Bitchy Club ที่มาของแก๊งค์เราชาว401-601
ตอนนั้นรู้สึกจะมาพร้อมเพลงทาทาเพลงนี้ที่กำลังฮิต
อันที่จริงความหมาย Bitchy มันค่อนข้างจะไปในทางไม่ดี
แต่ในความหมายของพวกเราคือความแสบๆซ่าส์ฮาๆไร้สาระมากกว่า
ประธานBitchyคือไอ้นิค (ชายหนุ่มนะยะหนึ่งเดียวในห้องเรา)
นิคเป็นคนที่เก่ง เก่งทุกเรื่อง กล้าพูดกล้าค้านอาจารย์
ส่งมันไปลับฝีปากกับอาจารย์ได้สบาย
อาจจะเพราะผู้ชายในห้องที่มีแค่4คนบ้าง บางปีมี5คนบ้าง
นิคเลยถูกยกให้เป็นประธานไป
มีช่วงหนึ่งที่มีการประเมินโรงเรียน
บอกตามตรงว่าทุกคนเฟคกันสุดๆ
มันไม่เป็นธรรมชาติเหมือนอย่างที่เราๆเคยทำมา
ด้วยความคิดที่ไม่เหมือนใคร
มีการกินขนมในห้องเรียนตอนเรียนในขณะที่คณะผู้ประเมินเดินมาดู
หรือแม้กระทั่ง
ผนังหลังห้องที่เราช่วยกันตกแต่งฉากหลังแล้วติดคำว่า Bitchy ตัวใหญ่ๆ
พวกเราเป็นเด็กห้อง1ที่เหมือนอาจารย์จะวางใจ
แต่กลับทำให้หนักใจที่สุด
ความคิด ณ ตอนนั้น คิดแค่ว่า
เราจะไม่ดูถูกวิจารณญาณของผู้ประเมินขนาดนั้นเลยหรอ
ทำไมเค้าจะดูไม่ออกว่าเด็กมันจะเป๊ะเกินไปไหม
เราก็เลยไม่คิดจะเปลี่ยน เคยทำพฤติกรรมไหนก็ทำอย่างนั้น
กินขนมในห้อง อร่อย มีความสุข คิดเลขออก ขออาจารย์แล้วด้วย 555
อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คิดถึงเพื่อนๆ
คือการทำโครงงานภาษาอังกฤษ
แล้วมีการจัดแสดงให้คนทั้งโรงเรียนดู
ตอนนั้นเหมือนฟ้าเบื้องบนประธานมา
ให้สมาชิกในกลุ่มฝนมีแต่คนติ๊งต๊อง ตัวแม่อย่างแรง
เช่น ไอ้นิค ไอ้หมอกิ๊ก ไอ้โอ ไอ้ตาล
เป็นการรวมกลุ่มแบบจับฉลากเอาตัวอันตรายมาอยู่ด้วยกัน
วันที่โชว์ผลงานวิชาการนั้น
อาจารย์สั่งให้พวกเราชาว501 ทุกคนเต้นเพลงของเผ่าเมารี
ซึ่งอาจารย์ให้คิดท่ากันด้วย
ตอนแรกที่อาจารย์เอาเนื้อเพลงมาให้
คิดหนักเหมือนกันว่ามันจะออกมาเวอร์ชันไหน
พวกเราใช้พื้นที่หลังห้องอันกว้างขวางซ้อมเต้น
โดยให้ไอ้บิลลี่เป็นหัวหน้าเผ่า
เพราะเป็นผู้ชาย(อันน้อยนิด)ในห้องที่พอจะนำแสดงเต้นได้
บิลลี่มันทำหน้าที่ของมันได้ดีมาก
ไปเอาไม้กวาดที่วางไว้ใกล้ๆถังขยะประจำห้อง
แล้วมันก็มายืนอยู่หน้าพวกเราทั้งห้อง
ยกไม้กวาดด้วยมือขวา
พร้อมตะโกนเสียงดังว่า
"อูทานามางาวากา โทรู ฟา!!"
ฝน: บิลลี่ๆ มันแปลว่าไรวะ
บิลลี่: ไม่รู้เหมือนกัน เพิ่งคิดได้เมื่อกี้ ฮ่าฮ่าฮ่า
เอาหละเป็นที่รู้กัน ถ้ามันสั่งพร้อมท่านี้
แสดงว่าให้พวกเราเริ่มเต้นและร้อง
"อูทานามางาวากา งาวากาโอเทมูทู........" (ฝนจำเนื้อเพลงไม่ได้แระ)
เอาล่ะแน่นอนท่าเต้นเราไม่แพ้ศิลปินเกาหลีทุกวันนี้แน่ๆ (ฮา)
แค่หมุนซ้ายหมุนขวาถูกนี่ก็บุญแล้ว
พอวันแสดงจริงพวกเราต้องวิ่งวุ่นทั้งแสดงผลงานวิชาการ
และการแสดงบนเวที
เส้นผ้าก็เอาแบบง่ายๆคือ เสื้อยืดดำ กางเกงวอม รองเท้าพละ
แถมด้วยเอาใบมะม่วงมาร้อยทำสร้อยคอและมงกุฏ
พอเริ่มร้องเริ่มเต้น
น้องๆ ม.ต้นก็เริ่มแข่งกันหัวเราะ
อายก็อาย นี่ทำไปได้ไง
แล้วทั้งสายชั้น ให้แต่ห้องเรามาแสดงห้องเดียว (อาจารย์ลำเอียงอ่ะ)
แต่เรื่องนี้ เล่าทีไรฮาทุกที
พอนอนคุยกัน
ทุกคนก็จะมองหน้ากันแล้วร้องเพลงนี้ขึ้นพร้อมกัน
มันเหมือนเป็นเพลงแค่ของเรา ห้องอื่นร้องไม่ได้
คิดถึงเพื่อนๆจัง อยากกลับไปทำอะไรปัญญาอ่อนแบบเมื่อก่อน
เห็นเด็กๆที่สอนแล้ว....อยากกลับไปเป็นแบบเด็กๆพวกนี้จัง
ถ้าเพื่อนๆได้มาอ่านกัน
คงจะคิดถึงกันน่าดูเลยนะครับ