ทั้งนี้ แอดมินเพจดังกล่าวระบุว่า "มารวมตัวกันเป็นพลังเสียง ร่วมเปลี่ยนกฏหมายคดีโทษข่มขืนกันเถอะคะ อย่าให้มีเหยื่อสังเวยความกามมากกว่านี้ ทุกกระบอกเสียงสำคัญ ร่วมกันแชร์รวมตัวกันคะ ตัวแอดมินเองไม่มีความรู้ด้านกฏหมายมากนัก แต่อยากให้มีอะไรมาเปลี่ยนให้มันดีขึ้น ไม่งั้นก็เกิดเหตุแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะรวมตัวกันที่ ลานพาร์คพารากอน เวลา 11.00 อยากให้ทุกคนใส่ชุดสีดำ เพื่อไว้ทุกข์ให้แก่เหยื่อ แอดมินไม่ทราบหรอกนะคะว่าทำแบบนี้จะเปลี่ยนได้ไหมแต่คิดว่าดีกว่าเรานิ่งดูดายกัน ใครสนใจมาร่วมกัน"
ก่อนหน้านี้ ในเว็ปไซต์ Change.org พบว่ามีการรณรงค์หัวข้อ "เพิ่มโทษกฏหมายลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหากระทำชำเราให้รุนแรงยิ่งขึ้น" เพื่อเสนอไปยังนายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากแคมเปญรณรงค์โดยผู้ใช้ชื่อว่า จ่าพิชิต ขจัดพาลชน มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุน 21,541 คน มีข้อความการรณรงค์ ว่า "เพิ่มโทษกฏหมายลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหากระทำชำเราให้รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าในปัจจุบัน อย่างน้อยให้มีโทษเท่ากับคดีฆาตกรรมหรือจนถึงจำคุกตลอดชีวิต
ปอ. มาตรา 276 ผู้ใดข่มขืน กระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ใภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือ โดยทำให้ผู้อื่นนั้น เข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษ จำคุก ตั้งแต่ สี่ปีถึงยี่สิบปี และ ปรับ ตั้งแต่ แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
การกระทำชำเรา ตาม วรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโด การใช้อวัยวะเพศ ของ ผู้กระทำ กระทำกับ อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือ ช่องปาก ของ ผู้อื่น หรือ การใช้ สิ่งอื่นใด กระทำกับ อวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก ของ ผู้อื่น
ถ้าการกระทำความผิด ตาม วรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยมีหรือใช้ อาวุธปืน หรือ วัตถุระเบิด หรือ โดย ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน อันมีลักษณะ เป็นการโทรมหญิง หรือ กระทำ กับชาย ในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษ จำคุก ตั้งแต่ สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และ ปรับ ตั้งแต่ สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือ จำคุก ตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำความผิด ตาม วรรคหนึ่ง เป็นการกระทำความผิด ระหว่าง คู่สมรส และ คู่สมรสนั้น ยังประสงค์จะอยู่กินด้วยกัน ฉันสามีภริยา ศาล จะลงโทษน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือ จะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก และ คู่สมรส ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินด้วยกัน ฉันสามีภริยาต่อไป และ ประสงค์จะ หย่า ให้คู่สมรส ฝ่ายนั้น แจ้งให้ศาลทราบและให้ศาลแจ้ง พนักงานอัยการ ให้ดำเนินการฟ้องหย่าให้
นี่คือโทษสำหรับการกระทำผิดฐานกระทำชำเราในทุกวันนี้ซึ่งมันเบาบางมากระหว่างอยู่ในคุกถ้ามีความประพฤติดีหรือมีการลดหย่อนโทษให้ผ่านไปแค่สามสี่ปีผู้ต้องขังก็จะได้ออกมาลอยนวลนอกคุกอีกครั้ง ผู้ต้องหาหลายๆรายหลังออกจากคุกยังไม่สำนึกผิด ก่อเหตุกระทำชำเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางรายยิ่งก่อเหตุรุนแรงมากขึ้น จากข่มขืน กลายเป็นฆ่าข่มขืนหรือข่มขืนผู้เยาว์ เมื่อเทียบกับชีวิตของเหยื่อผู้เสียหาย ที่บางคนต้องติดเชื้อจากการข่มขืนบางคนได้รับบาดแผลทางจิตใจจนยากที่จะกลับมาใช้ชีวิตดังเดิม
การข่มขืนไม่ใช่แค่การล่วงละเมิดทางเพศ แต่มันคือการทำลายชีวิตของเหยื่อผู้เสียหาย ไม่ต่างไปจากการฆาตกรรมหรือประทุษร้ายถึงแก่ชีวิต แต่โทษของการข่มขืนในปัจจุบัน คือการจำคุกเพียง 4 ถึง 20 ปี เท่านั้น เหตุใดเราจึงไม่ควรเพิ่มโทษของการข่มขืน ให้อย่างน้อยเท่าเทียมกับการฆาตกรรม หรือจนถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตล่ะถ้าการจำคุกมันไม่สามารถทำให้ผู้กระทำผิดกลับตัวกลับใจได้
อีกประเด็นที่ควรแก้ไขคือการบรรเทาโทษให้กับผู้ต้องขังคดีข่มขืนกระทำชำเรา กฏหมายระบุเอาไว้ว่า มาตรา 78 เมื่อปรากฏว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ไม่ว่าจะได้มีการเพิ่มหรือการลดโทษตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นแล้วหรือไม่ ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษ ที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้นก็ได้ เหตุบรรเทาโทษนั้น ได้แก่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้โฉดเขลาเบา ปัญญาตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีคุณความดีมาแต่ก่อน รู้สึก ความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้นลุแก่โทษต่อ เจ้าพนักงานหรือให้ความรู้แก่ศาล อันเป็นผลประโยชนแก่การพิจารณาหรือเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะทำนองเดียวกัน
นอกจากเราควรจะเพิ่มโทษให้กับผู้กระทำชำเราแล้ว อีกประเด็นนึงที่สำคัญคือ ยกเลิกการบรรเทาโทษให้แก้ผู้ต้องขังเสีย และยกเลิกการพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังในคดีกระทำชำเราด้วย ยกตัวอย่างเช่น ล่าสุดกรณีเด็กหญิงอายุหกขวบคนนึงหายตัวไปหลังจากไปดูงานคอนเสิร์ทกับครอบครัว สุดท้ายพบกระโหลกศรีษะของเด็กผู้หญิงคนนี้ฝังอยู่ในพงป่าใกล้สถานี BTS แบริ่ง รวมถึงคดีอื่นๆในที่มีลักษณะคล้ายกัน เมื่อตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยคนนี้รับสารภาพว่าได้พาเด็กหญิงไปบีบคอและข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่และปล่อยให้เด็กหญิงนอนรอความตายอยู่ในพงป่านั้น
ประเด็นคือผู้ต้องหาคนนี้เพิ่งพ้นโทษในคดีพรากผู้เยาว์มาหมาดๆ แต่หลังจากถูกจำคุก 3ปี 8 เดือน สภาพแวดล้อมในเรือนจำไม่ได้ช่วยให้จิตใจของเขาดีขึ้นเลย เช่นนี้เรายังไม่ควรจะเพิ่มโทษในคดีข่มขืนกระทำชำเราให้รุนแรงกว่าเดิม และยกเลิกการอภัยโทษหรือบรรเทาโทษให้กับคนจำพวกนี้อีกหรือ หรือจะรอให้เหยื่อคนต่อไปคือญาติมิตรของคุณเสียก่อน"