1 วัน สบาย สบาย @ เกาะสีชัง

ทริปสบายๆ ทริปนี้เกิดเมื่อปีที่แล้วจากน้องที่ทำงานเดินเข้ามาบอกเพื่อนร่วมงานว่าพี่หนูบนไว้ที่เกาะสีชัง แล้วยังไม่ได้ไปแก้เลย แล้วชีวิตช่วงปีที่ผ่านมาของเธอผู้นี้ก็มีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมงาน เลยเกิดเป็นทริปเกาะสีชัง โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อที่จะพาน้องมาแก้บน

ทริปนี้มีกัน 12 ชีวิตหลายคนในกลุ่มเคยเดินทางไปที่เกาะสีชังมาแล้ว รวมทั้งเราด้วย แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเกาะนี้ลางเลือนเต็มทน เพราะไปมาตั้งกะเป็นเด็กเล็กๆ แ้ม้แต่เจ้าของเรื่องที่จะต้องเดินทางไปแก้บนก็ด้วย ลางเลือนเหมือนกัน

ข้อมูลในเบื้องต้นก็มาจากทาง Internet คร่าวๆ ว่าเขาไปเที่ยวกันที่ไหนบ้าง แต่ก็นึกภาพอะไรกันไม่ค่อยออก

ทริปนี้ล้อเริ่มหมุนตั้งกะ 7 โมงเช้า นัดเจอกันที่แถววิภาวดี ขึ้นทางด่วนไปลงบางนา แวะรับผู้โดยสารแถวบางนา
โดยมีการแวะซื้ออาหารเช้ารายทาง เพราะตั้งงบอาหารเช้าไว้คนละ 100 บาท พอผู้โดยสารครบก็ตรงดิ่งไปศรีราชากันเลย

มาถึงศรีราชาเกือบ 10 โมง รถตู้มาส่งตรงท่าเรือเกาะลอย จากนั้นก็นัดแนะกับคนขับว่าจะโทรฯ มาบอกให้มารับอีกที

เริ่มมีการพูดคุยกันว่ามีอะไรที่เกาะบ้างเนี่ย
สงสัยไหว้พระเสร็จแล้วกลับเลย
เที่ยงก็เสร็จมั้ง
ทำไรต่อดีล่ะ เช่ารถมาได้ถึง 4 ทุ่มเลย



จากนั้นก็ตัดสินใจว่าข้ามไปดูก่อนแล้วกัน ถ้าไม่มีอะไรก็อาจจะไปบางแสนต่อ นั่งเรือที่เห็นด้านบนสีเขียวๆ นะคะ ติดแอร์ ราคาคนละ 40 บาท คนเต็มถึงกับต้องตีตั๋วยืนกันเลยทีเดียว



ได้นั่งเรือรอบ 10 โมงเช้า คนเยอะจนงงว่าเขาไปทำอะไรกัน อากาศก็ไม่ดีเลย ต้องลุ้นว่าฝนจะตกลงมาไหม



นั่งเรือสัก 40 นาทีก็ไปถึงเกาะ เรือวิ่งนิ่มมาก คนเมารถ เมาเรือง่ายๆ อย่างเราคราวนี้ยังไม่ต้องพึ่งยาแก้เมาเลย



จากนั้นก็ไปเหมารถ 2 แถวที่เห็นในภาพให้เขาพาเที่ยว สองแถว 1 คัน 500 บาท สำหรับ 1 วัน กลุ่มเรามี 12 คน หารกันตกคนละไม่ถึง 50 บาท คุ้มมากกกกกกก



เป้าหมายแรก ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักสำหรับทริปนี้คือพาน้องสุดที่รักไปแก้บน



บันไดเดินขึ้นชันพอสมควร แต่มีทางเลือกสำหรับคนสูงวัยเป็นรถรางขึ้นไป
แน่นอน คนหนุ่มสาวอย่างเราเลือกเดินขึ้น ^^



ในความคิดนะคะว่าจุดที่รถรางขึ้นมาถึงเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยสุดแล้ว



ทำให้นึกถึงที่เวียดนาม ตรงถ้ำที่ฮาลองเบย์เลย



สาธุ ขอให้ลูกถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ต้องลุ้นว่าจะได้กลับมากันอีกรอบไหม



ใครปีชงหรือจะเสริมดวงก็ไปแปะป้ายชื่อตรงหน้าถ้ำได้อีก



เสร็จจากทำบุญแก้บนกันแล้ว ก็ถึงเวลามาหาของทานบนเกาะกัน
ก่อนมาหลายต่อหลายคนเตือนไว้ว่าบนเกาะไม่มีอะไรกินหรอก
สงสัยตัองหิ้วข้าวเหนียวไก่ย่างมาจากศรีราชามานั่งทานบนเกาะกัน

แต่ในที่สุดพี่สองแถวเหมาคันก็พามาที่ร้านนี้



บรรยากาศดีติดทะเล นึกว่ามาทะเลจะไม่ได้กินซีฟู้ดซะแล้ว





รอไม่นานหม้อแรกก็มาลง เป็นต้มยำทะเลหรือโป๊ะแตก



หมึกนึ่งมนาว อร่อยมากกกกกก
หมึกสดซะจนต้องขอยกคำของพี่ในคณะมาโพสต์ให้ฟัง
เนื้อปลาหมึกละลายในปาก ส่วนไข่ปลาหมึกก็หวานละลายไปพร้อมกัน
ไม่เหมือนปลาหมึกไข่ที่กินที่กรุงเทพฯ มันจะเป็นก้อนแข็งๆ ไม่สด
ส่วนเนื้อก็จะเหนียวๆ ซึ่งหมึกที่นี่ต่างจากที่เคยกินมาเลย



ข้าวผัดทะเล ที่ทะเลเยอะกว่าข้าว



ปลาราดน้ำปลา แย่งถ่ายไม่ทันคนกิน



กุ้งอบวุ้นเส้น



หอยนางรม



น้ำพริกไข่ปู อร่อยมากกกกกกกก
ไม่เคยกินน้ำพริกไข่ปูที่ไข่ปูเข้มข้นขนาดนี้มาก่อน



อย่างสุดท้ายกุ้งชุบแป้งทอด



ขอย้ำว่าที่เห็นนี่สั่งมา 2 ชุด สำหรับ 12 นะคะ จัดเต็มมาก
อร่อยมาก สำหรับคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ค่อยเจออาหารทะเลสดๆ อย่างพวกเรา
ราคานี่บางคนอาจว่าสูงไป แต่สำหรับเราคุ้มมากๆ ความอร่อย+ความสด เทียบไม่ได้กับร้านในเมืองเลย



หลังจากนั้นก็โทรฯ ตามพี่สองแถวมารับ คือเหมาเขา แต่เขาจะส่งเราเป็นที่ๆ พอส่งเสร็จเขาก็ไปรับคณะอื่นต่อ พอเราจะให้เขามารับก็โทรฯ ตามน่ะค่ะ

บรรยากาศหน้าร้านระหว่างรอรถมารับ



มาแล้ว



ขึ้นรถมาก็คุยกัน ต่อไปไปไหนเนี่ย
ไม่มีใครรู้
แล้วบอกพี่สองแถวเขาว่าไง
ก็ไม่มีใครบอกอะำไร ถึงเวลาก็ขึ้นรถมาเลย เหมือนรถโรงเรียนอ่ะ

สรุปชีวิตนี้ผูกไว้ที่พี่สองแถว ไปไหนไปกัน

นั่งสักพัก พี่สองแถวก็ขับมาส่งที่พระจุฑาธุชราชฐา



พระราชวังจุฑาธุชราชฐาน เป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่บริเวณแหลมวังด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้้ของเกาะสีชัง

ชื่อพระตำหนัก “ พระจุฑาธุชราชฐาน” ได้รับพระราชทานนามตามพระนามของสมเด็จลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกฯ ที่ประสูติ ณ เกาะสีชังแห่งนี้



มุมมหานิยม มองดีๆ จะเห็นคู่แต่งงานอยู่ในภาพมาถ่าย Pre Wedding



เดินต่อมาก็มาถึงร้านกาแฟ

ถึงจุดนี้เพื่อนบางคนเริ่มงอแง เพราะกินอิ่มมาก เลยเริ่มขี้เกียจเดิน บางคนไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ บางคนไปนั่งชมวิวริมทะเล

บรรยากาศเราว่าคล้ายๆ ที่ชะอำ พระราชวังมฤคทายวัน แต่ตอนนี้ชอบที่นี่มากกว่าแล้ว (หมายถึงโดยรวมทั้งพระราชวังนะคะ ไม่ได้หมายถึงจุดใดจุดหนึ่ง)







บางคนก็แยกมาเดินชมเรือนไม้ริมทะเล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟ
ต้นไม้เยอะจริงๆ



เห็นแล้วนึกถึงละครย้อนยุคต่างๆ สงสัยจะเคยใช้ถ่ายละคร



ข้างในเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงเรื่องราวต่างๆ



มองออกจากหน้าต่างชั้น 2 เป็นวิวสวนสวยๆ สามารถเิดินเล่นต่อได้อีก แต่ไม่ได้ไป เพื่อนที่เดินไปมาเล่้าให้ฟังว่าสวยมากๆ



วิวทะเลหน้าบ้าน ชอบมาก อยากมีอย่างงี้สักหลัง



ทางเดินในสวน ดอกลั่นทมหรือลีลาวดีเยอะมาก สวยมากๆ





เอามาลอยโอ่ง ใช้ดอกจริงๆ นี่แหละไม่ต้องใช้ดอกปลอมเหมือนที่อื่น



ถึงเวลาเดินทางไปที่ต่อไป หาดถ้ำพังหรืออ่าวอัษฎางค์ เป็นชายหาดเดียวบนเกาะที่เล่นน้ำได้



มองเผินๆ เหมือนหาดสวยๆ ทางใต้เลยเนอะ
ตอนแรกน้องๆ ตั้งใจจะมาเล่นน้ำที่นี่ อยากเล่นบานาน่าโบ๊ทกัน แต่วันนี้ไม่เห็นมีบานาน่าโบ๊ทสักลำ





ตอนแรกว่าจะแวะนั่งเล่นสักหน่อย แต่เห็นบรรยากาศคล้ายๆ บางแสน พัทยา แล้วไม่แน่ใจว่าต้องสั่งอาหารอะไรมาทานอีกหรือเปล่า เพราะเราก็อิ่มกันมาแล้ว เลยเปลี่ยนใจไม่นั่งดีกว่า



อยู่ที่หาดถ้ำพังแป๊บเดียว ก็โทรฯ เรียกรถไปส่งที่ป้ายถัดไป ที่ช่องอิศริยาภรณ์หรือช่องเขาขาด



ช่องเขาขาด อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ชาวบ้านบนเกาะนิยมเรียกกันว่า หลังเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5



ที่เห็นนั่นเดินเล่นชมวิวพระอาทิตย์ตกได้เลย เดินไปถึงสุดปลายก็จะเห็นสะพาน มีคนไปตกปลากัน แน่นอนเราไม่ได้ไป 5555 ชมวิวจากบนสะพานเอาค่ะ



จากนั้นก็มานั่งรอรถมารับ นั่งพักทานไอศกรีมกันก่อน อร่อยอีกแล้วค่ะ บอกคนขายไว้แล้วว่าจะมาโฆษณาให้



นับว่าเป็นทริปที่อิ่มอร่อย อากาศดี วิวสวย ครบครันจริงๆ ค่ะ ผู้คนบนเกาะอัธยาศัยดีมากๆ ไม่ต้องปวดหัวถูกขูดรีดต่อราคาบ้าเลือดเหมือนหลายๆ ที่

ค่าใช้จ่ายบนเกาะก็ไม่สูงมาก จริงๆ ยังมีที่เที่ยวอีกที่ยังไปไม่ถึง อย่างปารีฮัทที่ถ่ายละครณเดชย์กับญาญ่า ตอนแรกก็อยากไปกันแต่พี่เขาบอกว่าขอเพิ่มอีก 100-200 บาท เนื่องจากอยู่หลังเขา แล้วทางก็เป็นลูกรัง เอิ่ม 100-200 บาทนี่สู้ไหว แต่ทางลูกรังนี่คิดหนัก เพราะแค่ทางธรรมดาบนเกาะก็ขย่มพอควร เนื่องจากบนเกาะเป็นเขา มีขึ้นเขาลงเขาให้หวาดเสียวเล็กน้อย แต่ถ้าลูกรังนี่สงสัยจะไม่รอดกัน



ครั้งหน้านี่สงสัยได้วางแผนลองมาค้างสักคืน เห็นที่พักบนเกาะก็มีเยอะค่ะ ทั้งแบบบ้านๆ ไปจนถึงโรงแรม รีสอร์ทดีๆ ซึ่งราคาก็ไม่ได้สูงมากมาย เท่าที่ทราบก็ประมาณพันกว่าบาท

สำหรับทริปนี้ของเรา 12 คน หารเฉลี่ยแล้วตกคนละ 750 บาทค่ะ รวมค่าเช่ารถตู้พร้อมน้ำมัน และค่าใช้จ่ายทุกๆ อย่างแล้ว

ค่าใช้จ่ายที่ Fix ก็มีค่าเรือ ค่าสองแถว
ค่าเรือไป-กลับคนละ 80 บาท
ค่าเหมารถสองแถว 500 บาทต่อคัน

ส่วนค่าอาหารนี้ก็รวมอยู่ใน 750 ตั้งกะค่าอาหารเช้าบนรถ อาหารทะเล กาแฟที่พระราชวัง ไอศกรีมกะทิ น้ำเปล่า น้ำอัดลมรายทาง

คุ้มมากค่ะ

บ๊าย บาย สีชัง แล้วจะกลับมาใหม่ค่ะ

Create Date : 26 มกราคม 2556 Last Update : 26 มกราคม 2556 20:04:10 น. Counter : 12574 Pageviews.		4 comments
Share Tweet