PERTH ตอนที่ 1 ข้อมูลการขอวีซ่าออสเตรเลียและการเลือก Hostel
จริงๆ ทริปนี้มันเกิดจากอาการอ่านกระทู้ออสเตรเลียของคนอื่นแล้วอยากกลับไปอีก หลังจากที่เคยไปมาในช่วง 10 ปี ก่อน จริงๆ ทริปนี้แพลนไปเที่ยว 3 เมือง ซึ่งเป็นเมืองที่เป็น World's Most Liveable Cities 2011 ได้แก่ Perth Adelaide Melbourne



ตอนนี้จะพูดถึงในส่วนของ Perth ก่อน ซึ่งภูมิใจนำเสนอมาก เนื่องจากทำสถิติเที่ยวแบบประหยัดหรือเรียกอีกอย่างว่า "งก" ไว้แบบเที่ยว 3 วันเสียไป 8,000 บาท ค่อยๆ ติดตามกันนะคะว่าเที่ยวยังไง ไม่รวมตั๋วและ Shopping นะ ซึ่งสารภาพว่าไม่ได้เสียเงิน Shopping ที่เมืองนี้สักกะบาท

Trip นี้เดินทางคนเดียวนะ

ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องน่าเบื่ออย่างการขอวีซ่าก่อน



จากการศึกษาใน Website ได้รู้ว่าการขอวีซ่าประเทศออสเตรเลียมี 3 วิธี
1. ยื่นด้วยตัวเองที่สำนักงานเพื่อการยื่นขอวีซ่าออสเตรเลีย (AVAC)
ชั้น 34 ตึกไทยซีซี 889 ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ ตรงข้ามสถานีสุรศักดิ์
//www.vfs-au.net



2. ส่งทางไปรษณีย์ที่สถานทูตออสเตรเลีย แผนกวีซ่า
37 สาทรใต้ กรุงเทพฯ 10120



3. ยื่นที่สถานทูตออสเตรเลียโดยทำการนัดหมายล่วงหน้า อันนี้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ โดยต้องโทรฯ หมายเลข 02 3446400 (ระหว่างเวลา 14.30–16.30 จันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ)

การชำระเงินค่าวีซ่าทำได้หลายวิธีดังนี้



Cashier's cheques: if purchased in Bangkok or the Nonthaburi, Pathumtani and Samuthprakarn provinces.

Bank draft: for all other provinces in Thailand.
Made payable to ‘The Australian Embassy, Bangkok’

Cash: upon lodging visa applications at the Australian Visa Application Centre.

ค่าธรรมเนียมจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.ค. แนะนำว่าก่อนซื้อเช็คหรือดราฟท์ ตรวจสอบค่าวีซ่าที่ Website สถานทูตอสเตรเลีย หรือที่ VFS ก่อนดีที่สุด

ถ้าจะใช้บริการที่ AFS (ข้อ 1) จะมีค่าบริการเพิ่มขึ้นมา 600 บาท และค่าใช้จ่ายสำหรับจัดส่งเอกสารคืน ถ้าไม่มารับด้วยตัวเอง

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการยื่นวีซ่าท่องเที่ยว



1. แบบฟอร์ม 48R/ 48RTHA อันนี้สารภาพว่าหาฟอร์มใน Website ไม่เจอ เราเลยหาจาก Google เอา ถ้าใครหาไม่เจอแบบเราก็ Search Google 48R/48RTHA ก็ได้ค่ะ

2. ค่าธรรมเนียม ตามรายละเอียดด้านบน

3. หนังสือเดินทาง ซึ่งต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และต้องครอบคลุมระยะเวลาที่จะอยู่ในประเทศออสเตรเลีย

4. รูปถ่าย 1 รูป (อันนี้ไม่ได้กำหนดขนาดที่ชัดเจน แต่ที่ส่งไปก็เป็นรูปขนาด 1.5”x2” แบบเดียวกับที่ใช้ทำวีซ่าอังกฤษ)

5. บัตรประชาชนไทย

6. ทะเบียนบ้าน

7. จดหมายที่ทำงาน (ถ้าเป็นนักศึกษาก็จดหมายรับรองจากสถาบัน)

8. หลักฐานทางการเงิน (อันนี้ก็ส่งสมุดบัญชีตัวจริงให้เขาไปเลย)

เอกสารที่ส่งไปทั้งหมดก็เป็นตัวจริงพร้อมสำเนา 1 ชุด ของประเทศออสเตรเลียระบุว่าไม่ต้องจองตั๋วเครื่องบิน+ที่พักก่อน
รอให้ได้วีซ่าก่อนแล้วค่อยจอง อันนี้ค่อยสมเหตุสมผลหน่อย

ระยะเวลาแห่งการรอคอย



เขาแจ้งทาง Website ว่าระยะเวลาในการทำวีซ่าประมาณ 7 วัน ทั้งนี้ไม่รวมเวลาจัดส่งเอกสาร และจากที่เข้าไปติดตามอ่านกระทู้ใน Pantip ก็พบว่า 7 วันนั้นสำหรับผู้ที่สมัครผ่าน AVAC แต่ถ้าส่งเองก็ประมาณ 1 เดือน แต่ถ้าเป็นช่วงพีค อย่างสงกรานต์หรือช่วงเปิดเทอมในประเทศออสเตรเลีย ก็จะเนิ่นนานออกไปอีก

เราก็กะไว้ว่าช่วงที่ไปนั้นไม่ได้เป็นช่วงเทศกาลแต่อย่างใด ประมาณ 1 เดือนน่าจะพอไหว แน่นอนเราเลือกวิธีแบบประหยัดสุดโดยการส่งไปรษณีย์ไปที่สถานทูต ส่งไปช่วงปลายๆ กันยา กะว่าปลายๆ ต.ค. ได้รับ พอดีเดินทางช่วงต้น พ.ย.

ที่ไหนได้พอส่งไป จะครบเดือนแล้วก็เริ่มลุ้น น้องน้ำก็คืบคลานมาใกล้บ้านทุกขณะ ในที่สุดทนไม่ไหวก็ต้องโทรฯ ไปหาที่สถานทูต ซึ่งการโทรฯ ไปที่สถานทูตนั้นต้องใช้ความอดทนขั้นเทพ เพราะโทรฯ ติดยากมาก ถึงโทรฯ ติดก็รอนานมาก แต่ในที่สุดเราก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่เขาตรวจสอบให้แล้วบอกว่าเรียบร้อย เพิ่งส่งออกมาวันที่โทรฯ นี่ล่ะ ซึ่งเป็นวันที่ครบ 1 เดือนพอดี ลุ้นอีก 2-3 วัน ก็ได้รับพาสปอร์ตพร้อมวีซ่า จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็กลายเป็นผู้อพยพทันที ทันเวลาแบบฉิวเฉียดจริงๆ



ส่วนตัวแล้วเราว่าการขอวีซ่าออสเตรเลียค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เคยขอมาอย่างอังกฤษกับอเมริกา

ที่ว่าง่ายเพราะ ไม่ต้องไปขอด้วยตัวเอง ส่งไปรษณีย์ไปก็ได้ หรือถ้าจะไปเองที่ AVAC ก็ไม่ต้องทำนัดล่วงหน้า

แบบฟอร์มง่าย กรอก 15 นาทีก็เสร็จ ไม่ถามเยิ่นเย้อ ละเอียดเหมือนอีก 2 ประเทศ

แต่ข้อเสียคือถ้าส่งเองใช้เวลานานมาก ควรเผื่อเวลาไว้เลย 2-3 เดือน

หลังจากได้วีซ่า เรื่องต่อไปที่ทำให้ปวดหัวรองลงมาคือการหาที่พัก



การหาที่พักที่ Perth เป็นอะไรที่ง่ายมาก เพราะมันแพงมาก ทำให้ไม่มีตัวเลือกเยอะ ที่กะไว้คร่าวๆ คือคืนละ 1000 บาท ซึ่งจะได้แค่ Hostel เท่านั้น



การเลือก Hostel ของเรา สำหรับTrip นี้ เราก็ดูจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้
1. ขอห้องรวมที่เป็นผู้หญิงล้วนเท่านั้น ราคาอาจจะสูงกว่าห้องรวมทั่วๆ ไป แต่เพื่อความปลอดภัย ยอมจ่ายเพิ่มเหอะ
2. ขอห้องที่มี Air Condition ใครที่เคยไปออสเตรเลียหน้าร้อน คงพอทราบกิตติศัพท์มาบ้างว่ามันทรมานแค่ไหน ฉะนั้นอันนี้จึงอยู่ในข้อแรกๆ ที่เราระบุไว้ว่า ต้องมี
3. ขอทำเลดีๆ หน่อย อันนี้ไม่ยาก เพราะ Hostel ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในเมืองอยู่แล้ว
4. ขอจำนวนคนในห้องน้อยๆ หน่อย บาง Hostel ต้อง share กัน 16/12/8/6/4/3 คือถ้าได้สัก 4 หรือ 3 นี่จะโอเคมาก ไม่อึดอัด

ในที่สุดจากการงมหาที่พัก 3 คืนของเราใน Perth เราก็ได้ที่ที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการไว้ทุกประการ นั่นก็คือ YHA พอตกลงปลงใจก็ส่ง email ไปคุยกับเขาก่อนมีห้องว่างไหม จากนั้นก็จองไว้เลย โชคดีที่ YHA Perth ไม่ต้องมีการจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไปถึงแล้วค่อยไปจ่ายที่โน่น แต่ที่อื่นๆ นโยบายก็แตกต่างกันไป คงถามแต่ละ YHA กันเองนะคะ

หลายๆ คนคงสงสัยว่า YHA คืออะไร จริงๆ มันก็คล้ายๆ กับพวก YMCA ของอเมริกานั่นแหละ แต่ YHA ในรุ่นแรกๆ จะเน้นเป็นที่พักสำหรับพวกเด็กหรือเยาวชนที่มาท่องเที่ยว แต่ในที่สุดก็ขยายไปสำหรับทุกเพศทุกวัย และมีราคาพิเศษทั้งห้องพักและทัวร์ต่างๆ ให้กับสมาชิก จริงๆ เรารู้จัก YHA ครั้งแรกก็ที่ประเทศออสเตรเลียนี่แหละ เป็นที่นิยมมากในประเทศนี้ เนื่องจากทำเล ความสะอาด ความปลอดภัย ปัจจุบัน YHA มีอยู่ใน 80 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย

หลังจากตัดสินใจพักที่นี่เราก็เริ่มสมัครบัตร YHA ไว้ใช้เป็นส่วนลดเวลาไปพัก เข้า Website YHA Thailand //tyha.org/tyha/web/home.php
แล้วโอนเงินให้ 350 บาท+ค่าจัดส่ง จากนั้น 3-4 วัน บัตรสมาชิกก็ส่งมาให้ที่บ้าน สะดวก รวดเร็วมาก



เนื่องจากออสเตรเลียไม่ใช่การเดินทางครั้งแรกสำหรับเรา การวางแผนเรื่องเที่ยวจึงวางไว้แบบหลวมๆ ไม่ลงรายละเอียดมาก มีในใจบ้างว่าอยากไปไหน แต่ก็ต้องยกให้ดินฟ้าอากาศเป็นตัวกำหนด

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของ Perth ครั้งแรกตั้งกะปี 99 แต่สิ่งที่เหมือนเดิมเลยคือการไปคนเดียว เที่ยวคนเดียว

เป็นประเทศแรกที่สอนให้รู้จักการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทำให้มีความหลังกับประเทศนี้ค่อนข้างเยอะ รักประเทศนี้เป็นพิเศษ^^

เดี๋ยวจะพาไปขึ้นเครื่องตอนหน้านะคะ อย่าลืมมาเที่ยวด้วยกันนะ^^




Create Date : 08 ธันวาคม 2554
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 21:27:41 น.
Counter : 7375 Pageviews.

4 comments
  
มารออ่านตอนต่อไปครับ
โดย: jiwyee IP: 27.130.59.56 วันที่: 9 ธันวาคม 2554 เวลา:2:11:27 น.
  
ถ้าสนใจที่อยู่สำหรับนักเรียนมาperth apartmentใหม่เอี่ยมพร้อมfurniture 1ห้องนอน1ห้องน้ำ มีห้องครัวและห้องนั่งเล่นห่างจากmurdoc universityเพียง10นาทีให้เช่าอาทิตย์ล่ะ&375aus ติดต่อhotnoi@hotmail.com
โดย: Noi helwig IP: 175.38.173.152 วันที่: 27 เมษายน 2555 เวลา:12:34:15 น.
  
ผมมี 2ห้องนอนว่างให้เช่าในบ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ครับ
อยู่แถว carousel shopping centre ใกล้ Curtin university คับ
บ้านใหม่ ห้องน้ำใหม่. ผมอยู่กับแฟน 2 คน อยากหาคนเช่ามาช่วย share ครับ
ใกล้ Bus stop กับ cannington train station คับ
มี furniture พร้อมเข้าอยู่
มี Wireless high speed internet คับ

ค่าเช่า 160$ / week สำหรับห้องเล็ก (King single bed)
ค่าเช่า 180$ / week สำหรับห้องใหญ่ (double bed)

ราคารวมค่าน้ำค่าไฟแล้วครับ
Female only, No smoker only, no pet allowed.
สนใจติดต่อ 0423226960, supadid@hotmail.com
โดย: JO IP: 203.14.52.42 วันที่: 7 สิงหาคม 2555 เวลา:9:30:58 น.
  
อยากสอบถามว่ากรอกวีซ่าต้องใช้พิมพ์ใหญ่ทั้งหมดเหรอค่ะ เอกสารต่างๆของเราต้องแปลภาษาอังกฤษด้วยหรือไม่ อาทิ ปปช. ทะเบียนการค้า ,สำนาทะเบียนบ้าน อ่านแล้วงง บอกคนบอกแปล บางคนบอกไม่ต้องแปลนะค่ะ ที่หน้าเวปvfsบอกว่าเอกสารไทย ต้องแปลทุกอย่าง แล้วประกันเราซื้อหลังจากได้วีซ่าได้หรือไม่
โดย: pat IP: 27.55.45.191 วันที่: 29 พฤษภาคม 2557 เวลา:14:47:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bpearl
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



ชื่อเปิ้ลค่า

ที่มาของ Bpearl
ก็มาจากเปิ้ลนี่แหละ ตอนไปต่างประเทศฝรั่งถามชื่ออะไร พอบอกชื่อ Ple..Apple มันขำใหญ่เลย ฝรั่งไม่ค่อยใช้ชื่อผลไม้เป็นชื่อเล่น ก็เลยขอเพี้ยนมาเป็น Pearl แทน ฝรั่งออกเสียงได้ง่ายด้วย ทีนี่ตอนสมัครสมาชิก Pantip มีคนใช้ Login ว่า Pearl แล้ว คิดอะไรไม่ออก ชอบเข้าห้อง Blue Planet เลยเติม B หน้าชื่อตัวเองไปซะเลย คล้องจองกับห้อง BP ไง

**เพิ่งสร้าง FB Ple Bpearl ตามไปเป็นเพื่อนกันได้นะคะ**
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31