<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
23 กันยายน 2550
 

ย้อนอดีต "บันไดแห่งความรัก" อีกครั้ง





รื้อเก็บสมบัติบ้าในห้องนอน แล้วก็โยกย้ายหนังสือชุดใหม่ มาใต้ตู้หัวเตียง
หนึ่งในจำนวนหลายๆ เล่ม ก็คือ "บันไดแห่งความรัก" ของ สันต์ เทวรักษ์
หลายเดือนก่อนหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ารมต. (ท่านใดจำไม่ได้) แนะนำว่าเป็นหนังสือควรอ่าน
ด้วยเหตุว่า มีภาษาสวย ถูกต้อง เหมาะสมยิ่ง ต่อการแบบอย่างการใช้ภาษาไทย



สำนักพิมพ์ดอกหญ้า : พิมพ์ครั้งที่ 1 ปีพ.ศ. 2535

"เพียบแปล้ด้วยปรัชญารักและสำนวนภาษารักที่หวานดุจน้ำผึ้งรวง มีความประณีตในทุกตัวอักษร"



บรรยากาศของเรื่องอยู่ในช่วงพ.ศ.2475
ดำเนินเรื่องตั้งแต่เดือนเมษายน (ขึ้นปีใหม่) จนถึงประมาณเดือนธันวาคมพ.ศ.2575
เป็นการเขียนบันทึกเรื่องราวความรักของ นางสาวจวงจันทร์ วรรณประไพ หรือแม่นิด
ที่เริ่มเขียนบันทึกเมื่อนายธาดา บุณโยปกรณ์ ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ แต่เธอกลับเข้าใจว่า
ธาดานั้นเห็นว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับแม่อ่อง พี่สาวลูกเจ้าบ้านที่เธออาศัยอยู่ จึงมาสู่ขอเธอแทน
และแม่นิดก็เจียมตนว่าเป็นเพียงหลานสาวกำพร้าของเจ้าบ้าน ไม่ควรออกเรือนก่อนลูกสาวท่าน
และเห็นว่าตนนั้นศักดิ์และศรีไม่ทัดเทียมธาดา จึงปฏิเสธการสู่ขอครั้งนั้น
ทำให้ธาดาผิดหวัง เศร้าซึม จนเพื่อนๆ ต้องหาทางช่วย

เผอิญแม่นิดเก็บกระเป๋าสตางค์ที่มีชื่อย่อ ว.ว.ว.ได้และนำไปไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อประกาศหาเจ้าของ
จากนั้นจึงเกิดชายหนุ่มปริศนา นามว่า วราห์ วรวิทย์ ขึ้นมา
มีจดหมายโต้ตอบกับแม่นิด ปูทางให้เธอมีไมตรีจิตที่ดีต่อกัน
ชายหนุ่มปริศนานี้เกิดจากการอุปโลกย์ของบรรดาเพื่อนๆ ธาดานั่นเอง
ที่วาดภาพใส่ความรู้สึกนึกคิดและมุมมองต่อชีวิตและโลกแบบธาดาลงในจดหมาย
อาศัยวาทะนักประพันธ์ ตอบโต้กับแม่นิด จับจูง และชักนำเธอก้าวขึ้นบันไดแห่งความรัก
จนถึงขั้นสุดท้ายมาพบกับนายธาดา ผู้มีตัวตนจริงๆ

มีถ้อยคำประทับใจที่เคยบอกเล่าแก่เพื่อนหนอนหนังสือใน sanook.com
เมื่อครั้งเล่น net ใหม่ ขอนำมาบันทึกไว้อีกครั้ง



จากหน้า 75-76

"ป้าย่อมเข้าใจโลกและชีวิตได้ดีกว่านิดมากมายนัก
คนโบราณเขาเคารพยกย่องผู้หญิงอย่างสูง การยกย่องในสมัยของป้าก็คือ
ตัดหนทางมิให้ผู้หญิงตกอยู่ในอำนาจความวินิจฉัยของประชาชนได้
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับเว้นการกล่าวถึงอย่างเด็ดขาด นั่นแหละ
เขาถือกันว่าเป็นการเชิดชูเกียรติคุณความดีของผู้หญิงอยู่ในตัว
...ตกมาสมัยนี้ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเรา
ได้ฟั่นเฝือจากคลองเดิมของมันไปเป็นอันมาก
คนรุ่นเก่าๆ ถูกลงโทษว่าโง่ บัดซบ ไม่รู้จักการสมาคม เก็บตัวเป็นนางห้อง
และเป็นผู้รับบาปทั้งหมดของการที่ประเทศไม่เจริญเทียมบ่าเทียมไหล่ประเทศที่ใกล้เคียง
ป้าไม่อาจรับรองลงไปได้ว่า ความวินิจฉัยของคนสมัยนี้ที่รู้สึกในคนสมัยป้าจะถูกถ้วนล้วนสิ้น
แต่เขาไม่ควรลืมเสียว่า คนโบราณเป็นรากและลำต้น
คนสมัยนี้เป็นเพียงกิ่ง ก้าน ใบ ดอก และผล ซึ่งผลิตามออกมาต่อเมื่อภายหลังเท่านั้น
เหตุผลของคนในสมัยหนึ่งอาจจะไม่ต้องกับเหตุผลของคนในอีกสมัยหนึ่ง
ซึ่งเป็นของห้ามกันไม่ได้ เทศะและสมัยได้เปลี่ยนแปลงไป
และชุบย้อมความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ให้พลอยเปลี่ยนแปลงตาม...
...ป้าไม่มีวิชาความรู้ดีเท่ากับแม่อ่องหรือนิด
ป้าพูดภาษาฝรั่งไม่ได้ คิดเลขผานาทีไม่ถูกต้องกับเขา
เพราะได้อบรมมาแต่เฉพาะวิชาการเรือนอันเป็นงานของผู้หญิงโดยตรงเท่านั้น
เกียรติยศของบ้านย่อมขึ้นอยู่กับผู้หญิง คุณยายท่านสอนป้าเช่นนี้
และท่านพยายามปรับปรุงให้ป้าเป็นผู้หญิงจริงๆ ...
...ผู้หญิงจริงๆ คือ ผู้ที่ไม่พยายามจะเป็นผู้ชาย
...เกียรติยศของบ้านขึ้นอยู่กับผู้หญิง
ดังนั้นผู้หญิงจึงเกิดมาสำหรับบ้าน เช่นเดียวกับผู้ชายเกิดมาสำหรับเมือง
ธรรมชาติได้แบ่งงานและหน้าที่ไว้ให้เราปฏิบัติโดยเท่าเทียมกันแล้วอย่างยุติธรรมที่สุด
แต่ความมักใหญ่ของคนบางจำพวกนั่นต่างหากที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงกฎของธรรมดาธรรมชาติข้อนี้เสีย
ทุกวันนี้ผู้หญิงเกือบจะเป็นลิงเป็นค่างไปตามผู้ชายด้วยกันเสียหมดสิ้นแล้ว
ประเพณีของเราซึ่งเคยมีข้างนอกข้างในก็พลอยสาบสูญไปด้วย
ป้าจึงตรองเห็นว่า แม้ว่าเราจะเจริญขึ้นในทางวิทยาการ
แต่เราก็กำลังจะเสื่อมลงในทางศีลธรรมอยู่เหมือนกัน"




จากหน้า 86
"
...ท่าน (คุณพ่อ) เห็นว่าเขาเป็นนักเรียนนอก มีคุณธรรมความดีเป็นเยี่ยม
และมีอาชีพที่เป็นหลักฐานมั่นคง ท่านมีความเห็นว่า เด็กหนุ่มคนนี้
มีความรักในทางค้าขายทำนองเดียวกับท่าน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์และทางก้าวหน้าสำคัญ
ถ้าหากพี่จะแต่งงานกับเขาได้ตามความประสงค์ของท่าน
โธ่ นิด นี่คุณพ่อท่านจะประสงค์ให้พี่แต่งงานกับนายยอด
หรือแต่งงานกับปลากระป๋องของพระยาธรรมวินิจฉัย
หรือกับบัญชีรายรับการค้าของท่านอย่างไรแน่? ...

...ความรักเป็นอารมณ์ที่ขอร้องกันไม่ได้ - -
เรามีสิทธิ์และความเป็นอิสระในอันที่จะมอบให้ก็เฉพาะแต่บุคคลที่เราเลือกแล้ว
พิสูจน์แล้ว ซึ่งเขาจะเป็นแร่หรือทองคำก็ตามที เพราะบุญทำกรรมแต่ง
- ใครจะไปเลือกเกิดเอาได้ตามใจชอบ
นายยอด สัจจกุล ผู้นี้เป็นคนอื่นสำหรับเราแท้ๆ
เราไม่มีโอกาสได้รู้จักชีวิตของเขาโดยใกล้ชิด เราเป็นผู้หญิงนะนิดเอ๋ย
เราต้องไม่ขายตัวของเราให้แก่ผู้ชายที่แต่งงานให้นัยน์ตาของเขาเป็นอันขาด
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะรักแต่ตัวของเขาแต่อย่างเดียว
เราต้องรักความบริสุทธิ์และคุณธรรมความดีของเขาอีกด้วย
ชีวิตของเราทั้งหมดต้องวางอยู่เฉพาะหน้าเรา
ดุจหนังสือที่วางเปิดอยู่ - เขียนตัวชัด - อ่านได้ง่าย - เข้าใจง่าย..."




จากหน้า 101-102
"...อนึ่งเล่า นักการเมืองที่แท้จริงนั้น ต้องเป็นผู้ที่เสียสละความสุขส่วนตัว
เพื่อสันติสุขของประเทศชาติของตนอย่างสูงสุดแล้ว
และมีลมหายใจอยู่เพื่ออรรถประโยชน์อันยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติของตนเท่านั้น
จะถือเอางานการเมืองเป็นงานอาชีพหาได้ไม่
แต่ลัทธิการเห็นแก่ตัวยังไม่หายไปเสียจากโลกนี้
ตรงกันข้ามนับวันยิ่งจะเพิ่มพูนขึ้นเสียด้วยซ้ำไป
การศึกษานั้นได้ทำประโยชน์ให้แก่มนุษย์ชาติเราอย่างไรบ้าง?
คุณเคยคิดคำตอบคำถามเช่นนี้มาก่อนบ้างไหม?

การศึกษาของมนุษย์ชาติเราสอนให้เราพึงรู้จักเก็บงำปิดบังความรู้สึกไว้ภายใน
มิให้ปรากฎออกนอกหน้า
แต่การศึกษานั้นหาได้สามารถทำให้เราทำลายความรู้สึกโลภ โกรธ และหลง
อันเป็นความร้อนที่เผาผลาญอยู่ในดวงจิตของเราได้ไม่
...มนุษย์เมื่อเจริญขึ้นแล้ว เราก็ทำเหมือนว่าเอาลักษณ์แห่งความเจริญนั้น
ฉาบคลุมผิวหนังไว้ภายนอก ส่วนภายในนั้นเล่า
ย่อมมีอารมณ์อันเป็นมูลแห่งอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงฝังนิสัยเดิมซาบซึ้งอยู่
ฉันชอบอ้างคติพจน์ของ ลา รอซฟูกอลด์เสมอ
และบัดนี้ก็จะขออ้างถ้อยคำของเขาอีกตอนหนึ่งที่ว่า
'ความรักในผลประโยชน์พูดได้ทุกภาษา แสดงบทบาทของตัวละครได้ทุกตัว
แม้แต่บทบาทของคนที่ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้างใดๆ' ..."




จากหน้า 122 123
"...ฉันมีหนังสือดีๆ อยู่เป็นเพื่อนมากมายหลายเล่ม
ซึ่งถ้าจะคิดแต่เพียงเผินๆ แล้ว ผู้ที่มีใจรักหนังสืออย่างฉัน น่าจะไม่ต้องเหงาหงอยเลย
นั่นเป็นความเข้าใจของคนโดยทั่วไป แต่คุณควรจะรับทราบไว้ด้วยว่า
คนเราจะบำเพ็ญความสุขอยู่ได้กับสิ่งที่ให้ความรู้ ความบันเทิง
แต่ขาดชีวิตจิตใจเสมอทุกวันไปหาได้ไม่
ย่อมจะเป็นสุขยิ่งกว่า ถ้าได้เสวนาสมาคมกับสิ่งที่มีทั้งประโยชน์
ความเบิกบาน และสดชื่นด้วยชีวิตจิตใจด้วย...

...ฉันเพียงแต่หวังในสิ่งหลังนี้ เป็นความหวังเล็กน้อยไม่ใหญ่โตอะไร
เพราะว่าความหวังนั้น แม้จะเป็นสิ่งเลื่อนลอย ไม่มีส่วนใกล้ความเป็นจริงเท่าใดก็จริงอยู่
แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นเครื่องปลอบใจให้ฉันรู้สึกความสุข
สุขในอันที่จะระลึกนึกหา - สุขในอันที่จะคิด - สุขในอันที่จะฝัน
และคุณนี่เทียว เป็นภาพในแผ่นความฝันของฉัน
ฉันเห็นคุณในหน้ากระดาษหนังสือ และในดอกไม้ ในฝูงชน และในที่ว่างเปล่า
ในเวลาหลับ และในเวลาตื่น ฉันไม่อาจให้โฉมหน้าแก่ภาพของคุณได้
ด้วยกริ่งเกรงว่าฉันจะวาดได้ไม่งามเท่าแม้กึ่งหนึ่งของที่คุณมีและเป็น
ดังนั้น ภาพของคุณจึงคงเป็นเงิที่เลื่อนลอย แฝงอยู่หลังฉาก
หรือหน้าผืนผ้าบังตา โยกย้ายมายังทุกๆ ที่ซึ่งสายตาของฉันจะเหลือบแลไป..."




จากหน้า 143
"...คนขี้เมาย่อมรักสุรา นั่นเป็นความอ่อนแอในอุปนิสัยของเขาต่างหาก
เขาดื่มเพราะได้ตามใจตัวมาเสียเคยชิน
เขาดื่มเพื่อความนิยมยินดีอันเป็นส่วนสิทธิ์โดยเฉพาะของเขา
เขาดื่มไฟเผาเลือดเนื้อและน้ำตาของเขา
เขาดื่มความสงบสุขของลูกเมียซึ่งอยู่ทางบ้าน
แต่การจะว่าเขาดื่มเพื่อต้องการส่วนดีในสุรานั้น
ออกจะเป็นเรืองเหลวไหลใช้ไม่ได้
นักดื่มสุราย่อมผูกมิตรภาพกับน้ำเมา
หาได้ผูกมิตรภาพกับบุคคลผู้ร่วมการดื่มกับเขาไม่
เพราะนักดื่มจะไม่มีวันเป็นมิตรกันได้สนิท
ด้วยเขาเป็นกันเองเมื่อเริ่มต้น และเป็นคนอื่นต่อกันเมื่อเมา
ต้องคอยต่อความเป็นมิตรกันใหม่ทุกๆ วัน
เหมือนสามเณรเด็กๆ ซึ่งอดกินข้าวเวลาเย็นไม่ได้
ต้องไปขอต่อศีลกับพระทุกๆ เวลาเช้า..."




จากหน้า 175 - 176
"..มารดาอุ้มบุตรเป็นภาพที่งามวิจิตรพิสดารเช่นนี้เอง
มันบริบูรณ์ไปด้วยความหมายและความรู้สึกสูงสุด อันบ่งไปในทางหน้าที่และความรัก
....แม่ไก่ - ลูกไก่ - ชึวิตครอบครัว --- ใครหนอเป็นผู้เสี้ยมสอนนางแม่ให้รู้จักรักและปกป้องลูกของมัน
หรือความรู้สึกเรื่องนี้อยู่ในเลือดเนื้อเชื้อสายของมันมาแล้วแต่ดึกดำบรรพ์
- แต่สมัยที่ใครๆ ชอบเล่ากันว่า พระพรหมเริ่มสร้างให้มีมนุษย์
มีสัตว์เกิดขึ้นในโลกนี้เป็นปฐม ระลึกคำของมรรคินขึ้นมาได้ทันทีทันควัน
'ชนนี้ก็คือผู้ปั้นสมองของนรชน สมองประเสริฐสุดในโลก
เพราะฉะนั้นชนนีก็คือผู้ปั้นความประเสริฐสุดของโลก'
โอ! ผู้เป็นชนนี - เพศของดิฉันน่ะหรือเจ้าคะ คือผู้ปั้นความประเสริฐของโลก
แน่ละ นายผู้ชายคนใดอย่ามาอวดเก่งหน่อยเลยว่า เขามิได้ถือกำเนิดมาจากผู้หญิง
- ว่าเขามิได้มีผู้หญิงเป็นมารดา
- ว่าเขามิรอดปากเหยี่ยวปากกามาเพราะได้ดื่มเลือดในอกของผู้หญิง
- ว่าเขามิได้รับความรัก ความเวทนาปรานีมาจากผู้หญิงกันเป็นประเดิมเริ่มแรก
ผู้หญิงนี่แหละเป็นคนเลี้ยงโลกไว้ สอนผู้ชายให้รู้จักความอ่อนหวานและกตัญญูกตเวทิตาธรรม
--- แต่นักประวัติศาสตร์คนใดจะปฏิเสธได้บ้างว่า
ผู้หญิงไม่เคยได้รับอำนาจและความยกย่องในการเมืองเสมอกับผู้ชายมาบ้างในบางครั้งบางสมัย
อยู่ที่บ้านเราเป็นผู้หญิง - ในโบสถ์เป็นแม่พระ - ในสโมสรสันนิบาตเป็นนางพญา
- ในการเมืองเป็นนักรัฐประศาสน์ - ในครัวเป็นของกระจ่า และในสนามยุทธ์ของเราเป็นนักรบ
เราสามารถเป็นทุกอย่างที่ผู้ชายเขาเป็นได้
ถ้ายกกฎธรรมดาธรรมชาติอันเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงและเปลี่ยนแปลงมิได้แล้ว
จะมีอะไรอีกบ้างสำหรับจะยกคุณลักษณะและความสามารถของผู้หญิง
ให้แผกเพี้ยนออกไปจากผู้ชาย"




จากหน้า 254
"...โอ้! ความรัก ลา รอซฟูกอลต์ได้วาดคติพจน์ไว้มากหลายในเรื่องรัก
และต่อไปนี้ก็เป็นของเขาอีกชิ้นหนึ่ง
ความหึงหวงอันมีอนุสนธิเนื่องมาแต่ความรัก แม้จะมีลักษณะไม่งดงาม
แต่ก็เป็นเครื่องแสดงความจงรักและเหตุผล
เพราะมุ่งเพื่อรักษากรรมสิทธิ์ในสิ่งที่เป็นของตน
หรือซึ่งทำความเชื่อแล้วว่าเป็นของตน..."




จากหน้า 268 - 269
"บาปเป็นอย่างไรคะ - ธาดา?"
เขายิ้มแต่เพียงเล็กน้อย "เธอจะมาไล่ภูมิธรรมกับฉันกระมัง - จวง?"
"มิได้ค่ะ ธาดา ดิฉันอยากรู้จักบาป เพราะดิฉันกลัวบาปโดยไม่รู้จักกับมันเลย"
"บาปเป็นอรูปธรรม ซึ่งเราไม่อาจมองเห็นตัวตน แต่อาจรู้ได้ด้วยความรู้สึก
อันมีปัจจัยเนื่องมาจากการปฎิบัติของเราโดยทางกาย วาจา และใจแล้ว"

"รู้สึกอย่างไรคะ - ธาดา?"
"ความไม่เป็นสุขจริงแท้สิจ๊ะ จวง เป็นความรู้สึกที่ดวงจิตต้องหม่นหมอง
เมื่อเราได้ปฏิบัติการลงไปในทำนองเบียดเบียนของตนและผู้อื่น ผู้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
อาจสนุกโดยไม่มีความสุข แต่ฉันต้องการทั้งความสนุกและความสุขรวมกัน
จึงต้องปลีกตัวมาอยู่เปลี่ยวเดียวดายเช่นนี้"




จากหน้า 310 - 311
"...หากจะมีการเสกสมรสเกิดขึ้นในระหว่างบุคคลเหล่านี้
ก็เพราะต่างมีความพึงพอใจในรูปโฉมของกันและกัน
เป็นความรักที่มีอายุยืนชั่วอายุความสดชื่นแห่งรูปโฉมนั้น
ครั้งเมื่อวัยล่วงและรูปโฉมโนมพรรณโรยไป
ความรักนั้นก็จะจืดจางและร่วงโรยไปตาม ไม่มีเยื่อใยเสน่หาติดอยู่อีก
จริงอยู่ ความสวยงามเป็นของชื่นตา แต่ความดีงามนั้นต่างหากที่เป็นของชื่นใจ
ก็มนุษย์เรานั้นไม่ต้องการหัวใจของกันและกันหรอกหรือ
เมื่อเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดไปเช่นนั้น?

บางทีความเลือกเฟ้นอย่างจู้จี้ พิถีพิถันเหล่านี้เอง เป็นเครื่องทำให้ฉันรักยาก
- แต่ในทำนองเดียวกันก็ทำให้หน่ายยากด้วย
เพราะฉันไม่ถือน้อย ฉันต้องการความจริง ความรู้ผิดชอบชั่วดี
และหัวใจของผู้หญิง ซึ่งได้รับการศึกษาและอบรมมาดีพอสมควร
เพื่อประโยชน์ในการอบรมบุตรของเราในกาลข้างหน้า
เป็นผู้เคารพในงานของฉัน ยิ้มแย้มแจ่มใสร่วมเมื่อความสุข
และปลอบโยนฉันบ้างเมื่อคราวทุกข์ ไม่แต่เพียงเขาจะรักความดีของฉันเท่านั้น
ยังต้องรักความชั่วของฉันอีกด้วยถ้าหากมี
และอาจจะอภัยและตักเตือนฉันบ้างเมื่อได้ประมาทพลาดพลั้งลงไป
เพราะฉันยังเป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่
อาจมีคราวผิดพลาดลงไปในเนื้อหาแห่งเจตนาดีของฉันนี้บ้างเหมือนกัน
เดี๋ยวนี้อะไรไม่ทราบ ชวนให้ฉันรู้สึกและเข้าใจว่าตนกำลังจะเป็นเจ้าหัวใจของใครคนหนึ่งอยู่
...จงมองตรงเข้าในดวงใจของฉันเถิด
แล้วกระซิบบอกด้วยว่าเธอมีความรู้สึกอย่างในฉันเป็นการตอบแทนบ้าง?..."




จากหน้า 315 - 316
"...บางทีผู้หญิงที่ชนิดที่คุณนิยมและเลือกจะคงมีเหลืออยู่ในโลกนี้สักคนหนึ่ง - คนเดียว
ซึ่งสามารถเข้าใจและรู้สึกสูงในคุณงามความดีของคุณโดยแจ่มชัด
แม่หญิงนั้น บางทีคุณอาจจะไม่เคยเห็นเหน้าค่าตาของเขาเลยก็ได้
นอกจากจดหมายลายเซ็นของเขา ซึ่งคุณสามารถอ่านทราบและทายรูปร่างลักษณะของเขาได้โดยถูกถ้วนล้วนสิ้นแล้ว
และไฉนคุณจะมิอาจสามารถทายความนิยมชมชื่นและดวงใจของเขา
ซึ่งได้วางไว้แทบตักของคุณแล้วนั้น
ไม่น่าจะมีข้อเคลือบแคลงระแวงไปต่างๆ นานาเลยเทียวนะคะ
- วราห์ เขารักคุณ ---"




จากหน้า 318, 332
"....จดหมายของวราห์ขาดหายไปตั้งสองสัปดาห์
เขาควรจะตอบดิฉันมานานหนักหนาแล้ว หรือว่าเขาจะไม่ได้รับจดหมายฉบับหลังที่สุดของดิฉันเสีย
ก็อาจจะเป็นได้ สาธุ! ขอให้เป็นจริงเช่นนั้นเถิด
วราห์ โอ! วราห์ แม้ดวงใจของดิฉันจะได้มอบความรู้สึกสูงสุดไว้แทบตักของคุณแล้ว
ก็หาใช่หน้าที่และธรรมเนียมที่ดิฉันจะบอกแก่คุณก่อนไม่ ว่า - รัก ..."

...ธาดา บุณโยปกรณ์ ผู้เป็นวราห์จำลองของดิฉันที่กรุงเทพฯ นี่ก็พลอยหายหน้าไปด้วย
...ถ้าธาดาไปเสียจากเรา ดิฉันจะได้ใครเล่าเป็นผู้แทนของวราห์ ณ ที่นี้
ใครบ้างในโลกนี้ ที่จะมีประพิมพ์ประพายคล้ายวราห์ของดิฉันไปเสียทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนนายผู้ชายคนนี้
ไม่มีเลย ไม่มีอีกเลย ไม่มีเลยจริงๆ
...ดิฉันต้องรอรับคำตอบจากเขาก่อน เขาจะตอบดิฉันมาว่ากระไรหนอ?
วราห์เป็นนักพูดปากหวานออกเช่นนั้น"




จากหน้า 342
"...ฉันขอกล่าวซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ฉันมิได้เป็นผู้ประดิษฐ์คิดแต่งหรือมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนายวราห์ วรวิทย์ผู้นี้เลย
...แม้เขาจะมีอะไรๆ หลายอย่างละม้ายคล้ายคลึงกับรูปลักษณะและความเป็นอยู่ของฉัน
นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะพิสูจน์ได้ตามหลักตรรกวิทยา ว่าฉันคือนายวราห์ วรวิทย์ผู้นี้ ...
...วาจาของฉันเป็นสัตย์ เป็นเกียรติยศ ซึ่งฉันทั้งเคารพ ทั้งหยิ่ง
ฉันถูกอบรมให้เป็นคนพูดน้อย - แต่พูดตรงและจริง
อ้อ! เธอได้เคยสงสัยความสัตย์จริงของฉันมาก่อนแล้ว
เธอก็คงต้องสงสัยอยู่เช่นนี้ตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทราบไว้ด้วยว่า
ฉันมีหัวใจเพียงดวงเดียวเท่านั้นนะจวง
และยังไม่เคยคิดสักครั้งว่าจะหามาเปลี่ยนใหม่"




"จวงยอดรัก เมื่อใจของฉันรู้สึกหวานต่อใครแล้ว
ปากก็พลอยหวานไปตามเสียเช่นนี้เสมอ เป็นนิสัยติดข้องอยู่ในสันดาน
ยากที่จะปลดปลิดออกเสียได้ อนึ่งเล่า ความหวานของฉันในเธอนี้
ได้ก่อกำเนิดขึ้นในใจมาเป็นเวลาแรมเดือนแรมปี จากน้อยยมาหามาก
และถึงใหญ่หลวง หากจะเปรียบกับรังผึ้ง ก็ต้องเป็นรังที่มากทั้งรวงและทั้งน้ำหวาน
และด้วยอาศัยนางพญาผึ้งแม่รักที่อ่อนหวานอยู่แล้วเป็นเจ้าเหย้าเจ้าหัวใจ
กระนี้จะมิให้ปากของฉันพลอยหวานเชื่อมไปด้วยกระไรได้"




สันต์ เทวรักษ์แต่งเรื่องนี้และตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ "ประชาชาติ"
เริ่มฉบับปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2575 ลงวันต่อวัน
จนจบเรื่องในวันที่ 2 มกราคม 2475 (สมัยนั้นเปลี่ยนศักราชใหม่ในเดือนเมษายน)
สำนักพิมพ์ชูลิน นำมาจัดพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2483

เราอ่านทวนอีกครั้ง ก็เห็นจริงว่า สำนวนภาษาเขียนของนักเขียนรุ่นสุภาพบุรุษนี้
ช่างสละสลวย ไพเราะ แม้จะมีบทกอด บทจูบ ก็ยังนุ่มนวล ชวนฝัน
กว่าสำนวนเขียนโต้งๆ อย่างนักเขียนรุ่นนี้ สมัยนี้ (บางคน)
เหมาะสมที่จะใช้เป็นแบบอย่างของการใช้ภาษาไทย

หนังสือเล่มนี้ จึงเป็นเล่มที่เราเลือกวางไว้ที่หัวเตียง
หยิบอ่านได้ง่ายๆ และอ่านได้บ่อยๆ
และก็เป็นเล่มที่ชอบแนะนำให้ใครต่อใครได้อ่านกันด้วย


เราเคยเขียนถึงหนังสือเล่มนี้แล้ว ในการเขียน blog ครั้งแรก ลองไปอ่านดูกันอีกครั้งได้ >>
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bookkii&month=12-2004&date=26&group=1&gblog=4


*****
จุดประสงค์ที่นำข้อความจากหนังสือมา post ก็เนื่องด้วยเป็นถ้อยคำที่เราชื่นชอบและอยากบันทึกไว้
ลิขสิทธิ์ในบทประพันธ์ดังกล่าว ยังคงเป็นของผู้เขียนและผู้สืบทอดเช่นเดิม



Create Date : 23 กันยายน 2550
Last Update : 24 กันยายน 2550 22:43:46 น. 2 comments
Counter : 2860 Pageviews.  
 
 
 
 
....ผมจำเพลงนี้ได้ รุ่นพี่ให้หัดร้องครับ

"หวาน"เพลงดีครับเเต่ตอนนั้นมันไม่รับกับใบ

หน้า....
 
 

โดย: มหาสำลี (มหาสำลี ) วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:7:44:27 น.  

 
 
 
อ่าน 2 หน้าแล้วเม้นติดต่อ
พอลองมาอ่านแบบขยายความพร้อมตัวอย่างแล้ว

ผมกลับคิดคิดใหม่ว่าหนังสือนี้น่าอ่านพอตัว
เสียแต่พื้นฐานทางอารมณ์ของผมยังไม่เกื้อหนุน
ขอวลาอีกนิดนะครับในการปรับตัว ^^
 
 

โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:16:01:08 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com