Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 

วิกฤติหนัก 5 นิคม อยุธยา จมบาดาลเกลี้ยง

5 นิคมอยุธยาจมบาดาลเกลี้ยง (ไทยโพสต์)
ขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

วิกฤติอุทกภัย เดือดร้อน 2.3 ล้านคน ตาย 297 นิคมฯ 5 แห่งในอยุธยาจมบาดาลทั้งหมด ล่าสุดทะลักท่วมนิคมฯแฟคทอรี่แลนด์สูง 1.5 เมตร เขื่อนชัยนาทชำรุด เตือน 16-18 ต.ค. ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา-ลพบุรี ระดับน้ำสูงขึ้น วังน้อยอ่วมทุกพื้นที่ น้ำเอ่อล้นถนนพหลโยธินยาว 15 กม.

เมื่อวันอาทิตย์ (16 ตุลาคม) นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 26 จังหวัด ได้แก่ จ.สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี ร้อยเอ็ด กำแพงเพชร ตาก และ มหาสารคาม 187 อำเภอ 1,415 ตำบล 10,893 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 787,678 ครัวเรือน 2,337,478 คน และมีผู้เสียชีวิต 297 ราย สูญหาย 2 คน

รอง ผอ.ศอส.กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานผลการสำรวจข้อมูลครัวเรือนที่จะได้รับการช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 27 ก.ย.54 อนุมัติหลักการในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท (เพิ่มเติม) ครั้งที่ 2 ใน 36 จังหวัด ครัวเรือน จำนวน 334,039 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,670,195,000 บาท

โดยกรม ปภ.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง และส่งข้อมูลรายละเอียดจำนวนครัวเรือนที่ขอรับการช่วยเหลือมายังกรม ปภ. ภายในวันที่ 15 ต.ค. 54

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ยังคงวิกฤติ นายวินัย สุทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยถึงความพยายามในการกู้ถนนสายเอเชียเพื่อเปิดทางคมนาคมให้กับ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นชุมทางคมนาคมสำคัญว่า หลังจากประสบความล้มเหลวหลายครั้งในการสร้างแนวกั้นน้ำบริเวณสะพานเดชาติวงศ์ เนื่องจากไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ ล่าสุดกำลังทหาร จากกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากแขวงการทางที่ 1 นครสวรรค์ ได้ระดมเครื่องจักรกล พร้อมนำกระสอบทราย หินคลุก แท่งคอนกรีต สร้างเป็นแนวกำแพงตลอดสองฝั่งใต้สะพานเดชาติวงศ์ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักใน อ.เมืองนครสวรรค์ ทำให้ยังประเมินไม่ได้ว่าภารกิจนี้จะเสร็จภายในวันอาทิตย์นี้หรือไม่

ส่วนในพื้นที่น้ำท่วมขังเขตเทศบาลนครสวรรค์ ได้มีการวางแผนเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยพื้นที่ที่น้ำนิ่งจะมีการสร้างกำแพงบล็อกน้ำให้เป็นบ่อขนาดเล็ก จากนั้นจะสูบน้ำออกจนแห้ง ก่อนจะขยายพื้นที่บล็อกน้ำออกไปให้เป็นบริเวณกว้าง คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม จะทำให้น้ำที่ท่วมขังแห้งลงทั้งหมดใน 1 สัปดาห์

ส่วนสถานการณ์ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากมวลน้ำที่จะมาถึงจังหวัดในช่วงระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม โดยจะมาใน 2 ทางคือ จากแม่น้ำลพบุรี อันเนื่องจากเขื่อนชัยนาทชำรุด ซึ่งจะเข้าสู่ จ.พระนครศรีอยุธยาทางด้านเหนือ อาจทำให้ระดับน้ำในอำเภอบ้านแพรก มหาราช บางปะหัน และอำเภอพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณสูงขึ้น ส่วนอีกทางหนึ่งคือจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะผ่าน จ.นครสวรรค์ มาจากเขื่อนเจ้าพระยาโดยตรง ทำให้ปริมาณน้ำด้านลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยจะสูงขึ้น

ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยากล่าวเตือนประชาชนให้ระวัง เพราะปริมาณน้ำในลุ่มน้ำลพบุรีจะมีระดับสูงขึ้น 5-15 เซนติเมตรเป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ต้องรับน้ำต่อไปอีกคือพื้นที่อำเภออุทัย วังน้อย บางปะอิน และบางไทร

พ.ต.จำลอง จิตสมพงษ์ นายทหารกิจการพลเรือน ศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศที่ 1 ประจำพื้นที่ภาคกลางกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้น้ำได้ทะลักผ่านคันล้อมที่สูง 2 เมตร เข้าท่วมพื้นที่ของ ศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศที่ 1 ที่ตั้งอยู่ ต.วังน้อย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา บนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่แล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ต้องอพยพชาวบ้านจำนวน 600 คนขึ้นไปอยู่ชั้น 2 ของอาคารที่สามารถพอจะอาศัยได้

สำหรับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าพื้นที่ อ.วังน้อยนั้น ล่าสุดพบว่า ระดับน้ำสูงกว่า 2-3 เมตรแล้ว และมีบางจุดที่ท่วมสูงถึง 4 เมตร โดยน้ำได้ไหลเข้าชุมชน บ้านเรือน และพื้นที่ไร่นาของประชาชน จมน้ำเสียหาย กระแสน้ำได้ไหลข้ามถนนพหลโยธินตลอดเส้นทางที่ผ่าน อ.วังน้อย ยาวกว่า 15 กิโลเมตร ทั้งการเดินทางขาเข้าและขาออกกรุงเทพฯ

นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า จ.พระนครศรีอยุธยานั้น ที่บริเวณโรงพยาบาลสนาม บริเวณ อ.พาชี ระดับน้ำเริ่มเพิ่มสูงขึ้น ทาง รพ.จึงประเมินสถานการณ์ว่าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤติและผู้ป่วยกึ่งวิกฤติออกมาก่อน โดยเบื้องต้น สพฉ.ได้ประสานขอรถยีเอ็มซีพยาบาล พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์และทีมแพทย์เข้าช่วยเหลือแล้ว โดยจะใช้รถยีเอ็มซีรับผู้ป่วยจาก รพ.สนาม มาส่งต่อให้รถพยาบาลที่จอดรอรับอยู่จุดปั๊มน้ำมัน ปตท.บางปะอิน ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่สามารถเข้าถึงได้ เพื่อลำเลียงผู้ป่วยมาที่กรุงเทพฯ โดยในวันนี้จะลำเลียงผู้ป่วยวิกฤติและกึ่งวิกฤติ 6 รายออกมาก่อน

ด้านนายสมหวัง ถุงสุวรรณ ประธานชมรมผู้บริหารงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ว่า ระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินมีความสูงประมาณ 1.80 เมตร เสมอกับระดับน้ำด้านหน้าถนน ซึ่งขณะนี้ท่วมครบทั้งพื้นที่เต็ม 100% แล้ว และคงจะไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องปล่อยให้น้ำแห้งไปเอง พร้อมกันนั้นยังได้ล้นออกมาท่วมชุมชนภายนอกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

ขณะเดียวกัน น้ำก็ได้ไหลทะลักเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมแฟคทอรี่แลนด์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ระดับน้ำสูง 1.5 เมตร ทำให้นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาน้ำเข้าท่วมหมดทุกแห่ง รวม 5 แห่ง หลังจากก่อนหน้าน้ำไหลเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค โดยทั้ง 5 นิคมอุตสาหกรรมใช้เงินทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท และมีแรงงานกว่า 2 แสนคน

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ล่าสุดสถานการณ์น้ำที่ท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) เริ่มลดลงแล้ว 30 เซนติเมตรแล้ว แต่ก็ยังมั่นใจ 100% ไม่ได้ เพราะยังคาดไม่ได้ว่าฝนจะตกหรือจะมีน้ำหนุนขึ้นมาเพิ่มอีกหรือไม่ โดยขณะนี้ได้ประสานแผ่นเหล็กสำหรับกั้นดินสไลด์ (ชิพพลาย) จำนวน 2,500 แผ่น ความยาวขนาด 500 เมตร เพื่อมาช่วยลดแรงกระแทกน้ำ

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ระบายออกทางแม่น้ำท่าจีนอยู่ที่ระดับ 360 ลบ.ม./วินาที จากปกติที่ประตูระบายน้ำจะสามารถระบายน้ำได้แค่ 320 ลบ.ม./วินาทีเท่านั้น ส่งผลให้พื้นที่ทางการเกษตรในจ.สุพรรณบุรี ได้รับความเสียหายไปแล้ว 6 แสนไร่ รวมทั้งถนนสาย 340 ที่ถูกน้ำท่วมขัง อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีและนครปฐม หรือจังหวัดที่แม่น้ำท่าจีนไหลผ่านจะมีน้ำท่วมขังนานไปอีก 1-2 เดือน

ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.บุรีรัมย์ ล่าสุดน้ำจาก จ.นครราชสีมา และลำน้ำสาขาต่างๆ ได้ไหลมาสมทบลงลำน้ำมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงทะลักเข้าท่วมถนน และสะพานเชื่อมระหว่างบ้านผักกาดหญ้า เทศบาลตำบลลำปลายมาศ-บ้านแท่นพระ ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ ยาวกว่า 300 เมตร โดยน้ำได้ไหลบ่าท่วมถนนสูงกว่า 20 เซนติเมตร ส่วนบริเวณสะพานถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2554
0 comments
Last Update : 17 ตุลาคม 2554 14:00:46 น.
Counter : 703 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


tangmo_tsu
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add tangmo_tsu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.