space
space
space
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
space
space
19 พฤศจิกายน 2551
space
space
space

กินบำบัดเกาต์





เกาต์ เป็น โรคข้อที่พบบ่อยชนิดหนึ่ง เกิดจากมีความเข้มข้นของกรดยูริกสูงในร่างกาย ทำให้เกิดผลึกยูเรต (โมโนโซเดียมยูเรต) มีรูปร่างเหมือนเข็มแหลมๆ สะสม ณ อวัยวะต่างๆ ได้แก่ ข้อ เอ็น ไต ก่อให้เกิดการอักเสบ และทำความเสียหายให้อวัยวะต่างๆ เหล่านั้น

อาการ

อาการแรกที่พบบ่อยที่สุดคือ การปวดข้อนิ้วหัวแม่เท้าอย่างรุนแรง อาจตามด้วยอาการหนาวสั่นและมีไข้ มักพบอาการครั้งแรกในเวลากลางคืน
ใน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะพบว่ามีเหตุการณ์พิเศษนำก่อนมีอาการ เช่น การกินอาหารเกินพอดี การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง(trauma) การกินหรือได้รับยาบางชนิด เช่น การรับเคมีบำบัด หรือการผ่าตัด เป็นต้น

โรค เกาต์พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง อาการปวดจะเกิดขึ้นมีการบวมแดงร้อนร่วมด้วย อาการบวมอาจเกิดชั่วครู่หรือนานเป็นวัน ขึ้นกับว่าผู้ป่วยสัมผัสตัวกระตุ้นมากน้อยเพียงใด หากเกิดการกำเริบบ่อยและนานพอ ก็จะเกิดการเสื่อมของข้อ เมื่อข้อเสื่อมแม้ไม่มีการอักเสบก็ปวดได้

อาการ ข้ออักเสบพบมากในฤดูที่อากาศเย็น และมักเกิดกับอวัยวะที่อยู่ไกลจากหัวใจ เช่น ปลายมือ ปลายเท้า เพราะกรดยูริกละลายในของเหลวได้น้อยในอุณหภูมิต่ำ จึงมีการตกผลึกเกิดขึ้น และทำให้การไหลของเลือดลดลง


แนวทางการวินิจฉัยโรค

วินิจฉัย โรคจากการตรวจค่ากรดยูริกในเลือด หากมีค่าสูงมากเกินมาตรฐาน (hyperuricemia) ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการตกผลึกของยูเรต ทำให้เกิดโรคเกาต์ได้

การ ที่กรดยูริกในเลือดมีค่าสูงจะส่งผลให้เกิดการสะสมของผลึกตามอวัยวะต่างๆ ได้ โดยทั่วไปจะถือว่ามีภาวะกรดยูริกในเลือดสูง (hyperuricemia) ก็เมื่อระดับกรดยูริกในเลือดม่าสูงเกินกว่า 7 มก./ดล. ในผู้ชาย และ 6 มก./ดล. ในผู้หญิง

บุคคลที่มีค่ากรดยูริกในเลือดสูงเกินมาตรฐานอาจไม่มีอาการโรคเกาต์ ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์ อาจไม่มีภาวะกรดยูริกในเลือดสูงก็ได้

ปริมาณ กรดยูริกที่สูงขึ้นในกระแสเลือด กว่าร้อยละ 70 ของผู้ป่วยเกิดจากการเพิ่มการสังเคราะห์กรดยูริกในร่างกาย ร้อยละ 30 เกิดจากการเสื่อมความสามารถในการขับกรดยูริกออกนอกร่างกาย


การรักษาโรคเกาต์

เกาต์ เป็นโรคแมทาบอลิซมที่ควบคุมได้ดีมากด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน ในช่วงที่มีภาวะข้ออักเสบ จะมีการใช้ยาเพื่อลดอาการอักเสบภายใต้การดูแลของแพทย์และกำจัดเหตุกระตุ้น เช่น การติดเชื้อ ความเครียด

ส่วน ในช่วงที่โรคสงบแพทย์จะแนะให้ผู้ป่วยควบคุมโรคร่วมอื่นๆ (เช่น ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง ลดน้ำหนัก งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์) หลีกเลี่ยงอาหารที่กินแล้วเกิดอาการปวดข้อ เช่น เครื่องในสัตว์ ปลาซาร์ดีน สัตว์ปีก ชะอม กระถิน อาหารทอด และน้ำซุปต้มเนื้อสัตว์

ผู้ ป่วยแต่ละคนจะมีอาการจากอาหารไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นต้องใช้การสังเกตเอา เอง แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยกินผักใบเขียวที่มีธาตุเหล็กสูง และดื่มน้ำมากๆ


กินอะไรดีจึงจะช่วยบรรเทาโรคเกาต์

1. น้ำมันโอเมก้า 3 (EPA eicosapentaenoic acid)
ลด การสร้างสารลิวโคทรีน (leukotrine) ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ถ้ากินเป็นน้ำมันเมล็ดป่านแฟลกซ์ (flax seed oil) วันละ 1 ช้อนโต๊ะก็พอ

2. วิตามินอี
ลดการสร้างสารลิวโคทรีน 400-800 หน่วย (IU) ต่อวัน

3. กรดโฟลิก
กรด โฟลิกยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่สร้างกรดยูริก คล้ายฤทธิ์ยาอัลโลพูรินอล (allopurinol) ที่ใช้รักษาอาการโรคเกาต์ 10-40 มก. ต่อวัน

4. สารสกัดเอนไซม์จากสับปะรด
โบรมีเลน (bromelain) เป็นเอนไซม์ย่อยโปรตีนที่มีสมบัติต้านการอักเสบทั้งในสัตว์ทดลองและการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์

แต่ ถ้าจะกินเอนไซม์โบรมีเลนหรือกินสับปะรดเพื่อต้านอักเสบให้กินสับปะรด ? ผล (ขนาดเล็ก) วันละ 2-3 ครั้งหลังอาหาร 1 ชั่วโมงครึ่ง มิฉะนั้นเอนไซม์ดังกล่าวจะไปย่อยโปรตีน

5. เควอเซทิน
ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่สร้างกรดยูริกเช่นเดียวกับกรดโฟลิก

ใช้ ใบฝรั่งมีเควอเซทินสูงต้มน้ำดื่ม ใช้ใบฝรั่งสด 30 กรัม ต้มกับน้ำ 3-4 ลิตร จนเดือด เคี่ยวไฟอ่อนครึ่งชั่วโมงยกลง ดื่มวันละ 1-3 แก้วหลังอาหาร 1 ชั่วโมงครึ่ง

6. ผลเชอร์รี่หรือผลไม้สีม่วงแดง
กิน ผลเชอร์รี่บรรจุกระป๋องวันละ 250 กรัมมีผลลดกรดยูริกในกระแสเลือด ผลไม้มีสีม่วงแดงมีสารแอนโทไซยานินและโพรแอนโทไซยานินซึ่งป้องกันคอลลาเจน จากการถูกทำลาย นอกจากนั้น สารทั้งสองยับยั้งการสร้างสารลิวโคทรีนอีกด้วย

สำหรับ ประเทศไทย กินลูกหว้าหรือมะเกี๋ยงแทนได้หรือใช้น้ำร้อน 1 แก้วชงดอกอัญชัญสด 1 ดอก 2 นาทียกดอกขึ้น ผสมน้ำเชื่อมพอหวานปะแล่มดื่มได้วันละ 3 เวลา

7. ขึ้นฉ่าย (celery)
ขึ้นฉ่าย ฝรั่งก้านโตๆ มีสารต้านการอักเสบ มีขายในซูเปอร์มาเก็ต กินวันละ 4 ก้าน หรือดื่มชาเมล็ดขึ้นฉ่าย ให้เมล็ดครึ่งช้อนชาชงน้ำร้อน 1 แก้วดื่ม 1-3 แก้วต่อวัน หรือจะซื้อสารสกัดเป็นแคปซูลแทนก็ได้

8. ขมิ้นชัน
มี สารเคอร์คูมิน (curcumin) ชะลอการสร้างพรอสตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาการปวดเป็นกลไกคล้ายกันกับกลไกระงับปวดของแอสไพรินและไอ บูโพรเฟน ที่ปริมาณสูงๆ เคอร์คูมินกระตุ้นต่อมหมวกไต ให้หลั่งสารคอร์ติโซนเพื่อระงับการอักเสบและความปวดจากการอักเสบดังกล่าว

กินขมิ้นชันสดชิ้นเท่า 2 ข้อนิ้วก้อย 3 เวลาก่อนอาหารก็ควรจะได้เคอร์คูมินพอสำหรับบรรเทาอาการเกาต์นี้

อย่า ลืมดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คุมความดันเลือดและปริมาณไขมันให้ดีนะคะจะได้ไม่ต้องปวดหัวแม่เท้าจากโรค เกาต์อีก


ที่มา นิตยสาร หมอชาวบ้าน






 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2551
2 comments
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2551 6:15:40 น.
Counter : 1074 Pageviews.

 

ส่งลิงค์ไปให้เพื่อนอ่านแล้วค่ะ
เพื่อนเป็นเกาต์อยู่ เพื่อจะช่วยบำบัดได้

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดี มีประโยชน์ที่นำมาฝากกันค่ะ

 

โดย: Shallow Grave 20 พฤศจิกายน 2551 14:51:43 น.  

 

ดีครับ ได้ประโยชน์ และแนะนำให้คนที่ไม่รู้ แต่กรดโฟลิกคืออะไร หาซื้อได้ที่ไหน กรุณาบอกให้ทราบก็จักเป็นพระคุณยิ่ง
โยธิน
ylimpasuvan@yahoo.com

 

โดย: โยธิน IP: 192.99.14.34 17 ตุลาคม 2557 0:29:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

tanas251235
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]






space
space
[Add tanas251235's blog to your web]
space
space
space
space
space