Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
11 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
:: 4th Wrap-Up :: (#25 - #32)

  ...




# 25

Hilton, James. (1937). Lost horizon. London: MacMillan.

เรื่องราวของนักการทูตชาวอังกฤษในยุค 30 ที่อพยพหนีความวุ่นวายในเมืองทางตอนเหนือของอินเดีย พร้อมด้วยผู้โดยสารอีกสี่คน แต่เกิดสลัดอากาศพาเครื่องบินไปตกกลางหุบเขาหิมาลัย จากนั้นก็เป็นการเปิดโลกพิศวงให้เกิดขึ้นแก่คณะเดินทางที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ พวกเขาได้รับการช่วยเหลือแล้วเดินทางไปยังกลางหุบเขาที่มีลามะทิเบตอาศัยอยู่ เมื่อเดินทางกันไปถึงก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลก พร้อมทั้งได้รับรู้ถึงความลับของการอยู่ยงคงกะพัน แต่ต้องแลกกับการอาศัยอยู่ที่หุบเขาแห่งนั้นชั่วชีวิต ตัวเอกเหมือนต้องเลือกระหว่างตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกกับการมีอายุยืน 

เรื่องเขียนได้ดี เป็นการไขปริศนาไปทีละชั้น และก็หักมุมตอนท้าย อ่านเพลิน เขียนในยุคก่อนสงครามโลกเสียอีก เก่าจริงไรจริง

...




# 26

Christie, Agatha. (2001). Murder on the orient express. London: HarperCollins.

สนุกสนานเหมือนเดิมกับการสืบสไตล์ปัวโรต์หลังจากไม่ได้หยิบงานคุณยายอากธาอ่านมานาน คราวนี้นักสืบปัวโรต์เข้ามาสืบหาฆาตกรบนรถไฟสายที่วิ่งจากตะวันออกสุดของยุโรปสู่อังกฤษ บนขบวนที่ปัวโรต์โดยสารนั้นเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น ผู้เคราะห์ร้ายเป็นชาวอเมริกันวัยกลางคน เขาจึงต้องเข้าไปช่วยสะสางอย่างช่วยไม่ได้ การหาว่าใครฆ่านี่ก็เป็นไปโดยการหาพยายานหลักฐานต่างๆ ที่คนร้ายทิ้งไว้ ซึ่งต้องเป็นคนในขบวนรถเดียวกัน ทั้งหมด 12 คน โดยแต่ละคนก็มีอายุต่างกันไป หลากหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น หนุ่มสาวคู่รักเพิ่งแต่งงานชาวออสเตรีย หญิงสูงศักดิ์เชื้อสายรัสเซีย ชายนักขายของชาวอิตาลี เป็นต้น ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีส่วนโยงใยไปถึงผู้ตายเลยสักนิด อย่างไรก็ดี เมื่อสืบค้นหาหลักฐานทั้งการสอบสวนแต่ละคนโดยใช้หลักจิตวิทยาให้คนร้ายคายความจริงออกมาก็ทำให้พบความจริงที่น่าตกใจ 

(spoiler alert!) จริงๆ แล้ว คือผู้ร่วมขบวนทั้งหมดนั่นเองผลัดกันลงมือฆ่า เนื่องจากคนตายคือโจรเรียกฆ่าไถ่เด็กหญิงคนหนึ่งก่อนฆ่าทิ้งหลังจากได้เงิน เป็นคดีครึกโครมที่อเมริกา พ่อแม่เด็กเสียใจจนตรอมใจตาย แม้เรื่องจะผ่านไปกว่าสิบปีแล้วแต่เหล่าบรรดาญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวนั้นก็ยังปักใจนวางแผนกันจัดฉากฆ่าผู้ที่เป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของเด็กหญิงต้องพังครืนลงนั่นเอง

...




# 27

McEwan, I. (c2001, 2003). Atonement. New York: Anchor.

Briony เด็กหญิงวัย 13 ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองในอังกฤษบังเอิญได้เห็นภาพของ Cecilia พี่สาวตนเองกับ Robbie ลูกชายคนรับใช้ในคฤหาสน์ของตนเองกำลังพูดคุยกันในสวนในอิริยาบถที่ไม่น่าจะเป็นการสนทนากันได้ แต่ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อ แต่จินตนาการของเด็กหญิงก็พาให้เธอผูกเรื่องราวไปไกล ความเข้าใจผิดยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อหลักจากนั้นชายหนุ่มได้ยื่นจนหมายให้เธอนำส่งไปยัง Cecilia แต่เกิดผิดพลาด เด็กหญิงแอบดูแล้วก็ต้องตกใจกับข้อความที่ส่งผิดฉบับจนคิดเตลิดไปอีกว่าชายหนุ่มเป็นพวกโรคจิตวิปริตทางเพศ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความเข้าใจผิดปนความไม่รู้ เมื่อลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงของตนถูกล่วงละเมินทางเพศกลางดึกคืนนั้นเองทำให้ Briony โยงเอาเรื่องจินตนาการของตนไปผูกกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และใส่ความ Robbie ทันที จนเป็นเหตุให้เกิดรอยด่างในครอบครัว 

พี่สาวเกลียดเธอเพราะการกล่าวหานั้นได้ทำลายชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ของชายหนุ่มให้พังลงในพริบตา  Robbie ต้องยุติชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย หลังถูกจำคุก เมื่อออกคุกก็ไปเป็นทหารรบในสงครามโลกครั้งที่สอง เขาตายในหน้าที่ ไม่กลับมาบ้านอีกเลย ส่วน Cecilia ล้มเลิกความหวังจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเช่นกัน ผันตัวมาเป็นพยาบาล เมื่อ Briony โตขึ้นเธอก็มาเป็นพยาบาลเช่นกัน เพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับตัวเองกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหนหลัง พร้อมๆ กันก็สานฝันการเป็นนักเขียนของตนเองไปด้วย

เรื่องนี้ชอบตั้งแต่เป็นหนังแล้ว เลยลองอ่านหนังสือบ้างอยากได้บรรยากาศของหนังสือ แล้วก็ไม่ผิดหวัง อ่านหนังสือแล้วให้ภาพต่างไปเหมือนกัน

...




# 28

Greene, G. (c1938, 2004). Brighton rock. London: Vintage.

เรื่องเขียนถึง Pinkie เด็กหนุ่มในแก๊งกวนเมืองที่ไบรตันในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เด็กหนุ่มได้ก่อเหตุสังหารชายคนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็รอดตัวมาได้เพราะไม่มีหลักฐาน เพียงแต่ว่ามีพยานหนึ่งคนเป็นเด็กสาว เขาจึงพยายามปกปิดความผิดด้วยการล่อลวงเธอให้หลงรักและภักดี จะได้ไม่มีปากเสียงไปถึงตำรวจ แต่ขณะเดียวกัน สาวใหญ่ชื่อ Ida พบความผิดปกติเกิดขึ้นกับคดี จึงทำตัวเป็นคนดียื่นมือเข้ามาสาง แต่การณ์กลับยิ่งเลวร้าย Pinkie ยังก่อเหตุปิดปากเพื่อนในแก๊งตัวเองโดยการผลังมือฆ่าทิ้งอีกโดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุตกบันได ฝ่าย Ida สงสารเด็กสาวพร้อมบอกตัวเองว่าเป็นคนดีจึงต้องเข้าไปยุ่งกับชีวิตของเด็กสาวนั่นทั้งๆ ไม่มีใครต้องการให้เข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย จนท้ายสุดเรื่องก็จบลงอย่างสลดใจ

...




# 29

Kingsolver, B. (2009). The lacuna. London: Faber and Faber. 

เรื่องเขียนถึงชีวิตนักเขียนอเมริกันลูกครึ่งเม็กซิโกซึ่งเติบโตมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วงวัยเด็ก Harry ได้มีโอกาสเข้าไปเป็นลูกจ้างในครอบครัวของจิตรกรคู่สามีภรรยา ได้ฝึกหัดการทำอาหารพื้นเมือง ได้โอกาสในการรู้จักนักปฏิวัติรัสเซียซึ่งหนีการตามฆ่าจากเลนิน ได้เริ่มต้นการเขียนโดยการบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ (นิยายเล่มนี้เขียนแนวไดอะรี่บันทึกเหตุการณ์แต่ละช่วงของ Harry) เมื่อตนเองจำต้องเดินทางไปอเมริกาด้วยครอบครัวทางฝ่ายจิตรกรที่เป็นผู้อุปถัมภ์เกิดแพแตก เขาจึงต้องไปอาศัยอยู่กับพ่อคนอเมริกันแต่ก็เพียงพักเดียวก็ต้องออกมาหางานทำ ตอนนั้นเขาโตเป็นหนุ่มแล้วทำงานในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสหรัฐฯ รอดพ้นจากการเกณฑ์ทหารไปสงครามโลกครั้งที่สองเพราะผอมแห้งเกินไป ไม่นานจากนั้นนิยายเรื่องแรกซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากชาวอินคาโบราณในเม็กซิโกก็ได้รับการตีพิมพ์ นิยายได้รับการตอบรับอย่างดี แฟนๆ ติดตามกันมากมาย เรียกว่าเป็น talk of the town แต่ Harry กลับทำตัวสมถะและไม่เปิดเผยตนเอง 

พอมีชื่อเสียงและเงินใช้จ่าย เขาก็จ้างเลขาฯ หญิงวัยแก่กว่าตนห้าปีมาเป็นผู้พิมพ์ดีดให้และร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน อย่างไรก็ดีชีวิตเขากลับต้องตกต่ำลงโดยผู้อื่นกระทำต่อเขา เพราะเมื่อจบสงครามโลกครั้งที่สอง คอมมิวนิสต์กลายเป็นภัยแห่งชาติ หลายคนตกอยู่ในข่ายต้องถูกสอบสวน สื่อหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นเสี่ยมสาธารณชนให้คิดและเห็นตามได้อย่างน่ากลัว เหมือสะกดจิตหมู่โดยการกล่าวหา Harry ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จับเรื่องโน่นนี่เข้ามาโยงทั้งๆ ไม่เป็นความจริง จนสุดท้าย Harry ก็ถูกเรียกไปสอบสวน ด้วยหลายๆ อย่างที่ไม่เคลียร์ และนิสัยที่ไม่ชอบอธิบายตนเองให้กระจ่างชัด ก็เลยทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานะภัยความมั่นคงของชาติ ท้ายสุด Harry เดินทางกลับไปยังเม็กซิโกและฆ่าตัวตายโดยการเดินลงทะเลไปในที่สุด

...




# 30 - # 32

His Dark Materials Series 

Pullman. P. (1996). The golden compass. New York: Knopf Books.
Pullman. P. (1997).The subtle knife. New York: Knopf Books.
Pullman. P. (2000). The amber spyglass. New York: Knopf Books.

Lyra เด็กหญิงกำพร้าในโลกแฟนตาซีต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต เมื่อถูกส่งตัวไปอยู่ในความปกครองของ Mrs. Culter ต้องแยกจาก Oxford เธอรู้จักไปอยู่ใน London ที่ไม่คุ้นเคย โชคดีที่มี Daemon ซึ่งเหมือนดวงจิตของแต่ละคนเป็นเพื่อน Daemon นี้เป็นเอกลักษณ์ของโลกแฟนตาซี ซึ่งมนุษย์ทุกคนจะมีสัตว์เป็นสัญลักษณ์แทนดวงจิตตัวเอง เด็กๆ ซึ่งดวงจิตยังไม่นิ่ง Daemon ก็จะเปลี่ยนไปมา ต่างกับผู้ใหญ่ที่ดวงจิตจะนิ่งแล้ว Daemon ก็จะเปลี่ยนเป็นสัตว์ต่างๆ

Lyra เข้าไปพัวพันกับเรื่องร้ายแรงระดับโลกอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อล่วงรู้ถึงการทดลองโดยการนำเด็กมาตัด Daemon ออกซึ่งกระทำโดยองค์กรที่ Mrs. Culter เป็นประธานอยู่ นับเป็นการศึกษาเกี่ยวเนื่องกับฝุ่นประหลาดที่กำลังคุกคามอยู่ทางขั้วโลก Lyra จึงหลบหนี Mrs. Culter ออกผจญภัยไปตามหาเพื่อนที่ถูกลักพาตัวไปทำการทดลอง เธอได้พบผู้ช่วยเหลือมากมายทั้งกลุ่มคนยิปซี เผ่าแม่มด ราชาหมีขั่วโลก ฯลฯ ในเล่มแรกนี้เหมือนเปิดเรื่องการผจญภัยที่เชื่อมต่อไปยังโลกอื่นๆ ซึ่งเป็นโลกที่ทับซ้อนกันอยู่ แต่ก็ต่างได้รับภัยร้ายจากฝุ่นประหลาดนี้เช่นกัน

ในเล่มที่สอง นักเขียนเพิ่มตัวละครหลักอย่าง Will ขึ้นมา เด็กชายคนนี้ถือว่าอยู่ในโลกปัจจุบันของเรา Will ต้องการตามหาพ่อที่หายไปตั้งแต่ตนเกิด วันหนึ่งเขาได้พบหน้าต่างข้ามมิติโดยบังเอิญ เมื่อทดลองข้ามไปก็ได้พบกับ Lyra ในโลกระหว่างกลาง โลกนี้มี Spectre ซึ่งคอยกินดวงจิตของผู้ใหญ่ แต่เด็กๆ ไม่เป็นอะไร โลกนี้จึงเป็นโลกร้างผู้ใหญ่ มีแต่เด็กๆ เต็มไปหมด อย่างไรก็ดี Will ได้ค้นพบ subtle knife ซึ่งสามารถตัดผ่านไปยังโลกต่างๆ ได้ เขาจึงใช้มีดนี้หลบหนีการตามล่าจากคนร้ายที่จ้องตามหา Lyra พร้อมๆ กับพยายามช่วยตามหาเพื่อนของ Lyra อีกแรง

ในเล่มสุดท้ายเด็กทั้งสองเดินทางลงไปยังโลกแห่งความตาย ตามหาเพื่อนของ Lyra จนสำเร็จ ในขณะเดียวกับศึกระหว่างโลกก็กำลังจะเกิดขึ้น หรือก็คือศึกที่เกิดจาก Metatron ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าพันธุ์ Angel ที่มีอำนาจในศาสนาควบคุมบงการโลกแฟนตาซีอยู่อีกชั้น มีกลุ่มนักบวชในศาสนจักรเป็นลูกมือ ฝ่ายตรงข้ามคือพ่อของ Lyra เองที่ต้องการปลดปล่อยผู้คนออกจากการควบคุมของศาสนา ในเล่มนี้ Mrs. Culter ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นแม่ของ Lyra เช่นกัน และเคยเป็นฝ่ายเดียวกับศาสนจักรก็กลับเปลี่ยนใจมารัก Lyra และช่วยกำจัด Metatron ให้โลกปลอดภัยในที่สุด ในตอนท้าย Lyra กับ Will ต้องแยกจากกันอยู่ในโลกของตนเอง มีดที่ตัดผ่านประตูต้องพังไป ประตูหน้าต่างระหว่างมิติต้องถูกปิด ทำให้ทั้งคู่กลับไปอาศัยอยู่ในโลกเดิมของตนโดยไม่มีโอกาสพบกันอีก แต่ก็เก็บความทรงจำดีๆ ไว้ในใจ

ยอมรับว่าเป็นซีรีส์ตื่นตาตื่นใจอยู่พอควร คือจินตนาการเกี่ยวกับตัวละครแต่ละตัวล้ำเลิศมาก เสียแต่ในเล่มสุดท้ายมีจุดเนือยๆ อยู่หลายจุด อย่างตอนเข้าไปในโลกแห่งความตาย กับศัตรูที่ถูกปราบลงง่ายไปเหลือเกิน อีกอย่างคือคาแรกเตอร์ของ Lyra ในเล่มแรกกับเล่มสุดท้ายเหมือนจะต่างกันไปนิด ในเล่มแรกเธอเข้มแข็ง เก่งกาจ แต่พอหลังจากได้พบกับ Will เป็นต้นมาเหมือนต้องพึ่งพา Will เกินไปสักหน่อย

…

ป.ล. เพิ่งสังเกตว่า ในเซตนี้นิยายทุกเรื่องเขียนขึ้น ไม่ก็มีฉากที่เกิดขึ้นในยุค 1930 ทั้งหมดเลย ยกเว้นเรื่องแฟนตาซีเท่านั้น...

…




Create Date : 11 มิถุนายน 2558
Last Update : 11 มิถุนายน 2558 8:39:13 น. 8 comments
Counter : 604 Pageviews.

 
โอววว รีวิวทีเดียวหลายเล่ม สามารถมากๆ

อยากอ่านได้ขนาดนี้มั่งจังง่ะ

วันนี้โหวตหมวดหนังสือไปแล้ว พรุ่งนี้มาโหวตให้นะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 มิถุนายน 2558 เวลา:9:08:40 น.  

 
His Dark Material เป็นชุดโปรดเลยค่ะ คนเขียนจินตนาการกว้างไกลดีจริงๆ ทั้ง Daemon ทั้งสัตว์ ผู้คน ปรัชญา ประเด็นศาสนาก็แรงดี เสียดายหนังมากค่ะ อุตส่าห์ได้แคสติ้งอย่างเทพ แต่กลับแป้กสนิท


โดย: Froggie วันที่: 11 มิถุนายน 2558 เวลา:21:18:51 น.  

 
โหวตแล้วน้า แต่ลืมบอก เลยกลับมาบอกอีกที ฮา


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 มิถุนายน 2558 เวลา:9:56:09 น.  

 
อ้าวเวง เพิ่งเห็นโหวตเพลิน โหวตคนอื่นมาทับซ้ำไปแล้วซะงั้น

งั้นเดี๋ยววันจันทร์มาโหวตให้ใหม่นะฮับ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 มิถุนายน 2558 เวลา:9:57:35 น.  

 
โหวตค่าา


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 15 มิถุนายน 2558 เวลา:8:55:55 น.  

 
คุณสาวไกด์ - ขอบคุณครับ
คุณกบ - ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมหนังแป๊กมาก


โดย: Boyne Byron วันที่: 15 มิถุนายน 2558 เวลา:9:42:39 น.  

 
His Dark Materials ดูหนังไปแล้วไม่ชอบเลยครับ
แต่ได้ยินว่าหนังสือสนุกมาก ว่าจะลองหามาอ่านดูครับ


โดย: PZOBRIAN วันที่: 17 มิถุนายน 2558 เวลา:0:28:22 น.  

 
His Dark Materials อยู่ในไหดองอยู่เลยครับ ซื้อมาตั้งแต่หนังจะเข้าฉาย จนมันลาโรงไปนานแล้ว คงต้องหยิบมาอ่านแล้ว ลิสต์ยาวจริงๆครับ


โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 24 มิถุนายน 2558 เวลา:17:06:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Boyne Byron
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Boyne Byron's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.