สี และ ความชัดในการมองระหว่างคนและสุนัข
แม่เค้าชอบมองตาผมแล้วบอกว่าเจ้าเล่ห์นักนะ นั่งมองไปมองมาแม่ผมเกิดอยากรู้ว่า... พวกผมมองเห็นทุกอย่างเหมือนแม่เห็นหรือเปล่า แม่เลยค้นดูในเน็ตแล้วเจอบทความที่เปรียบเทียบการมองเห็นระหว่างคนและสุนัขน่าสนใจ เลยแปลแล้วเล่าให้ผมฟัง ผมก็เลยเอามาเล่าต่อให้เพื่อนๆ ผมรู้ด้วย
คนส่วนใหญ่จะสามารถมองเห็นสีที่แตกต่างกันของคลื่นแสง โดยคลื่นแสงถูกแยกจากการเปลี่ยนแปลงความเข้มของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic spectrum) ซึ่งการมองเห็นเป็นสัต่างๆ เป็นผลมาจากระบบสายตาของคนเรา ไม่ใช่เพราะระดับความเข้มของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ส่วนสุนัขมีข้อด้อยกว่ามนุษย์ตรงที่ไม่สามารถเห็นความสว่างของแสงสีหมดทุกสี แต่ทั้งมนุษย์และสุนัขต่างก็มีวิวัฒนาการในระบบการมองเห็นที่พัฒนามาให้เหมาะสมกับตัวเองที่สุด มนุษย์จะออกหากินในเวลากลางวัน ดังนั้นความสามารถและการรับรู้ในการมองเห็นสีจะเป็นเครื่องมือช่วยในการหาอาหารของมนุษย์ ส่วนสุนัขนั้นแต่เดิมจะไม่ออกหากินในเวลากลางวัน ดังนั้นความสามารถในการมองเห็นในเวลากลางคืนจึงสำคัยกว่าการมองเห็นสีสำหรับสุนัข โดยในกระบวนการล่าเหยื่อต้องมีการพรางให้กลมกลืนกับสื่งแวดล้อม ดังนั้นสุนัขจึงไม่ต้องใช้ความสามารถในการเห็นสีที่หลากหลายเหมือนมนุษย์
จอรับภาพ (Retina) ประกอบประกอบด้วยเซลล์รับแสง รูปร่างเป็นแท่ง และโคน (กรวย) (rods and cones) ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนลำแสงให้เป็นภาพที่มองเห็นหัวกลับ ตามนุษย์และสุนัขก็จะมีเซลล์ทั้ง 2 นี้ แต่ในตาสุนัขจะมีเซลล์รูปร่างเป็นแท่งมากกว่าของมนุษย์ โดยเซลล์รูปแท่งจะทำงานได้ดีในสภาะแสงน้อยและมีการเคลื่อนไหว จอรับภาพส่วนกลางของสุนัข (Central Retina) จะประกอบด้วยเซลล์รูปโคนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่มนุษย์มีส่วนที่มีเซลล์รูปโคนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ที่เรียกว่า fovea (บริเวณที่มองชัดที่สุดของมนุษย์) ซึ่งเซลล์รูปโคนจะมีประสิทธิภาพในปริมาณแสงขนาดกลางถึงขนาดสูงและมีความสามารถในการแยกสี
มนุษย์มีเซลล์รูปโคนที่แปลผลสัญญาณสีได้ 3 ชนิด (trichromat) คือ เซลล์รับแสงสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ขณะที่ในสุนัขจะมีเซลล์รูปโคนที่แปลผลสัญญาณสีเพียง 2 ชนิด (dichromat) ซึ่งขาดเซลล์รับแสงสีเขียวประมาณเดียวกับอาการตาบอดสีซึ่งไม่สามารถแยกสีส้ม แดง เหลือง เขียวออกจากกันได้ โดย เซลล์รับแสงมนุษย์จะไวต่อการความยาวคลื่นแสงในจุดที่ 445 nm, 535 nm, และ 570 nm ส่วนในสุนัขเซลล์รับแสงจะไวต่อการความยาวคลื่นแสงในจุดที่ 429 nm, 555 nm
แม้ว่าเราจะรู้ว่าสุนัขมีเซลล์รูปโคนเพียง 2 ชนิด แต่เรายังสรุปไม่ได้ว่าสมองของสุนัขจะแปลความหมายสิ่งที่มองเห็นว่าเป็นอย่างไร ต้องมีการศึกษาเรื่องนี้โดยนักพฤติกรรมสุนัข มีงานวิจัยที่น่าสนใจทำการศึกษาโดย Neitz, Geist and Jacobs ใช้วิธีการนำแผนสี่เหลี่ยมที่มี 3 สี วางไว้หน้าสุนัข ฝึกให้สุนัขหยิบสีที่แตกต่าง เพื่อผู้วิจัยจะได้เดาได้ว่าสีอะไรที่สุนัขมองเห็น คำถามก็คือสุนัขหยิบแผ่นสีจากความแตกต่างของสี ไม่ใช่ความแตกต่างของแสง จากการศึกษานี้ได้กล่าวว่า.. สุนัขมองเห็นได้คล้ายคนตาบอดสี ซึ่งไม่สามารถแยกสีแดงและสีเขียวออกจากกันได้ นอกจากนั้นโลกของสุนัขจะประกอบด้วยสี เหลือง น้ำเงิน และเทา โดยเมื่อคนเราเห็นสีแดงสุนัขจะเห็นเป็นสีเหลือง เราเห็นสีเขียวสุนัขจะเห็นสีขาวออกเทาๆ บริเวณสีขาวซึ่งเรียกว่า.. จุดไม่มีสี เกิดขึ้นที่บริเวณ 480 nm ของแถบสีที่มองเห็น (visual spectrum) ตามปกติที่จุด 480 nm จะปรากฎอยู่ในช่วงน้ำเงินแกมเขียว ทุกความยาวคลื่นแสงที่ยาวกว่าจุดไม่มีสีสุนัขจะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ และจะมองเห็นเป็นสีเหลือง
รูปข้างบนโชว์แถบสี 2 แถบ (from Dr. Plonsky, 1998) แถบบนเป็นการมองเห็นของสุนัข ส่วนแถบล่างเป็นการมองเห็นของมนุษย์ (ในช่วงความยาวคลื่น 380 -760)
ความสามารถของสุนัขในการมองรายละเอียดในด้านความชัดเจนต่ำกว่าคนเราประมาณ 6 เท่า ความชัดเจนวัดโดยจำนวนเส้นที่มองเห็นอย่างชัดเจน คนเราสามารถมองเห็น 30 เส้น ขณะที่สุนัขมองเห็นประมาณ 12 เส้น
ในภาพข้างบนแสดงให้เห็นความแตกต่างในการเห็นความชัดเจนระหว่างมนุษย์ (ภาพบน) และสุนัข (ภาพล่าง)
ความชัดเจนในการมองเห็นขึ้นอยู่กับขนาดของลูกตาดำ (pupil) ขนาดของกระจกตา ( Cornea) และลักษณะการจัดเรียงของเซลล์รับแสงแบบแท่งและโคนบนจอรับภาพ (Retina) ลูกตาดำควบคุมโดยกล้ามเนื้อม่านตา (iris) ซึ่งสามารถขยายและหดตัวเพื่ออนุญาติให้ปริมาณแสงที่แตกต่างกันผ่านไป สำหรับสุนัขซึ่งไวต่อระดับแสงน้อยๆ จะมีลูกตาดำที่กว้าง ยิ่งลูกตาดำยิ่งกว้างยิ่งมีความไวต่อแสงน้อยๆ ยิ่งขึ้น พวกสายตาของสิ่งมีชีวิตที่ไวต่อแสงน้อยๆ จะมีเลนส์ตาที่หนาและกว้างเพื่อจะได้รวบรวมแสงอันน้อยนิดได้ดี อีกทั้งมีกระจกตาที่กว้างเพื่อรองรับการหักเหของแสง ส่วนลักษณะการจัดเรียงของเซลล์รับแสงแบบแท่งและโคนบนจอรับภาพมีผลต่อการมองเห็นชัดด้วยจำนวนและตำแหน่งของเซลล์รับแสงแบบแท่งและโคน และการมี fovea (บริเวณที่มีแต่เซลล์รูปโคน 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้มองเห็นชัดที่สุด ซึ่งมึแต่ในมนุษย์สุนัขจะไม่มี) ทำให้การมองเห็นของสุนัขไม่คมชัดเท่าการมองเห็นของมนุษย์
มนุษย์จะมองเห็นภาพต่างๆ มีความชัดเจนและมีหลายสีกว่าสุนัข แต่ไม่ได้หมายความว่าสุนัขจะเสียเปรียบมนุษย์ เพราะสุนัขไม่ต้องการความสามารถด้านนี้เพื่อการดำรงชีวิต สุนัขต้องการการมองเห็นในที่มืดและมองเห็นภาพการเคลื่อนไวที่แม่นยำเพื่อช่วยในการดำรงชีวิตหาเหยื่อในยามค่ำคืน แต่มนุษย์มองเห็นหลากหลายสีและมองเห็นภาพคมชัดเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในเวลากลางวัน
References
Coile, D. C. (1998a). Bringing Dog Vision into Focus. Dog World, March 1998. Pps. 30-35. Coile, D. C. (1998b). Science Sheds Light on Canine Color Vision. Dog World, April 1998. Pps. 42-46. East Bay Veterinary Ophthalmology. Vision in Animals. Retrieved from the web 11/5/98. //www.animaleyecare.com/learn.htm#VISION IN ANIMALS and //www.animaleyecare.com/for.htm#Vision In Dogs, Horses, and Cats Neitz, J., Geist, T., and Jacobs, G. H. (1989). Color Vision in the Dog. Visual Neuroscience, 10, 119-125. Plonsky, M. (1998). Dr. P's Dog Training - Canine Vision. Retrieved from the web 11/26/98. //www.uwsp.edu/psych/dog/dvision.htm. Schiffman, H. R. (1996). Sensation and Perception (4th ed.). NY: Wiley.
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 4 เมษายน 2551 22:01:50 น. |
|
56 comments
|
Counter : 3099 Pageviews. |
|
|
|
เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าสุนัขเห็นสีน้อยกว่าคน เข้าใจผิดมาตั้งนานว่ามันมองเห็นเยอะกว่าคนซะอีก
ฝากกอดบั๊ดดี้กับพี่ยีนส์ด้วยค่ะ