<<<<ถ้าชีวิตคือท่วงทำนอง เธอคือคำร้องที่มีความหมาย>>>>
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ติดเรื่องราวตอนรับพระราชทานปริญญาบัตร วันนี้ฝนมีอารมณ์เขียนแล้ว ถึงจะช้าไปสักสามเดือนก็ตาม อิอิ ช่วงก่อนจะถึงวันรับก็วุ่นวายกับการจองชุด จองภาพถ่าย แล้วก็ซื้อใหม่ครบเซต ไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เนื่องด้วยฝนยังอยู่ที่มหาสารคามเลยต้องเป็นธุระบางอย่างให้กับเพื่อนๆที่อยู่ทางอื่น

วันก่อนที่จะซ้อมย่อยที่คณะ ก็มีการนัดเลี้ยงรวมตัวกันที่แพปลาเจ้าประจำ กลุ่มฝนและเพื่อนส่วนใหญ่จะเลี้ยงอะไรๆกันแบบบ้านๆและภูธรที่สุด ไอ้อาหารญี่ปุ่นหรือพวกของห้างทั้งหลายไม่เคยไปสัมผัส ช่วงนั้นหอพักตามมหาวิทยาลัยและในเมืองเต็ม เต็มจนไม่มีที่จะอยู่กัน จนต้องไปฝากแฟนเพื่อนไว้ที่กับเพื่อนหอใน ช่วงนั้นสารคามจะคึกคักเป็นพิเศษ ฝนจำได้ว่ารองเท้าขาดตลาดเลยทีเดียว ขนาดร้านบาจาของยังขาด เพราะมีมหาวิทยาลัยรับปริญญาต่อกัน 3 มหาวิทยาลัย แต่ละที่นิสิตหญิงก็หลายพันคน

วันซ้อมย่อยที่คณะรู้สึกเหมือนเราได้กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์อีกครั้ง มันนึกย้อนถึงวันแรกที่เข้ามาเป็นนิสิตก็มานั่งห้องนี้ พอวันที่เป็นบัณฑิตก็ได้กลับมาห้องนี้อีกครั้ง แต่ว่าฝนก็มืดไปหลายรอบ บอกตามตรงว่าการซ้อมรับมันสาหัสมากกว่การอ่านหนังสือสอบ ไอ้ที่ว่า4ปีเรียนมายากและเหน็ดเหนื่อยมันยังไม่เท่าวันนี้ กว่าจะถอนสายบัวให้สวยและเร็ว คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างมู๋ฝนเล่นเอาปวดเมื่อยไปหมด





กว่าจะซ้อมเสร็จของวันแรกก็เย็นพอสมควร ฝนต้องเร่งรีบกลับบ้านแล้วขนของมานอนกับเพื่อนที่หอเพื่อนเนื่องจากใกล้มหาลัยกว่า แล้วสายเทคก็โทรเร่งมาเมื่อไหร่จะถึง ทุกคนพร้อมแล้วรอฝนคนเดียว ฝนเข้าใจแล้วว่าอาการเหนื่อยจนไม่มีแรงกินมันเป็นยังไง เมื่อก่อนเคยเกิดข้อสงสัยกับพวกรุ่นพี่ ตอนนี้ได้คำตอบเอง พาน้องๆไปเลี้ยงแต่พี่กินแทบไม่ลง อยากจะกลับไปนอนมาก วันแรกที่ซ้อมรู้สึกเจ็บคอแล้วเหมือนจะไม่สบาย ซัดยาแก้แพ้เข้าไปก็นอนมันลูกเดียว

วันที่สองก็มีการซ้อมย่อย มาเช้าหน่อยแต่กว่าจะลงจากบันไดหอพักได้เล่นหวีดร้องกันพอสมควร เนื่องจากวันแรกซ้อมถอนสายบัว ปวดขามาก ลงบันไดแต่ละขั้นเหมือนน้ำตาจะไหล แล้วเราดันอยู่ชั้น5กว่าจะถึงภาคพื้นดินเล่นเอาเหนื่อย วันที่สองของการซ้อมย่อยช่วงเช้าซ้อมที่คณะ พอสิบโมงก็ต้องไปซ้อมที่สถานที่จริงเห็นแล้วตื่นเวที แถมยังมีคณะอื่นเต็มไปหมด ค่อนข้างกดดันเพราะต้องสวย ถูกต้อง และเร็ว ถ้าไม่ได้ก็ซ้อมใหม่ จำได้ว่าคณะวิทย์ทำได้ 39คน ต่อนาที ชนะเลิศ แต่ไม่รู้ว่าสวยไม่สวยหรอก เร็วไว้ก่อน 555+++

วันที่สองพักกินข้าวแล้วก็กลับคณะมาซ้อมต่อ แต่วันนี้อาจารย์เห็นใจ ปล่อยไปพักเอาแรงก่อนวันซ้อมใหญ่คือวันรุ่งขึ้น พอออกจากคณะได้ก็แวะมารับโอที่คณะพยาบาลก่อน พาโอไปจองรูปแล้วแวะซื้อของกัน กลับบ้านแวะเอาชุดครุยของฝนกลับไปหอพักเพื่อน แล้วก็แวะมากินข้าวกับสายรหัสของโอ เพิ่งร้ว่าพยาบาลทุกวันนี้เปลี่ยนไป๊ ฮามาก สายของโอน้องมีแต่คนฮาๆ ถึงเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้ชาย นังฝนก็ช่างกล้าไปกินข้าวท่ามกลางเด็กพยาบาลทั้งแพ เด็กเคมีแคร์ที่หนายยย





กินข้าวกับน้องๆของโอเสร็จแวะกลับเข้าหอมา อาบน้ำแล้วก็นอน ช่วงนั้นหนาวมาก หนาวโคตรๆแต่ไม่รู้เป็นไรเพื่อนคนอื่นวิ่งไปอาบน้ำอุ่นห้องเพื่อนอีกห้อง(เพราะห้องที่ฝนอยู่เครื่องทำน้ำอุ่นพัง) ด้วยความที่เหนื่อยแล้วเหนอะ ขี้เกียจต่อคิว ก็อาบน้ำเย็นๆแล้วนอนเลย หลับแซบมาก ไม่เคยหลับได้ง่ายขนาดนี้มาก่อน แต่ตี1ครึ่งก็ต้องตื่นแล้ว

ถ้างั้นไม่ต้องนอนดีกว่ามะ
อันที่จริงแค่นังพิงผนังห้องเฉยๆก็สามารถหลับได้ ฝนต้องไปแต่งหน้ากับเพื่อนๆแต่ดึกดื่น ด้วยความที่ไม่รู้ช่วงที่แน่ชัดก่อนจองร้าน แล้วปกติคณะวิทย์รับเช้าตลอด มาปีฝนดันได้รับบ่าย จองร้านได้ช่วงเวลานั้นพอดี ก็ช่างมันเหอะ ที่จริงไปแต่งตีห้ายังทันแต่ดันได้ช่วงนั้นก็มะเปงไร

แต่งหน้าเสร็จ ออกมานั่งรอข้างนอกร้าน ยังไม่ทันฟ้าสว่าง มีรถบัสคันใหญ่ผ่านไปหลายคัน โห!เล่นเหมามาทั้งตำบล ต้องเข้าใจว่าวิถีชีวิตคนชนบท ลูกหลานได้รับปริญญาเป็นอะไรที่ภูมิใจมาก เหมามาทั้งตำบลก็ไม่แปลก เพราะบางคนคือความหวังของหมู่บ้านอะไรประมาณนั้น ฝนกับเพื่อนๆขึ้นรถพ่อยุ้ยเข้ามหาลัย เพราะช่วงบ่ายมีรายงานตัวตอนเจ็ดโมงเช้า แต่รถส่งเราไม่ถึงที่เพราะยามไม่ให้รถเอา เอาไงหละ

บัณฑิตเดินไปคร๊าบ โฮก กรูว่าแล้ว
ดีนะที่เอาแตะคีบใส่ถุงมาด้วย 555++ประสบกาณ์จากการตามเสด็จรุ่นพี่สมัยช่วงรับปริญญาพอจะรู้ๆว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เลยเตรียมมาเต็มที่

ว่าแล้วก็แตะคีบใส่ไปก่อน ถึงสถานที่จริงค่อยเอาคัชชูมาใส่ ฝนจิกน้องเทค คือเจ้าม๊อบมาเป็นตากล้องให้ พร้อมทั้งถือของ มันก็บ่นๆบ้างว่าพี่หอบอะไรมาบ้างเนี่ย!



ในระหว่างที่รอเข้าหอประชุม ก็ถ่ายรูปกันไป ถ่ายจนเหนื่อยก็ยังไม่ได้เข้าเพราะต้องรอบัณฑิตภาคเช้าออกมาก่อน อนาถที่สุดคือเราต้องมาตั้งแถวรอถนนหน้าหอประชุมตั้งแต่สิบโมงกว่า แสงแดดร้อนระอุ หน้ามัน ไขมันเริ่มไหลเยิ้ม รองเท้าก็กัด อะไรมันจะแย่กว่านี้ไหม ในขณะที่เข้าแถวตามป้ายคณะนั้นจะมีอาจารย์ใส่ครุยแปลกๆ(อาจารย์บางท่านจบเมืองนอก ชุดครุยน่ารักมาก โดยเฉพาะหมวฟักทอง เห็นแล้วอยากใส่) ที่มหาลัยฝนไม่รู้จะตรวจอะไรกันหลายรอบ ที่จำได้น่าจะสามรอบ ตรวจว่าผมทำสีไหม ถักเปียมารึป่าว ถ้าถักอาจารย์ก็แกะเปียมันตรงนั้นเล่นเป็นบัณฑิตหัวฟูไปเลย ตรวจโลหะ เข็มขัด กระโปรง(เลยเข่าลงมาไหม สั้นไปไหม) ตรวจรองเท้าว่าหัวตัดไหม ถ้าหัวแหลมเธอเข้าไปไม่ได้ โฮก!อะไรมากมาย

แต่ถึงจะมีข้อห้ามมากมายแต่ยังมีคนแหกข้อห้ามอยู่ ฝนมีความคิดว่าปีหน้าจะชวนเพื่อนมาขายสเปรย์ฉีดสีผม คือถ้าคนทีำสีผมมามันจะมีสเปรย์ดำให้ฉีด แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เคยเกิดคำถามว่ามหาลัยอื่นถักผมเปียได้ แล้วทำไมที่ มมส ห้ามถัก! ยังงง ผมเปียมันไม่เรียบร้อยหรอกหรือ เคยได้ยินแว่วๆมาว่า เพระถ้าถักเปียมมันจะเป็นหนังหัว ไม่สุภาพนังนู๋ แม้กระทั่งแว่นสายตาก็ต้องใส่สีสุภาพ ห้ามใส่คอนแทกเลนส์สี ดีไม่ห้ามคอนแทกเลนส์ใสด้วย ไม่งั้นนังฝนตกเวทีแน่!!!




พอเข้าไปหอประชุม ดีที่คณะวิทย์อยู่อันดับสอง เลยได้ซ้อมเร็ว พอซ้อมรับเสร็จก็มานั่งหลับรอคณะอื่นซ้อมไป นานมาก ตื่นอีกที เค้ารับเสร็จแล้ว 555+++ มันเหนื่อยจริงๆค่ะ ง่วงมากด้วย หันหลังไป คณะมนุษย์หลับทุกคน ดีที่ได้นั่งหลังๆ อภัยกันได้ พวกนั่งหน้านี่สิต้องเก๊กตลอด พอออกจากหอประชุมก็ต้องไปถ่ายรูปหมูเอ้ยรูปหมู่ ดีใจมากที่เดินออกมาเจอไอ้บอล (น้องสมัยเรียนมัธยม) มันมาจากโคราชถือช่อดอกไม้มาให้ งงๆมากคือฝนไม่ได้โทรบอกน้องด้วยตัวเองเพราะคิดว่าน้องมันคงไม่สะดวกมา แต่น้องมันดันมาแล้วฝนก็ได้รับดอกไม้จากน้องคนแรก อิอิ พอจบจากการซ้อมใหญ่ น้องเทคทั้งสายก็เอาน้ำเย็นๆมาให้พี่บัณฑิต พร้อมทั้งถือดอกไม้ของขวัญมาให้ เอาราชรถมารับไปที่คณะแล้วถ่ายรูปกัน กว่าจะถ่ายรูปกันเสร็จก็มืดค่ำ ขอบคุณเจ้าม๊อบ(น้องปี2) ที่อยู่กับฝนตั้งแต่เช้ายันเย็น เพราะขากลับเจ้าม๊อบก็เอานังฝนซ้อนแมงกะไซด์ไปส่งหอ พอช่วงค่ำมีงานเลี้ยงที่คณะน้องก็เอาแมงกะไซด์แวะมารับที่หอ แต่ตอนกลับจากงานเลี้ยง น้องเทคไอ้กุ๊กไปส่งฝนที่หอ 555++ ช่วงนี้พี่บัณฑิตคล้ายๆพวกพิการ ทำอะไรเองไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยน้องช่วยตลอด





พอซ้อมใหญ่เสร็จทางมหาวิทยาลัยจะหยุดให้บัณฑิตพักหายใจ 1 วัน แต่ก็เหมือนไม่ได้พัก เพราะญาติจะมากันวันนี้ ช่วงบ่ายแก่ๆต้องพาญาติขับรถวางแผนเส้นทางกันว่า จากบ้านเราไปจะเข้าทางไหนได้บ้าง ออกทางไหน จอดรถตรงไหนที่จะใกล้สถานที่จริงมากที่สุด ช่วงนั้นรถเยอะแล้วต้องเตรียมและหาที่จอด โชคดีทีคนรู้จักบ้านอยู่ใกล้มหาลัยพอดีเลยได้ที่จอดไป แต่ต้องเดินไปไกลพอควรกว่าจะถึงสถานที่จริง กลับมาบ้านก็เก็บของไปหอไอ้หนุ่ม เพื่อรอช่วงดึกๆไปแต่งหน้ากะโอ วันรับจริงก็ตื่นเต้นมาก หวาดเสียวด้วย เพราะตำรวจปิดถนนตั้งแต่ตี5 รถต้องขับอ้อมไปเข้าอีกทางหนึ่ง แล้วบัณฑิตช่วงเช้าตองเข้าไปรายงานตัวแล้ว กว่ารถจะขยับเข้าไปได้ มันก็เลยเวลา มีพี่(ที่พวกฝนไม่รู้จัก) แกรับเช้าเลยขอติดรถมา ซึงณฑิตต้องลงเดินด้วยเท้าเป็นกิโลเลยหละ เค้าปิดถนนเส้นหนึ่งไว้ให้เดินรถทางเดียว ด้วยความที่เรากลัวไม่ดันเลยยุพ่อยุ้ย(คนขับ)ให้เข้าไปถนนที่เค้าปิดนั่นแหละ น๊านไง พอเราเข้าเส้นนั้น พวกรถที่ติดอยู่มองกัน ใครจะหาว่าหน้าด้าน อ่านหนังสือไม่เข้าใจก็ช่าง มันไม่ทันเจงๆ ยามก็มองหน้าเราแบบงงๆ แต่ก็ไหนๆแล้วปล่อยมันไปเหอะ 555+++ เอาของมาเก็บที่หอแล้วต้องเดินไปที่งาน แต่ห้องเราอยู่ติดมหาลัยพอดีเลยเดินเอาได้ สักแปปรถในมอที่เค้าใช้เป็นรถรับส่งบัณฑิตกับญสาติก็มาจอดรอเรา คือภายในงานจะไม่มีการจราจรเลย นอกจากรถรับส่งของมหาลัยเท่านั้น




วันจริงส่วนใหญ่ญาติมา ก็จะอยู่กับญาติๆ แม่กับญาติมารอที่หน้าหอใน แล้วไปถ่ายรูปกัน วันนี้เหมือนวันซ้อมนั่นแหละ ยืนรอเข้าแถวหน้ามันอยู่หน้าหอประชุม แต่วันนี้จะเข้มงวดกว่าเดิมคือนอกจากอาจารย์ตรวจตอนตั้งแถวแล้ว พอเดินไปทางเข้าจะมีพวก นศ วิชาทหารมาตรวจอีกรอบ เดินไปอีกระยะก็เจอเครื่องสแกนโลหะ ซึ่งตอนฝนเดินผ่านมันดันดัง ก็เลยโดยแยกไปตรวจแบบละเอียด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงดัง เพราะไม่ได้เอาโลหะอะไรเข้าไป นอกจากเหล็กดัดฟันนี่แหละ แต่เพื่อนๆก่อนหน้าฝนมันก็ใส่เหล็กดัดทำไมไม่ดัง ฝนก็ยังงงว่าแล้วทำไมฝนถึงดัง
เข้าถึงหอประชุม นั่งลงปุ๊บฝนก็ตั้งท่าหลับปั๊บ มันเหนื่อยค่ะ พยายามจะทำตาโตๆไว้แล้วแต่ก็หลับแบบไม่รู้ตัวตลอด




พอพิธีเริ่มขึ้น(ฝนจำไม่ค่อยได้ว่าอะไรเป็นอะไร) รู้แต่ว่าพอองค์สมเด็จพระเทพฯเสด็จก็ลุกขึ้นถอนสายบัวแล้วร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วอะไรต่อก็จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ตอนเข้ารับงานนั้น ตื่นเต้นมาก ตอนถอยก็กลัวก้าวพลาดตกเวที ฝนมึนกับการถอนสายบัว5ครั้งกว่าจะเสร็จนี่แหละ อิอิ ช่วงท้ายก็มีพระบรมราโชวาทแก่บัณฑิตทุกคน (ตอนนี้ฝนตื่นแล้ว ตื่นตั้งแต่เภสัชคนสุดท้ายขึ้นไปพร้อมเสียงปรบมือดังสนั่น)






พออกจากหอประชุม คนเยอะมากๆ บัณฑิตปีนี้แปดพันกว่าคนแล้วรวมกับญาติๆอีก วันนั้นประดุจดังเราเป็นซุปเปอร์สตาร์แล้วคนมาดูเยอะมาก กว่าจะตามหาแม่กับญาติๆเจอเล่นเอามืดค่ำถ่ายรูปไม่กี่รูปก็กลับ รถติดที่สุดในรอบปี กว่าจะออกมาหาข้าวกินก็ปาเข้าไปสามทุ่มครึ่ง มู๋ฝนซัดข้าวไปโถหนึ่ง ก็มันหิวมาก ข้าวไม่ได้กินแต่เช้า เลยเอามันเต็มที่ตอนเย็น พอถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็นอนเลย บอกเพื่อนไว้ว่า พรุ่งนี้ไม่ไปเรียนนะ โดดเนื่องจากไม่ฟื้น อิอิ




ครั้งหนึ่งในชีวิต มาจนถึงวันนี้ คำตอบในชีวิตอาจยังไม่ชัดเจน ว่าต่อไปจะไปทำอะไร ทำอย่างไร แล้วจะทำได้ดีแค่ไหน ทุกๆที่ต้องการคนเก่งแต่ฝนเชื่อว่า ที่ มมส สามารถทำให้เราเป็นคนดีได้ ภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของมอน้ำชีแห่งนี้ แม้จะมองไม่ค่อยเห็นหรือไม่ค่อยมีใครใส่ใจจะมองมันมากนัก แต่ก็ไม่อายที่จะบอกทุกคนที่ถามว่า จบมาจากไหน มีคนเคยถามว่าจะอยู่ที่นี่จริงหรอ เธอสามารถไปไกลกว่านี้ มีสายตาหลายคู่ที่มองฝนเปลี่ยนไปตั้งแต่เลือกที่จะเรียนที่นี่ ฝนไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจคนพวกนั้น เค้าคงมีเหตุผลของเค้า ส่วนฝนก็มีเหตุผลของฝน ถ้าฝนไม่เลือกที่จะอยู่ที่นี่ คงไม่รู้หรอกว่าบ้านเราน่าอยู่แค่ไหน คงไม่เจอใครหลายๆคนที่นี่ คงไม่สุขสบายแล้วก็มีความสุขเหมือนที่เคยเจอมา จนถึงวันนี้ฝนคิดว่าฝนเลือกไม่ผิด




ขอบคุณพ่อกับแม่ พ่อที่คอยให้ความมั่นใจก่อนฝนออกจากบ้านทุกครั้ง มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้เสมอ ขอบคุณแม่กับประโยคที่ว่า "ไม่เป็นไรลูก เอาใหม่ๆ"

ขอบคุณมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่าน

ขอคุณเคมี กับบ้านหลังเล็กๆที่แสนอบอุ่น

ขอบคุณเพื่อๆเคมีทุกคน ที่คอยอยู่เคียงข้างสู้มาด้วยกัน

ขอบคุณ กุ๊ก อ้อย หนิง ตาต้า ยุ้ย นุช จัก กับคำว่า "กลุ่มเดียวกัน"

ขอบคุณ โอ ยุ้ย แวช อั๋น ป๋อง อีฟ ชีวิตในมหาลัยฉันสนุกมากเมื่อมีพวกแก(คิดถึงวีรเวรวีรกรรมที่ทำร่วมกันมา)

ขอคุณน้องเทคทุกคนที่มาดูแลพี่

ขอบคุณพี่ๆเพื่อนบล็อกแกงค์ที่รับรู้เรื่องราว(ส่วนมากฝนจะเข้ามาบ่นซะมากกว่า) อิอิ ขอบคุณคร๊าาาาาาาาาาาาาา



ขอบคุณกิ๊กที่ฟังฉันบ่นตลอดเวลา คิดถึงแกที่สุด




สองสามวันมานี่ ฝนหงุดหงิด ทั้งอากาศและเจ็บฟันด้วย เดือนนี้หมอดึงข้างบน เดือนที่แล้วดึงข้างล่าง ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเดือนไหนดึงทั้งบนและล่างฝนจะเป็ยังไง หิวข้าวมาก เมื่อวานกินโจ๊กทั้งวัน ตอนเย็นกินต้มเส้น อะไรแบบว่าเข้าปากแล้วกลืนเลย ไม่มีการเคี้ยว เพราะฟันกระทบกันไม่ได้ เจ็บ แค่อ้าปากพูดก็เจ็บแล้ว มันไม่ได้เจ็บปวดทรมาน แต่มันค่อนข้างจะหงุดหงิดงุ่นง่านพอควร

ปิดเทอมแล้ว ไม่มีอะไรทำจริงๆ ระหว่างรอบรรจุก็นอนอ่านนิยายไปวันๆ ในสโลแกน "สบายมาก แต่ยากจน"


Create Date : 11 มีนาคม 2554
Last Update : 11 มีนาคม 2554 16:29:27 น. 9 comments
Counter : 1737 Pageviews.

 
ว้าววววววว ... วันนี้ที่รอคอย

แต่เพลงประกอบนี่ กวนจริงๆ

พี่ชอบฝนใส่สูทดำข้างบนสุดอ่ะ มันเท่ห์มั่กๆ น้อง


โดย: ดวงลดา วันที่: 12 มีนาคม 2554 เวลา:12:27:53 น.  

 
ขอแสดงความยินดีกับน้องฝนด้วยนะครับ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาของการทำงานแล้วล่ะนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มีนาคม 2554 เวลา:13:40:39 น.  

 
ขอแสดงความยินดีด้วยนะฝน
ยังไงก็จับกลุ่มเพื่อนสนิทๆไว้ให้ดี
พอทำงานกันแล้วมีอะไรจะได้ปรึกษากันได้


โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 12 มีนาคม 2554 เวลา:16:51:24 น.  

 
-ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยมบล็อกของเพกร

อ้อ ดูมาสองรอบแล้ว นับถือจริงๆ
ฮักนะ สารคาม

และขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่รั้วเหลืองเทาอีกหนึ่งท่านด้วยนะครับ

Congatulation to you


โดย: เพกร วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:19:06:15 น.  

 
หุๆๆ เค้าเหมารถบัส แต่พ่อแม่พี่เหมารถตู้อ่ะ เอิ้กๆๆ พึ่งได้เข้ามานะ

ช่วงนี้เป็นยังไงมั่งบ้าง ว่างแล้วใช่มั๊ย รอฟังผลบรรจุเทอมหน้าใช่รึป่าว ตกลงเราเลือกโรงเรียนได้รึป่าว ถ้าได้โรงเรียนไหน โทรมาเล่าให้พี่ฟังมั่งน๊า

ตอนสมัยพี่รับ ทำไมพี่ถึงรู้สึกว่ามันไม่เหนื่อยเท่าที่ฝนเล่าเลยอ่ะ สงสัยคงเป็นเพราะว่าตอนนั้นนิสิตยังน้อยอยู่ด้วยหละมั๊ง แต่รองเท้าอ่ะก็กัดเหมือนกัน เพราะสมัยเรียนไม่เคยใส่คัทชูไปเรียนเลยซักครั้ง หุๆๆ ว่าแล้วก็คิดถึงมหาลัยจังเลยเนอะ จบมากี่ปีแล้วฟระเนี่ย หุๆๆ (ไม่อยากนับเลย เอิ้กๆๆ)

ปล.ฝนไปดู ฮักนะมหาสารคามรึยัง ถ้าแกไปดูกับเพื่อนแล้ว พาพี่ไปดูอีกซักรอบหน่อยนะ แบบว่าอยากกลับไปดูที่สารคามอ่ะ


โดย: minporee วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:19:31:44 น.  

 
ช่วงนี้ก็ใช้เวลาว่างเตรียมอะไรๆไปเรื่อยๆก่อนเถอะฝน มีโอกาสเที่ยวพักผ่อนดูหนังฟังเพลงก็ทำซะ พอเริ่มชีวิตทำงานแล้วอาจจะหาเวลาไม่ได้ง่ายๆแล้ว

วันนี้ลุงก็ไม่ได้ไปไหน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากออกไปไหนเพราะเบื่อรถติดอากาศร้อน ถ้าไปก็เลือกไปใกล้ๆบ้านดีที่สุด


โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:20:43:45 น.  

 
ขอแสดงความยินดีด้วยน้า :D ฮี่ๆแวะมาเยี่ยมค้าบ


โดย: หูเอลฟ์หน้าลิง วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:23:48:24 น.  

 
พี่ก๋าพบข้อมูลที่น่าตกใจ
ว่าผู้หญิงที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน
มีสถิติแท้งลูกสูงมากครับน้องฝน
เป็นสาเหตุจากอากาศและสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารเคมี

ฟังแล้วน่ากลัวนะครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:12:41:00 น.  

 



.....ดูแล้ว... นึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ...



.....ตอนนั้น... เพื่อน ๆ คิดถึงกันน่าดู... เพราะหลังจากเรียนจบ... ก็ไม่ได้เจอกันเลย...


.....มาเจอกันก็ตอนซ้อมรับปริญญานี่แหละ...



...^-^...


โดย: saraburitrebor วันที่: 15 มีนาคม 2554 เวลา:15:53:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้ำเคียงดิน
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้ำเคียงดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.