Group Blog
 
 
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
26 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
เคล็ดลับ เล็กๆ น้อยๆ สำหรับมือใหม่ ที่ต้องการซื้อกล้อง DSLR

หลายๆคนคงฝันอยากจะได้DSLR มาไว้ในครอบครองสักตัว เพราะกล้องชนิดนี้ถือว่าเป็นกล้อง

ระดับสุดยอดตัวนึงเลย เป็นอุปกรณ์บันทึกแสงที่สร้างสรรค์ผลงานอันสวยงามมากมาย

แต่ว่าแท้จริงแล้ว กลุ่มคนที่จะใช้กล้องเหล่านี้ต้องมีความรู้และความรับผิดชอบมากพอสมควร

สำหรับมือใหม่แล้วข้อความในบลอกนี่เป็นความรู้สำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นกับกล้องDSLR

อย่างน้อยๆตอนนี้คุณคงมีเงินในประเป๋าประมาณครึ่งแสนละ แต่ข้อความต่อไปนี้

อาจเป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อของคุณ อาจทำให้คุณตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้นมาก

เริ่มต้นด้วยประเภทของกล้องเลย

กล้องDSLRแบ่งออกเป็น3ระดับคือ

1.กล้องระดับ ผู้เริ่มต้น (Entry Level)

กล้องชนิดนี้มีน้ำหนักเบาวัสดุภายในทนทานในระดับหนึ่ง ความละเอียดของภาพสูงพอประมาณราคาก็ย่อมเยา สนนราคาประมาณ1หมื่น-4หมื่นบาท

2.กล้องระดับ กึ่งโปร (Semi Pro)

กล้องระดับนี้น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย วัสดุถือว่าทนทานในระดับดี ความละเอียดของภาพสูงมาก ระบบต่างๆในกล้องอาจจะดีกว่า ใน1วินาทีอาจถ่ายภาพได้3-4ภาพ ขนาดพอดีมือ ราคาสูงพอสมควร สนนราคาประมาณ4หมื่น-1แสนบาท

3.กล้องระดับ โปร (Professional)

กล้องระดับสุดยอดของDSLRเป็นกล้องที่น้ำหนักเยอะมาก วัสดุทนทานแข็งแกร่ง บางรุ่นถึงขั้นกันน้ำได้ ความไวในการถ่ายภาพอาจถึง10ภาพต่อวินาที และในกล้องชนิดนี้ จะไม่มีระบบถ่ายภาพแบบ Auto เพราะว่าใช้กล้องระดับนี้แล้วจะมาถ่าย ออโต้ มันก็ยังไงอยู่ และกล้องระดับนี้จะไม่มีแฟลชหัวกล้องมาให้ ต้องซื้อแฟลชแยกต่างหากเพราะผู้ที่ใช้กล้อง ระดับนี้ต้องมีความรู้เรื่องการควบคุมแสงพอสมควร ราคาก็ถึงขั้นกระอักทั้งๆที่ยังไม่รวมอย่างอื่น สนนราคาประมาณ1แสน-3แสนบาท

สรุป:สำหรับผู้เริ่มต้นผมแนะนำระดับ Semi Pro กับ Entry Level อย่าไปยุ่งกับระดับ

Professional เลย เพราะว่ามือใหม่อย่างเราก็เหมือนไก่ได้พลอยได้มาก็ใช้ไม่เป็น

แถมฟังค์ชั่นต่างๆก็เยอะจนเรียนไม่ไหวและกำลังทรัพย์ต้องมากด้วย



ต่อไปก็ยี่ห้อของกล้องDSLR

เราคงจะได้ยินยี่ห้อดังๆของกล้องDSLRอยู่2ค่ายใหญ่ๆ คือ Nikon กับ Canon

2ค่ายนี้เป็นมวยคู่เอกกันมานาน แต่จริงๆแล้วยังมีอีกหลายๆค่ายที่ผลิตกล้องDSLRเหมือนกัน

คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า2ค่ายใหญ่ๆที่ว่ามาเลย ซึ่งมีดังต่อไปนี้



NIKON : ยี่ห้อดัง รูปทรงสวย ฟังค์ชั่นเยอะ ระบบภายในกล้องดี ซื้อง่ายขายคล่อง

CANON : ดังเหมือนกัน คนนิยมมากสุด อุปกรณ์ราคาไม่แพงมาก ซื้อง่ายขายคล่อง

OLYMPUS : ทนทานที่สุดในหมู่ กันน้ำ กันทราย กันกระแทกได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นขโมย

FUJI : ยี่ห้อผู้บุกเบิกสีแบบ14บิท* เรื่องคุณภาพสีของภาพไม่ต้องพูดถึง ราคาพอตัว

SONY : ความละเอียดภาพสูง* สีภาพที่ได้ออกมาดี รูปร่างหรูหรา เสียอย่างเดียว แพง

PANTAX : ซื้อง่ายแต่อาจขายไม่คล่อง ราคาไม่แพง น้อยคนรู้จักแต่คนระดับโปรใช้กันเยอะ

หมายเหตุ : ปกติสีของภาพจากกล้องDSLRจะอยู่ที่ประมาณ10บิท นั่นก็คือในภาพนั้นจะมีสีมากถึง

210 สี (คูณเอาเองละกันนะ) 10 กับ 14 บิท เหมือนห่างกันแค่4 แต่ลองเปลี่ยนตัวยกกำลังดูสิครับ

หมายเหตุ2 : กล้องที่มีความละเอียดสูงที่สุดในโลกตอนนี้คือ Sony Alpha900 มีความละเอียด

สูงถึง24.6ล้านพิกเซล



ตัวหนาและที่ขีดเส้นนี่คือจุดเด่นของแต่ละค่ายนะครับ เป็นอีกตัวเลือกในการตัดสินใจ



เอาหล่ะตอนนี้คุณคงจะทราบข้อมูลมากพอสมควรละต่อไปก็เป็นเทคนิคการเลือกซื้อ



1.ชุดKit กับ Bodyอะไรดีกว่ากัน

ชุดKit คือเซตกล้องที่ทางผู้จำหน่ายจัดมาให้เรียบร้อยโดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วย

ตัวกล้อง เลนส์ เมมโมรี่การ์ด



ส่วน Body คือเฉพาะตัวกล้อง ไม่มีเลนส์มาให้ซึ่งหมายความว่าคุณมีสิทธ์ที่จะเลือกอุปกรณ์ต่างๆเองได้



ถ้าคุณไม่อยากเรื่องมากนักชุด Kit ก็เหมาะดีเพราะว่าเลนส์ที่เขาให้มาก็เป็นเลนส์ที่เหมาะสม

กับตัวกล้องอยู่แล้ว เป็นเซตที่ลงตัวดี ส่วนคนที่คิดจะซื้อเฉพาะBodyของกล้อง คุณคงจะมี

เลนส์ที่ต้องการในใจอยู่แล้วขึ้นอยู่กับว่าคุณจะสามารถซื้อเลนส์นั้นได้หรือไม่

สำหรับมือใหม่ผมแนะนำว่าชุดKitนี่แหละคับดีแล้ว แต่สำหรับบางคนที่ต้องการเลนส์ที่

แตกต่างออกไปจากชุด Kit ก็คงต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีก อันนี้ก็แล้วแต่ครับ



2.เผื่อเงินไว้ประมาณ5000บาท

การซื้อกล้องนั้นกรุณาเตรียมเงินไปเผื่อด้วยนะครับเพราะอย่าคิดว่า ซื้อแค่นั้นแล้วจะพอ

สิ่งที่คุณจะต้องซื้อต่อไปคือ กระเป๋ากล้อง และฟิลเตอร์ และเมมโมรี่ กระเป๋ากล้องแนะนำว่า

ให้ซื้ออย่างดีไปเลยครับ รับรองคุ้มบางรุ่นก็กันน้ำให้ด้วย ราคาก็อยู่ที่ประมาณ1500-2000

อีกตัวนึงคือฟิลเตอร์ ฟิลเตอร์คืออุปกรณ์กรองแสงที่จะเข้ามาสู่ตัวเลนส์ทำให้แสงที่ได้

มีความสดและอิ่มตัวมากขึ้นและมันยังเป็นเหมือนเกราะกันบังหน้าเลนส์อีกด้วย

หน้าตาก็ประมาณนี้



ถามว่าไม่ใส่ได้มั้ย? ได้ครับ แต่ผมแนะนำว่าใส่เถอะครับอย่างน้อยเวลาหน้าเลนส์คุณ

ไปโดนกับอะไรฟิลเตอร์ก็จะเป็นแพะรับบาปให้เองเสียฟิลเตอร์ดีกว่าเสียเลนส์ไปทั้งตัวนะครับ

ราคาของมันก็อยู่ที่ประมาณ 1000-3000 บาท แล้วแต่รุ่นกับยี่ห้อด้วย ยี่ห้อดังๆก็เช่น HOYA

ส่วนเมมโมรี่การ์ดนี้ถ้าคนซื้อชุดKitคงจะแถมมาให้แล้ว แต่คนที่ไม่ได้ซื้อชุดKit ก็ขอแนะนำ

ว่า4GBนี่แหละคับกำลังพอดี ราคาก็ประมาณ600บาทครับ



3.ก่อนซื้อดูสินค้าให้ดีๆ

ในเมื่อคุณจะเอาเงินกว่าครึ่งแสนไปลงทุนกับสินค้าตัวนี้คุณควรจะขอทางร้านเช็คสินค้าภายในก่อน

เพราะบางทีสินค้ามีตำหนิ มันอาจทำให้คุณอารมณ์เสียเอาได้เพราะฉะนั้นก่อนซื้อขอให้คุณ

เช็คสินค้าให้ดีก่อนที่จะซื้อ หากร้านไหนบอกว่าไม่สามารถให้ดูสินค้าขอให้คุณเปลี่ยนร้านทันที

หรือร้านไหนที่บอกว่าถ้าให้ดูสินค้าแล้วต้องเอาทันที ก็ขอให้เปลี่ยนร้านที่ซื้อทันทีครับ

เพราะว่าหากสินค้าที่เขาเอามาให้ดูมีตำหนิแล้วคุณจำเป็นต้องเอา มันก็ไม่ดีต่อคุณเลย


4.ประกันร้าน หรือ ประกันศูนย์ดี

อันนี้สรุปง่ายๆเลยครับ ประกันศูนย์เถอะครับ ราคากล้องประกันศูนย์อาจจะแพงกว่าประกันร้าน

อยู่2-3พัน แต่ว่ามันคุ้มกว่านะครับในกรณีที่กล้องคุณเกิดมีปัญหาขึ้นมา


5.ระวังผู้ไม่หวังดี

แน่นอนว่าของเราราคาถึงขนาดนี้ย่อมล่อตาล่อใจ เหล่าขโมยอย่างมากมีหลายๆรายคับ

ที่เป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้ในเมื่อคุณได้มันมาแล้วคุณก็ต้องรับผิดชอบมันให้ดี

พยายามอย่าทิ้งกระเป๋ากล้องไว้ห่างตัว ควรจะนำติดตัวไว้ตลอด


6.การเก็บรักษา

6.1ระวังน้าและความชื้น

น้ำและความชื้นเป็นหนึ่งในศัตรูคู่อาฆาตของกล้องDSLRเลย คุณคงยังไม่เคยเห็นกล้องDSLRราขึ้น

ใช้มั้ยหล่ะ ผมก็ขอให้คุณจงไม่เห็นต่อไปเพราะถ้าคุณเห็นนี่ใจแทบสลายเลยส่งศูนย์อย่างเดียว

พยายามขอให้กล้องDSLRของคุณอยู่ให้ห่างตัวอันตรายนี้ไว้ และผมก็มีเรื่องให้คุณเสียตังเพิ่มอีก

กล่องที่เห็นคือกล่องสูญญากาศเอาไว้เก็บกล้องให้พ้นจากความชื้นหาซื้อได้ตามร้านขายกล้องทั่วไป

โดยกล่องนี้จะมีปรอทวัดความชื้นให้ด้วย ควรรักษาความชื้นให้อยู่ที่เลข40-60ไว้นะครับ

ในกล่องนี้คุณควรจะใส่ Silica Gel หรือ สารดูดความชื้นไว้ในกล่องด้วย หากตัวเลขปรอทต่ำกว่า

คุณก็ควรจะเอากล้องออกมาใช้งานบ้าง แต่ถ้าเข็มปรอทชี้เกิน60 คุณก็ควรเปลี่ยนSilica Gel

อันใหม่ได้แล้ว ราคาก็ประมาณ2000-3000บาท

แต่ถ้าคุณมีงบไม่พอที่จะซื้อกล่องนั้นผมก็แนะนำวิธีนี้ซึ่งผมเองก็ใช้อยู่นั่นคือ

ซื้อ Silica Gel เพียวๆนี่แหละคับใส่ไว้ในกระเป๋ากล้องเลยรคาก็ไม่แพงมากแพคละ10-20บาท

ใส่ไว้ในกระเป๋ากล้องเลยครับ ขอแค่คุณไม่เก็บกระเป๋ากล้องไว้ในที่ๆร้อนหรือเย็นเกินไป

หาซื้อได้ตามร้านขายกล้องและร้านขายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ วิธีนี้ก็สำหรับผู้ที่งบประมาณจำกัด



6.2 ไอเกลือ และ ทราย

แน่นอนว่าใครๆก็อยากเอากล้องตัวโปรดไปถ่ายที่ทะเล แต่ว่าที่ทะเลนี่แหละเป็นด่านทดสอบสุดหิน

ของกล้องDSLRเลย เพราะว่าเมื่อเอากล้องไปที่ทะเลแล้วทรายมักจะเข้าไปอยู่ในตัวกล้องเสมอ

เพราะมันมากับลม และไอเกลืออันนี้ผมเจอกับตัวเลยแต่ขึ้นที่มือถือนะไม่ใช่ที่กล้อง(รอดไป)

แต่คุณก็ไม่ควรถึงขั้นระแวงไม่เอากล้องออกมาเลยเลยนะครับ ผมจะแนะนำว่าเมื่อไปทะเล

ไม่ควรจะวางกล้องไว้กับพื้นทรายและไม่ควร เปิดฝาใดๆทั้งสิ้นในตัวกล้องไม่ว่าจะเป็น

ฝาแบตเตอร์รี่ ฝาเม็มฯ หรือกระทั่งเปลี่ยนเลนส์ คุณไม่ควรจะทำสิ่งเหล่านี้เมื่ออยู่ที่ทะเล

อาจทำให้ทรายเข้าไปในกล้องได้ ทางที่ดีคุณควรจะอยู่ในรถ หรือ กลับที่พักก่อนค่อยทำ(ส่อนะเนี่ย)

และควรเอาผ้าชุบน้ำแล้วบิดให้แห้งสนิท ถูไปตามกล้องเพื่อเอาคราบไอเกลือออก

และก็เช็ดให้แห้งด้วยนะครับ ไม่งั้นราจะตามมา


6.3 อย่ามักง่ายเอาเสื้อเช็ดเลนส์

หลายๆคนคงเคยทำ เพราะผมเองก็เคยการที่เราเอาเสื้อเช็ดหน้าเลนส์อาจทำให้เลนส์เป็นรอยได้

หรือบางที่อาจจะทิ้งเศษผ้าเล็ก ติดตามหน้าเลนส์ก็เป็นได้ ทางที่ดีคุณควรจะหากระดาษเช็ดเลนส์

มาใช้ดีกว่า เพราะว่าจะทำให้เลนส์ไม่เป็นรอยและปลอดภัยกว่าด้วย ราคาก็ไม่แพง

ส่วนใหญ่กระดาษเช็ดเลนส์มักจะมาพร้อมกับน้ำยาเช็ดเลนส์ ทำให้ทำความสะอาดได้ดีขึ้น

และก็รวมไปถึงกระดาษทิชชู่ด้วยครับที่ไม่ควรนำมาใช้เพราะมักจะทิ้งขุยเล็กๆไว้ตามเลนส์เสมอ



6.4หมั่นเอาออกมาทำความสะอาด


การทำความสะอาดกล้องDSLRนั้นไม่มีขั้นตอนมากมายหรอกคับ แค่ถอดเลนส์ออกมาแล้วใช้ที่เป่าลม

ดังรูปเป่าลมไปตามตัวกล้องและในเซนเซอร์รับภาพของกล้อง แต่ระวังอย่าให้โดนเซนเซอร์รับภาพ!!

เพราะถ้าโดนนี่ส่งศูนย์ลูกเดียวเช่นกัน หลังจากที่เป่าลมแล้วก็เอาแปรงปัดไปตามรอยต่อต่างๆของกล้อง

จากนั้นปิดท้ายด้วยการใช้กระดาษเช็ดเลนส์ชุบน้ำยาให้เรียบร้อยและนำไปเช็ดตามส่วนเลนส์

เท่านี้เองครับ


7.อย่าโลภมากตามกิเลส

แน่นอนว่าคนที่เล่นกล้องระดับนี้ต้องมีสิ่งที่อยากได้เพิ่มมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ชนิดต่างๆ

แฟลชเสริม แบตเตอร์รี่กริป ขาตั้งกล้อง ฯลฯ ประมาณว่าถ้าคุณมีเงินคุณก็จะซื้อหมดทุกอย่าง

แต่ว่าผมบอกก่อนว่าคุณอย่าพึ่งใจร้อนอยากได้โน่นอยากได้นี่ เพราะว่าเมื่อคุณถ่ายภาพไปได้สักระยะ

สิ่งที่คุณต้องการเสริมให้กับกล้องของคุณมันจะค่อยๆเผยออกมาเอง


8.ถ่ายรูปดีอยู่ที่คนไม่ได้อยู่ที่กล้อง

หลายคนน้อยเนื่อต่ำใจว่ากล้องของตัวเองราคาถูกคงสู่กล้องราคาแพงไม่ได้อันนี้ไม่จริงครับ

จริงอยู่ที่ว่าอุปกรณ์ที่ดีก็มีส่วนทำให้ถ่ายรูปสวย แต่ว่าอุปกรณ์ที่ดีต้องมาพร้อมกับความสามารถที่คู่ควร

การถ่ายรูปให้สวยนั้นประกอบด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่าง ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนแล้ว

องค์ประกอบภาพ 30% แสงของภาพ 20% เทคนิค 20% สถานที่และเวลา 20% อุปกรณ์10%

แสดงให้เห็นว่าการถ่ายภาพที่ดีนั้นอุปกรณ์มีส่วนแค่10%เองครับ


Trick เสริม

เมื่อคุณซื้อกล้องชุดKitเขามักจะแถมเมมโมรี่การ์ดมาให้โดยมีความจุ2GB ให้คุณถามทางร้านว่า

ฝากขายได้มั้ย เพราะว่าราคา2GB กับ 4GB ห่างกันแค่ไม่กี่ร้อย หากฝากขายได้คุณก็เพิ่มเงิน

ให้กับทางร้านอีกนิดหน่อย ก็ได้4GBแล้ว อันนี้ผมทำมาแล้วครับเพิ่มเงินอีกแค่300บาท

ก็ได้เมมฯ4GBมาแล้ว และก็อีกอันนึงคือฟิลเตอร์ ผมแนะนำว่าให้ใช้ฟิลเตอร์ของ HOYA

รุ่นที่เป็น HD(High Definition) เพราะว่ารุ่นธรรมดา กับรุ่น HD ราคาต่างกันแค่240บาทเอง

เพิ่มเงินอีกนิดแต่ทำให้ได้ของที่ดีกว่า อันนี้ก็บอกต่อกันได้ครับ





ตอนนี้คุณคงพร้อมที่จะสอยDSLRมาสักตัวแล้วสินะครับคุณคงรู้แล้วว่าการจะได้DSLRมาสักตัวนั้น

ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากมายเพราะหากว่าคุณซื้อมาเพราะแค่อยากมีเท่านั้น

ผมบอกตอนนี้เลยว่าอย่าเลยครับมันไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป คนที่จะเล่นกล้องระดับนี้

คือคนที่รักในการถ่ายภาพจริงๆ และเค้าก็พร้อมที่จะเผชิญกับอุปสรรคต่างๆในการถ่ายภาพ

ขอให้มือใหม่หมั่นศึกษาและถ่ายรูปบ่อยๆนะครับ เพราะจะได้เห็นข้อดี-ข้อด้อยของตนเอง

และที่สำคัญเลย อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง เพราะเมื่อใดที่คิดว่าตัวเองเก่ง เมื่อนั้นเราก็ไม่เก่งแล้ว


ขอให้คุณสนุกกับการใช้กล้องDSLRนะครับ


Create Date : 26 กันยายน 2554
Last Update : 26 กันยายน 2554 17:59:21 น. 0 comments
Counter : 8992 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tangmo_tsu
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add tangmo_tsu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.