“ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา รองแชมป์เก่า ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพ ลุกขึ้นมาจากหลุมอีกครั้ง หลังจาก “อินทรีมรกต” ไนจีเรียทุบเอาชนะไอซ์แลนด์ไปได้ 2­–0 ในเกมนัดที่ 2 กลุ่มดี เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้อาร์เจนตินายังคงมีความหวังที่จะเข้ารอบน็อกเอาต์ โดยมีเงื่อนไขคือต้องเอาชนะไนจีเรียในนัดสุดท้ายให้ได้สถานเดียวเท่านั้น แถมยังต้องแช่งให้ไอซ์แลนด์ไม่ชนะโครเอเชียด้วย

สถานการณ์ในกลุ่มดีหลังแข่งไปแล้ว 2 นัด โครเอเชียชนะรวด มี 6 แต้มเต็ม ลอยลำเข้ารอบ 16 ทีมเรียบร้อยแล้ว ส่วนไนจีเรียอยู่ที่ 2 มี 3 แต้ม ไอซ์แลนด์รั้งอันดับ 3 มี 1 แต้ม (ลบ 2 ลูก) ขณะที่อาร์เจนตินาหล่นไปเป็นบ๊วยของกลุ่มมีแต้มเดียวเช่นกัน แต่ประตูได้เสีย ลบอยู่ 3 ลูก

ดังนั้น ถ้าไอซ์แลนด์เกิดชนะโครเอเชียด้วยสกอร์ใดก็ตาม สมมติว่าชนะ 2-1 อาร์เจนตินาก็ต้องชนะไนจีเรียให้ได้อย่างน้อย 3-0 ถึงจะแซงเข้ารอบด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า

แต่ถ้าเกิดกรณีที่ทั้งสองทีมมีประตูได้เสียเท่ากัน ทีมที่ทำประตูได้มากกว่าจะเข้ารอบ ยกตัวอย่างเช่น ไอซ์แลนด์ชนะโครเอเชีย 4-2 และอาร์เจนตินาชนะไนจีเรีย 3-0 ทั้งสองทีมจะมี 4 คะแนนเท่ากัน แถมประตูได้เสียจะเป็น 0 เหมือนกัน แต่ทีมที่เข้ารอบจะเป็นไอซ์แลนด์ เนื่องจากยิงประตูได้มากกว่าคือ 5 ประตู ส่วนอาร์เจนตินายิงได้แค่ 4 จึงต้องตกรอบไปตามระเบียบ

อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างเท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นประตูได้เสีย, ประตูที่ยิงได้ และเฮดทูเฮด ก็จะไปวัดกันที่คะแนน “แฟร์เพลย์” ซึ่งตอนนี้ไอซ์แลนด์มีคะแนนแฟร์เพลย์ดีกว่า เพราะพวกเขายังไม่ได้ใบเหลืองเลยสักใบ ผิดกับอาร์เจนตินาที่ได้ใบเหลืองไปแล้ว 3 ใบ

แต่ถ้าอาร์เจนตินากับไอซ์แลนด์ต่างเก็บชัยชนะในนัดสุดท้ายไม่ได้ด้วยกันทั้งคู่ หวยก็จะมาออกที่ไนจีเรีย ที่จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมต่อไป

ต้องมาลุ้นระทึกกันว่า สุดท้ายแล้วระหว่าง ไนจีเรีย, อาร์เจนตินา และไอซ์แลนด์ ทีมใดจะเข้ารอบตามโครเอเชียไปในกลุ่มดี

ขณะที่ “แซมบ้า” บราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย ต้องออกแรงเหนื่อยกว่าจะเก็บชัยชนะนัดแรกในฟุตบอลโลก 2018 ชนิดที่มาทำสองประตูรวดในช่วงทดเจ็บ ก่อนต้อนเอาชนะ “กล้วยหอม” คอสตาริกา 2-0 นัดนี้ เนย์มาร์กองหน้าซุปเปอร์สตาร์ของบราซิลปลดล็อกยิงประตูแรกของทัวร์นาเมนต์นี้ได้แล้ว

เกมนี้บราซิลต้องรอจนถึงช่วงทดเจ็บกว่าจะมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ฟิลิปเป คูตินโญ สอดเข้ามายิงจ่อๆตุงตาข่าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ “แซมบ้า” ได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่เนย์มาร์ถูกกองหลังคอสตาริกาดึงล้มในเขตโทษ ในนาทีที่ 78

แต่ผู้ตัดสินไม่แน่ใจเลยขอดูวีเออาร์ ก่อนตัดสินใจริบจุดโทษคืนจากบราซิล เนื่องจากเห็นว่าเนย์มาร์ไม่ได้โดนผู้เล่นคอสตาริกาดึงล้มในเขตโทษแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 97 บราซิลมาได้ประตูย้ำชัย 2-0 จากการยิงจ่อๆของเนย์มาร์ นับเป็นประตูแรกของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้

สำหรับประตูที่สองของบราซิลกลายเป็นประตูที่เกิดขึ้นช้าที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก ด้วยเวลา 96.49 นาที นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก ปี 1966 ที่อังกฤษ

นอกจากนี้ บราซิลคว้าชัยเหนือคอสตาริกา เป็นครั้งที่ 10 จากการเจอกันทั้งหมด 11 ครั้งรวมทุกรายการ โดยบราซิลเคยแพ้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นในเกมกระชับมิตร เมื่อเดือนมีนาคม ปี 1960

หลายคนข้องใจสงสัยว่าทำไมเนย์มาร์ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ หลังยิงประตูที่ 2 ในเกมบราซิลชนะคอสตาริกา 2-0 โดยหัวหอกซุปเปอร์สตาร์เลือดแซมบ้าเผยว่า ตนร้องไห้เพราะมีความสุขที่ยิงประตูพาทีมคว้าชัยชนะได้ หลังจากเจ้าตัวโดนวิจารณ์อย่างหนักในเกมแรกที่บราซิลทำได้แค่เสมอกับสวิตเซอร์แลนด์ 1-1

อย่างไรก็ดี เท่าที่ติดตามดูฟอร์มการเล่นของบราซิลที่ผ่านมาแล้ว 2 นัด ต้องบอกว่ายังไม่เปรี้ยงสมราคาเต็งแชมป์บอลโลกหนนี้ โดยเฉพาะเกมรุกที่ยังไม่ค่อยเฉียบคมเท่าไหร่ การประสานงานในเกมรุกระหว่างคูตินโญ-เนย์มาร์-วิลเลียน ยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร

บราซิลชุดนี้ยังต้องปรับปรุงอีกหลายจุด ซึ่งถือเป็นการบ้านที่ตีเต้กุนซือทีมแซมบ้าต้องรีบแก้ไขโดยด่วน หากหวังที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 บนแผ่นดินรัสเซียมาครองให้ได้

เพราะฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา 2 นัดแรก ยังห่างไกลกับคำว่า “แชมป์โลก” มากทีเดียว.

หมวดแซม

ข้อมูลจาก https://www.thairath.co.th/content/1316332