"Lock Out แหกคุกกลางอวกาศ" ภาพยนตร์ Sci-Fi ที่เกือบ.......

เนื้อหา Blog นี้จะมีการ Spoil เป็นบางช่วงของภาพยนตร์ หากไม่ถูกใจอย่างไร ขออภัยมาไว้ ณ ที่นี้


Lockout เป็นภาพยนตร์สัญชาติฝรั่งเศส กำกับโดย James Mather

จากชื่อของผู้กำกับท่านนี้ เท่าที่ผมสืบค้นประวัติได้จากเว็ปต่างประเทศ ก็พบว่า

"นี่คือผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรก" ของผู้กำกับท่านนี้ โดยผลงานหลักของเขาคือ "ช่างภาพ" แถมงานส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นภาพยนตร์สั้น (แน่นอนว่าหาดูยาก)

แม้ว่ามันจะเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายนานแล้ว แถมมีการ Review ไว้เยอะอีก ผมก็ยังรู้ึสกว่า ต้องเขียนลง Blog ซะหน่อยดีกว่า

โดยผมเห็น DVD เรื่องนี้มันอยู่บนแผงมาหลายเดือนแล้ว แถมลดราคาพิเศษอีกต่างหาก ก็ยังชั่งใจอยู่ว่าจะซื้อดีหรือไม่ ทำได้แค่ลังเล เพราะเห็นชื่อ Guy Pearce แสดงนำ แถมมีชื่อของ Luc Besson มาประกบอีก 

ที่จะบอกคือ ผลงานของ Besson ในยุคหลังๆ เหมือนจะไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนเท่าไหร่นัก ในส่วนตัวผมก็คิดว่าเขาก็ทำผลงานดีเอาเรื่องอยู่ แต่พอเจอการขาดทุนของ The Lady (2012) ไปที ผมก็ไม่มั่นใจกับผลงานของเขาเท่าไหร่

พอกดดู Trailer อันนี้เข้าแล้ว



ก็ตัดสินใจว่า "เอาวะ! ซื้อก็วื้อ แม้จะดูวิจารณ์มาว่าแย่ๆ ถ้าไม่โดนกับตัว คงไม่รู้"

เนื้อเรื่องกล่าวถึงว่า ในปี 2079 ลูกสาวประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจด้านสิทธิมนุษยชนบนเรือนจำอวกาศที่ไม่ไกลจากโลกนักนามว่า MS-1 แต่พอดีมีลูกน้องห่วยแตก (หรือทำเกินหน้าที่) พกอาวุธเข้าไปในเรือนจำ ทำให้ระหว่างสอบสวนถูกปล้นปืน จนโดนเหล่านักโทษทำรัฐประหารยึดเรือนจำ จนเดือดร้อนถึงผู้เป็นพ่อที่กุมบังเหียนประเทศอยู่ เลยต้องช่วยเหลือโดยการส่ง Snow เจ้าหน้าที่ CIA ที่ถูกจำคุก เนื่องจากปฏิบัติงานลับ และทำให้เจ้าหน้าที่เบอร์ใหญ่เสียชีวิต โดย Snow ต้องข้นไปช่วยเหลือลูกสาวประธานาธิบดี เพื่อแลกกับอิสรภาพ

ย้อนกลับไปถึง Luc Besson อีกครั้ง เพราะเนื้อเรื่องทั้งหมดนี้ คือไอเดียเนื้อเรื่องของ Besson แต่ว่าคงไม่ได้สร้าง เลยมาตกที่ผู้กำกับมือใหม่อย่าง James Mather มาสานต่อเนื้อเรื่อง จนเป็นภาพยนตร์ Action Sci-Fi

หลังจากกด Play บนเครื่องเล่น สไตล์การเล่าเรื่องเน้นรวดเร็ว จนบางช่วงเร็วจนงงว่า "เฮ้ย! มันคืออะไร?" แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร อาจจะไม่สำคัญก็เป็นได้

สิ่งหนึ่งที่ยอมรับแบบยืดอกพกถุงเงินซื้อ DVD อย่างมั่นใจคือ เนื้อเรื่องที่คิดโดย Luc Besson นั้น ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว มันอาจจะเป็น The Fifth Element ในเวอร์ชั่นนักโทษแหกคุก แต่ถึงกระนั้น การจะทำภาพยนตร์ให้ดีได้ ไม่ใช่แค่บทดี อย่างอื่นมันก็ต้องเชื่อมโยงกันเรียบ โดยเฉพาะผู้กำกับนี่แหละ

อย่าง Scene แรก เป็นบู๊ ซึ่งดำเนินได้เร็ว แต่อารมณ์ของผมนั้น ก็พยายามที่จะดันตัวเองให้มันรู้สึกตามไปด้วย ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่สุด ยังไม่มีอะไรทำให้ตัวผมกรี๊ดได้ หรือนั่งๆอยู่ เกิดอาการเสียวช่วงต้นขา จนไม่อยากลุกไป เพราะฉี่จะราดเอาอะไรทำนองนั้น

แม้จะมี CG ประกอบ ซึ่งสมัยนี้ใช้กันเยอะ แม้จะเป็นภาพวาด แต่ก็บ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายในการสร้างภาพยนตร์ได้ว่า "ผู้สร้างมันใช้ทุนเยอะหรือน้อย"

อย่าง CG ของเรื่องนี้ก็ดีเป็นจุดๆ จุดที่ดีก็ดีเลย อย่างเช่น Scene ต่อสู้ของพระเอก


หรือจะแย่ก็แย่เลยอย่างเช่น Scene ไล่ล่าพระเอก (วาดซะแบบว่า Production ของไทยกินขาดเลยล่ะ)


แต่ก็เห็นว่าการทำ Graphic ของประเทศฝรั่งเศสนั้น ก็ยังไม่แตกต่างกับฝั่งเอเชียอย่างไทยหรือญี่ปุ่น หนำซ้ำ CG ของญี่ปุ่น อาจจะดูดีกว่าเป็นบางเรื่อง (ไม่นับ USA เพราะฟากนั้นมีระดับหัวกะทิอยู่เยอะ)

โดยรวมของภาพยนตร์นี้เหมือนลูกผสม 3 เรื่อง

คือ Escape from LA + Die Hard + Blade Runner

แต่ติดแค่ว่าบางอย่างไม่สมจริง เช่นการเดินทางสู่อวกาศที่รวดเร็วเวอร์ หรือการกระโดดจากยานอวกาศเข้าสู่เรือนจำ ทั้งๆที่อยู่ในอวกาศ ซึ่งไม่มีแรงโน้มถ่วงแท้ๆ และฉากจบคือการที่พระเอกและนางเอก ตัดสินใจกระโดดออกจากเรือนจำ เพื่อกลับโลก แถมการกระโดดนั้นไม่ได้ให้ตัวลอยอยู่ในอวกาศ แต่ผู้กำกับทำให้การกระโดดครั้งนี้ ตกถึงพื้นโลกในเวลาไม่ถึง 5 นาที เป็นการแหกกฎแรงดึงดูดของจักรวาลได้อย่าง.......(นึกคำบรรยายไม่ออก).......
(บร๊ะเจ้าโจ๊ก อกอีแป้นจะระเบิดแหกกระเซิงวี๊ดว้าย!)

แม้จะแย่ในบางจุด ก็ถือว่ามีพล็อตเรื่องที่ดี แต่การถ่ายทำยังไม่ถึงขั้นสู่เกรด A ของ Hollywood

แต่ก็ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดที่ "ผ่าน" สำหรับ James Mather โดยลงทุนไป 20 ล้านสหรัฐ ทำรายได้ทั้งหมด 32 กว่าล้านสหรัฐ

ในทางหนึ่งอาจจะถูกผู้ชมโหวตกันว่าเป็นผู้กำกับยอดแย่ อย่างที่ Paul WS. Anderson โดน เนื่องจากสร้าง Resident Evil มา ทำรายได้หลายล้าน แต่ผู้ชมก็บ่นกันเยอะว่า ยังสร้างแบบพื้นๆ

หวังว่า James Mather จะรุ่งและสร้างผลงานให้ดีขึ้นกว่าชิ้นนี้ ผมก็จะรอติดตาม

หากท่านผู้อ่านจะซื้อแผ่นจากห้างมาเก็บไว้บนชั้น ผมจะแนะนำเป็นข้อๆคือ

-คุณชอบภาพยนตร์ Sci-Fi เป็นชีวิตจิตใจ
-คุณชอบภาพยนตร์ Action
-คุณชอบ Guy Pearce
-คุณสะสมผลงานของ Luc Besson

ส่วนเหตุผลที่ไม่ควรซื้อคือ

-คุณดูภาพยนตร์เพื่อความบันเทิง มากกว่าจะดูเพราะเป็นคนที่ชอบสไตล์ใดสไตล์หนึ่งเป็นการส่วนตัว
-คุณดูภาพยนตร์ เพราะต้องการที่จะดูฉาก Action มันส์ๆ มากกว่าเจาะเนื้อเรื่องไปกับมัน
-คุณไม่ชอบภาพยนตร์ฟากยุโรป

ส่วนตัวผมให้ 6/10 แต่สำหรับผมแล้ว มันก็คุ้มค่า ที่จะมาอยู่ใน Collection ของผม

Create Date : 03 มิถุนายน 2556 Last Update : 20 มีนาคม 2559 7:55:40 น. Counter : 2594 Pageviews.		0 comments
Share Tweet