จะ สุข หรือ ทุกข์ ไม่ได้อยู่ที่ คนอื่น ทำ แต่อยู่ที่ เรา เลือก ^ 0 ^

<<
กันยายน 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 กันยายน 2555
 

►The letter:จม.เปิดผนึก ถึง 3 เฒ่า แห่งห้องศาสนา ณ เวบพันติ๊ป(ล็อกอิน รถเรณู /JitZungka/ระนาดเอก)◄




อืม... คือว่า เมื่อไม่นานมานี้ 
นู๋บีเขียน จดหมายเปิดผนึก
ถึง ตาเฒ่า สามคน แห่งห้องศาสนา ณ เวบพันติ๊ป
( ล็อกอิน รถเรณู /JitZungkabuai / ระนาดเอก ) มาอ่ะคร้าาาาาาา


วันนี้จึงเกิดอารมณ์ขันพิเรนทร์ ขึ้นมา
ก็เลยนึกครึ้ม เอา The Letter พวกนี้
มาแปะให้ ชาวบ้านได้อ่านเล่น อ่ะเจ้าค่ะ
เผื่อ ใครอ่านแร้วจะได้เอาไป พิณาหาธรรมวิจัย
จน เกิด ซาโตริ กับปริศนาธรรม
ใน The Letter  ทั้ง สามฉบับนี้ ขึ้นมามั่ง

แต่ถ้าอ่านแล้ว ก็ยังไม่เจอ มรรคผลอะไร ในบัดดล
ก็ถือซะว่า อ่านเล่น ๆ แทนขายหัวเราะ
ให้มันขำขันเฮฮา ตามประสานักปฏิบัติไม่เอาไหน ก็แระกันเน๊าะ อิอิ


ขอเชิญ คลิ๊กไปอ่าน The Letter ทั้ง สามฉบับนี้
ได้เลยคร้าาา

//board.palungjit.com/f10/►-►►จม-เปิดผนึก-ถึง-3-เฒ่า-แห่งห้องศาสนา-ณ-เวบพันติ๊ป-ล็อกอิน-รถเรณู-jitzungkabuai-ระนาดเอก-◄-◄◄-359313.html

อ้อ จิงดิ ผู้อ่านคนไหน
มี ล็อกอิน ที่พันติ๊ป มั่งคร้าาา
ว่าง ๆ วานช่วยเอาลิ๊งค์ ของ กาทู้ นี้
ไปแปะที่ กระทู้นู้น ของบักระนาด ให้นู๋บี ทีจิค๊ะ

เฮ้ออ แบ่บว่า ตอนนี้
นู๋บี โดน ป๋าวรพจน์ ยึดอมยิ้ม อยู่คร้าาา
เลยเข้าไปโพส แก้ตัว เอ๊ย แก้ต่าง
ให้ตัวเอง ในเวบนั้น บ่ ได้

ได้โปรดเห็นแก่ ลูกผู้หญิงตาดำ ๆ
 ที่ อัดอั้นตันใจจนอกแทบจะแตกตาย
เพราะไม่สามารถชี้แจงแถลงไข อะไร ๆ
ให้ใครฟังได้  ด้วยเถิดเจ้าค่ะ
พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส








 

Create Date : 15 กันยายน 2555
102 comments
Last Update : 15 กันยายน 2555 21:40:13 น.
Counter : 5123 Pageviews.

 
 
 
 
มาแระจ้า
จะบอกท่านมาลี ว่าอิซิ้มผัวไม่สนใจมะได้เป็นเสื้อเหลืองแป๊ะฯ เน้อ
ถ้าพูดถึงการเมืองล่ะก็อั๊วชอบคุงอภิสิทธ์ ง่ะ
สนับสนุนสีฟ้าเบอร์ 16 หุหุ

2997
 
 

โดย: อิอิ IP: 61.90.91.39 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:44:16 น.  

 
 
 
กราบเรียน ทั่นด๊อกฯ
เข้าใจแล้ว ฮ่ะ
ชะแว๊บบบบบ

3455

เลขสวยวุ้ย *.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 61.90.91.39 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:46:24 น.  

 
 
 
อาเหล่าม่า โว้ย มาคนมาหลงรักสาวไทยกันใหญ่แล้วโว้ย

อ่านข่าวดูคลืบ แล้วข๊ำขำ หุหุ
ไทยแลนด์ยอดนิยม ชาวเน็ตฯ จีนฮิต คลิปเพลงรักพี่ไทย

//manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000016936

2055
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 61.90.91.39 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:23:03:53 น.  

 
 
 
อ่ะ แวะเอามาฝาก ก่อนลงเวรบ่าย คร้าาาา ^ 0 ^

► ►►...หากคุณพบ ล็อตเตอรี่ถูกรางวัล ถูกขยำทิ้งในถังขยะ คุณจะทำอย่างไร?..◄ ◄◄

//pantip.com/topic/30130372

3436
 
 

โดย: อิป้าบัวผ่อง อิอิ ^ 0 ^ IP: 110.77.138.136 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:0:06:15 น.  

 
 
 
ตามไปอ่านแระ
ถูกใจฟามเห็นเนี่ยะ

ใครไม่เอา เราเอา

ของที่มีค่าจะโดนใครทิ้งมา มันก็ยังมีค่า !!

อย่ามาเสียดายทีหลังนะเมิงงงงงงงงง

*.*
ปล.อย่างอิอ่อนเนี่ย โลภมากก็ที่หนึ่ง
ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ปะ ว่าอิอ่อนมันเลือกจะทำยังไง คิคิ
ยิ่งรางวัลที่1 ด้วยเอาไปทำประโยชน์ได้หลายอย่างเชียว *.*
8005
 
 

โดย: อิอิ IP: 61.90.91.39 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:29:04 น.  

 
 
 
อืม...แล้ว อิอ่อนคิดว่า

สิ่งที่อิอ่อนมันเลือกทำ นั้น
มันเป็น สัมมาทิฏฐิ ไหมล่ะ ?
อันนี้ ทั่นด็อกฯ ฝาก อาเหล่าม่า
...เอากระจกมายื่นให้ .... เอ๊ย ...เอาปุจฉา มา ถาม อิอ่อนอ่ะ หุหุ

ปอลิง
ช่วงนี้ ขออนุยาด หายหัว น้าาาา
คงไม่ค่อยได้ เข้ามาโพสอะรัยในบล็อกนี้เท่าไร
เลย แวะมาบอกกล่าวเอาไว้ก่อน จร้าาาาาาาาาาาาา
เพราะกลัวว่า เด๋ว แควน ๆ จะชะเง้อคอยหาาาาาาาาาา
บ๊ายบายยยย จะไป ทวนศีลทวนจิต ต่อแระ
( ยังเคลียร์ ดินพอกหางหมู ได้แค่ 40 % เอง แหะ....แหะ.... )


5 comments
433 Pageviews.


7961
 
 

โดย: อาเหล่าม่า พยายามจาหุ๊บบบบบบบบบบบบบบบบ IP: 110.77.138.136 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:26:55 น.  

 
 
 
ตอบทั่นด๊อกฯ อย่างมั่นใจว่า....
ที่อิอ่อน มันเลือกนั้น บ่อใจ้ สัมมาทิฏฐิ แหะ แหะ
มันเลือกเพราะฟามโลภ งัย
สักกายะทิฏฐิ ก็ยังมีอยู่ยังบ่อได้ละ ยังบ่อได้ขุดทิ้ง ง่ะ
เรื่องเก็บหวยได้ เนี่ยะ ถ้ามีเจ้าของมาทวงก็คืนให้ ง่ะ
อิอ่อน มันก็ไม่ได้เสียดาย หรือ งก จะอุ๊บอิ๊บเอาไว้
ที่มันเลือกเอามาใช้ประโยชน์นั้นเพราะคิดว่า
เจ้าของเขาทิ้งแล้ว มันก็เก็บเอามาใช้ประโยชน์ต่อได้
มันก็ไม่บริสุทธิ์หรอก ถ้าจะเอาแบบบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย
ธรรมชาติจริงๆ ก็ต้องตัดสังโยชน์5 ได้แล้ว เงินทองก็
ไม่มีฟามหมาย ง่ะ ใช้ชีวิตบริสุทธิเหมือนท่าน ฆฏิการะ
ช่างปั้นหม้อที่เป็นอุปปัฏฐากของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

รู้ธรรมชาติของตนเองตามจริง นับเป็นสัมมาทิฏฐิ
แต่ธรรมชาติหนึ่งนั้นจะทำกรรมด้วยทิฏฐิอันใด
ทั้งที่เป็นสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ ก็ด้วยอุปนิสัยของ
ธรรมชาตินั้นเป็นอย่างนั้น เราทำกรรมด้วยการมีสติ
รู้ธรรมชาิติหนึ่งนั้นตามจริง จึงได้ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ
ธรรมชาิติหนึ่งนั้นจะขัดเกลาตัวเองได้ก็ต่อเมื่อรู้
สัจธรรมของตนเองด้วยเองแล้วละทิฏฐินั้นได้ด้วยตนเอง
ธรรมชาติหนึ่งนั้นยังถูกครอบงำได้ด้วยตัณหา โลภ
โกรธ และหลง ย่อมทำกรรมโดยมิจฉาทิฏฐิ ทั้งสิ้น
การรู้ตามจริงย่อมเป็นเหตุให้ดิ้นรนหาทางหลุดพ้น
ได้ด้วยตนเอง

การละสักายะทิฏฐิ ลงได้ มีใครสักกี่คนทำสำเร็จ???
ใครทำสำเร็จก็กระซิบบอกอิอ่อน ด้วยนา จะรีบไปหา
โดยพลัน คิคิ

1995
*.*

 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.222.10 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:15:07 น.  

 
 
 
ที่อิอ่อน มันขออยู่ห่างๆคนที่มันคิดว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ
ก็เพราะว่ามันรู้ตัวว่ามันยังติดเชื้อได้อยู่มิจฉาทิฏฐิ อิิอิ
ดังนั้นมันจึงขอเลือกอยู่ใกล้ๆคนที่เป็นสัมมาทิฏฐิไว้ก่อง
อย่างไรเสีย มันก็คงจะติดเชื้อสัมมาทิฏฐิมาบ้าง จะได้
ขัดเกลาอุปนิสัยล้างนิสัยไม่ดีออกไปให้เยอะ รับนิสัยดีดี
มาอยู่แทนบ้าง ง่ะ และมันก็รู้ตัวเองดีว่ายังไม่ได้เป็นคน
สัมมาทิฏฐิในทุกการเกิด ยังโดนมิจฉาทิฏฐิครอบงำได้
ดังนั้นเพื่อเป็นการรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดชะนี - -"
จึงสมควรคบหาผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิไว้ จะปลอดภัยกะตัวเองมากฝ่า
ตัวอย่างของคนที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ก็อย่างอาเหล่าม่า งัย คิคิ
แต่ไม่รู้ว่าอาเหล่า ละสักกายะทิฏฐิได้แล้วหรือยัง คิคิ
ถ้าละสักกายะทิฏฐิได้แล้วก็เรียกว่ามีสัจธรรมของ
ธรรมชาติหนึ่งเป็นสัมมาทิฏฐิ
แต่ถ้ายังไม่ได้ละสักกายะทิฏฐิ ยังไม่โค่นต้นโพธิ์
แต่มีศีลมีธรรมเป็นเครื่องนำทางชีวิตก็เรียกว่าสัมมาทิฏฐิแบบปุถุชน
แต่ยังไม่ใช่สัจธรรมของธรรมชาติหนึ่ง แหะ แหะ
ส่วนทั่นด๊อกฯส่องกระจกดูเงาของตัวเองเป็นประจำ
ก็คงรู้สัจธรรมของตัวเองอยู่แร้น ชิมิ *.*

อิอ่อนมันรู้แต่ว่าตัวเองยังไม่ได้ละสักกายทิฏฐิ
และจะละได้ยังไง ก็ยังไม่รู้ ง่ะ ละแล้วเป็นไงก็ไมีรู้อีก
กะลังหาทางอยู่ หนึ่งในทางนั้นก็คือการฝึกวิชา
สติปัฏฐานในชีวิตประจำวัน ง่ะ

8478
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.222.10 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:42:48 น.  

 
 
 
หนึ่งในมิจฉาทิฏฐิที่ต้องอยู่ห่างๆไว้ก่อนคือ
คนโกหก คนที่พูดไม่จริง คนที่พูดเบือน เห็นบิดเบือนไม่ตรงกับความจริง
และคนที่ทำผิดศีลได้แบบไม่มีหิริโอตัปปะ
คือคนทำผิดศีลมันเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะยังเป็นปุถุชน
เราไม่ว่ากันเนอะ คิคิ แต่ทำผิดแล้วต้องรู้ว่าผิด ต้องมี
ความรู้สึกละอายต่อบาป ต่อความผิดของตัวเอง
ยอมรับความจริงของตนตามจริงได้ คนนั้นถึงจะขัดเกลาได้
อยู่ใกล้ๆแล้วก็ยังมีพํมนาขึ้นได้ ไม่พาเราลงเหวอบายมุขไง

สัจจังเว อมตะวาจา ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย
คนมีบารมี คือคนรักษาสัจจะ รักษาคำพูด พูดแล้วก็ทำ
ถ้าพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง ก็อยู่กันคนละโลกไปเหอะ คิคิ

3665

*.*
 
 

โดย: อิิอิ IP: 124.120.222.10 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:50:38 น.  

 
 
 
ก๊อปจากอินเตอร์เน็ต มาฝาก เด๊อ...

สวยที่ดีต้องมีศีลธรรม สวยด้วยศัลยกรรมต้องคิดให้ดี
นี่ก็ฉัน นั่นก็เธอ มิแตกต่าง
แม้นสำอาง สวยหล่อถึงเพียงไหน
แม้นขี้เหร่ ขาวหรือดำต่างอย่างไร
เธอเห็นไหม ผลสุดท้ายคือซี่โครง

ใยวิตกสังขารอ้วนหรือผอม
ใยวิตกหน้าไม่สวยกลัวไม่ใส
ใยวิตกผิวขาวดำให้ทุกข์ใจ
ใยวิตกเนื้อหุ้มกายดูไม่งาม

สวยที่ธรรม...มิใช่ว่าสวยทำหน้า
สวยที่จิต...มิใช่ว่าทำหน้าหน้าใส
ศัลยกรรม...แต่งศีลธรรมให้จิตใจ
สวยที่ใจ...แต่งที่ใจ...สวยถาวรณ์

การให้ธรรมะคือทานอันยิ่งใหญ่สะกิดคนมีบุญมาแบ่งปันกันนะ

4462
*.*
 
 

โดย: อิิอิ IP: 124.120.222.10 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:58:05 น.  

 
 
 
หนที่จะพาไปสู่สัมมาทิฏฐิและการละสักกายทิฏฐิลงได้
นอกจากการปฏิบัติภาวนาสติปัฏฐานแล้วยังต้องบำเพ็ญบารมี 10 ด้วย
จาก วิกิพีเดีย
บารมี (บาลี: pāramī; สันสกฤต: pāramitā) ปฏิปทาอันยวดยิ่ง คุณธรรมที่ประพฤติปฏิบัติอย่างยิ่งยวด คือ ความดีที่บำเพ็ญอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุซึ่งจุดหมายอันสูง เช่น พระพุทธเจ้า พระอสีติมหาสาวก เป็นต้น
ในนิกายเถรวาทมี 10 อย่าง จึงเรียกว่า ทศบารมี หรือ บารมี ๑๐ คือ กำลังใจที่ต้องทำให้เต็ม ไม่พร่อง 10 นี้ได้แก่
1. ทาน การให้
2. ศีล การรักษาศีลให้เป็นปกติ
3. เนกขัมมะ การออกจากกาม
4. ปัญญา ความรู้
5. วิริยะ ความเพียร
6. ขันติ ความอดทนอดกลั้น
7. สัจจะ ความตั้งใจจริง เอาจริง จริงใจ
8. อธิษฐาน ความตั้งใจมั่น ไม่เปลี่ยนแปลง
9. เมตตา ความรักด้วยความปรานี
10.อุเบกขา ความวางเฉย
***********
บารมี ๓๐ ทัศ
บารมีทั้ง ๑๐ ประการอันเป็นองค์บารมีของพุทธการกธรรม สามารถแตกเป็น ๓ ระดับ คือ
๑. (สามัญ)บารมี หรือบารมีต้น
๒. อุปบารมี หรือบารมีกลาง
๓. ปรมัตถบารมี หรือบารมีปลาย

การจำแนกระดับของบารมีนี้มีหลายประการ เช่น

จำแนกด้วยการกระทำ
บารมีต้น เป็นการอนุโมทนาการกระทำของผู้อื่น
อุปบารมี เป็นการให้ผู้อื่นทำ
ปรมัตถบารมี เป็นการกระทำด้วยตนเอง

จำแนกด้วยธรรม
บารมีต้น เป็นธรรมขาวเจือด้วยธรรมดำ
อุปบารมี เป็นธรรมขาวไม่เจือด้วยธรรมดำ
ปรมัตถบารมี เป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว

จำแนกด้วยกาล
บารมีต้น บำเพ็ญในกาลตั้งความปราถนาทางใจ
อุปบารมี บำเพ็ญในกาลตั้งความปราถนาทางวาจา
ปรมัตถบารมี บำเพ็ญในกาลตั้งความปราถนาทางกาย

จำแนกด้วยความยาก
บารมีต้น เนื่องด้วยวัตถุและทรัพย์นอกกาย
อุปบารมี เนื่องด้วยอวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี เนื่องด้วยชีวิต

(อรรถกถาพระไตรปิฎก เล่มที่ ๗๔ อรรถกถา จาริยาปิฏก)

บารมีทั้งสิบอย่างที่เป็นบารมีต้น รวมกันเรียกว่า บารมี ๑๐ ทัศ
บารมีทั้งสิบอย่างที่เป็นอุปบารมี รวมกันเรียกว่า อุปบารมี ๑๐ ทัศ
บารมีทั้งสิบอย่างที่เป็นปรมัตถบารมี รวมกันเรียกว่า ปรมัตถบารมี ๑๐ ทัศ

ผู้ปรารถนาสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ
ผู้ปรารถนาปัจเจกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมี ๒๐ ทัศ คือ บารมีและอุปบารมี
ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ คือ บารมี อุปบารมี และปรมัตถบารมี

เมื่อแจกแจงบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ตามความยาก จะได้ดังนี้

๑. ทานบารมี
บารมี สละธนสารสมบัติ บุตร ภริยา ให้เป็นทาน
อุปบารมี สละอวัยวะและเลือดเนื้อ ให้เป็นทาน
ปรมัตถบารมี สละชีวิต ให้เป็นทาน

๒. ศีลบารมี
บารมี ยอมสละธนสารสมบัติ บุตร ภริยา เพื่อรักษาศีล
อุปบารมี ยอมสละอวัยวะและเลือดเนื้อ เพื่อรักษาศีล
ปรมัตถบารมี ยอมสละชีวิต เพื่อรักษาศีล

๓. เนกขัมมบารมี
บารมี ถือบวช โดยไม่อาลัยในธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี ถือบวช โดยไม่อาลัยในอวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี ถือบวช โดยไม่อาลัยในชีวิต

๔. ปัญญาบารมี
บารมี ใช้ปัญญารักษา ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา ของผู้อื่น
อุปบารมี ใช้ปัญญารักษา อวัยวะและเลือดเนื้อ ของผู้อื่น
ปรมัตถบารมี ใช้ปัญญารักษา ชีวิต ของผู้อื่น

๕. วิริยะบารมี
บารมี มีความเพียร ไม่อาลัยใน ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี มีความเพียร ไม่อาลัยใน อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี มีความเพียร ไม่อาลัยใน ชีวิต

๖. ขันติบารมี
บารมี อดทนต่อผู้ที่จะทำร้ายต่อ ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี อดทนต่อผู้ที่จะทำร้ายต่อ อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี อดทนต่อผู้ที่จะทำร้ายต่อ ชีวิต

๗. สัจจบารมี
บารมี ยอมสละธนสารสมบัติ บุตร ภริยา เพื่อรักษาสัจจะ
อุปบารมี ยอมสละอวัยวะและเลือดเนื้อ เพื่อรักษาสัจจะ
ปรมัตถบารมี ยอมสละชีวิต เพื่อรักษาสัจจะ

๘. อธิษฐานบารมี
บารมี ไม่หวั่นไหวแม้ต้องสูญเสีย ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี ไม่หวั่นไหวแม้ต้องสูญเสีย อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี ไม่หวั่นไหวแม้ต้องสูญเสีย ชีวิต

๙. เมตตาบารมี
บารมี มีเมตตาแม้ต่อผู้ที่จะทำร้าย ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี มีเมตตาแม้ต่อผู้ที่จะทำร้าย อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี มีเมตตาแม้ต่อผู้ที่จะทำร้าย ชีวิต

๑๐. อุเบกขาบารมี
บารมี วางเฉยได้ต่อผู้ที่จะทำร้าย ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี วางเฉยได้ต่อผู้ที่จะทำร้าย อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี วางเฉยได้ต่อผู้ที่จะทำร้าย ชีวิต

//larndham.net/index.php?showtopic=22628&st=0

1274
 
 

โดย: อิิอิ IP: 124.122.131.37 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:02:16 น.  

 
 
 
ชาดก คือ ?
ขอยกคำอธิบายด้วยข้อมูลในพระไตรปิฏก ดังนี้
...
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ สุตตันตปิฎกที่ ๑๙ ขุททกนิกายชาดก ภาค ๑

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ เป็นภาคแรกของชาดก ได้กล่าวถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนา อันมีลักษณะเป็นนิทานสุภาษิต แต่ในตัวพระไตรปิฎกไม่มีเล่าเรื่องไว้ มีแต่คำสุภาษิต รวมทั้งคำโต้ตอบในนิทานเรื่องละเอียดมีเล่าไว้ในอรรถกถา คือหนังสือที่แต่งขึ้นอธิบายพระไตรปิฎกอีกต่อหนึ่ง

คำว่า ชาตก หรือ ชาดก แปลว่า ผู้เกิด คือเล่าถึงการที่พระพุทธเจ้าทรงเวียนว่ายตายเกิด ถือเอากำเนิดในชาติต่างๆ ได้พบปะผจญกับเหตุการณ์ดีบ้างชั่วบ้าง แต่ก็ได้พยายามทำความดีติดต่อกันมากบ้างน้อยบ้างตลอดมา จนเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง จะถือว่า เรื่องชาดกเป็นวิวัฒนาการแห่งการบำเพ็ญคุณงามความดี ของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ก็ได้

ในอรรถกถาแสดงด้วยว่า ผู้นั้นผู้นี้กลับชาติมาเกิดเป็นใครในสมัยพระพุทธเจ้า แต่ในบาลีพระไตรปิฎกกล่าวถึงเพียงบางเรื่อง เพราะฉะนั้น สาระสำคัญจึงอยู่ที่คุณงามความดีและอยู่ที่คติธรรมในนิทานนั้นๆ

อนึ่ง เป็นที่ทราบกันว่าชาดกทั้งหมดมี ๕๕๐ เรื่อง แต่เท่าที่ได้ลองนับดูแล้วปรากฏว่า ในเล่มที่ ๒๗ มี ๕๒๕ เรื่อง, ในเล่มที่ ๒๘ มี ๒๒ เรื่อง รวมทั้งสิ้นจึงเป็น ๕๔๗ เรื่อง ขาดไป ๓ เรื่อง แต่การขาดไปนั้น น่าจะเป็นด้วยในบางเรื่องมีนิทานซ้อนนิทาน และไม่ได้นับเรื่องซ้อนแยกออกไปก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม จำนวนที่นับได้ จัดว่าใกล้เคียงมาก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ สุตตันตปิฎกที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดกภาค ๒

ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ เป็นเล่มที่รวมเรื่องชาดกที่เล็กๆน้อยๆรวมกันถึง ๕๒๕ เรื่อง แต่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ นี้มีเพียง ๒๒ เรื่อง เพราะเป็นเรื่องยาวๆทั้งนั้น โดย ๑๒ เรื่องแรกเป็นเรื่องที่มีคำฉันท์ ส่วน ๑๐ เรื่องหลัง คือเรื่องที่เรียกว่า มหานิบาตชาดก แปลว่า ชาดกที่ชุมนุมเรื่องใหญ่ หรือที่โบราณเรียกว่า ทศชาติ
...

ข้อมูลจาก : พระไตรปิฎกฉบับประชาชน อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ

เนื้อเรื่อง ทศชาติชาดก ทั้งสิบเรื่องที่เว็บธรรมะไทย มีให้ผู้อ่านได้อ่าน ได้แก่
๑. เตมีย์ชาดก บำเพ็ญเนกขัมมบารมี
๒. ชนกชาดก บำเพ็ญวิริยบารมี
๓. สุวรรณสามชาดก บำเพ็ญเมตตาบารมี
๔. เนมิราชชาดก บำเพ็ญอธิษฐานบารมี
๕. มโหสถชาดก บำเพ็ญปัญญาบารมี
๖. ภูริทัตชาดก บำเพ็ญศีลบารมี
๗. จันทชาดก บำเพ็ญขันติบารมี
๘. นารทชาดก บำเพ็ญอุเบกขาบารมี
๙. วิทูรชาดก บำเพ็ญสัจจบารมี
๑๐.เวสสันดรชาดก บำเพ็ญทานบารมี
//www.dhammathai.org/chadok/chadok10.php

8581
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.131.37 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:06:59 น.  

 
 
 
พระสันตะปาปาทรงประกาศสละตำแหน่ง 28 ก.พ.นี้
//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000017714

คอลัมน์: สู่ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่: ความฝันของเซนต์ยอห์นบอสโกสอดคล้องกับความลับฟาติมา
//www.ryt9.com/s/tpd/1055740

พระสันตะปาปา จากวิกิพีเดีย
//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B2

คำทำนาย ชะตาเมืองไทย ของสมเด็จโต
//www.trat.go.th/board/index.php?topic=1303.0

4870
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.131.37 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:18:27 น.  

 
 
 
คุณสมบัติคนไม่เก่งแต่เฮง *.*

1. จ้อเก่ง

2. ดวงดี

3. ไม่ยึดติดกับอะไรทั้งสิ้นในโลกนี้

จากคุณ everandever เว็บพี่พัน
9331
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.131.37 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:26:42 น.  

 
 
 
เอเจนซีส์ - คริสตจักรโรมันคาทอลิกเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงประกาศลาออกอย่างกะทันหัน โดยที่มีทั้งความเห็นมองโลกแง่ดีว่าอาจนำมาซึ่งยุคใหม่ของวาติกัน แต่ก็มีผู้ไม่พอใจการที่พระองค์ตัดสินพระทัยละทิ้งตำแหน่งไปง่ายๆ ขณะเดียวกัน เริ่มมีการมองถึงตัวเก็งโป๊ปองค์ต่อไปที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนหน้า โดยมีกระแสกดดันมากขึ้นให้เลือกตัวแทนจากพวกประเทศกำลังพัฒนา

สมเด็จพระสันตะปาปา ตรัสในที่ประชุมพระราชาคณะชั้นคาร์ดินัลที่สำนักวาติกันเมื่อวันจันทร์ (11) ว่าจะทรงลาออกจากตำแหน่งประมุขคริสตจักรคาทอลิกตั้งแต่วันที่ 28 เดือนนี้ เนื่องจากพระชนมายุที่มากขึ้นทำให้ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้เต็มที่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

แผนการลาออกจากตำแหน่งของพระสันตะปาปาซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบระยะเวลา 700 ปี มีที่ปรึกษาเพียงไม่กี่คนที่รับรู้ล่วงหน้า ขณะที่ผู้นำมากมายในวาติกันไม่ระแคะระคายและช็อกไปตามๆ กัน

บาทหลวงเฟเดอริโก ลอมบาร์ดี โฆษกสำนักวาติกัน แถลงว่า การตัดสินพระทัยลาออกของพระสันตะปาปาเป็นความกล้าหาญอย่างสูงส่ง พร้อมยืนยันว่าพระองค์ไม่ได้ประชวรหรือมีอาการซึมเศร้าแต่อย่างใด โดยการตัดสินใจนี้มีขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาและปราศจากแรงกดดันจากภายนอก

ทางด้านชาวคาทอลิกซึ่งมีจำนวนประมาณ 1,100 ล้านคนทั่วโลก มีความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา บางคนออกมาบอกว่าเป็นการกระทำที่กล้าหาญซึ่งจะนำยุคใหม่มาสู่นิกายคาทอลิกที่กำลังเผชิญวิกฤตรอบด้าน รวมทั้งน่าจะเป็นการกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าว่า พระสันตะปาปาองค์ต่อไปไม่ควรมีอายุมากนัก

ขณะที่บางคนแสดงความไม่พอใจที่ผู้นำศาสนจักรซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมของพระคาร์ดินัล อีกทั้งเห็นกันว่าได้รับแรงดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าด้วย จะมาตัดสินใจลาออกกันง่ายๆ เช่นนี้

ทั้งนี้ พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายก่อนหน้านี้ที่ทรงลาออกคือ พระสันตะปาปาเซเลสไทน์ที่ 5 ในปี 1294 หลังจากทรงได้รับเลือกเพียง 5 เดือน

สำหรับปฏิกิริยาของพวกผู้นำทั่วโลกต่อการลาออกของพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน ปรากฏว่าอยู่ในทำนองเดียวกัน โดยต่างแถลงว่าเคารพการตัดสินพระทัยของพระสันตะปาปา และกล่าวยกย่องคำเทศนาที่ผ่านมาของพระองค์ โดยเฉพาะการที่พระองค์สนับสนุนการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างศาสนาต่างๆ

กระนั้นก็ตาม ระหว่างที่ทรงครองตำแหน่งอยู่เป็นเวลา 8 ปี ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของศาสนจักรคาทอลิก ก็ทำให้ เบเนดิกต์ที่ 16 ทรงมีศัตรูและมีพวกที่ไม่พอใจพระองค์ไม่ใช่น้อย จากการที่ทรงมีจุดยืนอนุรักษนิยมที่ไม่ประนีประนอมอย่างเด็ดขาดในประเด็นทางสังคมและเทววิทยา เช่น ไม่อนุญาตให้สตรีบวชเป็นบาทหลวง ต่อต้านการวิจัยสเต็มเซลล์จากตัวอ่อน แม้จะยอมผ่อนปรนบ้างในประเด็นการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ก็ตาม

พระองค์ยังต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศอย่างแข็งขัน ถึงแม้ตลอด 8 ปีที่ทรงเป็นประมุขวาติกัน ปรากฏว่า หลายประเทศยอมรับให้ชาวเกย์แต่งงานกันได้

เช่นเดียวกัน แม้พระองค์สั่งการให้มีการสอบสวนการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในไอร์แลนด์ อันนำไปสู่การลาออกของบาทหลวงระดับบิชอปจำนวนมาก แต่มีเสียงวิจารณ์หนาหูว่า พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ยังทรงลงมือทำอะไรน้อยเกินไปเพื่อแก้ไขความผิดพลาดอันฉกาจฉกรรจ์ในเรื่องนี้ และมีส่วนในความล้มเหลวของศาสนจักรคาทอลิกที่จะหยุดยั้งกระแสการทิ้งศาสนาของชาวคริสต์ในตะวันตก โดยเฉพาะในยุโรป อีกทั้งพระองค์เองก็มิได้สนพระทัยที่จะทำการปฏิรูปศาสนจักร

พระสันตะปาปาจากเยอรมนีองค์แรกในรอบระยะเวลาราว 1,000 ปีพระองค์นี้ ยังทำให้ชาวมุสลิมโกรธกริ้วจากการที่พระองค์ทรงแสดงความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ต่อศาสนาอิสลามกับความรุนแรง ขณะที่ชาวยิวหัวเสียกับพระดำรัสที่เหมือนรื้อฟื้นการปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี มิหนำซ้ำภายในสำนักวาติกันเอง ยังถูกกระหน่ำด้วยเรื่องอื้อฉาว โดยพ่อบ้านประจำตัวพระสันตะปาปาถูกกล่าวหาว่า ลักลอบเปิดเผยเอกสารลับส่วนพระองค์ที่มีการกล่าวหาเรื่องการคอร์รัปชันในการบริหารจัดการทางธุรกิจของวาติกันเมื่อปีที่แล้ว

สำนักวาติกันนั้นออกแถลงการณ์ว่า พระสันตะปาปาพระองค์นี้จะประทับอยู่ในที่พักฤดูร้อนในปราสาทกอนดอลโฟใกล้กรุงโรม ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และเข้าสู่ส่วนอารามชั้นในของนครวาติกันหลังจากสละตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน ภายหลังข่าวการสละตำแหน่งของเบเนดิกต์ที่ 16 แพร่ออกไปไม่กี่ชั่วโมง ในโรมก็มีการคาดการณ์ตัวเก็งพระสันตะปาปาองค์ต่อไปอย่างคึกคัก

สำหรับครั้งนี้ดูเหมือนสนามแข่งขันเปิดกว้างมากขึ้นกว่าในอดีต บางคนมองว่าพระสันตะปาปาองค์ต่อไปควรเป็นชาวอิตาลี หลังจากเพิ่งร้างลาไปเมื่อปี 1978 บ้างก็ว่าถึงเวลาที่ประมุขศาสนจักรจะมาจากอเมริกาเหนือ แต่นอกจากนั้นยังมีแรงกดดันมากขึ้นให้วาติกันเลือกสันตะปาปาจากพวกประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสะท้อนความเป็นจริงที่ว่า คาทอลิกกำลังเผยแผ่ออกไปอย่างรวดเร็วที่สุดในประเทศเหล่านิ้ ส่วนสายเสรีนิยมอยากได้โป๊ปที่เปิดกว้างรับการปฏิรูปมากขึ้น

สำนักวาติกันนั้นคาดหมายว่า จะได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่ก่อนช่วงเทศกาลอีสเตอร์ (วาระระลึกการฟื้นความความตายของพระเยซู) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม ถึงแม้การเลือกประมุขคริสตจักรคาทอลิกองค์ใหม่ ย่อมเป็นการตัดสินใจของที่ประชุมลับของเหล่าพระคาร์ดินัล โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุมในแต่ละวัน หากที่ประชุมซึ่งเก็บตัวตัดขาดจากโลกภายนอก ยังไม่สามารถได้ตัวผู้ซึ่งได้เสียงสนับสนุน 2 ใน 3 ของที่ประชุม ก็จะมีการจุดควันสัญญาณสีดำขึ้นสู่ฟากฟ้า และวันใดที่คณะพระคาร์ดินัลเลือกได้แล้ว จึงจะมีการส่งสัญญาณด้วยการจุดควันสีขาว

//manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000018289

8638
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.14.69 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:50:44 น.  

 
 
 
ไม้ใหญ่นับร้อยปีถูกโค่นลง นำมาทำเป็นจอกสุราสำหรับพิธีเซ่นสรวง ตกแต่งด้วยลวดลายเขียวเหลือง ส่วนเศษไม้ก็ถูกโยนทิ้งลงในคู เมื่อนำจอกสุราและเศษไม้จากร่องคูมาเปรียบเทียบกัน ย่อมห่างไกลกันยิ่งในความงามและความอัปลักษณ์ แต่ต่างก็เหมือนกันตรงที่ได้สูญเสียธรรมชาติดั้งเดิมของมันไป ทั้งมหาโจรจื๋อและผู้ทรงคุณธรรมอย่างเจิงและสื่อ ล้วนแตกต่างกันยิ่งทั้งในความประพฤติและครรลองธรรม แต่พวกเขาก็เหมือนกันตรงที่ได้สูญเสียธรรมชาติดั้งเดิมของตน

แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子) บทที่สิบสอง
//manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000018376

1355
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.14.69 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:52:44 น.  

 
 
 

อ่ะ เอามาฝากกกกกกกกกกก
โดน บล็อก อีกแระ แหะ...แหะ.... - -"


► ►►. . .รบกวน สอบถาม เจ้าค่ะ ว่า..... . .◄ ◄◄

//pantip.com/topic/30144830


16 comments
Counter : 450 Pageviews.

6346.
 
 

โดย: อิพริ้งคนเริงเมือง โฮ่...โฮ่... IP: 110.77.138.136 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:21:43 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝาก อีกรอบบบบ

//www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg32794.html#msg32794


อิอิ

17 comments
Counter : 451 Pageviews.


1588
 
 

โดย: อิพริ้งคนมีแบรนด์....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:06:12 น.  

 
 
 
//www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg32793.html#msg32793

3319
 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:40:04 น.  

 
 
 
ตามไปอ่านแระ....ซึ้ง ง่ะ - -"
โดยเฉพาะอันนี้....

T^T
ผู้ชายเป็นสัตว์โลกที่ไม่เคยเชื่อง
อย่าประมาทไปเล่นกับไฟ
เมื่อไรที่มันได้ครอบครอง
แล้วเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เรานั่นแหล่ะที่จะเดือดร้อน

เพราะถ้ามีรู้สึกว่า เข้ากันไม่ได้
เราไม่มีสิทธิ (ไม่แต่จะคิด )
ที่จะเขี่ยมันออกจากชีวิต
(นอกเสียจาก ว่า มันจะเบื่อ และ เขี่ยเราทิ้งเอง)

T^T

9511
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.245.200 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:10:03 น.  

 
 
 
อิอ่อน มันมีฟามเห็นว่า
การรักษาพังผืดพรมจรรย์ น่ะยังไม่ยากเท่ารักษาพรมจรรย์ทางใจ ง่ะ
T^T
1372
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.245.200 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:59:08 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝากก่อนลงเวรบ่าย

//pantip.com/profile/724649

4090
 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:0:05:16 น.  

 
 
 
เถียงกับความจริง เถียงให้ตายก็ไม่มีทางชนะ *.*

ก๊อปมาจากอินเตอร์เน็ต นะจ๊ะ

1855

*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.212.95 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:45:27 น.  

 
 
 
ครั้งหนึ่ง จวงจื่อนั่งตกปลาอยู่ที่แม่น้ำผู เจ้าแคว้นฉู่ได้ส่งเจ้าพนักงานมาแจ้งแก่เขาว่า “ข้าต้องการเชื้อเชิญให้ท่านรับตำแหน่งขุนนางใหญ่ในแผ่นดินของข้า”

จวงจื่อยังคงตกปลาต่อไป และเอ่ยขึ้นโดยไม่หันหน้าไปมอง “ข้าได้ยินมาว่า ในแคว้นฉู่มีเต่าศักดิ์สิทธิ์ที่ตายมานานถึงสามพันปี เจ้าแคว้นเก็บมันไว้ในกล่องและห่อผ้าอย่างประณีต และวางไว้ในศาลบรรพชน บัดนี้ เจ้าเต่าตัวนี้ควรตายและทิ้งกระดองไว้ให้กราบไหว้บูชา หรือว่าควรมีชีวิตอยู่ และกระดิกหางเล่นอยู่ในโคลนตม?”

“มันควรมีชีวิตอยู่และกระดิกหางในโคลนตม” เจ้าพนักงานทั้งสองตอบ

จวงจื่อจึงกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นจงกลับไปเสีย ข้าก็ต้องการกระดิกหางเล่นในโคลนตมเช่นกัน”

แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)

//www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000021029

6935

*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.239.226 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:40:13 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝาก ( เพิ่งโดนมอดเวบ ที่ห้อง อพินยา ลบทิ้งมาหมาด ๆ ) อิอิ

ถ้าชาติหน้าปรารถนาจะเกิดเป็น กระเทย ชาตินี้ อิฉันจะต้องทำ กรรม เช่นไร สะสมไว้ดีเจ้าคะ ?


//www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg32837.html#msg32837


24 comments
Counter : 475 Pageviews.
5752
 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:55:36 น.  

 
 
 
ก๊อปมาจากอินเตอร์เน็ต (จากวัดสามแยก อ.น้ำหนาว)
พระท่านว่า....
ส่วนหญิงทั้งหลาย
ทำบุญทั้งหลายมีทานเป็นต้น คลายความพอใจในความเป็นหญิงก็ตั้งจิตว่า
"บุญของข้าพเจ้าทั้งหลายนี้ ขอจงเป็นไปเพื่อกลับได้อัตภาพเป็นชาย"
เมื่อทำกาละ (ตาย) แล้ว ย่อมกลับได้อัตภาพเป็นชาย.
ส่วนพวกหญิง ที่มีผัวเป็นดั่งเทวดา ย่อมกลับได้อัตภาพเป็นชาย
แม้ด้วยอำนาจแห่งการปรนนิบัติดีในสามีเหมือนกัน.
//www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1516.0;wap2

อิอิ
8636
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.2.27 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:55:42 น.  

 
 
 
กรรม....เอาใหม่โดยแบรนด์โดยระบบสะงั้น - -"

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 243

ภาวรูปแม้ทั้ง ๒ (หญิงชาย) นี้ ของบุคคลผู้เกิดในปฐมกัป ย่อม ตั้งขึ้นในปวัตติกาล ในภายหลังต่อมา ภาวรูปทั้ง ๒ นี้ตั้งขึ้นในปฏิสนธิกาล แม้ตั้งขึ้นในปฏิสนธิกาล ก็ย่อมหวั่นไหว ย่อมเปลี่ยนได้ในปวัตติกาล.
เหมือนอย่างพระดำรัสที่ตรัสไว้ในพระบาลีวินีตวัตถุแห่งปฐมปาราชิกว่า ก็สมัยนั้นแล เพศหญิงปรากฏแก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพศชายปรากฏแก่ภิกษุณีรูปหนึ่ง *ดังนี้.
ก็บรรดาเพศทั้ง ๒ นั้น เพศชายเป็นอุดมเพศ เพศหญิงเป็น(hee)นเพศ ฉะนั้น เพศชายย่อมอันตรธานไปเพราะอกุศลมีกำลัง เพศหญิงย่อมตั้งขึ้นด้วยกุศลที่เป็นทุรพล แต่เพศหญิงเมื่ออันตรธาน ย่อมอันตรธานไปด้วยอกุศลที่เป็นทุรพล เพศชายย่อมตั้งขึ้นด้วยกุศลที่มีกำลัง. พึงทราบว่า ภาวรูปแม้ทั้ง ๒ อย่างนี้ ย่อมอันตรธานไปด้วยอกุศล ย่อมตั้งขึ้นด้วยกุศล ด้วยประการฉะนี้.

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

//www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=11356

ปล.เผื่อแม่พริ้งอ่านแล้วเก็ตแมสเสจและทำได้ จะได้เปลี่ยนภาวรูปตัวเองในชาตินี้ให้เป็นชายมั่งหญิงมั่ง หรือถึงขั้นไร้เพศเหมือนตอนปฐมกัป มั่งก็ได้ *.* อิอิ

1947
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.2.27 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:13:20 น.  

 
 
 
ครั้งหนึ่ง หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระป่าพระกรรมฐานชื่อดังในอดีต
ได้เทศน์ให้แพทย์หญิงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นสูตินรีแพทย์ มีใจความตอนหนึ่งน่าสนใจว่า

"มาเล่นตลกให้หลวงปู่ดู เมื่อชาติก่อน เขาเป็นผู้ชายรูปหล่อ มีเมียมากนับไม่ถ้วน

ชาตินี้มาเกิดเป็น ผู้หญิง (ทอม) แต่แอบปกปิดไว้ เธอไม่แต่งงาน ตัดผมสั้น ไม่แต่งหน้า ต้องมาดูแล รักษาช่องคลอดผู้หญิง

เป็นการชดใช้กรรมเก่า ซึ่งเป็นแค่เศษกรรมที่ทำบาป กับช่องคลอดผู้หญิงไว้มากพอสมควร"

การล่วงเกินทางเพศหญิง อีกหลายลักษณะซึ่งโทษก็หนักเบาต่างกัน

ขณะเดียวกัน บางชาติอาจกระทำความดี กรรมก็ลดหย่อน ผ่อนลงให้เบาขึ้นในพระไตรปิฎกมีหลักฐาน ของการผิดศีลข้อสามพอสรุปได้ดังนี้

๑.ผู้ชายใช้ความเป็นผู้ชาย ไปทำบาปกับผู้หญิงไว้มากพอควร ชาติต่อไปก็อย่าได้เกิดเป็นผู้ชายอีกเลย จะได้ไม่ใช้อวัยวะเพศ ไปทำให้ผู้หญิงเขาเดือดร้อนอีก (บาดเจ็บ ติดโรค ท้อง)

๒.เพื่อให้รู้ถึงความยากลำบาก ของเพศหญิงตามธรรมชาติ

๓.ชอบผู้หญิงมาก เป็นชีวิตจิตใจ ติดหญิง หลงหญิง ยอมตกนรกก็มี ยอมติดคุกก็ม ี ยอมเสียเงินทอง ยอมผิดศีลเพื่อให้ได้ผู้หญิง หลายๆ คน ยิ่งเก่งยิ่งดี ยิ่งสนุกยิ่งมัน อย่ากระนั้นเลย

กรรมบาปดึงวิญญาณผู้ชาย ๑๐๐% มาอยู่ในร่างผู้หญิง ชอบนักจึงให้อยู่ ในร่างเดียวกันไปเลย ปัจจุบันเรียกว่าทอมแต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่หลงผู้ชาย แย่งสามีคนอื่น อย่ากระนั้นเลยกรรมบาปดึงวิญญาณผู้หญิง ๑๐๐% มาอยู่ในร่างผู้ชาย ชอบนัก จึงให้อยู่ในร่างเดียวกันไปเลย ปัจจุบันเรียกว่า กะเทย

๔.เศษกรรมจะทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ในเรื่องเพศที่ตัวไม่ต้องการ คือใจอยากเป็นชาย ตามชาติที่ผ่านมา แต่กายเป็นหญิง

๕. ทำให้ผิดหวังในรัก เพราะผู้หญิงโดยปกติ ต้องชอบผู้ชายแท้ เพื่อมีลูกหลานไว้เชยชม
๖. เกิดเป็นหญิง แต่ถูกล่อลวงทางเพศ เป็นโสเภณี ถูกข่มขืนใช้กรรมเก่า
๗.เกิดเป็นสูตินรีแพทย์ เกิดเป็นพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ทำหน้าที่ดูแล รักษาทำความสะอาดช่องคลอดผู้หญิง ฯลฯ

นี้แล..กรรมหนอกรรมคุณโยมทั้งหลายทั้งหญิงและชายจงตรองให้ดีมีสติก่อนสร้างอกุศลกรรมทั้งหลายจะได้ไม่ลำบากทนทุกข์ทรมานเพราะกรรมส่งผลในภายหลัง

ขอเจริญพร
ท่านคมสรัญญ์ อินเดีย

//www.oknation.net/blog/print.php?id=523166

4374
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.2.27 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:21:32 น.  

 
 
 
อิอ่อนมันชักสงสัยว่ามันคงทำกรรมหักอกผู้ชายมาเยอะแน่ๆเลย ถึงต้องมาปรนนิบัติรับใช้โคตรไอ้เข้อย่างป๊ะป๋าโจ - -"

แต่โดยวิสัยอิอ่อน มันไม่เคยมีความคิดหรือตั้งเจตนาจะยั่วยวนหรือหลอกให้ผู้ชายคนไหนมาหลงรักมันเลยนะ เพราะโดยสันดานมันก็ไม่ชอบอยู่ใกล้ผู้ชายสะด้วยจิ ยกเว้นพวกผู้ชายที่มีปัญญาแหล่มๆ มันก็ชอบไปแอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเขา สนใจแต่ปัญญาของคนอื่นเท่าน้านนน ฮุฮุ มันท่องคาถารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดชะแว๊บบบ มาโดยตลอด ผู้ชายหล่อๆผู้หญิงสวยๆก็ไม่เคยอยู่ในสายตา (สนใจแต่หนุ่มสาวปัญญาแหล่มเท่านั้นเอาไว้คุยเพื่อประเทืองปัญญาไม่ได้มีจิตคิดพิศสวาทใดๆ คิคิ) ไม่สนใจดารา นิสัยอิอ่อนมันดีขนาดนี้มันไม่น่าจะมีคู่ครองกะเขาได้เลยนะ รักอิสระก็ที่หนึ่ง ไร้น้ำใจกับคนอื่น สนใจแต่ตัวเองไม่ค่อยปรนนิบัติสามี มีแต่ทำหน้าที่ไปวันๆ แต่ถ้าเรื่องไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ต่อให้ยากลำบากแค่ไหนมันก็มีฟามสุขได้เสมอ เป็นปลากะดี่ได้น้ำเชียวล่ะ แต่เรื่องปรนนิบัติคนอื่นนี่เหมือนปลาเค็มตายซากเชียวละ คิคิ

ชักงงกับวิบากกรรมของตัวเอง แหะ แหะ - -"
ว่าตรูมาติดคุกขี้ไก่ในชาตินี้ได้ไง ฟระ!!!
5281
*.*


 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.2.27 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:44:33 น.  

 
 
 
บุรพกรรมของพระพุทธเจ้าที่เคยเกิดเป็นเพศหญิง

เป็นตามกฎแห่งกรรมที่ว่า ทุกดวงจิตดวงวิญญาณย่อมเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ อย่างไม่รู้จักจบสิ้น จนกว่าจะได้บำเพ็ญบุญกุศลได้อย่างสะอาดบริสุทธิ์หมดจากกิเลสและตัณหานั้น จึงจะสามารถหยุดการเวียนว่ายตายเกิด คือ อยู่ในสภาพ “ว่าง” หรือ “สุญญตา” ใน “แดนนิพพาน” อันเป็น “บรมสุข”ไม่มีทุกข์ใดเจือปนได้เลยนั้นเอง แต่กว่าจะทำได้อย่างนั้นก็ต้องเพียรสะสมบุญบารมีอย่างมากมาย และเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิน้อยใหญ่ต่างๆในสังสารวัฏตามบุญตามกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั้นเอง
ตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นบุรพกรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบัน(พระสมณโคดมพระพุทธเจ้า หรือ พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า) ซึ่งในอดีตกาลผ่านมาพระองค์ก็ได้ทำผิดศีลผิดธรรม(ศีลข้อที่๓ กาเมสุมิจฉาจาร ในอดีตชาติที่เกิดเป็นมานพหนุ่มช่างทอง) เลยส่งผลให้ไปปฏิสนธิในทุคติภพภูมิ(อบายภูมิหรือภพภูมิที่ต่ำ) ซึ่งรับผลกรรมชั่วอย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัสนานแสนนาน จนได้เกิดเป็นเพศหญิง คือ “เจ้าหญิงสุมิตตาเทวี” หรือ “พระนางวิสุทธาเทวี”อันเป็นชาติสุดท้ายในสตรีเพศหรือเพศหญิง หลังจากนั้น ถึงแม้จะไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำหรือสูงกว่าภพมนุษย์ ก็ทรงอยู่ในเพศบุรุษ(ปุงค์ลิงค์)ตลอดมา จนถึงชาติสุดท้ายที่ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็น “พระศรีศากยมุนีโคดมพระพุทธเจ้า”ในภัทรกัปนี้ในที่สุดนั้นเอง ซึ่งพอจะแสดงประวัติผลกรรมดังกล่าวได้อย่างคร่าวๆ ดังนี้
เกิดเป็นมานพหนุ่มช่างทอง
ในชาตินี้พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นบุตรของนายช่างทอง เป็นมานพหนุ่มที่มีรูปสิริเลิศงดงามในเมืองแห่งนั้น มีฝีมือในการทำทองที่ยอดเยี่ยม มีชื่อเสียงขจรไปไกล เพราะความมีฝีมือดีนี้เอง ทำให้ได้มีเศรษฐีของเมืองมาทำการว่าจ้างให้ทำทองรูปพรรณให้กับบุตรสาวของตัวเองที่จะเข้างานวิวาห์มงคล เมื่อเห็นรูปร่างของหนุ่มช่างทองก็เกิดลังเลใจในฝีมือ แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาช่างทองที่มีฝีมือดีกว่านี้ได้อีกแล้ว จึงกล่าวกับหนุ่มช่างทองว่า “ถ้าท่านเห็นมือ และเท้าของบุตรสาวของเราอย่างเดียวท่านสามารถจะทำทองได้สวยสดงดงามหรือไม่?” หนุ่มช่างทองก็บอกว่า “ทำได้” เหตุผลที่เศรษฐีถามแบบนี้ ก็เพราะว่าบุตรสาวของตนเป็นหญิงที่สวยสดงดงาม เกรงว่าเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตากันแล้ว ก็จะทำให้ทั้งสองเกิดหวั่นไหว จะมีปัญหาขึ้นมาในการแต่งงานของลูกสาวกับบุตรชายของเพื่อนเศรษฐีที่ได้หมั่นหมายไว้แล้วนั้น จึงเป็นการตัดไฟเสียต้นลม
เมื่อถึงวันที่หนุ่มช่างทอง ทำการตรวจวัดมือและเท้าของบุตรสาวเศรษฐี ที่บ้านของเศรษฐีซึ่งท่านเศรษฐีได้ทำฉากกั้นให้บุตรสาวยื่นเฉพาะมือและเท้าออกมาเท่านั้น แต่บุตรสาวเกิดความสงสัยว่าทำไมบิดาจึงทำอย่างนี้ ในขณะที่ช่างทองกำลังตรวจวัดอยู่ บุตรสาวเศรษฐีก็แอบดูตามช่องที่มองเห็นได้ เมื่อเห็นรูปร่างหนุ่มช่างทองเกิดจิตปฏิพัทธ์หลงรักทันที จึงทำการเขียนอักษรนัดแนะหนุ่มช่างทองทันทีว่า ในค่ำคืนนี้นัดเจอกันที่สวนหลังบ้านที่เป็นต้นไม้ใหญ่ ฝ่ายหนุ่มช่างทองเมื่อเสร็จภารกิจก็กลับไปยังเรือนของตนเพื่อทำงานทำทองรูปพรรณต่อไป
เมื่อตกตอนค่ำก็อาบน้ำแต่งตัวไปตามนัดที่นางกาญจนวดีกุมารีบุตรสาวเศรษฐีได้เขียนอักษรไว้ แต่มานพหนุ่มช่างทองมาถึงต้นไม้ก่อน ได้นั่งรออยู่ แต่เพราะทำงานหนักมาทั้งวัน เมื่อเจอบรรยากาศเย็นสบายร่มรื่นก็เผลอหลับไป เมื่อนางกาญจนวดีกุมารีมาถึงก็เห็นหนุ่มช่างทองหลับอยู่ก็ไม่กล้าปลุก เพราะคนในสมัยนั้นถือกันว่า ถ้าผู้ใดนอนหลับอยู่ห้ามปลุกขึ้นมาเพราะจะเป็นบาป นางจึงนั่งรอเป็นเวลาพักใหญ่ เห็นว่าไม่ตื่น จึงวางขันใส่ดอกไม้ไว้ แล้วเขียนอักษรไว้ว่า นางมาแล้วแต่ท่านหลับอยู่ จึงวางขันดอกไม้ไว้ให้ทราบ และในราตรีต่อไปขอนัดเจอที่เดิมแล้วจากไป เมื่อหนุ่มช่างทองตื่นขึ้นมาเห็นขันดอกไม้ จึงรู้ว่านางได้มาพบแล้วและกลับไปแล้ว จึงได้อ่านข้อความที่นางเขียนไว้
ตกตอนค่ำในวันต่อมาหนุ่มช่างทองก็ได้ออกไปตามนัดเหมือนเดิม ซึ่งก็เหมอนเดิมอีก คือ ไปถึงก่อนแต่นอนหลับหลังพิงต้นไม้เหมือนเดิม กุมารีก็ไม่ปลุกและวางขันดอกไม้และเขียนข้อความเหมือนเดิมไว้ พอตื่นขึ้นมาก็นึกโกรธตัวเองที่เผลอหลับไป
ในตอนค่ำครั้งที่สามตั้งใจว่าจะไม่ให้หลับ แต่ก็ต้านไม่อยู่ เมื่อกุมารีมาเห็นก็คิดว่า บุญเราไม่ต้องกันที่จะได้อยู่ร่วมกัน เพราะตนจะเข้างานวิวาห์แล้ว นางจึงวางขันไว้เพียงอย่างเดียวไม่ได้เขียนข้อความนัดแนะอันใดไว้อีก พอหนุ่มช่างทองตื่นขึ้นมาก็โกรธตนเองและเสียใจ จึงกลับบ้านด้วยความผิดหวังที่จะได้ดูหน้าตาและรูปร่างของกุมารีเพียงสักครั้ง
แล้วนางกาญจนวดีกุมารีก็เข้าพิธีวิวาห์กับหนุ่มลูกชายเศรษฐีตามกำหนดการ ฝ่ายหนุ่มช่างทองก็คร่ำครวญถึงนางกาญจนวดี ว่าสมควรจะเป็นภรรยาของตนสมควรจะอยู่ร่วมภิรมย์กับตน เพราะหญิงก็มีใจกับตน จึงคิดหาอุบาย คือได้ทำเครื่องทองที่ดีเลิศขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วนำไปถวายมหาอุปราช มหาอุปราชทรงพอพระทัย จึงทรงถามหนุ่มช่างทองว่ามีความประสงค์อันใดจึงนำเครื่องทองมาถวาย หนุ่มช่างทองก็ได้บอกวัตถุประสงค์ไป ท่านมหาอุปราชจึงรับปากจะออกอุบายช่วยเหลือ หลังจากนั้นหนุ่มช่างทองก็ได้แต่งตัวเป็นสตรี ปลอมตัวเป็นน้องหญิงของมหาอุปราช แล้วก็ทรงกระบวนช้างผ่านไปยังบ้านของเศรษฐี แล้วตรัสกับท่านเศรษฐีว่า จะเอาน้องมาฝากที่บ้านเศรษฐี เพราะจะออกไปปราบข้าศึกที่ชายแดน และเห็นว่าท่านได้สร้างเรือนใหม่ที่พอจะฝากน้องหญิงได้
มหาอุปราชได้ถามอีกว่า “เรือนนั้นเป็นเรือนของใครหรือ?”
เศรษฐีจึงตอบว่า “เป็นเรือนของบุตรสาวที่พึ่งแต่งงาน”
มหาอุปราชกล่าวว่า “อย่างนั้นก็ดีสิ! จะได้ให้น้องหญิงพักอยู่ที่นั่น และจะได้ให้บุตรสาวของท่านเป็นเพื่อนของน้องหญิง ให้นางงดการอยู่ร่วมกับสามีชั่วคราว ห้ามผู้ชายแม้กระทั่งสามีของบุตรสาวของท่านเข้าไปในส่วนของชั้นเรือนที่น้องหญิงพักอยู่ โดยมีบุตรสาวของท่านอยู่เป็นเพื่อน แล้วเราจะกลับมารับน้องหญิงในภายหลัง” ด้วยความเกรงในอำนาจของอุปราช และเห็นว่าท่านอุปราชทรงห่วงใยน้องหญิงคนนี้มาก เศรษฐีจึงได้ทำตามรับสั่งที่มหาอุปราชกำชับรับสั่งด้วยความเต็มใจ หลังจากนั้นหนุ่มช่างทองก็ได้อยู่ร่วมกับนางกาญจนวดีเป็นเวลา๓ เดือน โดยไม่มีใครรู้เรื่องเลย จนมหาอุปราชมารับกลับไป
ด้วยผลกรรมที่พระโพธิสัตว์ได้ผิดลูกผิดเมียของผู้อื่น(ศีลข้อที่๓) เมื่อสิ้นอายุขัยของตนก็ตกนรกทันที แล้วก็เวียนเกิดเวียนตายระหว่างอบายภูมิ(ทุคติภูมิ)เป็นเวลานานแสนนาน แล้วได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเกิดในภพมนุษย์เป็นกระเทยและเป็นเพศหญิง เป็นพันชาติ รวมเวลาถึง๑๔ มหากัปเลยทีเดียว

***********************

ภพสุดท้ายในการเกิดเป็นเพศหญิงของพระโพธิสัตว์ : เกิดเป็นเจ้าหญิงสุมิตตาเทวี หรือ พระนางวิสุทธาเทวี

จากกรรมที่พระโพธิสัตว์ทำผิดศีล “กาเมสุมิจฉาจาร” แล้วได้ตกนรกเป็นเวลานานแสนนาน หลังจากนั้นถือกำเนิดเป็นลา เป็นโค เป็นคนพิการ เป็นคนตาบอด เป็นคนหูหนวก เป็นกระเทย และเป็นสตรี อย่างละ๕๐๐ ชาติ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นโทษว่า เกิดเป็นมนุษย์แล้วทำผิดศีลอย่างเด็ดขาดด้วยอำนาจแห่งโทสะ ราคะอย่างรุนแรง และติดต่อกันเป็นเวลานานร่วม๓ เดือน หลังจากนั้นก็ไม่ได้สร้างบุญกุศลที่ประกอบด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อผู้บริสุทธิ์ด้วยศีลพรต หรือต่อธรรมที่กำหนดให้รักษาศีล๕ อย่างศรัทธาในภายหลัง ซึ่งบาปที่ทำไว้แล้วนั้นมีกำลังรุนแรงเป็นชนกกรรม คือส่งผลทันที(ตกอบายภูมิ)เมื่อตายไปจากภพปัจจุบัน สัตว์ใดเมื่อทำบาปกรรมอย่างรุนแรง เมื่อตกต่ำลงสู่อบายภูมิ การที่จะหลุดออกจากอบายภูมิโดยเร็วพลันนั้นยากยิ่งนัก
มากล่าวถึงพระโพธิสัตว์เสวยเศษกรรมชาติสุดท้าย ด้วยเพราะมีบุญเก่าหนุนนำ จึงได้เกิดเป็นสตรีเพศในวงศ์กษัตริย์ ทรงพระนามว่า “เจ้าฟ้าหญิงสุมิตตาราชกุมารี” เป็นธิดาของ “พระเจ้าสุปปบุตรมหาราช” และในกัปนั้นเป็น “สารกัป” เพราะมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติเพียงพระองค์เดียว ทรงพระนามว่า “พระปุราณทีปังกรพุทธเจ้า” พระองค์เป็นราชบุตรของพระเจ้าสุปปบุตรมหาราช แต่ต่างมารดากับเจ้าหญิงสุมิตตาเทวี และพระพุทธเจ้าทรงมีฐานะเป็นพี่ชายของพระนาง เมื่อพระปุราณทีปังกรพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น พระองค์ทรงทำให้พระธรรมปรากฏขึ้น ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างได้รับรสพระธรรมนั้นเป็นจำนวนมากมายเหลือคณานับ บังเกิดพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ขจรไกลไปทั่วสากลจักรวาล
กล่าวถึงพระนางสุมิตตาเทวี ด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นในพระเชษฐาเป็นทุนเดิม เมื่อพระเชษฐาได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนั้น ความศรัทธาของพระนางยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
ในวันหนึ่งเวลาใกล้ค่ำ พระนางยืนอยู่บนปราสาทมองลงมาเบื้องล่าง ก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาต อยู่ที่หน้าราชวังของพระนาง จึงคิดในพระทัยว่า “พระคุณเจ้ามาบิณฑบาตอะไรหนอ ถึงได้มาใกล้ค่ำ” จึงทรงสั่งให้บุรุษรับใช้ไปถามพระภิกษุ พระภิกษุรูปนั้นบอกว่า จะมาบิณฑบาตน้ำมัน เมื่อพระนางทรงทราบ จึงได้อาราธนา พระผู้เป็นเจ้าขึ้นมา ณ อาสนะอันสมควร แล้วพระนางดำรัสตรัสถามว่า “พระผู้เป็นเจ้า มีความประสงค์น้ำมันไปเพื่อทำอะไร?” พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “อาตมา บิณฑบาตน้ำมันเป็นอันมากเพื่อจุดประทีปมากมาย ทำการสักการบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระปุราณทีปังกรพระพุทธเจ้า จนสิ้นราตรียันรุ่งสาง พร้อมทั้งมีเหล่าพระอริยะสงฆ์มาประชุมพร้อมกัน อาตมารับทำภารกิจนี้เสมอมา” พระนางสุมิตตาเทวีได้รับทราบดังนั้น ก็มีศรัทธาเป็นอันมาก ก็ดำริในพระทัยว่า “พระเชษฐาของเราได้ตรัสรู้เป็นพระพทธเจ้า ทรงทำคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อมวลสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในกาลเบื้องหน้าขอให้เราได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์โลกเหมือนกับพระองค์” หลังจากนั้นพระนางทรงเอาน้ำมันถวายพระคุณเจ้า จนเต็มบาตรพร้อมทั้งกล่าววาจาตั้งปณิธานว่า “ด้วยอานิสงส์ผลทานนี้ขอจงเป็นปัจจัยให้ความปรารถนาของข้าพเจ้าจงสำเร็จผลตามที่ปรารถนา และขอให้พระคุณเจ้าจงมีจิตช่วยกราบทูลพระองค์ด้วยว่า พระน้องนางของพระพุทธองค์ ซึ่งมีนามว่า สุมิตตากุมารี มีความศรัทธาเป็นยิ่งนัก ขอกราบแทบพระบาทพระพุทธองค์ และขอตั้งความปรารถนาว่า ด้วยผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยในอนาคต ให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าสักพระองค์หนึ่ง และขอให้มีพระนามว่า “สิทถัตถะ”เหมือนด้วยชื่อน้ำมันพันธุ์ผักกาดนี้ด้วยเถิด” หลังจากนั้นพระองค์ก็ส่งพระคุณเจ้ากลับไป
ฝ่ายพระคุณเจ้าครั้งเมื่อได้น้ำมันมามากกว่าในทุกวันที่แล้วมา จึงจุดประทีปได้สว่างไสวมากกว่าทุกวัน ครั้นแล้วก็เข้าไปกราบทูลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า คืนนี้ข้าพระองค์ได้จุดประทีปบูชาได้มากกว่าคืนก่อนๆ ด้วยน้ำมันพันธุ์ผักกาดอันพระน้องนางสุมิตตาเทวีของพระองค์ถวายมา และพระนางกล่าววาจาอธิษฐานว่า พระนางมีความศรัทธาเป็นยิ่งนักขอกราบแทบพระบาทพระพุทธองค์ และขอตั้งความปรารถนา ด้วยผลทานนี้จงเป็นปัจจัยในอนาคตให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าสักพระองค์หนึ่ง และขอให้มีพระนามว่าสิตถัตถะเหมือนด้วยชื่อน้ำมันพันธุ์ผักกาดนี้ด้วยเถิด ข้าพระองค์จึงขอถือโอกาสกราบทูลถามต่อพระองค์ว่า ความปรารถนาของพระน้องนางจะสำเร็จหรือไม่พระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์จึงทรงพิจารณาดูในอดีตภาคของพระน้องนาง ก็ทรงทราบว่าพระน้องนางสุมิตตาเทวี ได้เคยปรารถนาพุทธภูมิไว้นานนักหนาเมื่อต้นอสงไขย ตั้งแต่เป็นมานพหนุ่มแบกมารดาข้ามมหาสมุทร และทรงมีพิจารณาดูไปในอนาคตก็ทรงทราบว่าพระน้องนางอาจสำเร็จสมความปรารถนา พระองค์จึงทรงตรัสว่า “กาลข้างหน้านับจากนี้ไป๑๖ อสงไขยกับอีกแสนกัป จักมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าทีปังกร ซึ่งมีนามเสมอกับเรานี้อุบัติขึ้นในโลก แล้วพระน้องนางจะได้รับลัทธาเทศน์พยากรณ์ในสำนักของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น” เมื่อพระคุณเจ้าได้รับฟังคำตรัสของพุทธองค์ ก็กราบทูลลา หลังจากนั้นก็ได้ไปยังปราสาทของพระนางสุมิตตาเทวี แล้วบอกข้อความนั้นแก่พระนางตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสทุกประการ นำความปิติแก่พระนางเป็นอย่างยิ่ง จึงกล่าวปวารณาให้พระคุณเจ้า จงมารับน้ำมันในสำนักของพระนางทุกวัน ในวันถัดมาพระนางสุมิตตาราชกุมารี ก็จัดแจงอาหารอย่างประณีตเป็นอันมากพร้อมทั้งเครื่องสักการบูชาถวายบิณฑบาตแก่หมู่พระภิกษุสงฆ์อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานด้วยความเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
พระนางสุมิตตากุมารีทรงเบื่อหน่ายเพศสตรีเป็นกำลัง ครั้นสิ้นอายุขัยก็ได้เสวยทิพยสมบัติเป็นเทพบุตร(ไม่ใช่เทพธิดา)ในดุสิตเทวโลก อันเป็นการเริ่มเพศบุรุษในการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ จนกระทั้งได้รับการลัทธาเทศน์พยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทีปังกรในคราวที่เกิดเป็นมนุษย์และได้บวชเป็นฤาษีมีนามว่า “สุเมธดาบส” ว่าจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตจากนี้ไป๔ อสงไขย กับอีกแสนมหากัป มีชื่อว่า “พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า” ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบันนั้นเอง

*********************************************

เป็นสัจธรรมความจริงที่ว่า

“ใครจะใหญ่เกินกรรมนั้นไม่มี”

//www.sujipuli.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539241760

1382
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.2.27 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:02:27 น.  

 
 
 
นัตถิเมสะระนังอัญญัง พุทโธ ธัมโม สังโฆ เมสะระนัง วะรัง เอเตนะสัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยังสัตถุสาสะเน

สัพเพปิอันตะรายา เม มเหสุงตัสสะเตชะสา

ด้วยการกล่าวความจริงนี้อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า

ก๊อปมาจากคุณเจ้ากก เว็บพี่พัน
2898
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.2.27 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:16:42 น.  

 
 
 
การเป็นคนที่น่าเชื่อถือ มีค่ามากกว่าการเป็นคนที่คนรัก

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมตนรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Korn Chatikavanij

//www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20130222/491648/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C.html

3557
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.35.158 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:51:36 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝาก คร้าาาาา
ช่วงนี้ เคลียร์ ดินพอกหางหมู
เรื่อง การ ทวนศีลทวนจิตเสร็จแระ
เรยไปอิแร่ดแต๊ดแต๋ ที่ พันติ๊ป อย่างเต็มที่
แบบว่า ช่วงนี้ อิน้องทองม้วน มันทำ อาเหล่าม่า เก๊กซิม
เรยต้อง ไปแกว่งปากหาเท้า ย้อมใจ หุหุ

//pantip.com/profile/726095#topics

32 comments
Counter : 488 Pageviews.

1372
 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์ ....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:41:53 น.  

 
 
 
555

โดนคุณ สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เว็บพี่พัน
บอกว่าสำนวนแม่พริ้งเหมือน....
ระเด่นลันไดทรงเครื่อง

555

ปล. มะรู้อิอ่อนมันเป็นไร พูดได้แค่ 555
(555 - -")

8062
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.9.229.59 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:27:18 น.  

 
 
 
แถมยัง ว่างี้อีก

อารมณ์ขันของคุณ ไม่เป็นธรรมชาตินะครับ ผ่านการคิดดัดแปลง

555

ปล. มาว่าแม่พริ้งปรุงแค่งเยอะจัดซะงั้น หุหุ มีบางคนไม่เชื่อว่าตัวตนแม่พริ้งเป็นคนอารมณ์ขันพิเรนทร์ เพ้อเจ้อไร้สาระ เหมือนๆ เค้าจะชมนะเนี่ย กร๊ากกกกกก!!!

8641
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.9.229.59 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:42:47 น.  

 
 
 
อะจ๊ากกกกกก!!!

อืม...รู้ป่ะ ข้อเสียประการหนึ่ง
ของ อิพวกบัวเหล่าที่ 5 อย่างอิฉัน คืออะไร
สิ่งนั้นก็คือ เรามีพรสวรรค์ ติดตัว มาแต่กำเนิด
ในการ ขุดคุ้ย รากเหง้า แห่ง พฤติกรรม ของชาวบ้านไง
รู้จัก ดร.ฮันนิบาล เลคเตอร์ ป่ะ ?
อิฉันว่า เขากับ อิฉันมันก็มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่างทีเดียว

ซึ่ง หนึ่งในความเหมือนนั้น ก็คือ
เมื่อเรา ได้ยิน คำพูดหลุดมาจาก ปากใครสักประโยค
เราจะ มองเห็น รากเหง้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนของพฤติกรรม
เห็น ความดำมืด ที่หมกเม็ดอยู่ในส่วนลึกของ อนุสัย ในตัวเขาไง
ซึ่งเมื่อเห็นแล้วบางที เราก็มักจะเกิดอารมณ์ขันพิเรนทร์
ยื่นกระจก ไปให้ คนเหล่านั้น มองดู ตัวตนที่เป็นอยู่ของตัวเอง ผ่านเงาที่สะท้อน ออกมาอ่ะ

คิคิ

5272
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.9.229.59 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:53:59 น.  

 
 
 
อืม... แต่ถ้าถาม อิฉัน อ่ะนะ ว่า
ถ้า อิฉันมีลูก อิฉันจะสอนหลักธรรม ในเรื่องไหน
เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน ให้มันก่อน

อิฉัน จะเลือก สอน เรื่อง สัมมัปปทาน ๔
เพื่อปูพื้นฐาน แห่งการมี สัมมาทิฏฐิ ให้มันก่อนนะ
เพราะหากผู้ใดแยกแยะได้ ว่า
การกระทำแบบไหน คือกุศล แบบไหนคืออกุศล
มันจะมีผลต่อ เชาว์จริยธรรม (MQ) และ เชาว์จิตวิญญาณ ( SQ ) ของเขาอ่ะ

_/\\_
6082
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.9.229.59 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:05:47 น.  

 
 
 
ทึ่งคุณป๋าวิชัย ถือศีลอุโบสถในวันพระ ด้วย
_/\\\\_
4246
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.9.229.59 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:12:15 น.  

 
 
 
อืม...อิพริ้งมัน มัวแต่ไปอิแร่ดแต๊ดแต๋ที่ เวบพี่พัน ซะเพลิน
จน หลงลืม มาปัดกวาดเช็ดถู สุสาณโบราณ เลยวุ้ย
ขออภัยด้วยคร้าาาาาาาาา แหะ ๆ

อ้อ แวะมาบอกว่า เรื่องที่ ไอ้เจ้า ดอนกิโฮเต้ แห่งลามันช่า
มัน สะแหล๋นแจ๋น มา วิจาน หาว่า
อัน อารมณ์ขันพิเรนทร์ ของ อิพริ้ง นี้
มันไม่แนบเนียนและลุ่มลึก ดูไม่สมจริง ติด ๆ ขัด ๆ
แถมยัง สันนิษฐานว่า อิฉันเป็น คนซีเรียสเป็นทุนเดิม นั้นน่ะ


อ่านแล้วขำกลิ้งจนแทบตกเก้าอี้ เลยอ่ะ
เฮ้ออ สงสัยต้องจุดธูปเชิญ ไอ้โซ้ยตี๋ ก้วยยี้ ไปสอนมัน
เกียวกับ เทคนิค การ มุดรูดูผ้าถุง อิพริ้ง ซะละมั้ง
เผื่อ ทั่นดอนฯ มันจะ เกิดซาโตริ กับ deep meaning
ใน ผ้าถุงของอิพริ้งขึ้นมามั่ง หุหุ


บ๊ายบายคร้าาาาา เด๋วจะไป ฉันเพลแระ แหะ ๆ


38 comments
Counter : 495 Pageviews.

9016
 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์ ....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:32:35 น.  

 
 
 
คดีพิศวง!หนุ่มใหญ่มะกันดับปริศนา ร่างกายระเบิดจากภายใน

ซีบีเอสนิวส์ - คดีปริศนา ชายคนหนึ่งเสียชีวิต หลังร่างกายระเบิดจากข้างในจนไฟลุกท่วม จากการตรวจสอบพบว่าศพถูกเผาผลาญยับเยินจากภายใน ขณะที่ตำรวจมลรัฐโอคลาโฮมา ยอมรับไม่เคยเจอคดีแบบนี้มาก่อนและจนถึงตอนนี้ทีมสืบสวนก็ยังมืดแปดด้าน

//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000024024

8630
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.121.233.110 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:49:50 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝาก อิอิ

//pantip.com/profile/734268#topics

40 comments
Counter : 510 Pageviews.

9949
 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์ ....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:47:14 น.  

 
 
 
อวตารเยอะแยะ จริงเน้อ อิอิ
พี่พันโฉมใหม่นี่ ทำมาเพื่อแม่พริ้งเจงๆ คิคิ

ชอบหลายคอมเม้นท์ในกระทู้เรื่อง นรก-สวรรค์ เรยนะ อาทิเช่น

ก็ทำดีต่อไป..อย่างน้อยก็ให้ลูกหลานมันนับถือ..ตายห่าทั้งทีอย่างน้อยก็ให้มีคนระลึกถึงเรา..
จากคุณ ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน

"ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้า-ชาติหลัง หรือนรก-สวรรค์ อะไรก็ได้
ขอให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ
ถ้าสวรรค์มีจริงถึง 16 ชั้น ตามตำรา
ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองตามลำดับ
หรือถ้าสวรรค์ นิพพานไม่มีเลย
ผู้ปฏิบัติดีในขณะนี้ย่อมไม่ไร้ประโยชน์
ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ "

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล...
_/\\_
จากคุณ นัยนะ

ผมจะไปขอ จขกท.แต่งงานครับ (เพื่อพิสูจน์ว่านรกไม่มีจริง)
จากคุณ ake111
*.* แหล่ม ง่ะ คิดกะแม่พริ้งแบบนี้ได้ไง คิคิ *.*

ทำความดี มีศีลมีธรรม ผลดีชาตินี้ก็ได้
กวาดถนน.. ถนนสะอาด เดินสดวก ไม่ดื่มเหล้า .. ไม่เมาไม่ขาดสติ พูดคำจริง .. คนเชื่อถือ ฯ ล ฯ

ทำตามกิเลสอยาก ผลเสียชาตินี้มีแน่ๆ
โขมย .. เจ้าของทรัพย์เสียใจเสียดาย โดนจับได้ก็ ซวย ด่าคนที่ไม่ชอบหน้า .. ถูกด่าตอบหรือถูกตบ ฯ ล ฯ
จากคุณ P2wichai

ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับ คห.13 น่ะ เคยฟังพระเทศน์ทำนองนั้นอยู่
และขอถามกลับได้ไหม (ดัดแปลงจากคำของนักปราชญ์จีนท่านหนึ่ง)
พ่อค้า นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี บุญไม่มี บาปไม่มี ตายแล้วก็สูญไม่มีอะไร
นักปราชญ์ ท่านจะเก็บงำความคิดนี้ไว้หรือเผยแพร่ต่อไป
พ่อค้า ข้าพเจ้าย่อมเผยแพร่ความคิดของตน
นักปราชญ์ หากมีคนเชื่อคำท่าน เขาจะฆ่าท่านชิงของๆท่าน หากเขาไม่เชื่อเขาจะดูหมิ่นท่าน เช่นนั้นแล้วท่านจะได้ประโยชน์อะไร

จากคุณ ฌลา

5300
*.*
ปล.แบบว่า อิอ่อนมันเป็นชาวโลกสวน นิสนึง เลยชอบคำตอบแบบนี้ แหะๆ
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.181.128 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:49:00 น.  

 
 
 
อิอิ ถ้าจะจริงแฮะ

พี่พันโฉมใหม่นี่ ทำมาเพื่อแม่พริ้งเจงๆ
( ต้องขอบคุณป๋าวี หุหุ )

อ่ะ เอา กาทู้ที่เป็นเหตุปัจจัย
ให้แม่พริ้งได้รับประทานแบรนด์ เป็นมื้อดินเนอร์ ครั้งล่าสุด มาฝากจร้าาา


ถ้าจำเป็น ต้องเลือก คุณจะเลือก กระทำ กรรม แบบไหน ? ระหว่าง....

//www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg32924.html#msg32924


ปอลิง

นี่ครึ้ม ๆ ก็ว่าจะเปลี่ยน คอนเซปต์จาก อิสมทรง+แม่พริ้ง
มาเป็น ทั่นด๊อก ฯ ไปถลก หนังหัว ญิ๋งเล็ก เอ๊ย ไปวิ่งเล่น ที่พันติ๊ป แระอ่า
คือว่า ทั่นด็อก มันเริ่มเซ็ง อ่ะค้าาาาาา
ที่ อิสองตัวนี่น มันทำผลงานไม่เข้าเป้า
คิดแต่จะหาเรื่องเอา แบรนด์มารับประทาน อิอิ



42 comments
Counter : 516 Pageviews.

6259

 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:48:36 น.  

 
 
 
*.* ทั่นด๊อกฯ จะออกแขก แว้วววว *.*

อิอิ
จะรอชมผลงาน

5596
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.172.83 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:29:39 น.  

 
 
 
เทพแห่งลำน้ำพบเทพแห่งท้องทะเล
เมื่ออุทกภัยแห่งฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน สายน้ำลำธารนับร้อยก็หลั่งไหลสู่มหานทีหวงเหอ กระแสน้ำเชี่ยวกรากเอ่อล้น กระทั่งมองจากฝั่งหนึ่งสู่ฝั่งหนึ่ง จากเกาะแก่งสู่เกาะแก่ง ก็ไม่อาจแยกแยะเห็นชัดว่าไหนคือม้าไหนคือวัว ยามนั้นเทพแห่งลำน้ำสุขสำราญใจ จนคิดไปว่าความงามทั้งมวลในโลกเป็นของตนเพียงผู้เดียว ขณะเริงร่าไปตามกระแสน้ำ สัญจรไปยังแดนตะวันออก จนล่วงถึงทะเลเหนือ เมื่อมองไปทางทิศตะวันออกก็เห็นแต่ผืนน้ำแผ่ไพศาลกว้างสุดสายตา

เทพแห่งลำน้ำส่ายศีรษะและกลอกตาไปมา เพ่งมองไปยังทิศทางของ “รั่ว” เทพแห่งท้องทะเล ทอดถอนใจพลางเอ่ยขึ้นว่า “มีคำกล่าวว่า ‘มีผู้ได้ยินเกี่ยวกับเต๋าเพียงร้อยครั้งก็คิดว่าเขาเหนือกว่าใครๆ’ นั่นก็คือตัวข้าเอง ได้ยินมาว่าในอดีตกาลมีผู้ดูแคลนความคิดของขงจื่อและไม่ยอมรับการเชิดชูคุณธรรมของปั๋วอี๋ กระนั้นข้าก็ไม่เคยเชื่อถ้อยคำเหล่านี้ ทว่าบัดนี้ ข้าได้ประจักษ์ในความไพศาลสุดหยั่งของท่าน หากข้าไม่ได้มาสู่ประตูเคหาของท่าน ก็คงจะหลงงมงายสืบไป และอาจถูกปรมาจารย์แห่งมรรคาอันยิ่งใหญ่หัวเราะเยาะไปชั่วนิรันดร”

เทพรั่วแห่งทะเลเหนือกล่าวว่า “ท่านไม่อาจพูดคุยเรื่องมหาสมุทรกับกบในบ่อน้อย เนื่องจากมันอาศัยอยู่ในโลกอันคับแคบ ท่านไม่อาจพูดคุยเรื่องน้ำแข็งกับแมลงฤดูร้อน เนื่องจากมันมีชีวิตเพียงชั่วฤดูกาลเท่านั้น ท่านไม่อาจพูดคุยเรื่องเต๋ากับผู้คงแก่เรียนอันคับแคบ เนื่องจากเขาถูกพันธนาการด้วยหลักทฤษฎี บัดนี้ท่านออกมานอกเขตแดนของท่าน และได้เห็นทะเลอันยิ่งใหญ่ ท่านจึงตระหนักถึงความกระจ้อยร่อยของตน จากนี้ไป ข้าก็สามารถพูดคุยกับท่านเกี่ยวกับหลักการอันยิ่งใหญ่

“ในหมู่ท้องน้ำทั้งหมดในโลก ไม่มีใดยิ่งใหญ่ไปกว่าทะเล สายน้ำนับหมื่นหลั่งไหลลงสู่ทะเลไม่เคยหยุด แต่ก็ไม่เคยเต็ม สายน้ำระบายออกที่เหว่ยหลีว์อย่างไม่เคยหยุด แต่ทะเลก็ไม่เคยว่างเปล่า ไม่ว่าฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วง ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าอุทกภัยหรือภัยแล้ง ก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน กระแสน้ำของทะเลมหาศาลยิ่งใหญ่กว่าแยงซีเกียงและลำน้ำเหลืองอย่างไม่อาจหยั่งวัด กระนั้นข้าก็ไม่เคยภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ข้าได้รับรูปมาจากฟ้าดินและได้รับลมหายใจจากอินและหยัง ข้าสถิตอยู่ที่นี่ท่ามกลางฟ้าและดิน ดุจดั่งหินก้อนน้อยหรือต้นไม้เล็กๆบนขุนเขาอันยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุที่มองเห็นความต่ำต้อยเล็กน้อยของตน ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดทำให้ข้าภาคภูมิในตัวเอง

“เปรียบทะเลทั้งสี่กับสรรพสิ่งทั้งปวงที่ดำรงอยู่ระหว่างฟ้าและดิน มิเสมือนจอมปลวกน้อยในที่ลุ่มกว้างใหญ่ดอกหรือ เปรียบอาณาจักรกลางกับอาณาเขตของทะเลทั้งสี่ มิเสมือนเมล็ดข้าวน้อยในยุ้งฉางดอกหรือ ผู้คนนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น เปรียบเทียบกับสรรพสิ่งแล้ว ก็เป็นดั่งเพียงขนเส้นหนึ่งบนลำตัวม้าเท่านั้น สิ่งที่จักรพรรดิทั้งห้าสืบทอด สิ่งที่กษัตริย์ทั้งสามต่อสู้พิชิตมา สิ่งที่ผู้มีมนุสสธรรมเฝ้าวิตกห่วงใย สิ่งที่เหล่าปราชญ์เหนื่อยยากรับใช้มานั้น ทั้งหมดล้วนไม่มีสิ่งใดมากไปกว่านี้ ปั๋วอี๋สละบัลลังก์จึงได้ชื่อเสียงเกรียงไกร ขงจื่อเทศนาสั่งสอนเพื่อสร้างนามอุโฆษ แต่ความภาคภูมิในตัวเองด้วยอาการเยี่ยงนี้ จึงไม่ต่างไปจากท่านเมื่อครู่ที่หลงภาคภูมิในกระแสน้ำอันหลากไหลท่วมท้นของท่าน”

“ถ้าเช่นนั้น หากข้าตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ไพศาลของฟ้าและดิน ตระหนักถึงความบางเบาของปลายขน นี่จะใช้ได้หรือหาไม่?”

เทพแห่งลำน้ำพบเทพแห่งท้องทะเล“หามิได้” รั่วแห่งทะเลเหนือกล่าว “สรรพสิ่งนั้นมิอาจหยั่งวัด กาลเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ชะตากรรมนั้นแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดกาล การเริ่มต้นและการสิ้นสุดนั้นไร้กฎเกณฑ์ที่แน่นอน ดังนั้น ปรีชาญาณอันยิ่งใหญ่ย่อมหยั่งถึงทั้งใกล้ไกล ตระหนักถึงสิ่งเล็กว่าไม่ไร้ค่า ยอมรับสิ่งใหญ่ว่าไม่ใหญ่เกิน ด้วยหยั่งรู้ว่าการเปรียบเทียบหยั่งวัดสิ่งต่างๆนั้นไม่มีจุดสิ้นสุด มันเข้าใจแจ่มแจ้งทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดังนั้นจึงผ่านเวลาอันยาวนานโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายรำคาญ ผ่านเวลาอันแสนสั้นโดยไม่รู้สึกอาวรณ์ เนื่องจากมันรู้ว่ากาลเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง จึงอาจรับรู้ได้ถึงธรรมชาติแห่งความเต็มและความว่าง ดังนั้นจึงไม่ดีใจลิงโลดเมื่อได้รับบางสิ่ง ทั้งไม่ทุกข์ร้อนหากต้องสูญเสียมันไป เพราะรู้ว่าชะตากรรมนั้นแปรเปลี่ยนไร้ความแน่นอน มันเข้าใจถึงหนทางอันราบเรียบ ดังนั้น จึงไม่หลงดีใจต่อชีวิต ทั้งไม่ถือความตายเป็นหายนะ เพราะรู้ว่าการเริ่มต้นและสิ้นสุดนั้นไร้กฎเกณฑ์ที่แน่นอน"

แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)
//www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000024387
7305
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.172.83 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:09:02 น.  

 
 
 
Harlem Shake เมื่อโลกเสพติดพฤติกรรมเอาอย่าง *.*

ใครบางคนตั้งข้อสังเกตไว้ในเฟซบุ๊คของเขา

2011 - Planking
2012 - Gangnam Style
2013 - Harlem Shake

จาก "แพลงกิง" หรือ "ท่าหน้าคว่ำนอนตาย" ที่เคยฮือฮาเมื่อ 2 ปีก่อน มาจนถึงพลังของ "ยูทู้บ" ที่เป็นปัจจัยหลักในความสำเร็จของเพลง "กังนัม สไตล์" ซึ่งในที่สุด ไต่ขึ้นถึงจุดสูงสุดของอันดับเพลงทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ และเหนืออื่นใด คือการสร้างสถิติของวิดีโอออนไลน์เพลงนี้ ที่มีผู้ชมถึง 1 พันล้านวิวเป็นครั้งแรกของโลก
ฝุ่นควันท่าเต้นแบบควบม้าของ "ไซ" หนุ่มเกาหลีเจ้าของเพลง "กังนัม สไตล์" เมื่อปีกลาย ยังไม่ทันจางหาย ล่าสุด ชื่อของ "ฮาร์เล็ม เชค" กำลังมาแทนที่ ในฐานะ "ทอล์ค ออฟ เดอะ โกลบอล ทาวน์" โดยมี "ยูทู้บ" เป็นพื้นที่สำหรับการแสดงตัวตนทางอินเตอร์เน็ต

เด็กวัยรุ่นจากควีนสแลนด์กลุ่มนั้น เรียกตัวเองว่า เดอะ ซันนี โคสต์ สเกท (The Sunny Coast Skate - TSCS) เขาใช้แค่เพียง 30 กว่าวินาที จากบางส่วนของ Harlem Shake บทเพลงในสไตล์ฮิพฮ็อพผสมเบสไลน์หนักๆ ของ บาวเออร์ (DJ Baauer) ดีเจแห่งบรู้คลิน นิวยอร์ก ซิตี ที่อัพโหลดเพลงนี้ขึ้นในโลกออนไลน์เมื่อกลางปีที่แล้ว จากนั้น ไม่มีใครคาดหมายได้ล่วงหน้าว่า ด้วยพลังของท่าเต้นที่สนุกๆ ขำๆ ในแบบหลุดโลก ของ TSCS กับเพลงฮิพฮ็อพในแบบเฉพาะตัว ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ "พฤติกรรมเอาอย่าง" หรือ "อุปาทานรวมหมู่" ที่บ้าคลั่งในเวลานี้
*.*
"สนุกดีนะ ผมยังไม่เห็นพิษภัยในหลักการ แต่ในรายละเอียดของแต่ละกลุ่มคนที่ทำ อาจจะมีเลยเถิดไปบ้าง เพราะการที่มาเต้นเป็นหมู่ อัดวีดีโอ แล้วมาลงยูทู้บ ต่างพยายามทำให้น่าพูดถึงเข้าไว้ หรือน่าส่งต่อ(แชร์)เข้าไว้ โดยบางทีอาจจะไม่สนถึงวิธีการ จนบางครั้ง คนแก่อย่างผมต้องอุทานว่า 'โอ้โห! ไม่เกินไปหน่อยหรือ' แต่วัยรุ่นคงอุทานว่า 'เจ๋งว่ะ' หรือ 'โหดสัส' " *.*

8872
*.*

- See more at: //www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20130301/492822/Harlem-Shake-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87.html#sthash.yuVYu5AC.dpuf
 
 

โดย: อิอิ IP: 115.87.121.42 วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:11:20:01 น.  

 
 
 
‘แก่นรักษาธรรม’ พระอธิการเฮนนิ่ง เกวลี *.*

มาฟังพระอธิการเฮนนิ่งเกวลี ชาวเยอรมัน เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี ในวัยไม่ถึง 40 ปี สิบกว่าพรรษากันดูว่า การที่ท่านพบแก่นธรรมคำสอนจากพระพุทธเจ้าที่แท้จริงทางภาคอีสานของประเทศไทยทำให้ท่านเปลี่ยนไปอย่างไร และพุทธศาสนาได้ช่วยเหลือผู้คนให้พบกับความสงบเย็นได้มากเพียงใด...
"อาตมาขอโอกาสพูดในฐานะที่เป็นผู้ใหม่ในศาสนา และในฐานะที่อยู่ร่วมกับลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อชา สุภัทโท แม้ไม่ได้เจอหลวงพ่อชา เพราะอาตมาบวชไม่ทันที่จะเจอท่าน แต่ครูบาอาจารย์ชาวต่างประเทศหลายรูปที่ได้บวชหลังจากที่พระราชสุเมธาจารย์ (หลวงพ่อสุเมโธ) ได้บุกเบิกทางแล้ว ก็ยังมีโอกาสอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติโดยตรง ยังมีโอกาสอุปัฏฐากท่านประมาณ 10 ปี อาตมามาทีหลัง ช่วงที่พระราชทานเพลิงศพเรียบร้อยแล้ว ยังถือว่า มีความโชคดีที่ได้เจอคำสั่งสอนของท่าน และได้เจอครูบาอาจารย์ลูกศิษย์ของท่าน ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ของอาตมา คือพระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม)เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน "
พระอธิการเฮนนิ่ง เกวลี ชาวเยอรมัน เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ในช่วงงานอาจาริยบูชาหลวงพ่อชา สุภัทโท 12-16 มกราคม 2556 ที่ผ่านมาท่ามกลางพระกว่าพันรูปซึ่งเป็นศิษยานุศิษย์หลวงพ่อชาที่เดินทางมาจากทั่วโลก และประชาชนเรือนหมื่นที่มาปักกลดกางเต็นท์ปฏิบัติบูชากันเต็มวัดในทุกพื้นที่
สิ่งสำคัญที่เราขออนุญาตนำมาแบ่งปันกับท่านผู้อ่านก็คือ เหตุใดชาวต่างชาติจึงหันมาสนใจในพุทธศาสนากันมากขึ้นจนกระทั่งวัดกว่า 300 สาขาสายหนองป่าพงทั่วโลกไม่เพียงพอต่อความต้องการบวชเรียนขอผู้คนที่แสวงหาทางพ้นทุกข์ด้วยวิธีนี้กัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้เตรียมบวชในต่างประเทศมากกว่าจำนวนวัดที่จะรองรับได้
- See more at: //www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20130303/492384/%E2%80%98%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E2%80%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B5.html#sthash.FmWjXcuv.dpuf

*.*
4465
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 115.87.121.42 วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:11:37:35 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝาก อิอิ

สงสัยว่า อิฉันสามารถจะตั้งกระทู้ชื่นชมศาสนาอิสลาม ในห้องนี้ได้ไหมเจ้าคะ ?

//pantip.com/topic/30198334/comment13

คราวนี้ ไม่ได้ รับประทานแบรนด์
แต่ จู่ ๆ ก็ไม่สามารถ ล็อกอิน เข้าไปโพสอะรัยได้
โดย ไม่มีการ ระบุสาเหตุ ใด ๆ ทั้งสิ้น ซะงั้น
ต้อง ถอย อวตารป้ายแดง อันใหม่ มาใช้ อีกแระ
สงสัย ทั่นด็อก มันตั้งใจจะ ชิงตำแหน่ง แช้มป์ อวตาร ล็อกอิน
ก๊ะ อินู๋สันโดษ ซะละมั้ง T ^ T


47 comments
Counter : 537 Pageviews.

9649


 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:18:06:04 น.  

 
 
 
what 's wrong? *.*

อิอิ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เล่นพรรคเล่นพวก มั้ง อิอิ


*.* “หากท่านตัวสั่นเทาเมื่อเห็นความอยุติธรรม ท่านคือเพื่อนของเรา...” *.* อันนี้ ช๊อบ ชอบ วาจาแหล่ม

ส่วนพี่บังจิม ก็ยังแหล่มเชานเคย อุอุ *.*
*.* พี่จิม ได้ยินชัดแจ๋ว รอจังหวะ ส้มหล่น และแล้วก็หล่นตุ้บ *.*
ลิงจ๋อ เจี็ยก ตั้งกระทู้ชื่นชมอิสลามได้ครับ แต่ต้อง อธิบายเหตุผลด้วย ถ้าไม่มีเหตุผลชมเฉยๆ ถือว่าไร้สาระ

เหมือนกับคนติ ติลอยๆ ไร้หลักการ ก็ไร้สาระเช่นกันครับ

ดังนั้นจะติ จะชม ต้องยืนบนพื้นฐาน ตรรก ไม่ใช่พื้นฐานของอารมณ์ นั่นเองครับ
ชมโดยไม่มี ตรรก ที่มาที่ไป เดว จะโดนข้อหา ยกหาง ซวยไปอีกนะ แม่ลิงจ๋อ เจี็ยกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หุหุ

สาวสวยหน้าใส ก็วาจาแหล่ม เช่นกันเนอะ
""" จะชมหรือจะติ ก็ตั้งเถอะค่ะแต่ขอให้ตั้งด้วยสติที่ปราศจากอคตินะคะ"""
*.*

ส่วนอันนี้ เห็นเว้วววว อิอ่อน มันได้แต่พูดว่า 555 แค่เนี้ย *.*
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ

8098
*.* 555
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.49.128 วันที่: 5 มีนาคม 2556 เวลา:8:38:45 น.  

 
 
 
หวนกงกับช่างทำล้อรถ
หวนกงอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ เปี่ยนนายช่างทำล้อรถอยู่ตรงลานข้างล่าง ละจากการทำล้อไม้ วางค้อนและสิ่ว เดินขึ้นมายังห้องอ่านหนังสือ เอ่ยถามหวนกงว่า “หนังสือที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ บันทึกถ้อยคำของผู้ใด?”

“ถ้อยคำของปราชญ์” หวนกงตอบ

“ปราชญ์เหล่านั้น ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

“ล้วนล่วงลับไปเนิ่นนานแล้ว” หวนกงตอบ

“ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่ท่านอ่านก็หามีสิ่งใดไม่ นอกจากเพียงกากเดนของผู้คนในอดีต”

“ช่างทำล้อรถอย่างเจ้ากล้ามาวิจารณ์สิ่งที่ข้ากำลังอ่านได้อย่างไร?” หวนกงถามขึ้น “หากเจ้าสามารถอธิบาย ก็เป็นการดี หาไม่ ชีวิตจะสิ้น”

ช่างทำล้อกล่าวขึ้น “ข้าแสดงความเห็นจากการทำงานของข้า เมื่อข้าสกัดวงล้อ หากแรงค้อนเบาเกินไป สิ่วก็จะลื่นไถลไม่กินเนื้อไม้ แต่ถ้าแรงเกินไป มันก็จะฝังเข้าไปติดแน่นจนไม่อาจขยับ ต้องไม่เบาเกินไปหรือแรงเกินไป ท่านสามารถควบคุมมันด้วยมือของท่าน และสามารถรู้สึกถึงมันได้ที่ใจของท่าน ท่านไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด ทั้งยังมีเคล็ดลับบางอย่างอยู่ด้วย ข้าไม่สามารถสอนสิ่งเหล่านี้แก่บุตรชาย และเขาก็ไม่สามารถเรียนรู้มันจากข้าได้ ดังนั้น ข้าจึงอยู่มาถึงเจ็ดสิบปี และขณะนี้ก็ยังคงทำล้อรถอยู่ เมื่อผู้คนในอดีตล่วงลับไป พวกเขาก็นำความรู้ติดไปด้วย โดยไม่อาจถ่ายทอดให้ผู้ใด ดังนั้นสิ่งที่ท่านอ่าน จึงหาใช่สิ่งใดอื่นนอกจากกากเดนของผู้คนในอดีต”

แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)

//www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000027702

6232
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.108.61 วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:13:38:28 น.  

 
 
 
คำสุดท้ายของเจ้าพ่อสิ่งเสพติด หน่อคำ "คิดถึงแม่" "อยากเห็นหน้าลูก" *.*

เอเยนซี-บ่ายวันนี้ (1 มี.ค. 56) สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีน ถ่ายทอดเทปสัมภาษณ์ก่อนรับโทษประหาร ของ นายหน่อคำ ราชายาเสพติดชาวพม่า นักโทษคดีฆาตกรรมลูกเรือจีน 13 ศพ กลางลำน้ำโขงเมื่อปี 2554 ตาแดงเป็นเลือด หวดเครารุงรังสองข้างแก้ม คือ สภาพก่อนก่อนลาโลกของเขา

นักข่าว : หลายวันมานี้นอนหลับดีมั๊ย ?

หน่อคำ : นอนไม่หลับ 2 คืนแล้ว (ตอบเป็นภาษาจีน)

นักข่าว : ประโยคภาษาจีนที่ว่า “นอนไม่หลับ 2 คืนแล้ว” เพิ่งเรียนมาใช่มั๊ย ?

หน่อคำ : คิดมาก นอนไม่หลับ

นักข่าว : คุณบอกว่า “คิดมาก” คิดมากเรื่องอะไร ?

หน่อคำ : คิดถึงแม่

นักข่าว : คุณคิดถึงคนในครอบครัว ?

หน่อคำ : อืม

คำอธิบายโดยสถานีโทรทัศน์ : คำหล้า ผู้ออกตัวว่าเป็นชาวพุทธ นอกจากจะสังหารโหดลูกเรือชาวจีนถึง 13 ศพแล้ว ยังลักพาตัวนักโทษประหารอีก 10 ราย มีผีที่เป็นเงาตามติดใจเขา คือ ยาเสพติด ที่เขานำเข้าสู่ชีวิตด้วยตัวเอง และลุ่มหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น

หน่อคำ : ผมเคยเสพแค่กัญชา ซูโดอีเฟดรีน แล้วก็ยาบ้า

นักข่าว : คุณรู้ว่าซูโดอีฟดรีนคือยาเสพติดมั๊ย ?

หน่อคำ : รู้สิ่ ผมเสพมา 5-6 ปีแล้ว

นักข่าว : การเสพยามีผลต่อคุณยังไง ?

หน่อคำ : เสพแล้วก็ไม่อยากพักผ่อน ไม่อยากนอน มีผลต่อสภาพจิตใจ

คำอธิบายโดยสถานีโทรทัศน์ : สำหรับประวัติการข้องแวะกับสิ่งเสพติด หน่อคำเลื่อนฐานะจากผู้ช่วยเจ้าพ่อสิ่งเสพติด มาเป็นเจ้าพ่อผู้คุมสมุนกว่า 100 คน ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง คือ สถานที่ๆ นำพาให้เขาร่ำรวย และนำพาเขาถึงจุดจบของชีวิตในที่สุด

นักข่าว : ดินดอนสามเหลี่ยม คือ สถานที่ๆ เต็มไปด้วยปืน ยาเสพติด ตอนนี้คุณมีความเห็นอย่างไรกับพื้นที่นี้ ?

หน่อคำ : ดินดอนสามเหลี่ยมไม่ดี คนค้าสิ่งเสพติดเยอะ พื้นที่แห่งนี้ทำให้คนดีเสียคนได้

นักข่าว : คนดีจะเสียคนได้ยังไง ?

หน่อคำ : พื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมนี้ คนติดสิ่งเสพติดเยอะ ทั้งยังอาละวาด คนดีไปถึงก็อดไม่ได้ที่จะหลงเข้าไปในวงการค้าสิ่งเสพติด พอค้าสิ่งเสพติดจนมีเงินก็เข้าบ่อนการพนัน พอเสียพนันก็ไปค้าสิ่งเสพติดเอามาเงินมาเล่นพนันต่อ ก็เลยเสียคน ผมหวังว่าลูกๆ จะไม่เหมือนผม หวังให้เขาตั้งใจเรียนหนังสือ มีงานทำที่ดี มีชีวิตที่ดีก็พอ อย่าให้เหมือนผม

นักข่าว : คุณรู้สึกว่าการที่ไม่ได้อยู่กับลูกเป็นเรื่องที่ทรมานใจอย่างสุดล้น ?

หน่อคำ : เป็นเรื่องที่ทรมานใจ ตอนโดนจับแม่ผมไม่รู้เรื่องเลย กลัวว่ารู้เรื่องแล้วจะรับไม่ได้

นักข่าว : มีรูปนึงผมต้องให้คุณดู คุณเห็นมั๊ยคนแก่ที่ร้องไห้อยู่เนียะ คุณรู้มั๊ยว่าเขาคือใคร ? คุณควรจะจินตนาการออกนะ คนแก่ที่กำลังร้องไห้อยู่ คือ คุณแม่ ท่านหนึ่ง

หน่อคำ : ผมไม่รู้

นักข่าว : ผมจะบอกให้ ท่าน คือ คุณแม่ของหนึ่งในเหยื่อที่ถูกคุณสังหาร

หน่อคำ : กลุ่มนี้ คือ ผู้เสียหายทั้ง 13 ราย ผมเคยเห็นในทีวี พอมาถึงศาลจีน ผมก็โอนเงินไปให้ญาติของพวกเขาแล้ว

นักข่าว : คุณเคยคิดบ้างมั๊ย ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกเขาอีกตลอดไป เธอจะทุกข์ใจปานใด

หน่อคำ : ความทุกข์ของพวกเธอก็เหมือนกับผมในตอนนี้ ผมก็มีลูก ผมก็อยากเลี้ยงดูพวกเขา ส่งเสียให้พวกเขาได้เรียนหนังสือ แก่ตัวไปมีโอกาสได้อยู่กับลูกๆ ผมก็อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากตาย เพราะผมมีลูก ยังเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวอยู่

คำอธิบายโดยสถานีโทรทัศน์ : ตั้งแต่ต้นจนจบหน่อคำยังคงคิดว่าโทษทุกสถานสามารถใช้เงินล้างผิดได้ รวมถึงการสังหารชีวิตผู้อื่น ครั้นพอได้ยินคำพิพากษาครั้งสุดท้าย เขาถึงพบว่า ‘กฎหมาย’ ของจีนกับ ‘กฎหมู่’ ของดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน วันนี้ (1 มี.ค 56) คือ วันที่หน่อคำต้องพบกับความตาย และเป็นวันสุดท้ายของการรับโทษ ที่แท้ค้ายาเสพติดก็คือ การพนันด้วยชีวิต ซึ่งคดีฉกรรจ์แม่น้ำโขงนี้ คือ สัญญาที่เขาเซ็นกำกับวันตายของเขาเอง

//www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000025982

9961
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.122.108.61 วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:13:46:19 น.  

 
 
 
หาไม่เจอ มาช้า ดีค่ะ สบายดีนะ

พี่ๆ คะ คำว่า วาสนา ของพวกพี่ พวกพี่ให้ความหมายว่ายังไงบ้าง

สำหรับ หลบนะ วาสนามันคือ หายนะ ใครที่มีวาสนาด้วยมาเจอ มีพบ และก็มีจาก มันใช่วาสนาจริงๆ เหรอ
หรือว่า วาสนาคือที่เราได้เห็นมันก่อน อย่างนี้นะเหรอ 1281
 
 

โดย: หลบ IP: 58.181.134.142 วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:15:07:38 น.  

 
 
 
หวัดดีจ้า นู๋หลบ
พี่ขวัญ สบายดีทั้งครอบครัวจ้า ^.^ ประสาอดัมแฟมิลี่ หุหุ
มีตุ๊บตั๊บ ล้งเล้ง กันไปตามประสาชาวโลก อะจะ - -"

เรื่องวาสนา ในความคิดของพี่ขวัญ มันก็เป็นวิบากกรรมแบบหนึ่ง ง่ะ

วาสนาดี ก็มาจากวิบากกรรมดี
วาสนาไม่ดี ก็มาจากวิบากกรรมไม่ดี

ทีนี้เรื่องในอดีต การได้มีวาสนาผูกกรรมไว้กับใคร
ในวันที่เราชอบใจยินดีเขาแล้วได้สมหวัง เราก็บอกว่าเรามีวาสนาดี
แต่วันที่เราไม่รู้สึกพอใจยินดีเขา เราก็บอกว่าวาสนานั้นเริ่มไม่ดีแระ
ทุกอย่างมันก็มาจากเรายินดี ไม่ยินดี ในวาสนานั้นๆ
วาสนามันเป็นเรื่องกลางๆ อยู่ที่เราจะให้ค่ามันอย่างไร
ถ้าเราพอใจเราก็ว่ามันดี
ถ้าเราไม่พอใจเราก็ว่ามันไม่ดี
แต่ทั้งวาสนาทั้งดีและไม่ดีในใจเรามันก็มาจากกรรม
ที่เราสร้างสมมาทั้งนั้น วิบากทั้งหลายก็ตกแก่เรา
พระท่านถึงสอนว่า สุขและทุกข์ใดๆในโลกก็คือทุกข์ในทางธรรม
ถ้าถึงนิพพานแล้วกรรมนั้นก็เป็นอโหสิกรรมทั้งหมด
ถ้ายังไม่ถึงนิพพาน ก็ยังต้องรับผลของวิบากหนีไม่รอด
ดังนั้นถ้าเบื่อสุขและทุกข์ในโลกแล้ว ก็หมั่นทำกรรม
ที่ส่งผลให้เราไปถึงนิพพานได้ ก็พ้นจากกรรมเหล่านี้
ไปได้เอง ไปแบบสง่าผ่าเผย กล้าหาญที่จะเผชิญกรรม
ทั้งดีและชั่ว ปล่อยวางความยินดีไม่ยินดี พอใจไม่พอใจ
ลงเสียได้ ก็จะพ้นเคราะห์กรรมไปได้แบบอัตโนมัติ
พี่ขวัญก็จำตำรามาพูดน่ะ ก็พยายามทำกรรมที่คิดว่าเป็น
หนทางพ้นจากบ่วงกรรม อย่างปฏิบัติภาวนา ถือศีล
ฟังธรรม ฝึกภาวนาสติปัฏฐาน ดูตัวอย่างทำตามผู้ที่
ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทำกุศล ละอกุศล ไปเนืองๆ ซักวัน
เราคงจะประสบความสำเร็จได้ตามพระมหาบุรุษอย่าง
พระพุทธเจ้า และพระสาวกอย่างพระภิกษุ พระภิกษุณี
อุบากสก อุบาสิกา นักปราชญ์ราชบัณฑิต ผู้รู้ทั้งหลาย
ในวันหนึ่งข้างหน้า นะจ๊ะ

ท้อได้ แต่อย่าเลิกความตั้งใจ
ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง
อันไหนไม่ดี เราก็อโหสิกรรมให้เขาไป จะได้ไม่ติดค้างกันไป
อันไหนดี เราก็สานกรรมนั้นๆต่อไป

พี่ขวัญก็ยังลุ่มๆดอนๆ ไปตามประสาน่ะ
แต่เกาะพระไปก่อน เอาสัมมาทิฏฐิเป็นเบื้องต้น
เช่นศีล5 ทำกรรมที่ช่วยให้เรามีปัญญา มีสติ ช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์เป็นคราวๆไปก่อน
อย่าทำกรรมที่จะทำให้ตัวเองเกิดหน้ามืดบ่อยๆ
ให้ทำกรรมที่ช่วยตัวเองให้พ้นจากอาการหน้ามืดให้บ่อยๆ
จนเป็นความเคยชิน อนาคตก็จะดีไปเองนะ
ทำกรรมอะไรก็ต้องหมั่นรู้ตัว มีตัวรู้กำกับให้ได้บ่อยๆเนืองๆ
ให้ฝึกรู้ตัวจนติดเป็นนิสัย ทำสมาธิก็รู้ตัว ทำกรรมดีก็รู้ตัว
ทำกรรมชั่วก็รู้ตัว ทำอะไรก็ให้รู้ตัว นะ

อยากได้วิบากกรรมแบบไหน ก็ทำกรรมที่เป็นเหตุปัจจัยให้ได้ผลวิบากแบบนั้น
อย่างไรเสีย ต้องได้ผลตามประสงค์ในวันหนึ่งข้างหน้าแน่นอน

1485
*.*

 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.249.202 วันที่: 7 มีนาคม 2556 เวลา:9:41:41 น.  

 
 
 
อืม...เรื่องวาสนาบนฝ่ามือ นั้น
คิดคล้าย ๆ อิเจ้รองสันขวาน อ่ะจร้าาาาา ^ 0 ^

อ่ะ เอามาฝาก อิอิ

ท่านมีความเชื่อในเรื่อง นรก-สวรรค์-การเวียนว่ายตายเกิด-ชาตินี้-ชาติหน้า หรือไม่ ? เพราะเหตุใด ?

//pantip.com/topic/30221587



53 comments
Counter : 551 Pageviews.
9345
 
 

โดย: อิพริ้ง...คนมีแบรนด์....โฮ่....โฮ่.... IP: 110.77.138.136 วันที่: 7 มีนาคม 2556 เวลา:22:58:19 น.  

 
 
 
วาสนา คือ ชตากรรม
เพราะดีนะ ขอบคุรค่ะ 8330
 
 

โดย: หลบภัย IP: 58.181.134.142 วันที่: 8 มีนาคม 2556 เวลา:12:48:05 น.  

 
 
 
8838
*.* เลขจ๋วย *.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.26.210 วันที่: 12 มีนาคม 2556 เวลา:8:56:06 น.  

 
 
 
คาร์ดินัลจากอาร์เจนตินาได้รับเลือกเป็นโป๊บองค์ใหม่ *.*

เอเจนซี - คาร์ดินัลจอร์จ มาริโอ เบอร์โกกลิโอ แห่งอาร์เจนตินา ได้รับเลือกดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จประสันตะปะปาองค์ใหม่อย่างพลิกความคาดหมาย จากถ้อยแถลงต่อสาธารณชนของราชาคณะในวันพุธ(13) โดยทรงกลายเป็นคาร์ดิลจากละตินอเมริกาองค์แรกที่ก้าวสู่ประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิกและจะทรงใช้พระนามว่า "โป๊บฟรานซิส"

โป๊บฟรานซิส พระชนมายุ 76 พรรษา เป็นประมุของค์ที่ 266 ในประวัติศาสตร์กว่า 2,000 ปีของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก (มีผู้เลื่อมใสศรัทธาอยู่ทั่วโลก 1,200 ล้านคน) ในช่วงที่กำลังเผชิญกับวิกฤตและความยุ่งยากใหญ่หลวง โดยแม้ว่าพระองค์ทรงมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม แต่ก็ถูกมองในฐานะนักปฏิรูปและได้รับเลือกทั้งที่ไม่ได้อยู่ในกล่มตัวเต็งก่อนการประชุมลับ

ประชาชนหลายพันคนยังปักหลักเฝ้ารอผลท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก แปรเปลี่ยนบริเวณจตุรัสเป็นทะเลแห่งร่ม และบรรยากาศก็เบิกบานขึ้นหลังจากพบเห็นควันสีขาวลอยขึ้นจากปล่องเหนือวิหารน้อยซิสทีน บางส่วนส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ บ้างก็มุ่งตรงไปยังมหาวิหาร หลังเสียงระฆังของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งนี้ก่อนหน้าที่โป๊บองค์ใหม่จะปรากฎตัว วงดนตรีของกองทัพอิตาลีและกองกำลังคุ้มกันพระสันตะปาปาก็มีการเดินขบวนหน้ามหาวิหารด้วย

ในการปรากฏพระองค์ครั้งแรกที่ระเบียงของมหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิสที่ 1 ได้กล่าวให้ทุกคนร่วมกันสวดภาวนาให้กับสมเด็จพระสันตะปาปาเกียรติคุณ เบเนดิกต์ที่ 16 และขอให้มีความเป็นพี่น้องกันภายในคริสตจักรด้วย

*.*
//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000031277

7348

 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.244.64 วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:9:09:46 น.  

 
 
 
ขงจื่อไปพบเหล่าตัน *.*
ขงจื่อไปหาเหล่าตัน พูดคุยถึงมนุสสธรรมและครรลองธรรม เหล่าตันเอ่ยขึ้นว่า “เศษฟางจากการฝัดข้าวได้บดบังนัยน์ตาของท่าน กระทั่งฟ้าดินและทิศทางทั้งสี่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งแห่งที่ ยามเมื่อถูกมดแมลงเหลือบริ้นกัด ท่านก็ไม่อาจหลับนอนได้ทั้งค่ำคืน ยามเมื่อมนุสธรรมและครรลองธรรมมาก่อกวนจิตใจ ความปั่นป่วนสับสนย่อมมากมายสุดประมาณ หากท่านต้องการปกป้องโลกมิให้สูญเสียความเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ ก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างอิสระดั่งสายลม สถิตมั่นอยู่ในคุณธรรมที่แท้ ไยจึงต้องทุ่มเทเรี่ยวแรงมากมายปานนั้น ไม่ผิดอะไรกับการแบกกลองใหญ่เที่ยวตีป่าวร้องตามหาบุตรชายที่สูญหายไป ห่านขาวไม่ต้องอาบน้ำทุกวันเพื่อรักษาความขาว อีกามิต้องลงหมึกทุกวันเพื่อรักษาความดำ สีดำสีขาวในความเรียบง่ายเป็นธรรมชาตินั้นไม่เปิดโอกาสให้ถกเถียงโต้แย้ง ชื่อเสียงและเกียรติภูมิอันโด่งดังนั้นไม่เปิดโอกาสให้ริษยา เมื่อตาน้ำเหือดแห้ง ทิ้งปลาให้นอนกลิ้งเกลือกบนพื้นดิน พวกมันพยายามขยับตัวเข้าเบียดกัน คายเมือกแบ่งปันความชื้นแก่กัน แต่ไม่เป็นการดีกว่าหรือ ที่พวกมันจะหลงลืมกันและแหวกว่ายไปในท้องธาร”

เมื่อขงจื่อกลับจากเยี่ยมคารวะเหล่าตัน ก็เงียบงันอยู่เป็นเวลาสามวัน กระทั่งศิษย์ถามว่า “อาจารย์ ท่านได้พบกับเหล่าตันแล้ว ท่านคิดว่าเขาเป็นคนเยี่ยงไร?”

ขงจื่อตอบว่า “ในที่สุดข้าได้เห็นมังกรแล้ว มังกรที่เผยร่างออกมาอย่างสง่างามยิ่ง โผนทะยานเหยียดกายอวดลวดลายวิจิตรงดงามยิ่ง ควบขี่พลังปราณเมฆา ยังชีพด้วยพลังอินและหยัง ปากของข้าอ้าค้างและไม่อาจหุบลงได้ ลิ้นของข้ากระดกขึ้นแต่ก็ไม่อาจหลุดถ้อยคำใดออกมา ข้าจะสามารถหยั่งวัดเหล่าตันได้อย่างไร”

แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)

//www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000030772

3450
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.244.64 วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:9:32:46 น.  

 
 
 
ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ *.*

เมื่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับสนองพระบรมราชโองการเป็นนายกรัฐมนตรี ดิฉันเขียนบทความจากใจ ขอบคุณ ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยาคุณอภิสิทธิ์ ที่เสียสละสามีให้คนไทยทั้งประเทศ ครั้งนั้น คุณอภิสิทธิ์เข้ามารับตำแหน่งในห้วงเวลาที่แสนยากลำบาก ไม่เคยคาดคิดเลยว่า จะมีวันที่ท่านเปิดใจกับคนไทยทั้งประเทศในการปราศรัยที่เวทีสี่แยกราชประสงค์คืนวานนี้ว่า วันที่สูญเสียชีวติพี่น้องประชาชน 10 เมษายน 2553 "เป็นวันที่ผมเป็นทุกข์มากที่สุดในชีวิตการเมือง" และวันนั้นคุณอภิสิทธิ์ซึ่งไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์ให้ใครได้เห็น ต้อง"ร้องไห้อยู่นานมาก"

ดิฉันจำ 2 วันคืนที่ท่านนายกฯหายหน้าไปจากสื่อทุกแขนงได้ ดิฉันรู้สึกกังวลใจว่า ท่านนายกฯคิดอะไรอยู่ เป็นอย่างไรบ้าง จะตัดสินใจอย่างไรต่อไปกับปัญหาที่หนักหน่วงของประเทศที่ก่อขึ้นโดยคนไทยด้วยกันเอง แอบคิดกลัวว่าท่านนายกฯจะถอดใจมั้ยนะ เพิ่งทราบคืนวานนี้ว่า...คุณอภิสิทธิ์ คิดไม่ตกผลึก...ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่มีคนหนึ่งที่ให้สติ คือ "ภรรยาของผม"

"ถ้ามั่นใจว่าเราไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ไม่ได้สร้างเงื่อนไขของปัญหา จงแบกรับปัญหานั้น แล้วพยายามแก้ไข อย่าหนี ทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปให้ได้" คุณพิมพ์เพ็ญ เข้มแข็งกว่าที่ดิฉันคิดมากเลยค่ะ ตอนนั้นแม้แต่ชีวิตของคุณอภิสิทธิ์เองยังแทบเอาตัวไม่รอด คนที่เคยต้องกลับมานอนบ้านทุกคืน แต่ต้องไปนอนหลบที่ค่ายทหาร ต้องไปอยู่ในเซฟเฮ้าส์ ครอบครัวจะเป็นห่วงปานใดหนอ

นายกฯอภิสิทธิ์กล่าวว่า..."ไม่ว่าจะตัดสินใจไปทางใดชีวิตของผมไม่มีวันเหมือนเดิม ผมอาสาเข้ามาทำงาน แต่เขาไม่ได้อาสาเข้ามาด้วย ชิวิตของเขาและลูกๆของเราก็จะไม่มีวันเหมือนเดิม เพราะเราผูกติดด้วยกัน"...

และ...คุณอภิสิทธิ์ก็นำประเทศไทยพ้นภาวะวิกฤตที่ถาโถมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่ามาได้ ทำงานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะอุปสรรคมากมายเหลือเกิน ทั้งปัญหาภายในประเทศ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ปัญหาวิกฤตพลังงาน ปัญหาภูมิอากาศ ปัญหาข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน แม้เดินแต่ละก้าวถูกขัดขาตลอดเวลา ด้วยภาวะผู้นำที่คุณอภิสิทธิ์ได้พิสูจน์แล้วว่าท่านนำพาประเทศผ่านมาได้และสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศคนนี้เป็นกำลังใจสำคัญ

ตลอดเวลา 2 ปีกว่าในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของคุณอภิสิทธิ์ เราไม่ค่อยได้เห็นคุณพิมพ์เพ็ญเป็นข่าวทางสื่อเท่าไหร่นัก ยิ่งข่าวสังคมไฮโซล่ะไม่เลย ไปไหนไม่ต้องมีคนล้อมหน้าล้อมหลังคอยเอาอกเอาใจ ไม่มีนักการเมืองคนใดเดินเข้าออกหลังบ้านคุณอภิสิทธิ์เพื่อขอตำแหน่งแลกอะไรยังไง เราเห็นเธอบ้างเมื่อมีงานสำคัญเช่นเคียงคู่คุณอภิสิทธิ์รับแขกเหรือสำคัญของประเทศ การวางตัวในฐานะภริยานายกรัฐมนตรีของประเทศไทย...เหมาะสม งดงาม น่าชื่นชม

ที่มา //www.oknation.net/blog/print.php?id=724044

2506
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.244.64 วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:10:11:24 น.  

 
 
 
บางคำให้สัมภาษณ์ของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะใน " Question Mark " ปี 50

มีสักครั้งไหมที่คนในครอบครัวยื่นคำขาดให้คุณว่า เลิกเล่นการเมืองเถอะ
"ภรรยาผมเขารู้ตั้งแต่แรกที่คบกันแล้ว ว่าผมอยากทำงานนี้ แต่ก็ธรรมดานะ มีหลายครั้งที่เขามีความรู้สึกว่า ผมจะทำไปทำไม เพราะหลายอย่างมันไม่ดีขึ้น ความตั้งใจของผมไม่เห็นทำให้อะไรที่แย่ๆมันดีขึ้นได้เลย เขาก็จะมีพูดบ้าง ผมก็จะพูดกับเขาว่า ผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ตลอดไปหรอก ความมีไฟของผมมันมีช่วงเวลาที่จำกัดอยู่ เพียงแต่เวลานี้มาอยู่ตรงนี้แล้วนี่ ก็ต้องทำไป และอะไรที่ผมตั้งใจว่าจะทำ ผมก็อยากทำให้มันสำเร็จโดยเร็ว ทำให้มันเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นานจากนี้ เพราะผมไม่ได้ยึดติดว่าจะอยู่ตรงนี้ตลอดไป ความอดทนของผมไม่ได้สูงขนาดนักการเมืองหลายๆท่านที่ทำงานตรงนี้ได้ยาวนาน ที่สุดแล้วภรรยาผมเขาก็คงเห็นตรงนี้"
คือเอาเข้าจริงแล้ว ลูกๆและภรรยา ไม่ค่อยอยากให้คุณเป็นนักการเมืองสักเท่าไหร่

"โห...มีกี่คนที่อยากครับ ผมว่ามันไม่ค่อยมีหรอก แต่เขาก็ส่งเสริมความตั้งใจดีของเรานะ คอยให้กำลังใจ อันที่จริงภรรยาผมเป็นคนที่ติดตามข่าวทางการเมือง เขาก็จะคอยให้ข้อคิด ให้คำวิจารณ์อยู่ตลอด"

และคำให้สัมภาษณ์ของภริยานายกรัฐมนตรี ในวันรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

"ในส่วนของการทำงานเขาไม่ค่อยบ่นให้ฟัง คงเป็นเพราะเขาสนุกกับงานตรงนี้และเขาชอบอยู่แล้ว แต่เราต้องช่วยให้กำลังใจเขา คือพยายามไม่ไห้เขาท้อถอย แต่ปกติเขาก็ไม่ท้อถอย คือไม่ว่าจะมีข่าวอะไรมาเขาจะเฉย เขาสู้ตลอด เราก็เลยรู้สึกไม่ค่อยลำบากใจ เราก็ไปช่วยเขาบ้างแล้วแต่กรณี ณ ตอนนี้รู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเขา แต่ยอมรับว่าหนักใจ เพราะประเทศไทยมีปัญหายากลำบากในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวจะทำหน้าที่ให้กำลังใจและให้คำปรึกษา ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาให้กับครอบครัวนัอยลงก็ไม่เป็นไร และจะให้กำลังใจในการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีเคล็ดลับดูแลนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษ นอกจากกำลังใจ"

ที่มา อินเตอร์เน็ต

6284
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.244.64 วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:10:17:40 น.  

 
 
 
รู้จักชีวิตเรียบง่ายของ "โป๊ปฟรานซิส" สันตะปาปาผู้สมถะ *.*
เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส นอกจากจะทรงเป็นพระคาร์ดินัลจากละตินอเมริการูปแรกที่ก้าวสู่ตำแหน่งประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิก และเป็นโป๊ปจากคณะเยซูอิตพระองค์แรกในประวัติศาสตร์แล้ว การใช้ชีวิตอย่างสมถะของพระองค์ก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สาธุชนชาวคริสต์ล้วนชื่นชม

“ดูเหมือนพี่น้องพระคาร์ดินัลของข้าพเจ้าจะต้องค้นหาไปไกลจนเกือบสุดขอบโลกทีเดียว (กว่าจะได้พระสันตะปาปา)” พระองค์ตรัสต่อสาธารณชนที่มาชุมนุม ณ จตุรัสเซนต์ปีเตอร์ และนับเป็นมุกตลกที่ดูแย้งกับภาพลักษณ์ของพระองค์ผู้เคยได้ชื่อว่าเป็นพระคาร์ดินัลที่ไม่ยิ้มเลย

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเป็นชาวอาร์เจนตินา สมณศักดิ์เดิมของพระองค์คือ พระคาร์ดินัล จอร์เก มาริโอ แบร์โกกลิโอ แห่งบัวโนสไอเรส

การสืบทอดตำแหน่งประมุขคริสตจักรต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16ของพระองค์นั้นนับว่าผิดความคาดหมายของบรรดาผู้สันทัดกรณีที่ไม่เคยมองพระองค์เป็นตัวเต็งมาก่อน และด้วยพระชนมายุ 76 พรรษา หรืออ่อนกว่าสันตะปาปาพระองค์เดิมเพียง 2 ปี ก็ยิ่งสร้างความประหลาดใจต่อผู้ที่คาดหมายว่า โป๊ปพระองค์ที่ 266 น่าจะเป็นคนหนุ่มแน่นมากกว่า

อย่างไรก็ดี สันตะปาปาฟรานซิสก็ทรงมีคุณลักษณะเด่นเป็นที่พึงพอใจของฝ่ายอนุรักษ์นิยมและกลุ่มนักปฏิรูปในคริสตจักร ด้วยทรงเคร่งครัดต่อปัญหาการละเมิดทางเพศ แต่ขณะเดียวกันก็ทรงมีแนวคิดเสรีในเรื่องความยุติธรรมทางสังคม (social justice)

ชีวิตสมถะ

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ปี 1936 ที่กรุงบัวโนสไอเรส โดยบิดามารดามีเชื้อสายอิตาลี

ประวัติอย่างเป็นทางการของพระองค์ตามฐานข้อมูลของสำนักวาติกัน ระบุว่า ทรงเป็นนักบวชในคณะแห่งพระเยซูเจ้า (เยซูอิต) ตั้งแต่ปี 1969 ก่อนจะทรงศึกษาเล่าเรียนต่อทั้งในอาร์เจนตินาและเยอรมนี

อดีตพระคาร์ดินัล แบร์โกกลิโอ ทรงมีสมณศักดิ์เป็นบิชอปเมื่อปี 1992 และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระคาร์ดินัลแห่งบัวโนสไอเรสในปี 1998 และในการประชุมลับเพื่อคัดเลือกสันตะปาปา (คอนเคลฟ) เมื่อปี 2005 ก็ทรงเป็นหนึ่งในพระคาร์ดินัลตัวเต็งด้วย

การขึ้นสู่ตำแหน่งพระสันตะปาปาของพระองค์สร้างความประหลาดใจไม่น้อยต่อชาวอาร์เจนตินาเอง ซึ่งหลายคนคิดว่า พระองค์อาจทรงถูกมองข้ามไปเนื่องจากทรงมีพระชนมายุมากแล้ว แต่ไม่ช้าความประหลาดใจก็กลับกลายเป็นเสียงโห่ร้องแสดงความชื่นชมยินดีในบ้านเกิดของพระองค์เอง

เมื่อยังทรงเป็นพระคาร์ดินัลแห่งบัวโนสไอเรส สมเด็จพระสันตะปาปามักทรงเทศนาย้ำเตือนเรื่องความรักสามัคคีในสังคม และบ่อยครั้งที่ทรงตำหนิรัฐบาลอาร์เจนตินาที่ไม่ให้ความสำคัญต่อกลุ่มคนชายขอบเท่าที่ควร

ฟรานเชสกา อัมโบรเก็ตติ หนึ่งในนักเขียนที่เรียบเรียงชีวประวัติของพระองค์ เผยว่า การใช้ชีวิตอย่างสมถะของพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ทรงเป็นที่ยกย่องชื่นชม

“ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุมและเคร่งครัด... พระองค์ทรงเคยโดยสารรถไฟใต้ดิน รถประจำทาง เหมือนปุถุชนทั่วไป และเมื่อจะเสด็จฯไปกรุงโรมก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด”

ที่พำนักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรสเป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ภายในเขตปกครองของอาร์คบิชอปซึ่งอยู่ถัดจากโบสถ์

เอริค คามารา นักวิเคราะห์ด้านละตินอเมริกาประจำสำนักข่าวบีบีซี ระบุว่า เมื่อเสด็จฯมายังกรุงโรม พระองค์มักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดำธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดงและเสื้อกั๊กสีม่วงตามศักดิ์และสิทธิ์ของพระคาร์ดินัล และว่ากันว่า แม้แต่เสื้อกั๊กสีม่วงของพระองค์ก็ทรงรับต่อมาจากพระคาร์ดินัลแห่งบัวโนสไอเรสองค์ก่อนด้วย

อัมโบรเก็ตติ ชี้ว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงเป็น “พลังแห่งความสมดุล” แก่คริสตจักรโรมันคาทอลิก ด้วยทรงมีความเชื่อว่า คริสตจักรควรมีบทบาทในการเผยแผ่ศาสนา เข้าถึงประชาชน และมีความกระตือรือร้น ควรเป็นศาสนจักรที่ส่งเสริมและทำให้การศรัทธาเป็นเรื่องง่าย มากกว่าจะมุ่งกำหนดกฎเกณฑ์เท่านั้น

//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000031335

2646
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.244.64 วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:12:50:21 น.  

 
 
 
10 สุดยอดการพยากรณ์อนาคตที่คุณไม่รู้จัก - My.iD - Dek-D.com

//writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=486572&chapter=320

2409
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.244.64 วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:13:27:30 น.  

 
 
 
เซนต์มาลาคีเป็นสังฆราชเมืองคอนเนอร์ในไอร์แลนด์ มรณภาพในปี 1148 ท่านได้รับพรสวรรค์ในการทำนาย ท่านถูกขอร้องจากเซ็นต์เบอร์นาร์ดให้ทำนายถึงพระสันตะปาปาในอนาคต ซึ่งท่านบอกพระราชสมัญญาถึง 111 พระองค์เป็นภาษาละตินสั้นๆ เพียง 2-3 คำเท่านั้น นับตั้งแต่โป๊ป อินโนเซนต์ที่ 2 (ปี 1130-1143) เป็นต้นมา ส่วนองค์สุดท้าย คือ องค์ที่ 112 ท่านบรรยายยืดยาว 3-4 บรรทัด พร้อมให้ "เอกลักษณ์" สั้นๆ ว่า "Petrus Romanus" หรือ "ปีเตอร์ชาวกรุงโรม" พ้องกับพระสันตะปาปาองค์แรก คือ เซนต์ปีเตอร์ ชาวกาลิลี ในประเทศปาเลสไตน์

คำบรรยายของเซนต์มาลาคีถึงโป๊ปองค์สุดท้าย คือ องค์ที่ 112 เป็นภาษาละติน ถอดความเป็นไทยว่า "ระหว่างการเบียดเบียนแสนสาหัสของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก "Petrus Romanus " จะเลี้ยงฝูงแกะของเขาในความทุกข์เข็ญนานาประการ หลังจากนั้นนครแห่ง 7 คีรี (โรม) จะถูกทำลายอย่างราบคาบและมหาตุลาการผู้เที่ยงธรรมจะพิพากษาประชากรของพระองค์ อาเมน"

ตามที่เซนต์มาลาคี (Malachy) ได้ทำนาย "เอกลักษณ์" ของโป๊ปตั้งแต่สมัยของท่านคือ ในปี 1139 จนถึงอวสานกาลจะมีโป๊ปทั้งสิ้น 112 องค์ โป๊ป เบเนดิกต์ที่ 16 นี้ ถือเป็นองค์ที่ 111 (รองสุดท้าย) มี "เอกลักษณ์" ว่า Gloria Olivae ชัยชนะของต้นมะกอก เนื่องจากโป๊ปองค์ปัจจุบันนี้ใช้พระนาม BENEDICTUS ซึ่งเป็นชื่อนักบุญที่ใช้ชีวิตในอาราม เลี้ยงชีพด้วยการปลูกต้นองุ่นเพื่อทำไวน์ และปลูกต้นมะกอกเพื่อทำน้ำมันมะกอก นักบวชเบเนดิกตินเป็นชาวไร่มะกอก หรือ Olivae ฉะนั้นโป๊ปที่ทรงพระนาม BENEDICTUS ก็เป็นชาวไร่มะกอก คือเกียรติหรือชัยชนะของชาวไร่มะกอก หรือ Gloria Olivae ตามที่ท่านมาลาคีได้ทำนายไว้ หรือ Olivae หมายถึงชาวยิวก็ได้ซึ่งน่าชื่นชมยินดียิ่งขึ้นว่า ในสมัยของโป๊ป เบเนดิกต์ ที่ 16 จะมีชาวยิวเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสต์คือ ชัยชนะของชาวยิวในบั้นปลายตามจดหมายของเซนต์พอลก็ได้ (โรมบทที่ 11 : 26)

//www.ryt9.com/s/tpd/1055740

3497
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.244.64 วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:13:31:17 น.  

 
 
 
ทั้งความกลัวและความโลภจะบิดเบือนมุมมองของเรา
ความกลัวทำให้เรามองไม่เห็นโอกาส
ความโลภทำให้เรามองไม่เห็นอันตราย
ความกลัวทำให้เรามองแต่เหตุการณ์เชิงลบ
ความโลภทำให้เรามองเห็นแต่โอกาสรวย – Roland Barach

จากคุณโต้คลื่น เว็บพี่พัน
2916
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.239.243 วันที่: 15 มีนาคม 2556 เวลา:9:46:08 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝากจร้าาาา ช่วงนี้เดินสายรับประทาน แบรนด์
อิ่มจนแทบอ้วก เยยยยยยยย เอิ๊ก ๆ ^ @ ^


อะไร คือ ดัชนีชี้วัด ว่า สิ่งใด คือ สัมมาทิฏฐิ....สิ่งใด คือ มิจฉาทิฏฐิ... ?

//pantip.com/topic/30246808



เหตุใด " การปฏิเสธในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า" ของ ท่านพุทธทาส
จึง จัดว่า เป็น มิจฉาทิฏฐิ ?

//www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg33045/topicseen.html#msg33045

64 comments
Counter : 584 Pageviews.

3357
 
 

โดย: ทายซิครายเอ่ย ? อิอิ IP: 110.77.138.136 วันที่: 15 มีนาคม 2556 เวลา:11:46:13 น.  

 
 
 
*.*
ตามไปดูกระทู้สัมมาทิฏฐิ เจองี้แทน ง่ะ

"กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก กระทู้นี้มีเนื้อหาที่เจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรือก่อให้เกิดความวุ่นวาย"

พี่พันนะพี่พัน ไม่น่าทำกันขนาดนี้เรย อะ
หยาบคายกะสาวๆอย่างแม่พริ้ง เกินไปแย้วนะ - -"

4081
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.52.36 วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:11:44:46 น.  

 
 
 
*.* แวะเอามาแจม *.*
ใครว่า"พุทธทาส"ปฏิเสธนรกสวรรค์ชาตินี้ชาติหน้า.???
เมื่อเอ่ยถึงท่านพุทธทาส แห่งสวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี
หลายๆ คนต้องรู้จัก เพราะท่านเป็นพระที่สอนการปฏิบัติธรรมแบบทางตรงไม่อ้อมค้อม จนบางครั้งมีผู้สงสัยว่า

ไม่เห็นท่านเอ่ยถึงนรก สวรรค์ ชาตินี้ ชาติหน้า

ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ของท่านหลายๆ คน เลยตัดสินว่าที่ท่านไม่พูดนั้นแสดงว่า ไม่มีจริง
เพราะท่านสอนแบบประโยชน์ในปัจจุบันจริงๆโดยเขาอ้างว่าตามพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าสอนพุทธธรรมกำมือเดียว
แต่ใบไม้ที่นอกกำมือมีอีกมาก จะปฏิเสธไปเลยทีเดียวไม่ได้
ตามการวิเคราะห์ของผู้เขียน
ผู้ที่เข้ามาสนใจในการปฏิบัติธรรม มีหลายจำพวก แยกได้คือ

๑.มาด้วยศรัทธา
๒.มาด้วยความทุกข์
๓.มาเพื่อสร้างปัญญา

พวกที่ศรัทธานั้นมีหลายประเภท
บางคนมาด้วยสนใจในอิทธิฤทธิ์ พวกพระเครื่อง ฯลฯ
โดยเริ่มจากวัตถุมงคลเป็นตัวชักนำ
พวกที่มาด้วยความทุกข์ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
เลยเข้ามาหาศาสนา
พวกที่ศรัทธาแท้ๆ นั้น เสมือนพวกเรียนอุดมศึกษา ระดับมหาวิทยาลัย
ท่านพุทธทาส ท่านจะสอนเน้นนักศึกษาระดับนี้ เป็นการสอนแบบเซน (สูญญตวาทะ)

บางครั้งการสอนเรื่องจิตว่างของท่านซึ่งใช้คำว่า "จงทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง"เป็นการทำงานเพื่องานทำบุญโดยไม่หวังอะไรซึ่งระดับจิตต้องพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง
เคยมีวิวาทะระหว่างท่านคึกฤทธิ์กับท่านพุทธทาสในเรื่องนี้มีหนังสือตีพิมพ์ออกมาเป็นการพูดกันคนละมุม

เมื่อมีเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จึงเกิดข้อสงสัยในพวกปฏิบัติธรรมว่าท่านพุทธทาส อาจเป็นพระประเภทสุขวิปัสสโกทำให้ไม่รู้เรื่องสวรรค์ นรก
แต่ในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าได้แบบปัญญาล้วนๆ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธในเรื่องเหล่านี้


ผู้ที่ปฏิบัติสายอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระและสายมโนมยิทธิของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและสายวัดปากน้ำ เกิดความคลางแคลงใจอย่างมาก
แต่ก็มีพระในสายนี้ออกมารับรองท่านพุทธทาสเช่น พระอาจารย์ชา สุภัทโท จ.อุบลราชธานีท่านจะรับรองการเทศน์ของท่านพุทธทาสเป็นอย่างมาก
หลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งอยู่จังหวัดลำปางพูดถึงท่านพุทธทาสให้ลูกศิษย์ฟังว่าท่านเป็นพระอนาคามี เป็นต้น

เมื่อมีคณะศิษย์ของหลวงปู่ดู่ได้เดินทางไปนมัสการท่านพุทธทาสโดยนำสังฆทานพร้อมพระพุทธรูปที่อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่
เพื่อนำไปถวาย พร้อมคำถามที่จะกราบเรียนถึงเรื่องลึกลับต่างๆ ว่าจะมีจริงหรือเป็นตามคำเล่าลือหรือไม่ว่าท่านไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้
ผู้คนไปนมัสการท่านมาก เป็นปกติของพระผู้ใหญ่ คณะที่ไปจัดแจงนำสังฆทานเข้าไปถวาย เมื่อเห็นว่าปลอดคน ท่านพุทธทาสรับสังฆทานเสร็จเรียบร้อย ท่านถามว่า "พระนำมาจากไหน"
เมื่อได้รับคำตอบจากคณะศิษย์ ท่านพูดขึ้นมาว่า
"เรื่องนี้ต้องคุยกันนาน ไว้ตอนกลางคืนมาคุยกันใหม่"
สรุปว่ายังไม่รู้คำตอบที่แท้จริง เพราะภายในวัดสวนโมกข์ไม่ค่อยมีการสร้างพระพุทธรูปและวัตถุมงคลต่างๆ
ตกกลางคืนตามที่ท่านนัดหมายเมื่อคณะศิษย์ของหลวงปู่เข้าไปกราบท่าน
ท่านจึงพูดขึ้นว่า
"เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า
จะปฏิเสธเรื่องของพระพุทธเจ้าไม่ได้
นรก สวรรค์นั้น ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นจริง
ชาตินี้ ชาติหน้า แม้แต่ยุคพระศรีอาริย์ก็มีจริง
แต่เราเล็งเห็นความหยาบของจิตในมนุษย์เหล่านี้
เราเลยไม่สอน สอนแต่บรมธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น"

คณะที่ไปกราบรับฟังและพร้อมกับขอขมาโทษในองค์ท่านเพราะทุกคนไม่คิดจะได้ฟังประโยคเหล่านี้ ทำให้หมดสงสัย

ซึ่งตรงกับที่หลวงปู่ดู่เคยพูดไว้เมื่อมีลูกศิษย์ของท่านกล่าวเชิงวิจารณ์ท่านพุทธทาสโดยท่านเตือนว่า

"อย่าไปประมาทท่าน ท่านก็มีดีของท่าน เราไม่รู้จริง เดี๋ยวเป็นบาปนะแก"
ที่มา : ร่มเงาพุทธฉัตร โดยอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์
*.* นู๋บี ช่วยแปะรูปนี้ให้ด้วยเด๊อ...สิเป็นพระคุณหลาย *.*
//www.gmwebsite.com/upload/phuttawong.net/webboard/2006-05-27-110914(2).jpg

จากเว็บ //www.gmwebsite.com/webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-090407092137386
3952
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.52.36 วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:12:50:10 น.  

 
 
 
*.* วิวาทะ ระหว่าง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ *.*

ตามไปอ่านเ๊ด๊อ...ที่ลิ้งตามนี้เนี๊อ
//www.dharma-gateway.com/ubasok/kukrit/kukrit-09-01.htm

_/\\_
5977
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.52.36 วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:13:24:48 น.  

 
 
 
*.*อ่านแล้วชอบใจตรงนี้ *.*
โดยทั่วไปในวงของพุทธบริษัท ถ้าถามว่าอะไรเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ส่วนมากตอบกันว่าพระโอวาทปาฏิโมกข์ คือสอนว่า อย่าทำชั่วทุกอย่าง จงทำความดีทุกอย่าง และทำจิตให้บริสุทธิ์สิ้นเชิง นี้เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา

บางคนก็ว่า คำของพระอัสชิที่ถูกจารึกในแผ่นอิฐทั้งในอินเดียและเมืองไทยมากที่สุด เช่นในนครปฐมนั้นว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือมีเรื่องอยู่ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าประกาศพระพุทธศาสนาใหม่ ๆ ผู้คนมาถามพระอัสชิว่าธรรมของพระสมณโคดมนี้ว่าอย่าง ไร พระอัสชิท่านก็ตอบว่า “สิ่งเหล่าใดเกิดมาเพราะมีเหตุทำให้เกิด พระตถาคตเจ้าแสดงเหตุของสิ่งเหล่านั้น พร้อมทั้งแสดงความดับสิ้นเชิงของสิ่งเหล่านั้นเพราะหมดเหตุ” บางคนก็บอกว่าอริยสัจจ์สี่ประการเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือเรื่องทุกข์ เรื่องเหตุของความทุกข์ สภาพที่ไม่มีความทุกข์เลย และวิธีปฏิบัติที่จะให้ถึงสภาพที่จะไม่มีทุกข์

ส่วนอาตมานั้นขอเอาพุทธภาษิตอันหนึ่ง คือเมื่อมีผู้ไปถามพระพุทธเจ้าว่า คำสอนทั้งหมดทั้งสิ้นสรุปให้เป็นประโยคสั้นๆ ประโยคเดียวจะได้หรือไม่ พระพุทธเจาท่านที่ว่าได้ กล่าวคือ “สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” นี่คือทั้งหมดของพระพุทธศาสนา ถ้าได้ยินข้อนี้ ก็คือได้ยินทั้งหมด ถ้าปฏิบัติข้อนี้ก็คือได้ปฏิบัติทั้งหมด ถ้าได้รับผลจากข้อนี้ก็คือได้รับผลทั้งหมด ที่นี้เราก็จะได้พิจารณาว่า หลักอันไหนควรจะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่ว่า อย่าทำชั่วให้ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์นั้น ก็ถูกเหมือนกัน แต่ยังมิได้บอกว่า การทำจิตให้บริสุทธิ์นั้นทำอย่างไร ส่วนคาถาพระอัสชิที่ว่า สิ่งใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตท่านชี้เหตุที่เป็นแดนเกิดของสิ่งเหล่านั้น นี่หมายถึงทุกข์ ทุกข์นี้ย่อมมีเหตุ แล้วความดับของมันก็มีอยู่ นี้ก็ยังไม่ปรากฏชัดว่าแสดงอย่างไร มันจึงเป็นเพียงแง่หนึ่งที่บอกว่าเราจะต้องถือเหตุผลกันแล้ว จะต้องดับที่เหตุผล ผลจึงจะดับได้ทำนองนี้

ส่วนเรื่องอริยสัจจ์นั้นต้องศึกษาถึงสี่เรื่อง แต่ละเรื่องก็กว้างขวาง อาตมาจึงไม่ชอบที่จะถือว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพราะว่าเรื่องมันมาก จึงติดใจอย่างยิ่งในพุทธภาษิตที่พระองค์ตรัสว่า “สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” อาตมาเห็นว่านี่แหละเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา โดยเหตุที่ว่า เมื่อเราพิจารณาอยู่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เท่านั้นมันก็พอแล้ว การไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็คือการไม่ไปสำคัญผิด ว่านั่นเป็นตัวเราหรือของเรา เมื่อไม่ยึดมั่นว่าอะไรเป็นตัวเราหรือของเราแล้ว อะไรๆ ก็จะมีหมดเองอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่า คือศีลจะมีเอง สมาธิจะมีเอง ปัญญาจะมีเอง ด้วยการไม่มีการยึดมั่นถือมั่น

คนเราขาดศีลเพราะไปยึดมั่นอะไรเข้า ไม่มีสมาธิก็เพราะไปยึดมั่นอะไรเข้า ไม่มีปัญญาโง่ที่สุดก็เพราะไปยึดมั่นถือมั่นอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงขอให้ทำแต่อย่างเดียว เรียนก็เรียนอย่างเดียว ปฏิบัติก็ปฏิบัติอย่างเดียว ได้ผลมาก็จากสิ่ง ๆ เดียวนี้ คือระวังจิตในขณะที่ได้ยินเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรสประจำวันอย่าให้กระแสจิตเป็นไปในทางยึดมั่นถือมั่น ว่าสิ่งใดเป็นตัวเราหรือของเรา แล้วจิตที่ไม่ยึดมั่นนี้จะเป็นจิตที่สมบูรณ์ด้วยปัญญาและสมบูรณ์ด้วยสติสัมปชัญญะ

ในขณะที่ “จิตว่าง” เท่านั้นแหละ คนเราจะมีสติปัญญา ในขณะที่จิตวุ่น เรามีแต่ตัณหาอุปาทาน เป็นของตรงกันข้ามเสมอ “จิตว่าง” ก็หมายถึงจิตไม่มีอุปาทาน ไม่มีความเห็นแก่ตัว แต่แจ่มใสเยือกเย็นอยู่ด้วยสติปัญญาและสติสัมปชัญญะ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “จิตว่าง” ตามหลักของพระพุทธศาสนา ฉะนั้นจึงถือว่า หัวใจข้อเดียวสั้น ๆ ของพระพุทธศาสนาก็คือ การทำจิตให้ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราหรือของเรา นี้คือข้อความที่พระพุทธองค์ท่านสรุปว่า เป็นคำสอนทั้งหมดของพระองค์ ซึ่งเราเรียกกันว่า หมดพระไตรปิฎก

ที่มา วิวาทะ ระหว่าง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ
_/\\_
6431
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.52.36 วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:13:31:32 น.  

 
 
 
ท่าคึกฤทธิ์กล่าวว่า *.*

ผมอยากกราบเรียนให้ท่านทราบว่า การสอนธรรมะให้แก่ชาวบ้านทุกวันนี้ อย่าเผลอนะครับ เขาแปลผิดเอาง่าย ๆ

ที่มา วิวาทะ ระหว่าง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ

_/\\_
5217
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.52.36 วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:13:39:45 น.  

 
 
 
วาทะท่านคึกฤทธิ์ *.*
พระไตรปิฎกก็เช่นเดียวกัน มันมีวิธีศึกษาหลายทาง แล้วแต่ว่าเราจะศึกษาพระไตรปิฎกในฐานะอะไร ถ้าศึกษาในฐานะเป็นวรรณคดี มันก็ติดได้ เพราะเหตุว่าพระไตรปิฎกเป็นหนังสือไพเราะจริง ๆ ในทางอรรถรสก็สูง ถ้าจะศึกษาในทางเหตุผล พระไตรปิฎกก็มีสาระมีเหตุผลมากมายเหลือเกิน ถ้าศึกษาในทางอักษรศาสตร์ก็เป็นภาษาโบราณที่น่าสนใจ พระไตรปิฎกก็เป็นเรื่องที่ทิ้งไม่ได้อีกนั่นแหละ จะลืมเสียเลยก็ไม่ได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เรารู้กันอยู่ทุกวันนี้ก็มาจากพระไตรปิฎก จริงอยู่พระไตรปิฎกอาจมีสิ่งที่ผิด แต่ข้อที่เราเห็นว่าถูกก็อยู่ในพระไตรปิฎกนั่นเอง แล้วใครจะเป็นคนชี้ว่าพระไตรปิฎกหน้าไหนถูกหน้าไหนผิด ถ้ารับก็ต้องรับทั้งเล่ม ถ้าไม่รับก็ไม่รับเลย แต่ถ้าไม่รับเลยของดีที่มีอยู่ในนั้นเราก็จะไม่ได้รับ กระผมถืออย่างนี้

ที่มา วิวาทะ ระหว่าง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ
2542
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.130.53 วันที่: 19 มีนาคม 2556 เวลา:14:27:43 น.  

 
 
 
โอ๊ยๆๆๆ ปวดหัว...................
ชีวิตไม่เคยไร้ค่า ถ้าคุณไม่ทำให้มันไร้ค่า
เราอาจโดดเดี่ยว แต่ว่าเราไม่เคยโดดเดี่ยว. บางที อาจมีคนที่เราไม่รู้จัก หรือคนที่เรารู้จักก็ตาม ชอบในสิ่งที่เราทำ ...
 
 

โดย: อิอิ......... IP: 183.89.61.14 วันที่: 22 มีนาคม 2556 เวลา:14:14:33 น.  

 
 
 
อะจ๊าก....
อิอิ.........
มาแจม *.*

หุหุ
3797
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 58.11.21.232 วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:15:00:04 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝากแฟนคลับ ป๊ะป๋าหมานจร้าาาา
และแวะมาส่งข่าว ว่า ป๋าหมาน เค้าไปสบาย แล้วน้าาา ^ - ^

//pantip.com/topic/30294218

73 comments
Counter : 610 Pageviews.
3248
 
 

โดย: ลูกสาวป๊ะป๋าหมาน IP: 110.77.138.136 วันที่: 25 มีนาคม 2556 เวลา:21:24:54 น.  

 
 
 
บ๊าย บาย ป๊ะป๋าหมาน จ้า
ขอให้ป๊ะป๋าหมานมีจิตใจกายที่สุขสงบสันติ
มีเอกัคคตารมณ์เป็นนิจ
มีสติสัมปชัญญะ สัมมาสมาธิ ปัญญาสัมมาทิฏฐิ
เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ตลอดไป
และขออโหสิกรรมซึ่งกันและกันทั้งในภพนี้และในภพหน้า

ปล. - -"
ห้าสิบปี๋ สาวหน้อยด่าบ่เจ็บใจ๋
_/\\_
หุหุ สวดยอดคร่า *.*

8732
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.192.25 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:9:42:36 น.  

 
 
 
อิอิ...*.*
ผู้ที่ขาดคุณธรรม ย่อมไม่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่
ผู้ที่ขาดความรู้ ย่อมไม่มีสายตาอันกว้างไกล
พูดคนฉลาดหนี่งคำ พูดคนโง่ร้อยคำ

ก๊อปมาจากคุณ nnnn43 เว็บเสรีไทย

*.* vbvb *.*
6540



 
 

โดย: vbvb IP: 124.120.192.25 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:15:19:35 น.  

 
 
 
อ่ะ เอา เดอะ ลิง มาฝากจร้าาาาา

ในฐานะที่เป็น แควนขับ ที่ติดตาม ผลงานกันเสมอ อมยิ้ม16

//pantip.com/topic/30302872


ปอลิง
อวตาร กาทู้นี้ ขึ้นมา เป็นหนที่ 2
เพราะ อาจจะทดลอง พิสูจน์ ทฤษฎีบท บางอย่าง
ที่มันเกี่ยวข้อง กับ อคติ 4 ในใจคน หุหุ


76 comments
Counter : 620 Pageviews.
3964
 
 

โดย: อาเหล่าม่านู๋บี อิอิ IP: 110.77.138.136 วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:0:08:05 น.  

 
 
 
อิอิ *.*
ตามลายแทงไปแระ เจอเป็นงี้ อะ (555)
"กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก กระทู้นี้มีเนื้อหาที่เจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรือก่อให้เกิดความวุ่นวาย"

8718
(555) *.*
 
 

โดย: vbvb IP: 124.120.212.143 วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:9:06:00 น.  

 
 
 

อ่ะ เอา กระทู้ฉบับ ออริจินอล มาหั้ย พิจารณา
แล้วช่วย โยนิโส หั้ยที จิ ว่า มันเป็น กระทู้ที่ ..

"มีเนื้อหาที่เจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรือก่อให้เกิดความวุ่นวาย"

ตรงไหนฟระ ? - - "

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ กลัวหรือไม่ ? ถ้ามีเหตุให้ ต้องไป รับประทานดินเนอร์ กับ ดร. ฮันนิบาล เลคเตอร์ ?

1.คุณ กลัวหรือไม่ ? ถ้ามีเหตุให้ ต้องไป รับประทานดินเนอร์ กับ ดร. ฮันนิบาล เลคเตอร์ ?

2. หากคุณมีนัดรับประทานดินเนอร์ กับ ดร. ฮันนิบาล เลคเตอร์
คุณคิดว่า จะชวนเขา เสวนาธรรม หรือ สนทนาในเรื่องเกี่ยวกับอะไรดีคะ
อาหาร / ภาพยนตร์ / บทกวี / วงดนตรีออเคสตร้า / วรรณกรรมคลาสิค
หรือว่า จะ ชวนคุยกันในเรื่อง เกี่ยวกับ ศาสนา และ ปรัชญา ชั้นสูง ?


[i][b]หมายเหตุ[/b][/i]

แทก ห้องสมุด และ เฉลิมไทย
เพราะ คิดว่า เพื่อน ๆ ในห้องนี้น่าจะ รู้จัก ทั่นด๊อกฯ เป็นอย่างดี
เนื่องจาก เขา ตัวละคร ในตำนานของภาพยนตร์ ระดับออสการ์
ที่ สร้างมาจาก นวนิยายอันโด่งดัง ของ โธมัส แฮริส
จึงน่าจะช่วยกัน เบรนด์ สตรอมมิ่ง ในเรื่องนี้
ให้เห็น แง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับ กระทู้ถามนี้ ได้หลากหลาย ยิ่งขึ้น


ส่วนที่ แทก ห้องศาสนา เพราะ อยากรู้ว่า ...
พวกที่เป็นศรัทธาจริต หรือ เป็นนักปฏิบัติ นั้น
ท่าน รู้สึกกลัวบ้างหรือไม่ ถ้าจะต้อง ไป รับประทานดินเนอร์
กับ ดร. ฮันนิบาล เลคเตอร์ ผู้ที่ ขึ้นชื่อลือชา
เกี่ยวกับการการ ขุดคุ้ย ปมที่อยู่ในใจของเหยื่อ เพื่อ เอามาชำแหละหาเนื้อนาบุญ
แล้ว ใช้ วจีกรรม มากดดันให้เหยื่อสำเร็จโทษตัวเอง ด้วยการฆ่าตัวตาย
เพราะ เหยื่อทนแบกรับความรู้สึกสกปรกในใจ ที่ตนนั้น แอบซ่อนอยู่ใน อนุสัยไม่ได้


[spoil]

อ้อ สำหรับ ตัว จขกท. นั้น ไม่เคยรู้สึก ประหวั่นพรั่นพรึง
จนถึงขนาด หวาดกลัวจนหัวหด เลยนะ ถ้าจะได้รับเกียรติ
ให้ไป รับประทานดินเนอร์ กับ ดร. ฮันนิบาล เลคเตอร์ น่ะ
แบ่บว่า อยาก เจอ ทั่นด็อก ฯ มานานแระ ( ไอดอลของฉันเลยนะเนี่ย อิอิ )
แหม ? คิดดูสิว่า การจะมี จิตแพทย์ขั้นเทพ อย่างทั่นด๊อก
มาช่วยทดสอบอารมณ์ และ ภูมิธรรม ให้น่ะ โอกาสงี้มันหาได้ง่าย ๆ ซะที่ไหน กันล่ะ

อ้อ แล้วถ้ามีโอกาส ได้ นัดเดท
ไปรับประทานดินเนอร์ ใต้แสงเทียน กับ ดร. ฮันนิบาล เลคเตอร์
ฉันคิดว่า จะชวนเขา เสวนาธรรม ในเรื่องเกี่ยวกับ แทคติก การตัดวงปฏิจฯ
โดยการทำให้เกิด ตถตาลงใจ เพื่อคลี่คลาย ปมต่าง ๆ ของ จิตใต้สำนึก อ่ะค่ะ
ไม่แน่น้าาาา บางทีหากโชคดี ในการสุมหัวคุยกัน...เอ๊ย....เสวนาธรรม ระหว่างมื้อดินเนอร์ ครั้งนี้
ฉันอาจจะสามารถ เอา How to ในการปฏิบัติ ของตัวเอง มา สร้างเป็น Knowledge Management
แล้วช่วย ปลดปล่อยปมในใจ ให้ ทั่นด็อกฯ ผู้นาสงสาร
จนเขา หลุดพ้นจาก พันธนาการ ของ อุปทาน ขันทั้ง 5 ใบ ที่จองจำเขาไว้ก็ได้น้าาา
( ถ้า ฉันไม่โชคร้าย กลายเป็น มื้อดินเนอร์ ของทั่นด็อกฯ ซะก่อน อ่ะนะ แหะ...แหะ... ) [:อมยิ้ม16:]

[/spoil]



อนึ่ง และ เพื่อให้ การตอบคำถาม เป็นไปด้วยดี
ขออนุญาต แวะเอาลิ้งค์ ที่เป็น โปรไฟล์ ของ ทั่นด็อกฯ 2 ลิ้งค์ข้างล่างนี้
มาให้ ท่านที่ยังไม่เคยรู้จักท่านด็อกฯ ได้อ่านเล่น
เพื่อ ใช้เป็นข้อมูล ประกอบการตัดสินใจ ในการตอบ ด้วยค่ะ


[spoil]


//www.oknation.net/blog/print.php?id=24288

//www.arsenalinside.com/board/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C/408-%5B%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%5D-silence-lambs-%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A.html


[youtube]//www.youtube.com/watch?v=XMvNwP_n-mY[/youtube]

[/spoil]


[:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:]
++++++++++++++++++++++++++++++

Smiling-girl,สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่,Realistic thinker,P2wichai,เข้ามาตามหาแมว

อ่ะ เอา เดอะ ลิง มาฝากจร้าาาาา

ในฐานะที่เป็น แควนขับ ที่ติดตาม ผลงานกันเสมอ [:อมยิ้ม16:]

//pantip.com/topic/30302872


ปอลิง
อวตาร กาทู้นี้ ขึ้นมา เป็นหนที่ 2
เพราะ อาจจะทดลอง พิสูจน์ ทฤษฎีบท บางอย่าง
ที่มันเกี่ยวข้อง กับ อคติ 4 ในใจคน หุหุ

[:เม่าเคาะซื้อ:]

+++++++++++++++++++++++++++++++

ส่วนอันนี้ ความเห็นที่อ่านแล้วโดน *0*

ความคิดเห็นที่ 7
ท่านดร.ไม่สนใจคนธรรมดา หากคุณถูกเชิญมีเพียง2เหตุผล คือ
1.คุณน่าสนใจ ดร.จะศึกษาความคิดคุณก่อนจากการพูดคุยกัน หลังจากนั้นจึงคิดวิธีฆ่าคุณอย่างสนุกสนาน
2.คุณคือเหยื่อที่ต้องสังเวยให้กับความสุนทรีย์ในอารมณ์อำมหิตของดร.
หากคุณคิดจะคุยเรื่องศาสนากับดร.
หากดร.สนใจคุณจะได้รับสิทธิข้อ1
หากดร.ไม่สนใจคุณจะได้รับสิทธิข้อ2

หากวันใด ดร.เชิญดินเนอร์จะไปจ้างป๋าเลียมจากเทคเคนเป็นคนคุ้มกัน อย่างน้อยถ้าเราโดนจับป๋าตามหาเราเจอแน่นอน

นู๋แก่ต้วมเตี้ยม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

78 comments
Counter : 623 Pageviews.
5532

 
 

โดย: อาเหล่าม่า อวตารของทั่นด็อก ฯ หุหุ IP: 110.77.138.136 วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:9:41:32 น.  

 
 
 
อิอิ
ชอบฟามเห็นนู๋แก่ฯ ง่ะ
อัจฉริยะแท้ๆแม่คุณ อิอ่อนมันคิดไม่ถึงเลยนะ แหล่ม *.*

5941
*.*
 
 

โดย: vbvb IP: 124.121.250.32 วันที่: 29 มีนาคม 2556 เวลา:9:48:47 น.  

 
 
 
*.*

"เลสลี่ จาง" ซูเปอร์สตาร์ ผู้จบชีวิตตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2546 ในวัย 46 ปี

"I am what I am" บทเพลงในความทรงจำและความระลึกถึง "เลสลี จาง"

"I am what I am ฉันรักตัวฉันที่เป็นแบบนี้เสมอมา...ฉันคือฉัน คือควันไฟที่มีสีสันหลากหลาย ฟ้ากว้างทะเลไกล จะล่องลอยไปอย่างเข้มแข็ง..."

"ฉันเคยได้ยินคนอื่นบอกว่าในโลกนี้มีนกประเภทหนึ่งที่ไม่มีเท้า มันได้แต่บินไป บินไปข้างหน้า บินเหนื่อยเมื่อไหร่ก็นอนหลับอยู่ในสายลม นกประเภทนี้ตลอดชีวิตจะลงสู่พื้นดินเพียงครั้งเดียว นั่นคือตอนที่มันตาย"
คือประโยคในหนังที่กลายเป็นหนึ่งในวรรคทองของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เอเชีย

รายงานข่าวกล่าวว่า เลสลี จาง ผู้ซึ่งกำลังมีชีวิตที่รุ่งโรจน์สุดขีด ประสบความสำเร็จในทุกด้าน เป็นหนึ่งในดาราชาวเอเชียที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดังระดับนานาชาติ แต่มาด่วนจบชีวิตตนเอง ด้วยการกระโดดลงมาจากชั้นที่ 24 ของ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ในฮ่องกง ครั้งนั้น เป็นข่าวช็อกไปในหลายประเทศทั่วเอเชีย พร้อมกับข้อกังขาถึงปมเหตุการฆ่าตัวตายครั้งนี้ว่านอกเหนือจากความซึมเศร้าที่สั่งสมมานานปีแล้ว ยังมีข่าวลือว่าเขาไม่สามารถสลัดบทบาทในภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย Inner Senses (ผีอยากให้คนเห็น) ที่เขาแสดงเป็นจิตแพทย์ และเกือบจบชีวิตลงด้วยการดิ่งจากตึกสูงเช่นกัน

ขณะเดียวกันหลายฝ่ายยังสันนิษฐานว่าการเสียชีวิตของเขาอาจมีสาเหตุจากปัญหาชีวิตและความรัก ซึ่งทุกครั้งล้วนต้องจบลงอย่างเศร้าสร้อย ขณะที่ ชาวเน็ตฯ จีน หลายคนกล่าวยอมรับว่า เลสลี่ จาง มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนทัศนคติในเชิงลบ และความรังเกียจ ที่เคยมีต่อชายรักร่วมเพศในจีน ขณะที่ต่อมาในปี 2544 กระทรวงสาธารณสุขจีน ก็ได้ถอดคำว่า "รักร่วมเพศ" ออกจากบัญชีรายชื่อโรคจิตเภท

//www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000039265

6700
*.*

 
 

โดย: vbvb IP: 124.120.63.22 วันที่: 2 เมษายน 2556 เวลา:10:07:32 น.  

 
 
 
อ่ะ เอา เดอะลิงมาฝากจร้าาาาา ^ 0 ^

//www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg33290.html#msg33290

นี่ก็กะว่า ครึ้ม ๆ จะเปิด เดี่ยวไมโครโฟน
ตั้งกระทู้ สุสานอมยิ้ม & ใบแบรนด์ มาบ่นลมบ่นแล้ง ว่ะ อิอิ

4392
 
 

โดย: หุหุ IP: 110.77.138.136 วันที่: 5 เมษายน 2556 เวลา:22:59:20 น.  

 
 
 
อิอิ เอิ่มมมมมม ตามไปอ่านตามลายแทงมาแระน้า *.*
อิอ่อนมันเลือกเป็นแบบชาวบ้านธรรมด๊าธรรมดา ว่ะค่ะ
และเหตุผลก็ครือว่า มันขี้เกียจแบกรับทุกเวทนามหาศาลแบบทั่นองฯ ง่ะ
อิอ่อน มันฝันหวานว่า มันจะลั้ลลาไปเรื่อยๆ จนถึงนิพพานได้เมื่อไหร่
ก็เมื่อนั้นแระ มันมะอยากโดนถีบด้วยบิ๊กทุกขเวทนาเข้านิพพาน ว่ะค่ะ
อิอ่อนมันขอมากไปป่าว วะคะ คริคริ
เอ่อ... อีกอย่างนะ ถึงแม้อิอ่อนมันยังไม่รู้จักนิพพานของจริง
แต่มันก็ค้านหัวชนข้างฝา(อิอ่นมันขอฝานิ่มๆนะ มันกัวเจ็บง่ะ) นะ
ว่านิพพาน มะใช่ก้อนหินแน่นอน ล้านเปอเซง *.*
จากที่มันขวนขวายหาฟามรู้ใส่กะลามานาน มันบอกว่า
ก้อนหินมันไม่มีฟามรู้สึก แต่สภาวะนิพพานนี่มันต้องมีฟามรู้สึกแน่นอน
ครือว่า คนมีปัญญาสัมมาทิฏฐินี่ควรจะรู้แระว่า รัก โลภ โกรธ หลง
คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดทุกข์และสุขแบบโลกๆ ครือเป็นทุกขังกะละมังรั่ว
ก้อนหินมันไม่รู้จัก รัก โลภ โกรธ หลง เพราะมันไม่มีทวารทั้งห้าที่จะ
รับฟามรู้สึก มันก็เลยไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆต่อรักโลภโกรธหลง
รวมถึงไม่รู้จักและไม่เข้าใจสภาวะอารมณ์ใดๆที่เกิดขึ้นมาจาก รัก โลภ
โกรธ หลง แต่สภาวะนิพพานไม่น่าจะใช่แบบนี้ เพราะต้องประกอบด้วย
ทวารทั้งห้า มีความรู้สึก รับรู้ทุกเหตุการณ์แต่ไม่กระเทือนด้วยอุปทาน
และไม่ถูกครอบงำด้วยฟามรักโลภโกรธหลงเพราะมีปัญญารู้เท่าทันและ
เอาตัวรอดได้ในทุกสภาวะ ไร้ทุกข์สุขทางโลก มีแต่สุขทางธรรม
อิอ่อนมันฝันหวานว่าเข้าใจแบบนี้นะ
พวกที่ปฏบัติสมาธิภาวนาถ้าขาดปัญญาพุทธะก็จะหลงไปเป็นก้อนหิน
มะได้แอ้มนิพพานของจริงกะเค้าหรอก ทำได้สูงสุดคือเป็นก้อนหิน
หรือเป็นอรูปพรมหมเสวยสุขแบบไร้ตัวตนเหมือนสภาวะก้อนหินไปยาวนาน
แล้วพอหมดบุญก็มาเกิดใหม่มีทวารทั้งห้ามาเริ่มสะสมบุญกรรมกันใหม่
วนเวียนอยู่ในกะละมังทุกขังอยู่เงี้ยแหละไปไหนมะรอด
เพราะไม่พ้นสภาะก้อนหินไปได้ ทำได้สูงสุดคือเป็นก้อนหินแล้วหลงผิด
คิดว่าสภาวะก้อนหินคือนิพพาน - -"
และถ้าเกิดโชคร้ายกลายเป็นนิตยมิจฉาทิฏฐิก็กลายเป็นพวกตอวัฏฏะ
มะต้องหวังมรรคผลนิพพานกันแระ เพราะขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังต้อง
เว้นวรรคสอนกันบ่อได้ *.*

3848
*.*


 
 

โดย: vbvb IP: 58.9.55.32 วันที่: 7 เมษายน 2556 เวลา:9:33:46 น.  

 
 
 
อิอ่อน มันขอเป็นพวก สุขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา (ปฏิบัติสบาย ทั้งรู้ได้ไว เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นเนืองนิตย์ หรือเจริญสมาธิได้ฌาน 4 อันเป็นสุขประณีต อีกทั้งมีอินทรีย์แก่กล้าจึงบรรลุโลกุตตรมรรคเร็วไว บาลียกพระสารีบุตรเป็นตัวอย่าง - pleasant progress with quick insight)

อิอ่อนมันขอมากไปป่าวคะ *.*
vbvb

[154] ปฏิปทา 4 (แนวปฏิบัติ, ทางดำเนิน, การปฏิบัติแบบที่เป็นทางดำเนินให้ถึงจุดหมาย คือความหลุดพ้นหรือความสิ้นอาสวะ - modes of practice; modes of progress to deliverance)
1. ทุกขา ปฏิปทา ทันธาภิญญา (ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะ แรงกล้า ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นอยู่เนืองๆ หรือเจริญกรรมฐานที่มีอารมณ์ที่มีอารมณ์ไม่น่าชื่นใจ เช่น อสุภะ เป็นต้น อีกทั้งอินทรีย์ก็อ่อนจึงบรรลุโลกุตตรมรรคล่าช้า พระจักขุบาลอาจเป็นตัวอย่างในข้อนี้ได้ - painful progress with slow insight)
2. ทุกขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา (ปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะแรงกล้า ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นอยู่เนืองๆ หรือเจริญกรรมฐานที่มีอารมณ์ไม่น่าชื่นใจ เช่น อสุภะ เป็นต้น แต่มีอินทรีย์แก่กล้า จึงบรรลุโลกุตตรมรรคเร็วไว บาลียกพระมหาโมคคัลลานะเป็นตัวอย่าง - painful progress with quick insight)
3. สุขา ปฏิปทา ทันธาภิญญา (ปฏิบัติสบาย แต่รู้ได้ช้า เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะ นั้น เนืองนิตย์ หรือเจริญสมาธิได้ฌาน 4 อันเป็นสุขประณีต แต่มีอินทรีย์อ่อนจึงบรรลุโลกุตตรมรรคล่าช้า - pleasant progress with slow insight)
4. สุขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา (ปฏิบัติสบาย ทั้งรู้ได้ไว เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นเนืองนิตย์ หรือเจริญสมาธิได้ฌาน 4 อันเป็นสุขประณีต อีกทั้งมีอินทรีย์แก่กล้าจึงบรรลุโลกุตตรมรรคเร็วไว บาลียกพระสารีบุตรเป็นตัวอย่าง - pleasant progress with quick insight)

//www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=154
8785
*.*
 
 

โดย: vbvb IP: 58.9.55.32 วันที่: 7 เมษายน 2556 เวลา:9:38:42 น.  

 
 
 
RIP *.*
“ตำนานหญิงเหล็ก” มาร์กาเรต แธตเชอร์

บีบีซีนิวส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - มาร์กาเรต แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีเจ้าของฉายา “หญิงเหล็ก” แห่งสหราชอาณาจักร ถึงแก่อสัญกรรมในช่วงเช้าของวันจันทร์(8) ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยอาการเส้นโลหิตหล่อเลี้ยงสมองอุดตัน หลังจากสุขภาพย่ำแย่มาหลายปี

มรดกที่สำคัญของเธอมีอะไรบ้าง?

ถ้าหากไม่มีมาร์กาเรต แธตเชอร์แล้ว สหราชอาณาจักรอาจจะเป็นประเทศที่แตกต่างไปจากทุกวันนี้เป็นอย่างมาก การดำเนินการปฏิรูปตลาดเสรีและการลิดรอนอำนาจของพวกสหภาพแรงงานอย่างห้าวหาญของเธอ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการโต้แย้งกันหนักหน่วงในช่วงทศวรรษ 1980 นั้น ปัจจุบันได้รับการยอมรับจากพรรคการเมืองกระแสหลักทุกๆ พรรคในสหราชอาณาจักรโดยทั่วถ้วน ว่าเป็นภูมิปัญญามาตรฐานไปแล้ว พื้นที่ตรงกลางของการเมืองสหราชอาณาจักรมีการขยับเอนเอียงไปทางขวาดังเช่นขณะนี้ คือผลลัพธ์จากช่วงเวลาที่เธออยู่ในอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้น เธอคือภาพลักษณ์และแบบอย่างในระดับโลกสำหรับนักการเมืองผู้หญิงโดยแท้ และเธอกับ โรนัลด์ เรแกน ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลสูงส่งของกลุ่มการเมืองฝ่ายขวาทั่วโลกอีกด้วย

//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000042689

7017
*.*
 
 

โดย: vbvb IP: 124.121.248.116 วันที่: 9 เมษายน 2556 เวลา:10:13:49 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝากจร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
อะโหยยยยยยย เซอร์ไพร๊ซ์มากมาย เรยว่ะ
ที่มี คนสวยใจดี มาตั้งกระทู้ ถามไถ่ ถึงนู๋บี อิอิ



ถามมุสลิมค่ะ

ไม่ทราบว่า กระทู้ที่มีชื่อสมาชิกเป็นตัวเลข ( คุณนู๋บี) ได้มาถามหาความรู้ในศาสนาอิสลาม

โดยคำถามมีทั้งหมด 8 ข้อ

มันล่องหน หายไปไหน มีใครพอทราบบ้างคะ

มิสลันตา


+++++++++++++++++++++++++++

ความคิดเห็นที่ 13

อืม...แท้งกิ๋วน้าาาา ที่ คนสวยใจดีบางคนออกมาแสดงความวิตกกังวล
คอยเป็นห่วงเป็นใยถามไถ่ถึง กระทู้ของ นู๋บี ^ ^
เลยแวะมา ยืนยันว่า ....

อิฉันไม่ได้ไปแจ้งลบกระทู้ที่ตัวเองตั้ง เพื่อสร้างภาพ นะคร้าาา


ปอลิง 1

เด๋วนี้ ระบบการฟ้อง เอ๊ย...กดแจ้ง ลบกระทู้ นี่ ทำได้ง่ายมาก เลยนะ
ไม่เหมือน ระบบ กดไฟแดง -ไฟเขียว เมื่อสมัยก่อน
แค่ คุณ หมั่นไส้ไม่ชอบขี้หน้าใครสักคน
คุณก็สามารถ ขี่ม้าสามศอก ไปบอก ผู้ดูแล ได้ทั้งนั้น
แล้ว พอกดแจ้งลบระบบมันก็จะมีการ บล็อค อัตโนมัติ
แล้ว ย้าย/ลบ กาทู้ ออกจากห้อง แบบ อัตโนมัติด้วยมั้ง ( นัยว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม น่ะ )
และถ้าใครโดนแจ้งลบกระทู้นี่ ล็อกอินของเค้า ก็จะเดี้ยงไปด้วย
เรียกว่า โดนยึดอมยิ้มอัตโนมัตเหมือนโดนตัดแขนตัดขา ทำอะไรไม่ได้ เลยแหล่ะ

เม่านอนไม่หลับ


ปอลิง2


อ้อ ที่เด๋วนี้ ไม่ได้โพสรูปลิงเลย
ก็เพราะ ใช้อมยิ้มชั่วคราว แบบบัตรผ่าน เจ้าค่ะ
เลยหมดสิทธิโพสรูปกิ๊บเก๋ต่าง ๆ นานา (โพสได้แต่ emo )

เม่าโศก



ปอลิง3

เอ่อ...จิงดิ... ไหน ๆ อิฉัน ก็ แวะมา วิสัชนา ตอบกระทู้แล้ว
ขอ อนุญาต หอบเอา ตัวหนังสือ ที่ตั้งใจจะโพส ในกระทู้ที่ดับสูญ เมื่อวาน
มาแปะไว้ในกระทู้นี้ เพื่อ แจ้งข่าวให้เหล่าแควนขับ ได้รับรู้ หน่อยน้าาาาา
เฮ้ออ อุส่า จิ้มดีด ไว้ตั้งแยะ ยังไม่ทันได้โพสเลย กระทู้ก็โดนอุ้มซะงั้น - - "


อนึ่ง ข้อความข้างล่างนี้ คือ สิ่งที่อิฉันตั้งใจจะโพสไว้ ในกระทู้ล่องหน เมื่อตะวานคร้าาา

ขอบคุณ สำหรับทุก ๆ คำชี้แนะ และ ทุก ๆ คำตอบ
ที่เพื่อน ๆ ช่วยมาโพสให้อ่าน เป็น วิทยาทาน เจ้าค่ะ
แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวต ที่ทำให้ กระทู้นี้ ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำคร้าา
แหม๊ ? ตะกี้ เปิดเวบมาดู เซอร์ไพร๊ซ์ เหมือนกันนะเนี่ย ^ ^
( เพราะปกติ กระทู้ของอิฉัน มักจะเป็นกระทู้ใต้ดิน มากกว่า กระทู้แนะนำอ่ะ แหะ ...แหะ... ) อมยิ้ม16

อืม...แล้วถ้ามีฤกษ์งามยามดีเมื่อไร อิฉัน จะโพส ...

" เมื่ออิฉันเริ่มเห็นความงดงามตามวิถีอิสลาม เพราะเปลี่ยนใจหันไปปฏิบัติธรรม"

มาให้ทุกท่าน ได้อ่านนะคร้าาาา
เฮ้อออ คิด ๆ แล้วก็น่าขำนะ
ในขณะที่ชาวบ้านชาวช่อง เขาปฏิบัติธรรม
แล้วก็ยิ่งเกิดศรัทธาใน ไตรสรณะ มากขึ้น ตามลำดับ
ไง๋ ทำไปทำมา อิฉัน กลับ ไม่ยัก กะเกิด ความรู้สึก พวกนี้ ก็ไม่รู้แฮะ
แต่ดัน กลับไปมองเห็นความงดงาม ตามวิถีอิสลาม ขึ้นมาซะงั้น


จะว่า ปฏิบัติ มาไม่ถูกทาง หรือ ก็ไม่น่าจะใช่นะ
เพราะ ถ้า สอบทวนสภาวะ เพื่อหาระดับ ภูมิธรรม ของตนแล้ว
ก็พบว่า รัก โลภ โกรธ หลง ในตัว มันก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญนะ
ก็ อยู่ในระดับที่ สามารถรักษาถือศีล 6 ได้อย่างชิล ๆ จนเป็นปกติ
เจริญสติปัฏฐาน 4 เล่นเป็นงานอดิเรกได้ แถม ยังเห็น การเกิดดับของไตรลักษณะ
แล้วก็ เกิด สภาวะ ตถตาลงใจ อยู่บ่อยครั้ง ด้วยอ่ะ


เฮ้ออออ แต่ก็นั่นแหล่ะนะ เรื่องของ ความรู้สึก ความศรัทธา
มันคงจะมาบังคับใจกันไม่ได้ หรอกเน๊าะ
ปฏิบัติธรรมมาตั้งหลายปี แต่ ไม่รู้สึกศรัทธา ในไตรสรณะ ก็ไม่เป็นไรอ่ะ
จะข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า หรือว่า ฝืนใจไปคงก็เปล่าประโยชน์
แต่สิ่งที่ทำให้ อิฉัน รู้สึก นึกฉงนสนเท่ห์ ก็คือ


ทำไมยิ่งปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ
อิฉัน กลับรู้สึก ว่า ในเรื่อง ธรรมมะ ก๊ะ อิสลาม นั้น
มันมี ปฏิปทาในการปฏิบัติ(ในแง่ของการฝึกตนเพื่อลดกิเลสตัณหา )
ที่มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องต้องกัน มากเลยอ่ะ
สุดท้าย จากสิ่งที่ได้รับรู้ เหล่านี้ ก็เลยทำให้ คนที่เคย แอนตี้อิสลาม อย่างฉัน
ต้อง หันกลับมา ทบทวนทัศนคติ ที่มีต่อ ศาสนาอิสลามอีกครั้ง น่ะ
แถม ทบทวนอีท่าไหนก็ไม่รู้ ทำไม๊ ยิ่งดู ยิ่งรู้สึกว่า วิถีปฏิบัติ แบบอิสลาม นั้น
มันถึงได้ ถูกหู ถูกตา ถูกใจ มากมายขนาดนี้ ว้าาาาาาา * 0 *

และ นี่ล่ะ คือ อีกหนึ่งเหตุปัจจัย ที่ทำให้ อิฉัน คิดจะ ตั้งกระทู้

" เมื่ออิฉันเริ่มเห็นความงดงามตามวิถีอิสลาม เพราะเปลี่ยนใจหันไปปฏิบัติธรรม"

เม่าฝึกจิตเม่าฝึกจิตเม่าฝึกจิต



สมาชิกหมายเลข 795262
36 นาทีที่แล้ว [IP: 110.77.138.136]


ที่มา

//pantip.com/topic/30355181

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

85 comments
Counter : 678 Pageviews.
5851

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
 

โดย: o^J[u IP: 110.77.138.136 วันที่: 11 เมษายน 2556 เวลา:13:34:17 น.  

 
 
 
ตามมาดูเม่าฝึกจิต อิอิ
วันนี้ เม่าเริงร่า เพราะset ++ เขียวมาเชียว ^.^
เด๋วนี้ อิอ่อน มันหันไปดูจิตบนตลาดหุ้นมั่งแระ
วันไหนปอดแดง ก็ห่อเหี่ยว
วันไหนปอดเขียวก็เริ่งร่า รมณ์ดี ซะงั้น
กะลังหัดเป็น เม่าvi อยู่ แต่มักจะไปทาง vivi ไวไว ซะมากฝ่า
ตอนนี้โดนเสี่ยช้าง ณ BLAND ถอยวอร์มาทับซะเละตุ้มเป๊ะ
ขาดทุนทางบัญชีไปเกือบ3พัน ฟามโลภหายไปเยอะเรย
หุหุ
2987
*.*

 
 

โดย: vbvb IP: 124.120.46.87 วันที่: 11 เมษายน 2556 เวลา:14:25:51 น.  

 
 
 
ซะงั้น หุหุ

vbvb
o^J[u

อืมๆ เข้าใจกันเนอะ
*.*
9981
*.*
 
 

โดย: vbvb IP: 124.120.46.87 วันที่: 11 เมษายน 2556 เวลา:14:28:22 น.  

 
 
 
อ่ะ เอามาฝากจร้าาาาาา ^ ^

//pantip.com/profile/799026#topics

ปอลิง

ช่วงนี้กะลัง วุ่นวายขายปลาช่อน ก๊ อิน้องทองม้วน - -"


88 comments
Counter : 685 Pageviews.

6457
 
 

โดย: o^J[u IP: 110.77.138.136 วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:16:55:50 น.  

 
 
 
กระทู้นู๋บี 2กระทู้ที่ต้องมีลิ้งค์จึงจะเปิดได้
ไม่รู้ว่าถูกอุ้มไปแล้วหรือยัง ดูในกระทู้ที่ตอบเมื่อวานยังมี
แต่วันนี้ไม่เห็นแล้ว นู๋บีเก็บลิ้งค์ไว้หรือเปล่า
ยังรู้สึกว่าเรื่อง หิริ น่าจะยังมีต่อนะ
 
 

โดย: P2wichai วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:19:28:10 น.  

 
 
 
มาไม่ทัน อิอิ อดอ่าน กระทู้ลิ้งค์ไปก็หายวับ
อาเมน....

ได้เวลาซื้อน้องทองม้วนแร้ว...ดิ
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส
ว่าแต่ว่า คัทน้องทองทิ้งทันบ่อคะ อิอิ
อิอ่อนมันซื้อกองทุนทองไว้ตอนปีใหม่หน่วยละ 12.5
ซื้อไว้หมื่นนึง ตั้งกะซื้อไม่มีขึ้นมีแต่ลง - -" เหลือ 11.5
เลยย้ายไปอยู่กองทุนหุ้นกะพันธบัตรแทน อย่างละ ครึ่ง
ตอนนี้กองทองเหลือ 9.8 แว้วววว น่าย้ายกลับไปหาน้องกองทุน อิอิ
โซรอสมันเข้าไปปั่นป่วนที่ไหน มีแต่ ship หายโม๊ด...
โซรอสมันประกาศขายทองทั้งหมดไปตั้งกะ กพ,แระ
อิอ่อนมันเลยย้ายออกตามเฮียโซรอส

9247

 
 

โดย: vbvb IP: 124.122.244.115 วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:9:58:10 น.  

 
 
 
อ่ะ เอา กระทู้ที่ถูกสอย มาฝาก คุณป๋า กามนิต ก๊ะ อิหม่ามี๊ คร้าาา

//www.tairomdham.net/index.php?topic=7725.msg33443#msg33443

ปอลิง

ถีบ เอ๊ย คัท อิน้องทองม้วน ทิ้งไม่ทันอ่ะ
25200 ก็มี 24450 ก็มี 23450 ก็มี ช่วงนี้ก็เลยเครียดดดดดดดดด
( แบ่บว่า กุ้มอกกุ้มใจ ยังไม่มีปัญญา หาเงินมาซื้อถัว ให้หนำใจเลยได้แต่มองตาละห้อย 5555 )
แต่ก็แปลกนะ ไม่รู้ชาติก่อนทำบุญมาด้วยอะไรว่ะ เวลาจะทุกข์จะทุกข์ทีไร ก็มีเหตุให้ ล้มบนฟูก ทู๊กที
นี่ก็ได้ มะรึดกเจ้าคุณพ่อ ที่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย มาช่วยให้หายช้ำใน แบบพอดิบพอดี
( ขอบคุณค่ะ ป๊ะป๋าหมาน ที่เลือกเวลาตายได้ ถูกจังหวะ พอดี อิลูกบังเกิดเกล้าคนนี้ เลยได้อาศัยส่วนบุญ แหะ...แหะ...)

91 comments
Counter : 969 Pageviews.
9972
 
 

โดย: แม่นางวาสิฏฐีไพรีเผ่น IP: 110.77.138.136 วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:17:02:48 น.  

 
 
 
ส่วนอันนี้ แถม

"อยู่ก่อนแต่ง" หญิง ชาย คิดยังไง ?

//pantip.com/topic/30374205

อุส่า ไปแจมไว้ใน คห. 17 แต่ดั๊น โดนอุ้ม ซะนี่
เลย เอามาแปะไว้ในอ่านเล่น ๆ

+++++++++++++++++++++++++++

"อยู่ก่อนแต่ง" หญิง ชาย คิดยังไง ?

ขออนุญาตยกความคิดเห็นคุณ 12478B13 มาสานต่อนะครับ จากกระทู้
จะดีมั้ยถ้าจะคบกันจริงๆ ถึงขั้นแต่งงาน ควรรู้จักกันให้หมดเปลือกก่อน
//pantip.com/topic/30368568


ถ้ารู้จักกันไปจนถึงระดับครอบครัวและวงศาคณาญาติ ชีวิตจะง่ายขึ้นนะเราว่า หลาย ๆ คู่มักมีปัญหาครอบครัวเดิมของแต่ละฝ่าย หรืออย่างปัญหาแม่ผัว-ลูกสะใภ้ ถ้าเลือกผู้หญิงที่เข้ากับแม่ได้ ปัญหาก็ไม่เกิดนะ
เราเป็นพวกสนับสนุนให้อยู่ก่อนแต่ง กล่าวคือ หมั้นหมายกันให้เป็นเรืองเป็นราว แล้วทดลองอยู่ด้วยกัน . . ผ่านไปสักปี ถ้าไปรอดก็ค่อยแต่ง เพราะการหมั้นจะทำให้เราสนิทกับครอบครัวของเขามากขึ้นด้วยนะ

เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่คนไทยมักมองเป็นการเอาเปรียบฝ่ายหญิง

ก็มีของหมั้นประกันเอาไว้อยู่แล้ว . . เราไม่คิดว่าเป็นการเอาเปรียบหรอกนะ เพราะสมัยก่อน ก็มีพิธีหมั้นก่อนพิธีแต่งอยู่แล้ว เพียงแต่คนสมัยนี้ตีความหมายของการหมั้นผิดไปจากเดิมมาก
สำหรับเราแล้ว . .การหมั้นและการอยู่ก่อนแต่งสำคัญมากนะ เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจและรู้จักครอบครัวของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เพราะมันแตกต่างจากการเข้าตามตรอก - ออกตามประตูในช่วงเป็นแฟนกันอย่างมาก จริง ๆ แล้วอาจพูดได้ว่าเป็นการแต่งงานกันไปแล้วครึ่งตัวน่ะ ถ้าได้ทดลองอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวก่อนแต่งจริง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง . . มันก็ดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายในระยะยาว เราคิดแบบนี้นะ และครอบครัวเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ( พ่อบอก )
แบ่บว่า . .
ช่วงที่หมั้นกันอยู่นี้ ต้องไม่ปล่อยให้มีลูกออกมาระหว่างนี้นะ ไม่งั้นจะยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้ยุ่งยากขึ้นไปอีก หากอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ลงตัวตามที่ได้วางแผนกันเอาไว้น่ะ

หญิง ชาย รู้สึกไง ? คิดยังไง ? ไม่จำกัดความเห็นครับ โสด ไม่โสด
* เจ้าของความคิดนี้ เค้าจะโกรธผมมั้ย ก๊อบมาหมดเลย เครดิตคุณ 12478B13


ความคิดเห็นที่ 17
อืม...โดยหลักการ ก็ โอ อยู่นะ
แต่ โดยเทคนิค แล้วการหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ด้วยกันก่อนงี้
มันก็เป็นการลงทุน ที่ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับ ฝ่ายหญิง อยู่มากนะ


ถ้า ไปด้วยกันได้ มันก็ จบแบบแฮ่ปปรี้เอนดิ้ง
แต่ ถ้าไป ด้วยกันไม่ได้ ต้องทางใครทางมัน
ฝ่ายหญิง นั่นแหล่ะ ที่จะซรวย
การถูกตีตราว่า เป็นผู้หญิงมือสอง นี่
มันจะทำให้ มูลค่าเพิ่มของคุณถูกลดทอน ลงไปมากมายเลยนะ
ก็คง คล้าย ๆ กับ รถมือ 2 นั่นละมั้ง


อย่าลืมนะ ว่า ในสังคมไทย ไม่เหมือน สังคมฝรั่ง
สังคมไทยค่อนข้างให้ความสำคัญ
กับ คุณค่าผังผืดพรหมจรรย์ ของ ฝ่ายหญิง
มากกว่า เส้นสอง สลึง ของฝ่ายชาย แยะ อ่ะ


ไอ้ครั้น จะกันเหนียว โดยการ ทดลองอยู่ก่อนแต่ง ด้วยกันเฉย ๆ
โดย ตกลงที่จะ ไม่มี Sex ด้วยกัน แบบ ในนิยายน้ำเน่านี่
คงจะทำได้ยากส์นะ เพราะว่า ความหน้ามืด มันไม่เข้าใครออกใคร อิอิ


ฉะนั้น อิฉัน แนะนำว่า เก็บไอ้เจ้า ผังผืด อันนี้ เอาไว้ ล่อเสือล่อไอ้เข้
ให้มัน น้ำลายหกเล่น ๆ น่าจะได้มรรคผล มากกว่า เอามันใส่พาน แล้วไปประเคน
ให้กับผู้ชายที่เรา ยังไม่มั่นใจ 100 % ว่า ไอ้หมอนั่นมันจะมีคุณภาพดี พอที่จะเอา พ่อของลูก เราได้ไหมอ่ะ ?


สรุป

ถ้า เป็นตัวเอง คงไม่อยู่ก่อนแต่ง แหง๋ ๆ
แหม๊ ? อุส่าถือไพ่เหนือกว่าแล้ว
เรื่องไร จะ ยอมเป็น ของตาย
หงายไพ่ให้ ผู้ชายมันดู หมดหน้าตัก
แบบแบบเบอร์ ล่ะคร้าาาาาา

สันดานผู้ชาย อ่ะนะ อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มักจะไม่มีค่า เสมอ โดยเฉพาะ ของตาย

[b][i]ปอลิง[/i][/b]




อ้อ แต่ ถ้า อยู่ก่อนแต่ง แล้ว ได้ ปั๋วรวย แบบ อินู๋ตั๊ก บงกช นี่ก็ไม่แน่นะจ๊ะ
อันนี้ ก็อาจจะต้อง พิณา อีกที ( ของงี้ มันอยู่ที่ ผู้ชาย คนนั้น น่าจับเอามาเป็น พ่อของลูกแค่ไหน หุหุ )


[:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:]


 
 

โดย: แม่นางวาสิฏฐีไพรีเผ่น IP: 110.77.138.136 วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:17:17:31 น.  

 
 
 
ตามลายแทงไปอ่านแระ จ้า ^.^
อ่านแล้วรู้สึกถึงฟามร๊ากและฟามเอ็นดูที่ตะละแม่นู๋บี
มีต่อนู๋ๆพุทธมามกะ เจงๆๆ ^.^

ในโลกนี้มีคนหลายๆแบบ เปรียบได้กับบัว4เหล่า งัย
คนที่ขาดปัญญา เขาก็ต้องไปเหมาศรัทธาให้เต็มบ้องได้อย่างเดียว
แต่ศาสนาพุืทธนั้นไม่ได้สอนให้ศรัทธาเพียงอย่างเดียว
เพียงแต่เขาขาดปัญญาแล้วไม่รู้ตัวเขาก็ได้แค่นั้น
แต่ในอนาคตเขาอาจสร้างปัญญาได้จากการปฏิบัติตาม
คำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยศรัทธาที่เปี่ยมล้นก็ได้นะ
แต่คงจะไม่ได้รอดจากการเป็นอาหารของเต่าได้ทุกคนหรอก
คนมีปัญญาอย่างตะละแม่นู๋บี เห็นคนขาดปัญญาและหลง
อยู่ในวังวนของศรัทธาก็คงจะคันไม้คันมือแอนด์คันปาก *.*
คนบางพวกถ้ามีแต่ศรัทธาแต่ขาดปัญญาสัมมาทิฏฐิแล้ว
ก็เอวัง จบไม่สวยทุกสถานแหละ ต่อให้ตะโกนให้ลั่นไปทั้งบาง
ว่าช้านนนนน ศรัทธาในพระไตรสรณะคมน์ มันก็ช่วยอะไรบ่อได้
เพราะมีแต่แต่ฟามหลงงงงง เนอะ

อ่านของนู๋เรื่อง ศรัทธา กับ หิริโอตัปปะ อันไหนเป็นสัมมาทิฏฐิ
อ่านแล้วขนลุก ว่ะค่ะ *.* โดยเฉพาะคำตอบทั่นว๊อทฯ
เจอแบบศรัทธาอย่างมืดบอดนี่ ไปต่อไม่ถืกเรยนะ - -"
คงจะคุยกันให้รู้เรื่องและเข้าใจตรงกันยากส์
คำตอบของอิอ่อน นักเลงเจ้าปัญญาเนี่ย มันต้องตอบว่า
หิริโอตัปปะ เป็นสัมมาทิฏฐิ และมีโอกาสรอดเป็นผู้คนเป็นคน
มากฝ่าคนที่มีแต่ศรัทธาแต่ไร้ซึ่งหิริโอตัปปะ ว่ะค่ะ
และถ้าเอ่ยปากว่าเป็นพุทธแต่ไม่มีหิริโอตัปปะ เนี่ย ล่องจุ๊น แหงมๆ
อิอ่อนมันเทียบว่าหิริโอตัปปะเนี่ยคือเข้าข่ายคนมีปัญญา
เป็นคนชั้นเลิศ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เอาตัวรอด
จากอบายภูมิได้ทุกชนิด เหมือนดอกบัวงามที่เพียงแต่
ได้เจอแสงสว่างก็พร้อมบานได้ทุกเมื่อ แถมยังพัฒนาต่อ
จนได้เป็นบ่อเกิดของแสงสว่างเองก็ได้ ต่อยอดเป็น
พระปัจเจกพุทธะ หรือ พระสัมมาสัมพุทธะได้ *.*
เหมือนมีมรรคแปด ในที่ใด อริยะบุคคลย่อมเกิดได้ในที่นั้น
แต่ถ้ามีแต่พระพุทธรูป พระไตรปิฎก มีแต่คำสอนของ
พระพุทธะแต่ขาดการปฏิบัติธรรมในแบบมรรค8
ย่อมห่างไกลจากฟามเป็นอริยะบุคคล และย่อมไม่เข้าใจ
เพราะไร้ซึ่งปัญญาไม่เข้าใจในคำสอนและปฏิบัติตามได้ยาก
เพราะมีแต่หลงเป็นนิจขาดสติเป็นกิจวัตร *.*
มีแต่ศรัทธาแต่ขาดปัญญา

ชักจะพล่ามมากไปแระ อิอิ *.*
เพื่อจะได้เข้าที่เข้าทาง ก็ต้องเอาฟามรู้มาฝากกันเด๊อ

ใบความรู้
เรื่อง พระพุทธศาสนาเน้นการพัฒนาศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง
หลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักความจริงที่พระพุทธองค์ได้ทรงค้นพบโดยมิได้ทรงสร้างสรรค์ขึ้นเอง และมิได้ทรงรับคำสั่งสอนมาจากเทพเจ้าหรือพระเจ้าองค์ใดทั้งสิ้นดังที่กล่าวแล้วนั้นพระพุทธศาสนาจึงนับว่าเป็นศาสนาที่ต่างไปจากศาสนาอื่นๆอยู่มาก
หลักคำสอนที่สนับสนุนความจริงดังกล่าวนี้ คือ หลักคำสอนเรื่อ ศรัทธาและปัญญา
ศรัทธา คือ ความเชื่อ ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญาหรือเหตุผล ซึ่งเรียกว่า ศรัทธาเพื่อปัญญา แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะทรงสอนให้คนมีศรัทธา แต่ศรัทธาของพระองค์นั้นต้องผ่านการพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญาให้รอบคอบเสียก่อน ดังที่ ทรงสอนชาวกาลามะแห่งเกสปุตตนิคม ในแคว้นโกศล ว่า
อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ เพียงเพราะฟังตามๆกันมา เพียงเพราะถือปฏิบัติกันสืบๆมา เพียงเพราะข่าวเล่าลือ เพียงเพราะการอ่านตำราหรือคัมภีร์ เพียงเพราะการให้เหตุผลแบบตรรกะ เพียงเพราะการอนุมานเอาตามอาการที่ปรากฏ เพียงเพราะเห็นว่าเข้ากันได้ตรงตามทฤษฎีหรือความคิดเห็นของตน เพียงเพราะเห็นว่ามีรูปลักษณะน่าเชื่อถือ และเพียงเพราะถือว่าสมณะหรือนักบวชผู้นี้เป็นครูของเรา
แต่เมื่อใดได้ใช้ปัญญาพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว และเห็นว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน อีกทั้งนักปราชญ์ไม่ติเตียน ก็จงทำสิ่งนั้น แต่หากสิ่งใดเมื่อทำลงไปแล้วตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน นักปราชญ์ติเตียน ก็จงอย่าได้ทำสิ่งนั้นเลย
หลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นมีข้อสังเกตประการหนึ่ง คือ หากทรงสอนเรื่องศรัทธาไว้ในที่ใด ก็จะทรงสอนปัญญากำกับไว้ในที่นั้นด้วย นั่นก็หมายความว่า ทรงสอนให้ใช้ศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญาเสมอไป
ตัวอย่างเช่น ในหลักคำสอนหมวด พละ 5 ( ธรรมอันเป็นกำลัง ) ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา หรือใน อริยทรัพย์ 7 ( ทรัพย์ภายในอันประเสริฐ ) ประกอบด้วย ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พหุสัจจะ จาคะ และปัญญา
จะเห็นว่า ศรัทธาในพระพุทธศาสนาต้องมีปัญญากำกับด้วยเสมอ ซึ่งต่างจากศาสนาอื่นบางศาสนาที่จะสอนให้ศรัทธาอย่างเดียว คือ ถ้าพระคัมภีร์สอนไว้อย่างนี้ ก็จะต้องเชื่อตามโดยไม่มีข้อแม้ ถ้าหากไม่เชื่อถือว่าเป็นคนบาป แต่สำหรับพระพุทธศาสนา แม้แต่การสอนหลักธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ทรงบังคับให้เชื่อตามที่พระองค์สอน พระองค์ทรงแนะนำให้พิจารณาไตร่ตรองด้วยเหตุด้วยผลและเห็นด้วยเสียก่อนแล้วจึงเชื่อ

//www.kr.ac.th/ebook2/julaporn/02.html

1736
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.135.111 วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:9:36:26 น.  

 
 
 
พุทธมามกะ รับศีล5 ปฏิบัติตามศีล5
แต่กลับไม่เข้าถึงหัวใจของหิริโอตัปปะ
ไม่เห็นฟามสำคัญของหิริโอตัปปะ
แถมยังก้าวล่วงศีล5 ได้แบบหน้าตาเฉยไร้ฟามรู้สึก
แต่กล้าพูดเต็มปากว่าศรัทธาในพระไตรสรณะคมน์
แถมยังกล้าติเตียนกล่าวร้ายอาฆาตผู้อื่น ได้แบบไร้ซึ่งหิริโอตัปปะอีก
โอย....มายก๊อด ว๊อทส์ แฮพเพนอินดีสพุทธมามะเวิร์ล อิอิ

ตกลงผู้ที่กล่าวอ้างว่ามีศรัทธาในพระไตรสรณะคมน์นี่
เคยทวนศีล ต่อศีลในใจมั่งป่าวเนี่ย *.*
หรือนั่งสมาธิเป็น ไหว้พระ อ่านพระไตรปิฎิกเป็นก็พอแระ
ถือว่าอ่านได้จได้ก็สอนคนอื่นได้แล้ว
สัจธรรมความเป็นจริงของตนเองเป็นไงก็ไม่รู้จัก
ตนเองไม่มีหิริโอตัปปะก็เฉยๆ ไม่รู้สึกผิดปกติ
แค่พูดได้เต็มปากว่าช้านมีศรัทธาในพระไตรสรณคมน์
ก็พอแล้ว นิพพานชัวร์ อิิอิ *.*

ปล.อาการฟุ้งซ่านเสียจริตระยะที่1 อิอิ พล่ามเยอะหน่อยหุหุ

6710
*.*



 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.135.111 วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:10:26:23 น.  

 
 
 
เห็นอิหม่ามี๊พูดเรื่อง ศรัทธา ก๊ะ ปัญญา
เลย เอา 2 กาทู้ล่าสุด ที่ ตะละแม่วาสิฏฐีไพรีเผ่นแวะไปเปิดประเด็น
หาเรื่อง ถลกหนังหัว อิพวกพุทธมามกะจ๋า มาให้ ำด้ทัศนา คร้าาาา

//www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg33454.html#msg33454


95 comments
Counter : 703 Pageviews.

4646
 
 

โดย: ตะละแม่วาสิฏฐีไพรีเผ่น ! IP: 110.77.138.136 วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:12:30:56 น.  

 
 
 
มาvi ไปvi จริงนะแม่คุณ อิอิ

ว่าจะแวะมาแปะเรื่องของคนดีศรีสยาม จั๊กน่อย *.*
เจาะเส้นทางชีวิต"วีรชัย พลาศรัย" ทรัพยากรบุคคลที่มีค่าของ"สยาม" *.*
“ผมไม่เคยพูดว่าเราชนะแน่ ปกติผมจะตอบสามคำ สู้เต็มที่ !!!
ที่มา://www.naewna.com/scoop/48833
เครดิต เว็บเสรีไทย
6861
หล่อ+แหล่ม เจงๆ ท่านฑูตขวัญใจชาวไทย *.*
 
 

โดย: vbvb IP: 124.120.135.111 วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:14:29:44 น.  

 
 
 
อ่านแระโดนนนนนนน อย่างแร๊งส์ *.*
กีอปมา อิอิ ช๊อบชอบๆๆๆๆ 555
อ้อ แต่ถ้า พวกคนพุทธอย่างคุณ ไม่สามารถจะโยนิโสฯ ตามวิถีของศาสนาแห่งปัญญา
มา ตอบให้ ผู้ไม่นับถือ ศาสนาพุทธ อย่าง พวกอิฉัน ให้รู้สึกเคลียร์ได้
พวกคุณ จะ หนีปัญหา ด้วยการแจ้งลบกระทู้ ก็ได้ค่ะ !

*.* ตรงประเด็นอย่างแรงส์ซ้าาาา หุหุ ต้องอย่างนี้สิ เจ๋ง!!! *.*

ว่าแต่ว่า ก็มิอาจกระเทืองซางพวกแจ้งกดลบพร่ำเพรื่อ บ่ได้ ง่ะ

หุหุ

สู้เต็มที่ !!! เนาะ

7071
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.135.111 วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:14:56:24 น.  

 
 
 
ฮุฮุ เจอคำคม

...
วันพรุ่งนี้ยังมี ชาติหน้าไม่มีได้อย่างไร
...

ลองอ่านดูครับ
//www.gmwebsite.com/webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-090407092137386
สมาชิกหมายเลข 723969

9485
*.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.135.111 วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:15:07:05 น.  

 
 
 
จบสวย นะเนี่ย หุหุ

ความคิดเห็นที่ 4

งั้นวันหลังก่อนที่ พวกคนพุทธอย่างคุณ จะ อวดอ้าง สิ่งใด
กรุณา สำเหนียก สำนึก และ ระลึกไว้ ด้วย ว่า ...
ตนนั้น มี คุณสมบัติ คู่ควรที่จะ เป็น สาวกผู้ นับถือ ศาสนาแห่งปัญญาหรือไม่ ?
ถ้าใครมี ภูมิศีลต่ำ ภูมิธรรมด้อย และ ภูมิรู้น้อย
ก็ กรุณา อย่ามาเอ่ยอ้าง ว่า ตนเป็นผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
แล้ว แสร้งเนียน แอบเหยียบหัว ศาสนิกชนอื่น ๆ เขา

ด้วยการบอกว่า ตนนับถือศาสนาแห่งปัญญา ส่วน ผู้อื่น เป็นแค่ ผู้นับถือศาสนาแห่งศรัทธา
ทิฏฐิของตน เท่านั้นที่เป็น สัมมาฯ ถ้าใครเห็นต่างจากตน ต้องเป็น มิจฉาฯ !

*.*
ว่าแต่ว่า กระทู้นี้ในพันทิบก็ไม่พ้นโดนแจ้งลบอุ้มหายเข้ากลีบเมฆไปแระ แม่นบ่นาง คิคิ

7217
*.* แซ่บ อะค่ะ *.*
 
 

โดย: อิอิ IP: 124.120.135.111 วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:15:11:01 น.  

 
 
 
ขออนุญาต ขึ้น หน้าใหม่
ก่อนจะ ลงเวรบ่าย คร้าาาาา
(100 เม้นจนได้ วุ้ย อิอิ )

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=01-2012&date=11&group=3&gblog=6

100 comments
Counter : 732 Pageviews.
2601
 
 

โดย: นู๋บี IP: 110.77.138.136 วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:0:05:06 น.  

 
 
 
แวะมาทักทายกว่าจะคุ้ยทางมาเจอหน้าอัพล่าสุด สบายดีนะครับพี่นู่บีพี่ขวัญ สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังครับ
 
 

โดย: Jittinon IP: 113.53.223.194 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:13:59:35 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นู๋บี
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add นู๋บี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com