ปล่อยวางเสียได้เป็นสุขอย่างยิ่ง
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
23 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 

การควบคุมกล้องถ่ายภาพ

การที่จะถ่ายภาพให้ได้ดี จะต้องมีความเข้าใจในพื้นฐานการปรับตั้งค่าแสง หรือที่เรียกกันว่า "การตั้งหน้ากล้อง" หมายถึงการปรับให้แสงผ่านเข้าไปกระทบฟิล์มถ่ายภาพ หรือเซนเซอร์รับภาพของกล้องดิจิตอล เพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่างพอดี ไม่มืดเกินไป หรือสว่างเกินไป
ภาพถ่ายที่ดี จะต้องมีความสว่างพอดี คือไม่สว่างเกินไป หรือมืดเกินไป การที่จะปรับให้ภาพที่ถ่ายมีความสว่างพอดี นั้นขึ้นอยู่กับการ เปิดรูรับแสง (Aperture) ให้สัมพันธ์กับความเร็วของชัตเตอร์ (Shutter Speed) เช่น ถ้าใช้ขนาดรูรับแสงกว้าง แสงผ่านเข้าไปได้มาก ก็จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง คือเปิดแล้วปิดเร็ว ถ้าใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ คือเปิดอยู่นาน ภาพที่ถ่ายก็จะสว่างมากเกินไป แต่ตรงกันข้าม ถ้าเปิดรูรับแสงเล็ก แสงผ่านเข้าไปได้น้อย ก็จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ เปิดรับแสงนานๆ เพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่างพอดี เช่นเดียวกัน

การปรับค่าแสง หรือการตั้งหน้ากล้อง อย่างไรภาพจึงจะมีความสว่างพอดีนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัย 4 อย่าง คือ ความไวแสง ของฟิล์ม (ISO) หรือ ความเร็วในการรับภาพของเซนเซอร์กล้องดิจิตอล ความสว่างของแสง (Lighting Condition) ในขณะนั้น ขนาดรูรับแสง (Aperture) และ ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) ทั้งสี่อย่างนี้จะสัมพันธ์กันหมด ความไวแสงที่ต่างกัน เช่น ความไวแสงต่ำ หรือค่า ISO น้อยๆ ก็จะต้องการแสงมาบันทึกลงบนฟิล์ม หรือแผ่นรับภาพมากๆ หรือนานๆ ถ้าความไวแสงสูงขึ้น หรือค่า ISO ที่มากขึ้น ความต้องการความสว่าง ที่จะบันทึกลงฟิล์ม ก็จะน้อยลง หรือใช้เวลาที่สั้นเข้า เช่นถ้าแดดจัด ความสว่างของแสงก็มีมาก แต่เวลาที่มีเมฆครึ้ม ความสว่างของแสงก็จะน้อยลง การเปิดรูรับแสง ก็ต้องปรับไปตามสภาพแสงในแต่ละเวลาด้วย เช่น ถ้าแดดแรงก็เปิดรูรับแสงเล็กๆ และใช้เวลาในการเปิดรับแสงน้อยๆ หรือปิดเร็ว แต่ถ้าแสงน้อย เราก็ต้องเปิดรูรับแสงกว้างๆ และใช้เวลาในการเปิดรับแสงนานขึ้น หรือปิดช้าลง

ปัจจุบัน ในกล้องส่วนใหญ่ จะมีเครื่องวัดแสงในตัว เมื่อตั้งค่าความไวแสง (ISO) แล้ว ก็จะวัดความสว่างของแสง ซึ่งกล้องจะคำนวนให้เสร็จว่าจะต้องเปิดรูรับแสงขนาดเท่าไร และต้องเปิดหน้ากล้องนานเท่าใด จึงจะได้ภาพที่มีความสว่างพอดี ซึ่งการปรับหน้ากล้อง จะมีทั้งแบบปรับอัตโนมัติ และปรับตั้งเอง

ความไวแสง (ISO) หมายความว่าอะไร?
ค่าความไวแสง หรือ ISO หมายถึงค่าความสามารถในการรับแสงของฟิล์มสำหรับถ่ายภาพ หรือแผ่นรับภาพ (CCD) ของกล้อง เรียกว่า “International Standards Organization” ใช้ตัวย่อว่า ISO ตัวเลขความไวแสงจะระบุไว้บนกล่องฟิล์ม หรือบนตัวกลักฟิล์ม ส่วนในกล้องดิจิตอลนั้นสามารถปรับตั้งค่าได้เอง หรือจะตั้งเป็นอัตโนมัติก็ได้ ความไวแสงของฟิล์มที่สูงๆ จะทำให้รับแสงได้เร็ว ส่วนความไวแสงต่ำ ก็ทำให้รับแสงได้ช้า ภาพถ่ายที่เราถ่ายมาก็เช่นเดียวกันจะต้องได้รับแสงที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่างพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป ถ้าเราให้กล้องเปิดชัตเตอร์แล้วปิดเร็ว ภาพก็จะมืด ถ้าเปิดนานมากๆ ก็จะสว่างเกินไป เป็นต้น
การปรับความไวแสงอัตโนมัติ (Auto ISO) ช่วยให้ผู้ใช้ที่ถ่ายภาพทั่วๆ ไป มีความสะดวกสบายมาก เพราะไม่ต้องคอยปรับความไวแสงเอง

รูรับแสง (Aperture) หมายถึงอะไร?
รูรับแสง (Aperture) ก็คือช่องสำหรับให้แสงผ่านเข้าไปกระทบฟิล์มถ่ายภาพ หรือแผ่นรับภาพรับภาพของกล้องดิจิตอล เลนส์ทุกตัวจะมีช่องรับแสงหรือบางคนก็เรียกว่ารูรับแสง รูรับแสงนี้ สามารถปรับให้กว้างหรือแคบได้ตามต้องการ โดยปรับที่แหวนปรับขนาดรูรับแสงที่ขอบเลนส์ หรือกล้องรุ่นใหม่ๆ จะมีแป้นปรับจากตัวกล้อง แสงสว่างจะผ่านเข้าไปได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความกว้างหรือแคบของรูรับแสง ถ้าเปิดกว้าง แสงจะผ่านเข้าไปได้มาก ถ้าปรับรูรับแสงเล็ก แสงก็จะผ่านเข้าไปได้น้อย
ขนาดของรูรับแสงจะบอกเป็นตัวเลขต่างๆ เรียกว่า factor คือเป็นผลลัพธ์จากการนำเอาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสง ไปหารขนาดความยาวโฟกัสของเลนส์ ผลที่ได้จะเรียกว่าเป็นค่า f stop ตัวอย่างเช่น ความยาวโฟกัสของเลนส์เท่ากับ 50 mm เส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสงเท่ากับ 30 mm เมื่อนำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสงไปหารความยาวโฟกัส จะได้เท่ากับประมาณ 1.7 ก็จะเขียนว่า f/1.7 ถ้าขนาดรูรับแสงเล็กลงไป ผลลัพธ์จะได้ตัวเลขมากขึ้น เช่น เส้นผ่าศูนย์กลางของรูรับแสง 10 mm หารแล้วจะได้ประมาณ f/5 เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 mm จะได้เท่ากับ f/10 หรือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 mm จะได้เท่ากับประมาณ f/17 เป็นต้น จะเห็นว่าเมื่อตัวเลขมาก หมายถึงขนาดรูรับแสงเล็กลง ถ้าตัวเลขน้อยคือรูรับแสงกว้าง
รูรับแสงกว้าง ทำให้แสงผ่านเข้าไปได้มาก ถ้าเปิดรับแสงนาน ภาพที่ได้ก็จะสว่างเกินไป แต่ถ้าใช้ขนาดรูรับแสงเล็ก และเปิดรับแสงโดยใช้เวลาน้อยๆ คือ ใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ ก็จะได้ภาพที่มืดเกินไป ดังนั้น การใช้ขนาดรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์จะต้องให้สัมพันธ์กัน เมื่อเปิดรูรับแสงกว้าง ก็จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง คือเปิดแล้วปิดเร็ว แต่ถ้าใช้ขนาดรูรับแสงเล็ก ก็จะต้องเปิดรับแสงนานมากขึ้น เพื่อให้ภาพที่ถ่ายมามีความสว่างพอดี นั่นเอง

ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) หมายความว่าอะไร?
กล้องถ่ายภาพทุกตัว จะมีม่านสำหรับกันแสงสว่างเข้าไปกระทบฟิล์มถ่ายภาพ หรือเซนเซอร์รับภาพของกล้องดิจิตอล ก่อนที่จะถ่ายภาพ เมื่อกดปุ่มชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพ ม่านชัตเตอร์ก็จะเปิดให้แสง (คือภาพที่จะถ่าย) ผ่านเข้าไปกระทบฟิล์ม หรือเซนเซอร์รับภาพ และปิดตามเวลาที่กำหนดไว้ เราเรียกว่า "ความเร็วชัตเตอร์" (Shutter Speed) คือช่วงเวลาในการที่ม่านชัตเตอร์เปิดรับแสงแล้วปิด จะใช้เวลานานมากน้อยเท่าไร
ตัวเลขเวลาที่บอกความเร็วจะใช้เป็นวินาที และเศษส่วนของวินาที เช่น บนแป้นบอกตัวเลขความเร็วชัตเตอร์ เลข 1 คือ 1 วินาทีเต็ม ตัวเลข 2 คือ 1/2 วินาที ตัวเลข 4, 8, 15, 30, 60, 125, 250, 500 เหล่านี้ก็คือ 1/4, 1/8, 1/15, 1/30, 1/60, 1/125 , 1/250 และ 1/500 วินาที ที่เขาไม่เขียนบอกเต็มๆ ก็เพราะเนื้อที่มีน้อยไม่มีที่จะเขียนให้เต็มๆ ได้ กล้องที่บอกความเร็วชัตเตอร์ในจอ LCD ก็จะบอกเช่นเดียวกัน นอกจากกล้องดิจิตอลเล็กๆ มีเนื้อที่ให้เขียนตัวเลขบอกความเร็วชัตเตอร์ได้มาก ก็จะเขียนเต็มๆ ให้รู้ คือ 1/60, 1/125 หรือ 1/250 ถ้าตัวเลขบอกความเร็วชัตเตอร์เปิดนานมากกว่า 1 วินาที ก็จะมีเครื่องหมายรูปฟันหนูอยู่ด้วย เช่น 2", 4", 8", 15" หรือ 30" ตัวเลขเหล่านี้ก็คือ 2 วินาที , 4 วินาที , 8 วินาที, 15 วินาที หรือ 30 วินาที เป็นต้น
การพูดบอกความเร็วชัตเตอร์จะต้องพูดให้เต็มๆ เช่น 1/125 sec. ก็ต้องบอกว่า "เศษหนึ่งส่วนหนึ่งร้อยยี่สิบห้าวินาที" เป็นต้น ถ้าบอกว่า หนึ่งร้อยยี่สิบห้าวินาที ก็เท่ากับ 2 นาทีกว่า ความหมายมันผิดกันมากทีเดียวนะครับ
ในกล้องรุ่นใหญ่ ที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (Single Lens Reflex หรือ เรียกย่อๆ ว่า SLR) และ กล้องระดับกึ่งโปร (Prosumer) นอกจากโหมด Programmed Auto แล้ว ก็ยังมีระบบ Shutter-Priority Auto ระบบนี้ผู้ใช้กล้องจะเป็นผู้ปรับความเร็วชัตเตอร์เองตามต้องการ กล้องจะปรับขนาดรูรับแสงให้อัตโนมัติ
การทำงานของระบบถ่ายภาพแบบ Shutter-Priority Auto ก็คือ เมื่อผู้ใช้กล้องปรับความเร็วชัตเตอร์ ตามต้องการแล้ว กล้องจะปรับขนาดรูรับแสงให้โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้เพียงแต่ยกกล้องขึ้นเล็ง และจัดกรอบภาพตามต้องการ แล้วกดชัตเตอร์ถ่ายภาพเท่านั้น ก็จะได้ภาพที่มีความสว่างพอดีเสมอ แต่ถ้าแสงสว่างน้อย เมื่อปรับความเร็วชัตเตอร์สูงเกินไป กล้องปรับรูรับแสงกว้างสุดแล้วยังไม่พอ ก็จะบอกว่า "LO" คือความสว่างน้อยเกินไป ภาพที่ถ่ายจะมืด จะต้องปรับความเร็วชัตเตอร์ให้ต่ำลงบ้าง จนกว่าคำว่า "LO" หายไป หรือจะถ่ายภาพในที่ที่สว่างมากๆ เช่น กลางแดดจัดๆ พื้นเป็นทราย หรือคอนกรีต หรือหิมะ ถ้าปรับความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากๆ จนกล้องปรับรูรับแสงเล็กสุดแล้วยังไม่พอ จะบอกว่า "HI" คือภาพที่ถ่ายมาจะสว่างมากเกินไป ก็ต้องปรับความเร็วชัตเตอร์ให้สูงขึ้นบ้าง จนคำว่า "HI" หายไป
ระบบถ่ายภาพแบบนี้ เหมาะสำหรับการปรับความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เพื่อถ่ายภาพสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวเร็วๆ ให้เห็นหยุดนิ่ง หรือเวลาที่ใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสมากๆ หรือปรับซูมเลนส์ไปที่ช่วงยาวๆ ควรใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เพื่อไม่ให้ภาพเป็นรอยไหว ส่วนการถ่ายภาพน้ำตกให้เห็นสายน้ำไหลเป็นสาย ก็จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ และการแพนกล้องตามสิ่งเคลื่อนไหว ก็ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ เช่นเดียวกัน เป็นต้น

โหมด Shutter-Priority Auto แล้ว ยังมีโหมดอะไรอีก ?
ในกล้องรุ่นใหญ่ ที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (Single Lens Reflex หรือ เรียกย่อๆ ว่า SLR) และ กล้องระดับกึ่งโปร (Prosumer) นอกจากโหมด Shutter-Priority Auto แล้ว ก็ยังมีระบบ Aperture-Priority Auto ระบบนี้ผู้ใช้กล้องจะเป็นผู้ปรับขนาดรูรับแสงเองตามต้องการ แล้วกล้องจะปรับความเร็วชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ
การทำงานของระบบถ่ายภาพแบบ Aperture-Priority Auto ก็คือ เมื่อผู้ใช้กล้องปรับขนาดรูรับแสง ตามต้องการแล้ว กล้องจะปรับความเร็วชัตเตอร์ให้โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้เพียงแต่ยกกล้องขึ้นเล็ง และจัดกรอบภาพตามต้องการ แล้วกดชัตเตอร์ถ่ายภาพเท่านั้น ก็จะได้ภาพที่มีความสว่างพอดีเสมอ แต่ถ้าแสงสว่างน้อย เมื่อปรับรูรับแสงเล็กเกินไป กล้องปรับความเร็วชัตเตอร์ต่ำสุดแล้วยังไม่พอ ก็จะบอกว่า "LO" คือความสว่างน้อยเกินไป ภาพที่ถ่ายจะมืด ก็ต้องปรับรูรับแสงให้กว้างขึ้นบ้าง จนกว่าคำว่า "LO" หายไป หรือจะถ่ายภาพในที่ที่สว่างมากๆ เช่น กลางแดดจัดๆ พื้นเป็นทราย หรือคอนกรีต หรือหิมะ ถ้าปรับรูรับแสงกว้างมากๆ จนกล้องปรับความเร็วชัตเตอร์สูงสุดแล้วยังไม่พอ จะบอกว่า "HI" คือภาพที่ถ่ายมาจะสว่างมากเกินไป ก็ต้องปรับรูรับแสงให้เล็กลงบ้าง จนคำว่า "HI" หายไป
ระบบถ่ายภาพแบบนี้ เหมาะสำหรับการปรับรูรับแสงให้กว้าง เพื่อให้มีช่วงความชัดลึกน้อยๆ เวลาถ่ายภาพบุคคล ที่ต้องการให้ชัดเฉพาะบุคคลที่จะถ่าย และให้ฉากหลังพร่ามัว ทำให้ภาพบุคคลที่ถ่ายเห็นเด่นขึ้น หรือปรับรูรับแสงเล็กๆ เพื่อให้ภาพมีช่วงความชัดลึกมากๆ เช่น การถ่ายภาพทิวทัศน์ ถ่ายภาพหมู่บุคคล หรือภาพบุคคลร่วมกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ต้องการให้ภาพชัดตลอดตั้งแต่ใกล้ๆ ไปถึงไกลสุด เป็นต้น
คัดลอกจาก เว็บ //hitech.sanook.com/digital/nikontips_06569.php




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2549
0 comments
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2549 16:24:21 น.
Counter : 404 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


บรมสุข
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บรมสุข ชอบท่องเที่ยวทัศนาจร แต่ไม่ค่อยมีโอกาส เพราะปัญหาด้านการงาน และเศรษฐกิจ เป็นหลัก.
ชอบศึกษาพระพุทธศาสนา แต่ไม่ใช่คนเคร่งศาสนา.
ชอบอาหารอร่อยๆ แต่ไม่ชอบทำกับข้าว เพราะไม่ชอบล้างจาน
ชอบถ่ายภาพธรรมชาติ, ชีวิตผู้คน, สัตว์, ต้นไม้, ดอกไม้.

ชอบการมีชีวิตที่เรียบง่าย, อยู่ง่าย,กินง่าย(ถ้าอาหารอร่อย), นอนง่าย
อาหารจานโปรด ไข่เจียว (ชอบเจียวเอง)

จังหวัดที่หลงรัก ภูเก็ต, เชียงใหม่, เชียงราย

จังหวัดที่อยากไป แม่ฮ่องสอน (เพราะไปไม่เคยถึงสักที มีเหตุให้ต้องกลับก่อนถึงแม่ฮ่องสอนทุกที)

จังหวัดที่ไปบ่อย จันทบุรี (ไปทำบุญกับวัดที่ศรัทธาเป็นประจำทุกปี)

Friends' blogs
[Add บรมสุข's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.