม - บ่อโสโครก หรือหลุม - บ่อขยะที่สกปรกเป็นต้น มีสัตว์ตัวเล็กๆ ประเภทจุลินทรีย์ ไวรัส แบคทีเรียอยู่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แม้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ แต่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาทิพย์และกล้องจุลทัศน์ที่มีความละเอียดสูง สัตว์ตัวเล็กๆ เหล่านี้ เมื่อมีคนไปทำบุญกับมัน ก็ได้บุญอยู่นะ เรื่องนี้พระพุทธเจ้าสอนไว้ในอังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม 34 หน้า 228 (ชัปปสูตร)

...เราตถาคตกล่าวอย่างนี้ต่างหากล่ะ วัจฉะ ว่า แม้สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในหลุมโสโครกหรือท่อโสโครก ผู้ใดเทน้ำล้างหม้อก็ดี น้ำล้างชามก็ดี ลงไปในหลุมและท่อโสโครกนั้น ด้วยเจตนาให้สัตว์ในนั้นได้เลี้ยงชีพ อย่างนี้เราตถาคตยังกล่าวการได้บุญอันมีกิริยาที่ทำอย่างนั้นเป็นมูล จะกล่าวอะไร (ถึงการให้ทาน)ในผู้ที่เป็นมนุษย์เล่า.


เรื่องพระพุทธเจ้าตรัสกับท้าวสักกเทวราชถึงการอุทิศบุญให้แก่สัตว์ทั้งปวงและเชื้อโรคก็คือสัตว์ประเภทหนึ่งในสัตว์ทั้งปวง ที่มีอยู่ในโลกธาตุทั้งหลาย เรื่องนี้อยู่ในขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม 43 หน้า 328 (เรื่องท้าวสักกเทวราช)

...แม้ท้าวสักกะ ทรงสดับธรรมกถาของพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูลว่า
พระเจ้าข้า เพื่อประโยชน์อะไร พระองค์จึงไม่รับสั่งให้ให้ส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์
ในธรรมทานอันชื่อว่าเยี่ยมอย่างนี้ ? จำเดิมแต่นี้ไป ขอพระองค์ได้โปรดตรัสบอกแก่
ภิกษุสงฆ์แล้วรับสั่งให้ๆ ส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์เถิด พระเจ้าข้า.

พระศาสดา ทรงสดับคำของท้าวเธอแล้ว รับสั่งให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกันแล้วตรัสว่า
" ภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเธอทำการฟังธรรมใหญ่ก็ดี การฟังธรรมตามปกติก็ดี กล่าวอุปนิสินนกถาก็ดี โดยที่สุดแม้การอนุโมทนา แล้วพึงให้ส่วนบุญแก่สัตว์ทั้งปวง."

พระอรรถกถาจารย์ท่านอธิบายเปรียบเทียบร่างกายของคนเหมือนจอมปลวกและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ตัวเล็กๆ ประเภทจุลินทรีย์ ไวรัส แบคทีเรีย ที่มีอาศัยอยู่ในร่างกายของคนทุกคน ไม่ยกเว้นร่างกายของใคร และพวกสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในร่างกายของพวกเรานี้ ก็แน่นอนว่า เราไม่สามารถจะมองเห็นตัวของมันได้ด้วยตาเนื้อของเรา เรื่องนี้อยู่ใน ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม 65 หน้า 242 (คุหัฏฐกสุคตนิทเทสที่ ๒)

...เหล่าสัตว์ต่างๆ ภายในจอมปลวก ย่อมเกิด ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ นอนเจ็บไข้ ตายตกไปในจอมปลวกนั้นเอง.จอมปลวกนั้น เป็นเรือนคลอด เป็นส้วม เป็นโรงพยาบาล และเป็นสุสานของสัตว์เหล่านั้น ด้วยประการฉะนี้ ฉันใด

แม้ร่างกายของกษัตริย์มหาศาลเป็นต้น ก็ฉันนั้น มีกิมิชาติ (สัตว์เล็กๆน้อยๆจำพวกไวรัส - แบคทีเรีย) ประมาณแปดหมื่นเหล่า โดยการนับเหล่าอย่างนี้คือ เหล่าสัตว์ที่อาศัยผิว เหล่าสัตว์ที่อาศัยหนัง เหล่าสัตว์ที่อาศัยเนื้อ เหล่าสัตว์ที่อาศัยเอ็น เหล่าสัตว์ที่อาศัยกระดูก เหล่าสัตว์ที่อาศัยเยื่อในกระดูก ย่อมเกิดถ่ายอุจจาระปัสสาวะ นอนกระสับกระส่ายด้วยความไข้ ตายตกไปภายในกายนั่นแหละ โดยไม่คิดนึกว่า นี้เป็นกายของผู้มีอานุภาพมาก ที่คุ้มครองรักษาแล้ว ประดับตกแต่งแล้ว กายแม้นี้ย่อมเป็นเรือนคลอด เป็นส้วม เป็นโรงพยาบาลและเป็นสุสานของสัตว์เหล่านั้นด้วยประการฉะนี้ ดังนั้นจึงนับว่าจอมปลวก.(ท่านเปรียบร่างกายของคนเป็นเหมือนจอมปลวก)

ในเมตตสูตร พระพุทธเจ้าสอนพระภิกษุที่อยู่ป่า ให้แผ่เมตตาแก่สัตว์ทั้งปวง ทั้งสัตว์ที่มองเห็นและไม่สามารถมองเห็น
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม 39 หน้า 328 ,349 (เมตตสูตร)

...พึงแผ่ไมตรีจิตไปในหมู่สัตว์ว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด สัตว์มีชีวิตทั้งหลาย เหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่ ยังเป็นผู้สะดุ้ง (มีตัณหา) หรือเป็นผู้มั่นคง (ไม่มีตัณหา) ทั้งหมดไม่เหลือเลย.เหล่าใดยาวหรือใหญ่ ปานกลางหรือสั้น ผอมหรืออ้วน. เหล่าใดที่เราเห็นแล้วหรือมิได้เห็น เหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือไม่ไกล ที่เกิดแล้วหรือที่แสวงหาภพเถิด ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด.

พระอรรถกถาจารย์อธิบายเกี่ยวกับสัตว์ที่มองเห็นและไม่เห็น

บทว่า อณุกา ได้แก่ สัตว์ทั้งหลายที่อัตภาพละเอียดหรือเล็กเป็นต้น ที่บังเกิดในน้ำเป็นต้น
ไม่เป็นอารมณ์ของมังสจักษุ (ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ) เป็นวิสัยของทิพยจักษุ (สามารถมองเห็นได้ด้วยตาทิพย์).

ที่มา: วัดป่าสามแยก //www.samyaek.com




 

Create Date : 07 เมษายน 2554
15 comments
Last Update : 6 เมษายน 2556 17:52:24 น.
Counter : 2518 Pageviews.

 

วันนี้ใช้เวลาอยู่บ้านนี้นาน
เลยค่ะ ฟังหลวงพ่อ
ตั้งแต่ต้นจนจบ ขอบคุณค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุกับ
การเผยแพร่คำสอนนี้ด้วย
นะคะ

 

โดย: hellojaae (hellojaae ) 7 เมษายน 2554 13:22:45 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องบุษ
สาธุด้วยนะคะ เวปพัฒนาไปเยอะเลย ว่าง ๆ จะเข้ามาบ่อย ๆ ค่ะ

 

โดย: พี่แมว IP: 223.207.88.170 8 เมษายน 2554 17:50:04 น.  

 

สวัสดีครับน้องบุษ

พี่ก๋าแวะมาทักทายตอนค่ำๆนะครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 8 เมษายน 2554 22:13:07 น.  

 

กำลังอยากได้พอดี
บุษเป็นยังไงมั่งจ๊ะ
สบายดีหรือป่าว
คิดถึงนะ....

 

โดย: นุ่มณอ่อนนุช 9 เมษายน 2554 12:38:39 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะไปบอกข่าวค่ะ ถ้ามีอะไรใหม่ๆ แวะไปบอกอีกนะคะ อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

ขออนุญาตนำลิงค์ไปแบ่งปันในเฟชบุ๊คนะคะ สาธุค่ะ

 

โดย: แม่ออมบุญ 9 เมษายน 2554 15:19:15 น.  

 


ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานในช่วงสงกรานต์
แต่อ้อมแอ้มกะว่าจะไปกราบเท้าพระในบ้าน 2 องค์
พร้อมพวงมาลัยผูกแบงค์เทาๆในวันใดวันหนึ่งล่ะ..
ก่อนที่เพื่อนๆจะไปเที่ยวยาวหลายวัน
แวะไปหาท่านบ้างนะค่ะ ท่านเป็นห่วงค่ะ
และอ้อมแอ้มขออวยพรให้เพื่อนๆเที่ยวสงกรานต์
ด้วยความสุขสดชื่น ปลอดจากภัยยันต์อันตรายนะค่ะ
สวัสดีป๊ใหม่นะค่ะ...(^^)

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 9 เมษายน 2554 19:43:04 น.  

 

ขอบคุณมากๆ น้องบุษ ดีค่ะปรกติแม่ของพี่จะมีธรรมะของหลวงเกษม อยู่หลายชุดเหมือนกัน เดี๋ยวจะลองให้ดูชุดนี้บ้างไม่แน่ใจว่ามียัง ยังไงก็ขอบคุณน้องบุษมากๆอีกครั้งค่ะ

 

โดย: Pilze 11 เมษายน 2554 4:36:43 น.  

 

ยินดีในบุญกับคุณบุษด้วยค่ะ
//www.youtube.com/watch?v=lXHU46ujPrs&feature=channel_video_title

 

โดย: shada 12 เมษายน 2554 19:32:10 น.  

 

ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผย ไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)
บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ของมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 3
(ปกสีแดง หน้า 887 ปกสีน้ำเงิน หน้า 940)
พระบัญญัติ อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง-เงิน หรือยินดี ทอง-เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์
(นิสสัคคียปาจิตตีย์ 1 ตัว ต้องตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุ คือ 4,000 ปีของนรกขุมนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์)
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้ มาตรา 15 ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
...(4)รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
**หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา(โยมควรเรียนรู้) ทำบุญแล้วเป็นบาป ตกนรกทั้งพระและโยม
1.ตักบาตรด้วยเงินและทอง
2.ตักบาตรด้วยสิ่งของที่ต้องห้าม
3.ทำบุญกับพระทุศีล(ผิดศีลธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย)รับเงิน รับทอง มีบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของตนเอง
มีบัตรเอทีเอ็ม มีบัตรเครดิต
4.ฯลฯ
จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม
**ชาวพุทธทั้งหลาย ขอให้อธิษฐานเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้
"ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพระพุทธเจ้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังบุญทั้งหลาย ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพสกนิกรและราชอาณาจักร ขอบุญนั้นทั้งหมด
จงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลายที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป"

จากหลักฐานเทียบเคียงของการใช้สัจอธิษฐาน ในพระไตรปิฎก 91 เล่ม ฉบับมหามกฎราชวิทยาลัย เล่ม 74 หน้า 447-479 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 1, 3, 341, 342 และ 343 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ (www.samyaek.com) ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ยินดีในบุญกับทุกท่านที่รวมใจกันเปิดเผยพระธรรมวินัยให้รุ่งเรือง ค่ะ
พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง

พระไตรปิฏก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง

พระไตรปิฏก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง

พระไตรปิฏก เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง

พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง

พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง

จากวัดสามแยก

 

โดย: shada 12 เมษายน 2554 21:03:39 น.  

 

นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญู กตเวทิตา
ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายแห่งคนดี



ขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง
ร่ำรวย..เหลือเฟือ..ตลอดปีใหม่นี้ และตลอดไป..นะคะ


 

โดย: พรหมญาณี 16 เมษายน 2554 14:02:17 น.  

 



ครอบครัวตัว "ออ"ชอบร้องคาราโอเกะค่ะ
โดยเฉพาะ" คุณแม่เจ้าโว๊ย "

ชวนน้องบุษมาร้องเพลงด้วยกันนะค่ะ



 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 22 เมษายน 2554 10:14:47 น.  

 

สารญฺจ สารโต ญตฺวา อาสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมา สงฺกัปฺปโคจรา

ผู้ที่เข้าใจสิ่งที่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ และสิ่งที่ไร้สาระ ว่าไร้สาระ
มีความคิดเห็นชอบ ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ

ขอให้มีความสุขกับทุกสาระในชีวิต ตลอดไป..นะคะ



 

โดย: พรหมญาณี 22 เมษายน 2554 11:37:08 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องบุษ..

อ้อมแอ้มมีเลขเด็ดมาฝากในงวดนี้นะค่ะ

แค่คิดเล่นๆนะค่ะ..ฮิๆ

ขอให้โชคดีนะค่ะ

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 27 เมษายน 2554 9:37:10 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่บุษแหม่มสบายดีค่ะ แล้วพี่หล่ะคะ ไม่ได้คุยกันนานเลยสบายดีไหม รักและคิดถึงเหมือนเดิมค่ะ

 

โดย: genio 5 พฤษภาคม 2554 14:45:51 น.  

 

การอุทิศบญเป็นกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
การอุทิศบุญ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้รับบุญนั้นเกิดความสุข

การอุทิศบุญให้แก่ เปรต ผี เทวดา หรือญาติสนิทมิตรสหายที่ตายไปจากโลกมนุษย์นี้
เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

เชื้อโรค ก็เป็นสัตว์โลกประเภทหนึ่ง แม้จะมีขนาดของร่างกายที่เล็กมากๆ จนไม่สามารถที่จะมองเห็น ได้ด้วยตาเนื้อธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป แต่เชื้อโรคก็มีจิตใจที่สามารถรับรู้ถึงความสุข ความทุกข์ ความหิว ความกระหายที่สัมผัสให้ได้รับทราบเหมือนกัน และมีอยู่มากมายทั้งภายนอกหรือภายในร่างกายของมนุษย์เป็นต้น

การอุทิศบุญให้เชื้อโรค ตามที่หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล ได้สั่งสอน แนะนำผู้ที่มาศึกษาพระพุทธศาสนา กับท่านอยู่เป็นประจำนั้น เป็นเรื่องที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ชาวพุทธอย่างมากว่า "มันเป็นไปได้ขนาดไหน พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนเอาไว้หรือไม่"

เรื่องนี้ก็มีคำตอบจากพระไตรปิฎก ทั้งในส่วนที่เป็นพุทธพจน์และส่วนที่เป็นอรรถาธิบาย
ทั้งสองส่วนนี้ไม่มีขัดแย้งกัน มีแต่สนับสนุนส่งเสริมกันและกันให้ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาได้เกิดความเข้าใจชัดเจนยิ่งๆ ขึ้น

อ้างอิงจากคำสอนของพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกอรรถกถาแปลไทย ชุด 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย

ในสถานที่อย่างเช่น หลุม - บ่อโสโครก หรือหลุม - บ่อขยะที่สกปรกเป็นต้น มีสัตว์ตัวเล็กๆ ประเภทจุลินทรีย์ ไวรัส แบคทีเรียอยู่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แม้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ แต่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาทิพย์และกล้องจุลทัศน์ที่มีความละเอียดสูง สัตว์ตัวเล็กๆ เหล่านี้ เมื่อมีคนไปทำบุญกับมัน ก็ได้บุญอยู่นะ เรื่องนี้พระพุทธเจ้าสอนไว้ในอังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม 34 หน้า 228 (ชัปปสูตร)

...เราตถาคตกล่าวอย่างนี้ต่างหากล่ะ วัจฉะ ว่า แม้สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในหลุมโสโครกหรือท่อโสโครก ผู้ใดเทน้ำล้างหม้อก็ดี น้ำล้างชามก็ดี ลงไปในหลุมและท่อโสโครกนั้น ด้วยเจตนาให้สัตว์ในนั้นได้เลี้ยงชีพ อย่างนี้เราตถาคตยังกล่าวการได้บุญอันมีกิริยาที่ทำอย่างนั้นเป็นมูล จะกล่าวอะไร (ถึงการให้ทาน)ในผู้ที่เป็นมนุษย์เล่า.


เรื่องพระพุทธเจ้าตรัสกับท้าวสักกเทวราชถึงการอุทิศบุญให้แก่สัตว์ทั้งปวงและเชื้อโรคก็คือสัตว์ประเภทหนึ่งในสัตว์ทั้งปวง ที่มีอยู่ในโลกธาตุทั้งหลาย เรื่องนี้อยู่ในขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม 43 หน้า 328 (เรื่องท้าวสักกเทวราช)

...แม้ท้าวสักกะ ทรงสดับธรรมกถาของพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูลว่า
พระเจ้าข้า เพื่อประโยชน์อะไร พระองค์จึงไม่รับสั่งให้ให้ส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์
ในธรรมทานอันชื่อว่าเยี่ยมอย่างนี้ ? จำเดิมแต่นี้ไป ขอพระองค์ได้โปรดตรัสบอกแก่
ภิกษุสงฆ์แล้วรับสั่งให้ๆ ส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์เถิด พระเจ้าข้า.

พระศาสดา ทรงสดับคำของท้าวเธอแล้ว รับสั่งให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกันแล้วตรัสว่า
" ภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเธอทำการฟังธรรมใหญ่ก็ดี การฟังธรรมตามปกติก็ดี กล่าวอุปนิสินนกถาก็ดี โดยที่สุดแม้การอนุโมทนา แล้วพึงให้ส่วนบุญแก่สัตว์ทั้งปวง."


พระอรรถกถาจารย์ท่านอธิบายเปรียบเทียบร่างกายของคนเหมือนจอมปลวกและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ตัวเล็กๆ ประเภทจุลินทรีย์ ไวรัส แบคทีเรีย ที่มีอาศัยอยู่ในร่างกายของคนทุกคน ไม่ยกเว้นร่างกายของใคร และพวกสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในร่างกายของพวกเรานี้ ก็แน่นอนว่า เราไม่สามารถจะมองเห็นตัวของมันได้ด้วยตาเนื้อของเรา เรื่องนี้อยู่ใน ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม 65 หน้า 242 (คุหัฏฐกสุคตนิทเทสที่ ๒)

...เหล่าสัตว์ต่างๆ ภายในจอมปลวก ย่อมเกิด ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ นอนเจ็บไข้ ตายตกไปในจอมปลวกนั้นเอง.จอมปลวกนั้น เป็นเรือนคลอด เป็นส้วม เป็นโรงพยาบาล และเป็นสุสานของสัตว์เหล่านั้น ด้วยประการฉะนี้ ฉันใด

แม้ร่างกายของกษัตริย์มหาศาลเป็นต้น ก็ฉันนั้น มีกิมิชาติ (สัตว์เล็กๆน้อยๆจำพวกไวรัส - แบคทีเรีย) ประมาณแปดหมื่นเหล่า โดยการนับเหล่าอย่างนี้คือ เหล่าสัตว์ที่อาศัยผิว เหล่าสัตว์ที่อาศัยหนัง เหล่าสัตว์ที่อาศัยเนื้อ เหล่าสัตว์ที่อาศัยเอ็น เหล่าสัตว์ที่อาศัยกระดูก เหล่าสัตว์ที่อาศัยเยื่อในกระดูก ย่อมเกิดถ่ายอุจจาระปัสสาวะ นอนกระสับกระส่ายด้วยความไข้ ตายตกไปภายในกายนั่นแหละ โดยไม่คิดนึกว่า นี้เป็นกายของผู้มีอานุภาพมาก ที่คุ้มครองรักษาแล้ว ประดับตกแต่งแล้ว กายแม้นี้ย่อมเป็นเรือนคลอด เป็นส้วม เป็นโรงพยาบาลและเป็นสุสานของสัตว์เหล่านั้นด้วยประการฉะนี้ ดังนั้นจึงนับว่าจอมปลวก.(ท่านเปรียบร่างกายของคนเป็นเหมือนจอมปลวก)


ในเมตตสูตร พระพุทธเจ้าสอนพระภิกษุที่อยู่ป่า ให้แผ่เมตตาแก่สัตว์ทั้งปวง ทั้งสัตว์ที่มองเห็นและไม่สามารถมองเห็น
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม 39 หน้า 328 ,349 (เมตตสูตร)

...พึงแผ่ไมตรีจิตไปในหมู่สัตว์ว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด สัตว์มีชีวิตทั้งหลาย เหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่ ยังเป็นผู้สะดุ้ง (มีตัณหา) หรือเป็นผู้มั่นคง (ไม่มีตัณหา) ทั้งหมดไม่เหลือเลย.เหล่าใดยาวหรือใหญ่ ปานกลางหรือสั้น ผอมหรืออ้วน. เหล่าใดที่เราเห็นแล้วหรือมิได้เห็น เหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือไม่ไกล ที่เกิดแล้วหรือที่แสวงหาภพเถิด ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด.

พระอรรถกถาจารย์อธิบายเกี่ยวกับสัตว์ที่มองเห็นและไม่เห็น

บทว่า อณุกา ได้แก่ สัตว์ทั้งหลายที่อัตภาพละเอียดหรือเล็กเป็นต้น ที่บังเกิดในน้ำเป็นต้น
ไม่เป็นอารมณ์ของมังสจักษุ (ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ) เป็นวิสัยของทิพยจักษุ (สามารถมองเห็นได้ด้วยตาทิพย์).

 

โดย: Budratsa 5 ธันวาคม 2554 2:54:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Budratsa
Location :
พิจิตร Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆคนค่ะ
"ดูก่อนอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์ (พุทธพจน์) มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา" เล่มที่ ๑๓ : พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๒๐
Friends' blogs
[Add Budratsa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.