DATATHON รวมพลัง 5 องค์กรหนุนสตาร์ทอัพไทยติดปีกธุรกิจเกษตรและอาหาร เผยแนวโน้มเทคโนโลยีเกษตรและอาหารใ เทคโนโลยีและไอโอทีเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนโลกและการพัฒนาประเทศสู่เป้าหมายไทยแลนด์4.0 นั้นประเทศไทยเป็นแหล่งการเกษตรและอาหารที่มีชื่อเสียงของโลกขณะที่ประชากรโลกเพิ่มสูงขึ้น แต่พื้นที่เพาะปลูกทำการเกษตรกลับลดน้อยลงอย่างมากแล้วการเกษตรกับอาหารจะพลิกโฉมไปอย่างไรในยุคไทยแลนด์ 4.0 ? ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจพระจอมเกล้าลาดกระบังและคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)ร่วมกับ C asean- Dream Office , สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ บริษัท ที.ซี.ซี.เทคโนโลยี จำกัด เปิดตัวโครงการดาต้าธอน( DATATHON) แข่งขันบ่มเพาะสตาร์ทอัพ ในหัวข้อ Agriculture and Food Technology เพื่อพัฒนาศักยภาพการเกษตรและอาหารของไทยสู่โอกาสทางธุรกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ตอบรับไทยแลนด์4.0 คุณนันทัชพรจิระวิชชาสกุล Casean -Dream Office ผู้ดำเนินงานพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ กล่าวว่าโครงการ DATATHON กระบวนการกลั่นไอเดียสตาร์ทอัพและประกวด (Pitching) ตั้งแต่ 15 - 16 ก.ค. 60 เปิดกว้างสำหรับสตาร์ทอัพนักศึกษา หรือผู้สนใจที่จะมาร่วมดวลไอเดียเทคโนโลยีพัฒนาธุรกิจการเกษตรและอาหารซึ่งมีศักยภาพสูงและมีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก ทั้งในประเทศและตลาดโลกเราเปิดรับสมัครถึงวันที่ 30 มิ.ย. 60 คุณสมบัติของผู้สมัคร 1) สมัครได้ตั้งแต่ 1- 5 คน / ทีม (เดี่ยวหรือกลุ่มก็ได้)2) สมาชิกในทีมควรประกอบด้วย นักคิด นักสร้างสรรค์ นักเทคโนโลยี นักการตลาด-ประชาสัมพันธ์โดยมีสมาชิกอย่างน้อย 2 คน มีความรู้ความสามารถการพัฒนาชิ้นงานเทคโนโลยีได้ และอย่างน้อย 1 คน สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี 3) ไม่จำกัดอายุ เพศ และระดับการศึกษา โครงการ DATATHON ได้รับความสนใจดียิ่ง มีผู้ร่วมโครงการจากหลายอาชีพ 37 คน 8 ทีม ตลอด 3 วันของ DATATHON โดยวันแรกจัดปฐมนิเทศแบ่งกลุ่มตาม 5 หัวข้อ ได้แก่ Sensor (remote) Livestock, Sensor (remote)Crops,Food Packaging, Food Innovation และ FoodLogistic ส่วนวันที่สองทุกทีมจะได้ร่วมเวิร์คช็อปกับผู้เชี่ยวชาญจากในและต่างประเทศ มีกิจกรรม Prototype ร่วมกับทีมพี่เลี้ยงและในวันสุดท้ายจัดแข่งขันไอเดียนวัตกรรม ศ.ดร.สุชัชวีร์สุวรรณสวัสดิ์ (SuchatveeSuwansawat) อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารติดอันดับ 1 ใน 5ของโลก ทำรายได้ให้ประเทศปีละกว่า 1 ล้านล้านบาทมีอัตราการเติบโตปีละกว่า 10% และมีนโยบายที่สำคัญในการเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของโลกจากรากฐานทางเกษตรกรรมผลิตผลทางการเกษตรได้สนับสนุนการเติบโตพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารตลอดมาแนวโน้มของธุรกิจเกษตรและอาหารไม่ได้อยู่ที่ขนาดแต่อยู่ที่ทำอย่างไรจะใส่เทคโนโลยีลงไปตอบโจทย์ผู้บริโภคดังนั้นธุรกิจไม่ว่าใหญ่เล็กจึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เพิ่มคุณภาพคุณค่าและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ทันความต้องการของผู้ซื้อและมาตรฐานการค้าที่เข้มงวดมากขึ้น ตอบรับยุคไทยแลนด์ 4.0 แนวโน้มของธุรกิจเกษตรและอาหารคือ การเปลี่ยนแปลงความชอบในอาหาร ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงและแสวงหาอาหารใหม่ๆ ที่มีคุณค่า และตรงความต้องการมีทางเลือกที่แปลกใหม่มากขึ้น เช่น โปรตีนจากแมลง ซึ่งมีโปรตีนสูงกว่าเนื้อสัตว์อีกแนวโน้มคือเทคโนโลยีการถนอมอาหาร เช่น เมนูอาหารจากเชฟดังที่แช่เยือกแข็งสุญญากาศ (Freeze drying) สามารถเปิดกระป๋องเติมน้ำร้อนพร้อมรับประทาน ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยคืนรูปรส กลิ่น สีสัน และคุณค่าอาหารครบถ้วน รศ.ดร.คมสัน มาลีสี (KomsanMaleesee) คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า เกษตรและอาหารคือความมั่นคงของประเทศและภูมิภาคโลก เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำรงชีวิตมากขึ้นเทคโนโลยีจะช่วยแก้ปัญหาที่ดินการเกษตรน้อยลงขณะที่จำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานและเสริมประสิทธิภาพการผลิตในฟาร์มเกษตร และโรงงานให้ได้ปริมาณและคุณภาพมากขึ้นแนวโน้มการนำเอาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ เช่น การปรับปรุงพันธุ์ในหลายระดับ การตัดแต่งยีน การขยายพันธุ์พืชมีการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ อีกแนวโน้มในอนาคตอาจจะมีการวิจัยพัฒนาเพื่อผลิตพืชผลและอาหารในห้องแล็บปฏิบัติการ โดยจะข้ามขั้นตอนการทำฟาร์มเกษตรกรรม เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก สำหรับโครงการ DATATHON จะมุ่งยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการผลิต หรือการตลาด ช่วยลดความเหนื่อยยากของเกษตรกรและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆนำนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มาสู่ความเป็นจริงในทางปฏิบัติ เช่น สมาร์ทฟาร์ม ระบบอัตโนมัติ ระบบน้ำหยด เป็นต้น โครงการ DATATHON ได้วางแผนจัดกิจกรรมแข่งขันไอเดียสร้างนวัตกรรมและสตาร์ทอัพ รวม 4 ครั้ง นับจากปีนี้ถึงต้นปี 2561 ได้แก่ DATATHON ครั้งที่ 1 เดือนกรกฎาคม2560 หัวข้อ Agricultureand Food Technology คุณฉัตรชัยคุณปิติลักษณ์ (ChatchaiKhunpitiluck) รักษาการรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีความเป็นเลิศด้านอาหารและการเกษตรเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่เราต้องไม่หยุดนิ่งและการนำเทคโนโลยีต่างๆมาช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการเกษตรและอาหาร จะทวีความสำคัญมากขึ้น การทำ การเกษตรอัจฉริยะ เป็นแนวโน้มภาคบังคับที่ประเทศไทยจะต้องสร้างผลผลิตที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพในภาคเกษตรกรรมนำมาสู่ความได้เปรียบในการวางยุทธศาสตร์ด้านอาหารเพื่อสร้างอำนาจต่อรองและเป็นความมั่นคงทางอาหารของชาติสำหรับประเทศไทยเรามีนโยบายเรื่องเกษตรอัจฉริยะออกมาแล้วคงเหลือแต่การนำนโยบายไปสู่การทำให้เกิดขึ้นจริง อาทิสร้างกองทุนเพื่อสนับสนุนการสร้างสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเกษตรและเทคโนโลยีอาหารมาตรการภาษีให้ผู้ประกอบการในการนำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆมาเรียนรู้และพัฒนาปรับแต่งให้เหมาะสมกับปัจจัยของประเทศกิจกรรมสร้างความตื่นตัวและการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล (DigitalAgriculture Literacy) ในภาคการเกษตรให้กับเกษตรกรไปจนถึงการสร้างมาตรการส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าวิจัยด้านเทคโนโลยีเกษตรและอาหารอย่างจริงจังการสนับสนุนยกระดับให้ผู้ให้บริการด้านเกษตรและอาหารของไทยสามารถขยายการให้บริการจากในประเทศไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนได้อีกด้วยระบบอัตโนมัติจะถูกนำมาใช้ในฟาร์ม การสื่อสาร IoT จะสร้างโอกาสในการเกิดตลาดใหม่ๆ ในทุกพื้นที่ที่มีสมาร์ทโฟนและทำให้คนทำฟาร์มเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ผลิตภัณฑ์กลไกทางด้านการเงิน เป็นต้น คุณไซม่อนหลิน (Simon Lin) เจ้าของธุรกิจ EliteCo-op กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตการเกษตรที่สำคัญของโลกแต่ด้วยเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมที่ต้องพึ่งพาดินฟ้าอากาศตามสภาวะธรรมชาติที่ไม่แน่นอนทำให้ผลผลิตตกต่ำผลผลิตจำนวนมากเสียหายไปตั้งแต่เก็บเกี่ยวไปสู่ผู้บริโภคหรือสู่กระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเนื่องจากการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีพอแนวโน้มจะมีการแชร์ข้อมูลระหว่างเกษตรกรผ่านเทคโนโลยี (LeverageAccumulation) ช่วยกันขับเคลื่อนเป็นกลุ่มจะทำให้ประสบผลสำเร็จดีกว่าทำเพียงลำพังใช้นวัตกรรมเกษตร โมเดลธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการเกษตรจะเพิ่มมากขึ้นเช่น เทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย เกษตรกรรมแบบแม่นยำสูงหรือฟาร์มอัจฉริยะเกษตรกรรมในเมือง และเกษตรกรรมแบบยั่งยืน รวมไปถึงการจัดการผลิตผลเกษตรแบบครบวงจรเพื่อช่วยเกษตรกรไทยให้มีความเป็นอยู่ทีดีขึ้นและจะส่งเสริมให้ประเทศไทยยังคงรักษาการเป็นฐานสำคัญของผลิตผลเกษตรของโลกต่อไปอีกแนวโน้มหนึ่งคือการกระจายเครือข่าย (Decentralization) และเข้าสู่ผู้บริโภคได้รวดเร็ว เพื่อลดต้นทุน แทนที่จะทำฟาร์มในที่ห่างไกลก็ใช้เทคโนโลยีทำฟาร์มในเมือง ไม่ต้องพึ่งแต่ลมฟ้าอากาศเพียงอย่างเดียวใช้แรงงานน้อย ทั้งนี้ Elite Co-op ใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรเปลี่ยนแปลงที่ดิน14 ไร่ ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ให้เป็นสมาร์ทฟาร์มที่ยั่งยืนผสมผสานการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการเรียนรู้จากกรณีศึกษาต่างๆร่วมกับลูกค้าแก้ไขปัญหาร่วมกันและแบ่งปันความรู้สู่สำเร็จ -------------------------------- |
Sky of Thailand
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |