รมว.คลังยัน ออกพ.ร.ก. 4 ฉบับถูกจังหวะเวลา
เพื่อบริหารจัดการน้ำ เชื่อแบงก์ชาติจะหาทางออกเพิ่มเงินสมทบ ที่จะไม่เป็นภาระแบงก์และประชาชน ยันเงินเรียกเก็บแบงก์พอที่จะชำระหนี้กองทุนฟื้นฟูให้หมดใน 25 ปี ได้โดยไม่ต้องขายสินทรัพย์เพิ่ม
วันนี้ (13 ม.ค.)นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่าไม่จำเป็นต้องออกเป็นพ.ร.ก.ว่า ยืนยันว่าขณะนี้มีความเหมาะสม และจำเป็นที่รัฐบาลต้องดำเนินการออกพ.ร.ก. ทั้ง 4 ฉบับ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้น เพราะยังจำเป็นในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นความเร่งด่วนตามฤดูกาล เนื่องจากไม่สามารถบอกฝนไม่ให้ตกได้ เพียงเพราะระบบป้องกันเราไม่ดี ฝนคงไม่ฟัง และไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจจะดีแล้วหยุดการลงทุน เพราะการลงทุนในเรื่องการป้องกันยังถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น
สำหรับแนวทางการการชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้น จากการดูตัวเลขเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้การเพิ่มอัตราเงินนำส่งของสถาบันการเงินจากที่ส่งปัจจุบัน 0.4% เพียงเล็กน้อย น่าจะพอต่อการชำระดอกเบี้ย และเหลือบางส่วนที่จะชำระเงินต้นได้ และจะชำระหนี้ให้หมดภายใน 25 ปีได้ เพราะจากผลการดำเนินงานปีที่แล้วที่แล้ว ที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้มีเงินไหลเข้ามา ทั้งจากกำไรของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และจากบัญชีผลประโยชน์ประจำปี ทำให้ลดเงินต้นได้
การเพิ่มอัตราเงินนำส่ง ต้องไม่มากไป เพียงเพื่อจะให้ชำระหนี้หมดไปโดยเร็ว จนกระทบต่อระบบสถาบันการเงินและเป็น ภาระต่อประชาชน และเชื่อว่าจะเพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์อย่างหุ้นของธนาคารกรุงไทยตามที่เป็นข่าวออกไป เพื่อจะนำมาชำระเงินต้น เพราะสามารถบริหารจัดการได้จากกระแสเงินที่มีในปัจจุบันได้ และไม่เป็นภาระต่อธนาคารพาณิชย์เกินเหตุ เพื่อไม่ให้ผลักภาระให้กับประชาชน อย่างที่พูดกันว่าเพิ่มจากอีก 0.2% หรือเก็บรวมทั้งหมดไม่เกิน 0.6% ก็จะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวมันเอง
นายธีระชัย กล่าวว่า กรณีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก สคฝ.) ออกมาชี้แจงว่าจำเป็นต้องสำรองเงินไว้ถึง 200,000 ล้านบาท เพื่อครอบคลุมกับการประกันเงินฝากบัญชีละไม่เกิน 1 ล้านบาทที่จะมีผลในวันที่ 11 ส.ค. 55 นี้นั้น เป็นการประมาณการว่าธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบล้มละลายหมด ซึ่งไม่เกิดขึ้นอยู่แล้ว จึงยืนยันว่าเงินสำรองที่เก็บไว้ 80,000 ล้านบาทปัจจุบันเพียงพอที่จะดูแลความมั่นคงของระบบธนาคารพาณิชย์ปัจจุบันได้ ขณะเดียวฐานะการเงินของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังแข็งแกร่งมากกว่าหลาย ๆ ประเทศทั้งในยุโรปและเอเชีย มีการกันสำรองที่เป็นมาตรฐานสากล และดำเนินการอย่างระมัดระวัง โปร่งใสมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมความมั่นใจมากขึ้นในเร็ว ๆ นี้จะนำเสนอต่อที่ประชุมครม.เพื่อขอมติว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด กระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับประกันดูแลทั้งหมด .
Create Date : 13 มกราคม 2555 |
Last Update : 13 มกราคม 2555 23:50:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 401 Pageviews. |
|
|
|
| |