Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
บอลโลกครั้งที่ 18 ที่ เยอรมัน 2006 (1)

นัดที่ 4 (รอบ 16 ทีม ) บราซิล 3 กาน่า 0

Brazil 3 Ghana 0
June 27, 2006
สนาม : FIFA WM Stadion Dortmund, Dortmund
คนดู : 65000 คน
กรรมการ : Micheľ (Slovakia)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Ronaldo 5'Adriano 45+1' Zé Roberto 84'
กานา :






แถวหลัง Dida Adriano Lucio Juan Emerson Cafu
แถวหน้า Ronaldinho Ze Roberto Kaka Roberto Carlos Ronaldo


"แชมป์เก่า" บราซิลจัดชุด 11 ตัวจริง ได้อย่างน่าเกรงขามสุดๆ ดาราทุกรายล้วนฟิตเปรี๊ยะ ลงเตะกันได้ครบครัน มีเพียงตัวสำรองอย่าง โรบินโญ่ ที่บาดเจ็บ ส่วนกานาระส่ำเล็กๆ ขาด มิชาแอล เอสเซียง ที่ติดโทษแบนต้องอาศัย เอริก อั๊ดโด้ ทำหน้าที่แทน แต่ กียาน อซาโมอาห์ ศูนย์หน้าคนสำคัญพ้นโทษแบนกลับมาลงสนามได้



ทีมชาติกานา


บราซิลได้เริ่มเขี่ยบอลก่อน และผ่านมาไม่ทันครบหนึ่งนาทีดี โรนัลโด้ก็โฉบเข้าไปรับลูกโยนยาวในกรอบเขตโทษด้านซ้ายพร้อมทั้งง้างเท้าเตรียมสับไกอยู่แล้ว แต่มีธงยกล้ำหน้า แม้จากภาพรีเพลย์จะไม่ได้เป็นจังหวะออฟไซด์ก็ตาม อย่างไรก็ดี ถึงนาทีที่ 5 แชมป์โลกห้าสมัยก็คายพิษสงได้สำเร็จเมื่อกาก้าสบโอกาสแทงลูกเรียดทำลายแนวรับเช็กออฟไซด์ที่หละหลวมของกานาให้โรนัลโด้หลุดเดี่ยวเข้าหาบอลแล้วสับขาหลอกนายทวาร ริชาร์ด คิงสตัน ก่อนจะจิ้มลูกตุงตาข่ายจากระยะ 12 หลา เป็นประตูที่สามในทัวร์นาเมนต์นี้ของตัวเอง พาแซมบ้าสตาร์ตนำ 1-0 แถมทำลายสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล ในศึกเวิลด์ คัพ ของ แกร์ด มุลเลอร์ ด้วยจำนวน 15 ประตูอีกด้วย



ลีลาของ Ronaldo ที่เลี้ยงบอลหลบผู้รักษาประตู แล้วยิงประตูให้บราซิลขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 5



เขี่ยบอลกันใหม่ได้แค่สองนาที ซุลลี่ย์ มุนตารี ก็เข้าอัดกาก้าน่าเกลียดจึงได้ใบเหลือง เช่นเดียวกับ สเตฟาน อัปเปียห์ กัปตันทีมที่ทำฟาวล์ในนาทีที่ 8 และถึงนาทีที่ 13 โรนัลดินโญ่ก็ใช้กลยุทธ์แทงลูกทะลุช่องได้สำเร็จอีกโดยคราวนี้ อาเดรียโน่ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านขวาโดยไม่ล้ำหน้าแต่พยายามล็อกหลบนายทวาร เพื่อตะบันเอง ทั้งๆ ที่โรนัลโด้วิ่งมากางมุ้งรออยู่อีกฝั่ง สุดท้ายกองหน้าร่างยักษ์จึงเอาชนะคิงส์ตันไม่ได้ และรับใบเหลืองโทษฐานทิ้งตัวล้มหวังได้ลูกโทษ



Adriano ยิงประตูที่ 2 ให้บราซิลขึ้นนำ กานา นาทีที่ 45


ผ่านมาถึงนาทีที่ 19 กานาก็ได้เสียวเป็นหนแรกจากลูกยิงไกลระยะ 30 หลา ของ ฮามินู ดรามานี่ ที่ทำเอาดีด้าต้องกระโดดปัดข้ามคานจากนั้นเกมรุกของน้องใหม่จากแอฟริกาก็เริ่มอันตรายมากขึ้นทุกที กระทั่งนาทีที่ 24 แม็ทธิว อาโมอาห์ ก็ได้รับลูกแทงตามช่องแล้วตวัดยิงจากระยะ 18 หลา แต่บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไป ถัดมาอีกสามนาที กานาซึ่งครองเกมได้อย่างเต็มตัวแล้วเกือบตีเสมอได้จากจังหวะสับไกระยะ 18 หลา เช่นกันของมุนตารี แต่บอลหลุดกรอบไปอีกหน และในนาทีที่ 28 อาโมอาห์ก็มีโอกาสกดลูกเรียดในกรอบเขตโทษด้านซ้ายอีกครั้ง แต่บอลเข้าซองของดีด้าพอดี



Ze Roberto ยิงประตูที่ 3 ให้บราซิลขึ้นนำ 3-0 นาที่ที่ 84


นาทีต่อมา จอห์น เพนสติล คว้าใบเหลืองไปครองจนได้เมื่อวิ่งไล่กวดทำฟาวล์กาก้า แถวกลางสนามในช่วงที่ทีมกาแฟได้โอกาสโต้กลับฉับพลัน กระนั้นถึงนาทีที่ 36 อั๊ดโด้ก็จ่ายลูกจากกราบขวาเข้าเขตโทษให้ กียาน อซาโมอาห์ พลิกตัวยิงระยะหกหลา ทว่าถูกตามเบียดทำให้สังหารไม่ถนัด ส่งลูกพุ่งข้ามคาน จากนั้นอีกสองนาที ใบเหลืองก็ตกเป็นของอั๊ดโด้ จากการรวบใส่อาเดรียโน่ แต่แล้วในนาทีที่ 42 จากลูกเตะมุมด้านซ้ายกานาก็น่าจะได้เฮเมื่อ จอห์น เมนซาห์ โดดโขกเผาขนคนเดียว แต่บอลลอยตกพื้นแล้วกระดอนไปชนขาดีด้าหลุดออกนอกกรอบ



John Mensah ขึ้นโหม่งบอลแบบโล่งๆโดบไม่มีกองหลังบราซิลประกบ


ทีมจากกาฬทวีปยังไล่ขยี้มหาอำนาจลูกหนังต่อไปอย่างน่าดูชม และในนาทีที่ 44 ฮวนก็เข้าเสียบอั๊ดโด้ทำให้ได้รับใบเหลือง แต่แล้วในช่วงทดเวลาเจ็บ แซมบ้าก็โต้กลับได้อย่างสุดคลาสสิกอีกจนได้เมื่อลูซิโอกระชากบอลมาถึงกลางสนาม แล้วดีดออกจากกราบขวาให้กาก้าทะลุไปโดยไม่ล้ำหน้าก่อนจะป้ายต่อให้คาฟูไหลบอลไปเสาสองแล้วอาเดรียโน่กระโจนเข้าไปรับใช้หน้าขาแตะลูกในระยะเผาขนตุงตาข่าย โดยที่จังหวะนี้อาเดรียโน่ล้ำหน้า แต่ไม่มีธงยก บราซิลจึงนำไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรกชนิดที่แฟนบอลในสนามโห่ใส่ไลน์แมนและผู้ตัดสินกันให้ขรมหลังเป่านกหวีดยาวจบเกมใน 45 นาทีแรก



Ronaldo พยายามลากบอลผ่าน John Mensah


ครึ่งหลังกานาต้องลงบู๊โดยไม่มีกุนซือ ราโตมีร์ ดุยโควิช ซึ่งประท้วงผู้ตัดสินช่วงพักครึ่งจนถูกตะเพิดห้ามนั่งอยู่ข้างสนาม ขณะที่บราซิลส่ง จิลแบร์โต้ ซิลวา ลงไปแทนเอเมอร์สันที่เริ่มช้ำ และในนาทีที่ 48 อซาโมอาห์ก็โดนไข้เหลืองเล่นงานจนได้โทษฐานเตะบอลทิ้งหลังจากสิงห์เชิ้ตดำเป่าฟาวล์แล้ว เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 57 แซมบ้าก็เกือบกะซวกตาข่ายได้อีกเมื่อโรนัลโด้ไหลบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้ โรแบร์โต้ คาร์ลอส เติมเข้าไปกระทุ้ง แต่ถูกคิงส์ตันบล็อกได้ก่อนที่กาน่าจะเปลี่ยนให้ ดีเร็ค บัวเต็ง ลงไปแทนที่อั๊ดโด้ในนาทีที่ 60 ขณะที่แชมป์โลกห้าสมัยส่งจูนินโญ่ลงไปแทนอาเดรียโน่



Eric Addo ของกานาถูก Kaka และ Gilberto Silva เข้าสกัดจนล้มลง


ถัดมาในนาทีที่ 70 กานามีเสียวอีกจากลูกที่อัปเปียห์ไหลเข้าเขตโทษให้อซาโมอาห์ยิงแต่ถูกดีด้าพุ่งปัดได้แล้วตามไปตะครุบทันก่อนถูกอโมอาห์เข้าซ้ำ จากนั้นทีมน้องใหม่ก็เปลี่ยน อเล็กซ์ ทาชี่-เมนซ่าห์ ลงไปแทนอาโมอาห์ทันที ช่วงท้ายกานาพยายามคลำเป้าให้ได้ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ โดยในนาทีที่ 79 อซาโมอาห์ทะลุไปรับบอลในเขตโทษแล้วได้ยิง แต่ก็ส่งลูกไปตรงตัวดีด้าพอดี หนำซ้ำอีกสองนาทีต่อมา อซาโมอาห์กลับทิ้งตัวในเขตโทษดื้อๆ ทั้งๆ ที่ฮวนไม่ได้เข้าปะทะจังหวะที่มุนตารีป้ายบอลเข้าไปในเขตโทษ เลยได้อีกเหลืองกลายเป็นใบแดง ทำให้กานาเหลือนักเตะแค่สิบราย ถึงตรงนี้ แซมบ้าจึงถอดกาก้าไปพัก และส่งริคาร์ดินโญ่ลงมา กระทั่งนาทีที่ 84 เซ โรแบร์โต้ ก็สปีดไปรับลูกวางยาวแถวกลางสนามหลุดเดี่ยวโดยไม่ล้ำหน้าแล้วแตะหลบนายทวารจิ้มลูกเข้าประตูง่ายๆ หมดเวลาแชมป์เก่าจึงคว้าชัยไป 3-0 ผ่านเข้าไปรอดวลกับสเปนหรือไม่ก็ฝรั่งเศส



มิตรภาพในการแข่งขันระหว่าง Stephen Appiah ของ กานา และ Lucio


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บราซิล : เนลสัน ดีด้า-มาร์กอส คาฟู, ลูซิโอ, ฮวน, โรแบร์โต้ คาร์ลอส-เอเมอร์สัน, เซ โรแบร์โต้, ริคาร์โด้ กาก้า, โรนัลดินโญ่-อาเดรียโน่, โรนัลโด้
สำรอง : โรเกริโอ เชนี่, ชูลิโอ เซซ่าร์, ซิซินโญ่, คริส, ลุยเซา, คาร์ลอส มิเนโร่, จูนินโญ่, ริคาร์ดินโญ่, จิลแบร์โต้, จิลแบร์โต้ ซิลวา, เฟร็ด, โรบินโญ่



นักเตะทั้งสองทีมแลกเสื้อและปลอบใจซึ่งกันและกันหลังจบการแข่งขัน


กานา : ริชาร์ด คิงส์ตัน - จอห์น เพนสติล เชล่า อิลเลียซู, จอห์น เมนซาห์, เอ็มมานูเอล ปั๊ปโป้, ฮามินู ดรัมมานี่, เอริก อั๊ดโด้, สเตฟาน อัปเปียห์, ซุลลี่ย์ อาลี มุนตารี, แม็ทธิว อาโมอาห์, กียาน อซาโมอาห์
สำรอง : ดีเร็ค บัวเต็ง, อ๊อตโต้ อั๊ดโด้, อเล็กซ์ ทาชี่-เมนซ่าห์, ซาซัค ปิมปอง, แซมมี่ อั๊ดเย, ฮาบิบ โมฮัมเหม็ด, จอร์จ โอวู, อิซซ่า อาเหม็ด, ดาเนียล เควย์, อิซซ่า อาเหม็ด, ซามูเอล คุฟฟูร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์






สีสันกองเชียร์





สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นัดที่ 5 (รอบ 8 ทีม ) บราซิล 0 ฝรั่งเศษ 1

ลาก่อนมนต์ขลังและลีลาแซมบ้า

Brazil 0 France 1
July 1, 2006
สนาม : FIFA WM Stadion Frankfurt, Frankfurt
คนดู : 48000 คน
กรรมการ : Medina Cantalejo (Spain)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล :
ฝรั่งเศส : Henry 57'






แถวหลัง Dida, Lucio, Juan, Gilberto Silva, Juninho, Cafu
แถวหน้า Ronaldinho, Ze Roberto, Roberto Carlos, Kaka, Ronaldo


"ตราไก่" ฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มสลุตหักปากกาเซียน โค่นแชมป์เก่า "แซมบ้า" บราซิล 1-0 เธียร์รี่ อองรี ฮีโร่ซัดประตูชัยน.57 ลิ่วพาทีมแดนน้ำหอมฉลุยเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ โปรตุเกส ในวันพุธที่5 ก.ค.นี้ ขณะที่ "ซิซู" ซีเนดีน ซีดาน พลิกฟอร์มพระเจ้า คว้าแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองได้อีกรางวัล ในศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่1 ก.ค. ที่ผ่านมา



ถ่ายรูปกับป้ายไม่มีการเหยียดเชื้อชาติ


คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์ไรร่า โค้ชทีมชาติบราซิล มีการปรับทัพพอสมควร เมื่อไม่สามารถใช้งาน เอเมอร์สัน ได้ ต้องส่ง จิลแบร์โต้ ซิลวา ลงเล่นแทน ส่วนอีกราย จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ได้ลงสนามแทน อาเดรียโน่ ที่ถูกดร็อป



Zinedine Zidane จับมือกับRonaldinho และ Ronaldo ก่อนเริ่มการแข่งขัน


ส่วนทีมของ เรย์มงด์ โดเมเน็ค เทรนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศส สามารถใช้งานผู้เล่นชุดใหญ่ได้ครบครัน โดยมี ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพกัปตันทีม หายเจ็บขากลับมาลงสนามได้



Zinedine Zidane เข้าประกบRonaldo ไม่ให้เล่นบอล


เริ่มเกมขึ้นมาแค่ 3 นาที บราซิล ได้ลุ้นก่อนเมื่อ ฟร้องค์ ริเบรี่ ไปเสียบ โรนัลดินโญ่ เสียฟรีคิกระยะ 30 หลา จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ได้ปั่นโค้งแฉลบกำแพงข้ามคานออกไป ทั้งสองทีมเปิดเกมรุกเข้าใส่กันอย่างสูสี แต่ยังเป็นทีมแซมบ้าที่มีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 10 เมื่อ โรนัลดินโญ่ เปิดฟรีคิกมาถึงเสาสองให้ โรนัลโด้ ได้โขก แต่บอลสูงเกินไป เลยควบคุมบอลไม่อยู่ เหินข้ามคานออกไปไกล



Zinedine Zidane บังบอลไม่ให้ Kaka กาก้าได้เล่นบอล


ทีมตราไก่เปิดเกมรุกสู้ได้ดีเช่นกัน แต่ยังไม่อาจเจาะแนวรับแซมบ้าเข้าไปได้ โดยทำได้แค่เพียงยิงไกลจาก เธียร์รี่ อองรี ในนาทีที่ 13 แต่ไปติดบล็อก ฮวน และอีก 2 นาทีต่อมา ริเบรี่ ได้โอกาสซัดอีกครั้งก็ข้ามคานออกไป มาร์กอส คาฟู ต้องมาได้รับใบเหลืองเป็นคนแรกในนาทีที่ 24 เมื่อไปดึง เอริค อบิดัล ในจังหวะพลิกหนีไปแล้ว



Ronaldinho ยิงลูกฟรีคิก


ถึงนาทีที่ 26 ลูซิโอ ไปทำฟาวล์ อองรี เสียฟรีคิกระยะ 30 หลา ซีเนอดีน ซีดาน หลอกยิงทันที แต่บอลโค้งข้ามคานออกไป เข้าสู่ช่วง 7 นาทีสุดท้าย ฝรั่งเศส มาได้ลูกฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้าย ซีดาน ปั่นโค้งไปหน้าประตูให้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ขึ้นโหม่งข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้น ก่อนหมดเวลานาทีเดียว ซีดาน โชว์ลีลาลากหลบ 3 ผู้เล่นบราซิล แล้วแทงบอลทะลุช่องให้ ปาทริค วิเอร่า หลุดเดี่ยวเข้าหาเขตโทษ ก่อนถูก ฮวน เสียบล้มลง ผู้ตัดสินให้เพียงแค่ใบเหลืองกับ ฮวน เท่านั้น เนื่องจากมองว่า มีโรแบร์โต้ คาร์ลอส วิ่งตามมาประกบเช่นกัน และเป็น อองรี ที่ปั่นฟรีคิกไปติดแขน โรนัลโด้ ที่ยืนเป็นกำแพง เสียใบเหลืองไปอีกราย คราวนี้ขยับเข้ามาตั้งที่เส้นเขตโทษพอดี ซีดาน อาสาปั่นบ้าง แต่ก็ยังไปติดกำแพงอีก จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0



Ronaldo ถูก Lilian Thuram และ Claude Makelele เตะล้มลง


ครึ่งหลังเริ่มไปได้ 4 นาที ฝรั่งเศส ตั้งหน้าตั้งตาบุกก่อน โดย อองรี ได้จังหวะกระชากบอลทางริมเส้นฝั่งซ้ายหนี คาฟู กับ ลูซิโอ ชนิดไม่เห็นฝุ่น แต่จังหวะสุดท้ายเปิดบอลเบาเกินไป ฮวน เคลียร์ทิ้งไปได้ ถึงนาทีที่ 53 ฝรั่งเศส ได้ฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวา มาลูด้า ปั่นไปหน้าประตู วิเอร่า โหม่งเช็ดให้ อองรี กระทุ้งผ่านมือ ดีด้า เข้าไปไม่เหลือ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า อองรี ไปก่อนแล้ว



Thierry Henry ยิงประตูให้ฝรั่งเศษขึ้นนำบราซิล 1-0 นาทีที่ 57


ทีมตราไก่ยังคงบุกได้อย่างต่อเนื่อง และมาได้ลูกฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้ายอีกครั้งในนาทีที่ 57 ซีดาน เปิดโค้งไปถึงเสาสองให้ อองรี วิ่งเข้าแปเน้นๆ เสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม ให้ฝรั่งเศสขึ้นนำ 1-0



Ronaldinho ถึงกับกุมหัวหลังจาก Luis Medina Cantalejo กรรมการชาวสเปนเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน


ฝรั่งเศส เกือบได้ประตูที่ 2 ในอีก 4 นาทีถัดมา เมื่อ ริเบรี่ โชว์ลีลาพลิกหนี ลูซิโอ เลาะเส้นหลังเข้ามาในประตู ก่อนจะเปิดเรียดให้ ซีดาน แต่ ฮวน แหย่เท้าสกัดบอลเปลี่ยนทางเฉียดเสาออกหลังไปนิดเดียว ทั้งที่ ดีด้า หลงทางไปแล้ว จากนั้น บราซิล ต้องเปลี่ยน อาเดรียโน่ ลงมาแทน จูนินโญ่ ในนาทีที่ 63 ช่วง 20 นาทีสุดท้าย บราซิล พยายามบุกเพื่อทวงประตูคืน แต่เกมรุกดูเหมือนจะไร้พิษสง จบเกม ฝรั่งเศส เอาชนะ บราซิล ไปได้ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ โปรตุเกส



Cicinho consoles เข้าไปปลอบ Ze Roberto

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

บราซิล (4-4-2) : ดีด้า - คาฟู, ลูซิโอ, ฮวน, โรแบร์โต้ คาร์ลอส - กิลแบร์โต้ ซิลวา, เซ โรแบร์โต้, กาก้า, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ - โรนัลดินโญ่, โรนัลโด้
สำรอง :
อูลิโอ เซซ่าร์ (ผู้รักษาประตู) - โรเกริโอ เชนี่ (ผู้รักษาประตู) - คริส, ซิซินโญ่, อาเดรียโน่, เอเมอร์สัน, เฟร็ด จิลแบร์โต้ ดา ซิลวา, อันแดร์สัน ลุยเซา, คาร์ลอส มิเนโร่, ริคาร์ดินโญ่, โรบินโญ่



Louis Saha ของฝรั่งเศษจับมือกับ Cicinho ขณะที่ Ze Roberto นอนร้องไห้


ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : ฟาเบียง บาร์กเตซ - วิลลี่ ซาญอล, ลิลิยอง ตูราม, วิลเลี่ยม กัลลาส, เอริก อบิดาล - ปาทริค วิเอร่า, โคล้ด มาเกเลเล่ - ฟร้องค์ ริเบรี่, ซีเนดีน ซีดาน, ฟลอร็องด์ มาลูด้า - เธียร์รี่ อองรี
สำรอง : เกรกอรี่ กูเป้ต์ (ผู้รักษาประตู) - ฌอง-อแล็ง บูมซง, ปาสกาล ชิมบงด้า, วิกาช โดราโซ, อาลู ดิยาร์ร่า, กาแอล ชิเว่ต์, ซิดเน่ย์ โกวู, มิกกาแอล ล็องโดร้ (ผู้รักษาประตู) - หลุยส์ ซาฮา, มิกาแอล ซิลแวสต์, ดาวิด เทรเซเก้ต์, ซิลแว็ง วิลตอร์



Zinedine Zidane เข้าไปปลอบ Ze Roberto




Ronaldo โดดเดี่ยวผู้เดียวดาย




Thierry Henry เข้าไปพูดคุยและให้กำลังใจผู้เล่นบราซิล




Willy Sagnol ผู้เล่นฝรั่งเศษกอด Ze Roberto โดยมี Cafu มาให้กำลังใจด้วย




ภาพนี้ไม่มีคำบรรยาย ผมดูแล้วยังอยากร้องไห้เลย และผมคิดว่าจะไม่เกินขึ้นในฟุตบอลโลกอีก 4 ปีข้างหน้าเด็ดขาด




เพื่อน.... ไม่อยากจะเชื่อว่าทีมเราจะแพ้




เราฝันไปหรือเปล่าวะ




ไม่มีคำบรรยาย




ไม่มีคำบรรยาย




ไม่มีคำบรรยาย




ไม่มีคำบรรยาย




ไม่มีคำบรรยาย





Create Date : 11 สิงหาคม 2552
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 13:28:31 น. 0 comments
Counter : 8007 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.