|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ความทรงจำ ในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ
ในจำนวนหนังสือพระราชนิพนธ์ของเชื้อพระวงศ์ในรัชกาลปัจจุบันนี้ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีจำนวนมากที่สุด ด้วยเป็นเรื่องท่องเที่ยวที่เราชอบ แต่ภายในตู้หนังสือพระราชนินธ์ใบย่อมๆ ที่เรารื้อค้นดูในวันนี้นั้น ได้พบหนังสือที่ซื้อมานาน แต่ไม่ได้อ่านซะทีอยู่ 1 เล่ม เหมาะแก่การหยิบในเขียนหนึ่งในวันสำคัญเช่นนี้
ความทรงจำ ในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ
พระราชนิพนธ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้จัดพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547 ผู้แปล (ภาษาอังกฤษ) : ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ จำนวน 310 หน้า / ราคา 365 บาท ซื้อเมื่อ : 17 กันยายน 2547 ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือเล่มนี้ ภายหลังจาการตามเสด็จนานถึง 8 ปี โดยมีการจัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษา 3 รอบ 12 สิงหาคม 2511
ฤดูร้อนปีพุทธศักราช 2503 สมเด็จพระนางเจ้าฯ ตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวทางราชการ ไปยัง 15 ประเทศในยุโรปและอเมริกา ระยะเวลารวมทั้งสิ้น 7 เดือน
"...เมื่อข้าพเจ้ามีอายุเพียง 19 ปี ได้ตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมาอยู่ประเทศไทย พร้อมด้วยลูกสาวคนโต ซึ่งมีอายุยังไม่ถึงขวบครั้งนั้น จนมีอายุ 27 ปี ข้าพเจ้าก็ยังมิได้เคยย่างกรายออกไปจากบ้านเกิดเมืองนอนอีกเลย ทั้งนี้ก็เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระทัยไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่เสด็จออกนอกประเทศ ถ้าไม่ทรงมีเหตุที่สำคัญพอ ในฐานะที่สร้างเป็นพระประมุขของขาวไทย สมควรที่จะประทับอยู่บ้านเมืองเพื่ออยู่ใกล้ชิดกับราษฎรของท่านให้มากที่สุด ...ส่วนข้าพเจ้าก็ไม่เคยคิดที่จะไปไหนถ้าท่านไม่เสด็จ..."
ประเทศแรกที่เสด็จพระราชดำเนินครั้งใหญ่นี้ คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งทรงเล่าเรื่องไว้ให้เราอ่านและนึกเห็นภาพตามเลยทีเดียว
"...เรือบินตกหลุมอากาศฮวบๆ ฮาบๆ มากว่าครึ่งทาง ประกอบกับข้าพเจ้ากำลังอ่อนเพลียอยู่แล้ว เพราะอดนอนติดต่อกันมานานหลายอาทิตย์ จึงรู้สึกเวียนศีรษะไม่สบาย เมาเรือบินมาก ถึงแม้จะทำตามที่พระเจ้าอยู่หัวทรงสอนไว้ คือให้ใช้อำนาจจิตข่ม ไม่ให้ยอมแพ้ แต่กระนั้นก็ยังต้องนั่งนิ่ง กระดุกกระดิกไม่ได้เลย ศีรษะพิงพนักเก้าอี้ หลับตาแน่น พอเรือบินวนจะลงที่สนามบินลาการ์เดีย เมืองนิวยอร์คเท่านั้น อำนาจจิตของข้าพเจ้าก็พังทลายลง ข้าพเจ้าวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน มิไยใครจะพูดกระไรอยู่หน้าห้อง จะถามข่าวไม่ว่าภาษาไทยภาษาเทศ หรือเรียกตัวกลับไปนั่งรัดเข็มขัดตามคำสั่งกัปตัน ข้าพเจ้าก็ไม่ไหวทั้งสิ้น..."
อยู่ในสหรัฐอเมริกาครบเดือน ก็ออกเดินทางข้ามมาฝั่งยุโรป ซึ่งทางรัฐบาลจัดที่ประทับที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เป็นศูนย์กลางในการเดินทางต่อไปยังที่ต่างๆ อันได้แก่ อังกฤษ เยอรมัน โปรตุเกส เดนมาร์ค นอร์เวย์ สวีเดน อิตาลีและรัฐวาติกัน เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ สเปน
ในปีพ.ศ. 2504 ได้ตามเสด็จเยี่ยมประเทศต่างๆ ทางราชการอีก 4 ประเทศ คือ ปากีสถาน มาเลเซีย (ขณะนั้นใช้ชื่อ สหพันธรัฐมลายา) นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ปีพ.ศ.2506 ได้ตามเสด็จเยี่ยมประเทศญี่ปุ่น จีน และฟิลิปปินส์ทางราชการ และช่วงสุดท้ายในปีพ.ศ.2510 เสด็จไปประเทศอิหร่านทางราชการ และเสด็จไปยังสหรัฐอเมริกากับแคนาดา เป็นอันจบเรื่องเล่าในหนังสือเล่มนี้
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงพระราชนิพนธ์เป็นเรื่องย้อนหลัง บางครั้งก็ทรงแทรกการเสด็จส่วนพระองค์บ้างในขณะที่เล่าถึงประเทศนั้นๆ ทรงบอกถึงพระราชภาระกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและของพระองค์เอง
การปรากฎพระองค์ในประเทศต่างๆ เป็นการผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งในระดับพระราชวงค์ รัฐบาล และผูกใจประชาชนทั่วไปอีกทางหนึ่งด้วย ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักว่า "ประเทศไทย" อยู่ตรงไหนในแผนที่โลก แม้จะเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย แต่ก็ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ อดทน อดกลั้น ต่อเหตุการณ์ตึงเครียดบางประการในบางประเทศ แม้กระทั่งการประทานสัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
"...ข้าพเจ้าถูกถามปัญหาที่กลัวอยู่แล้ว พยายามนั่งแอบตัวลีบ ปัญหานี้คือ เรื่องการใช้จ่าย เพราะว่าข้าพเจ้าออกจะเป็นคนที่ทำข่าวเกรียวกราวระยะนี้ในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ และในประเทศก็เช่นเดียวกัน นักหนังสือพิมพ์ถ่ามว่า 'เสื้อผ้าของพระราชินีส่วนมากตัดที่ไหน' เพราะเขาอ่านตามหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งกล่าวว่า ข้าพเจ้าใช้เงินปีละ 10 ล้านบาท สำหรับแต่งตัวอย่างเดียว ไม่ใช่รูปพรรณอื่นๆ ข้าพเจ้าก็ตอบว่า 'นั่นซี ฉันเองอ่านพบแล้วยังสะดุ้งเลย เพราะไม่นึกเลย ไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองร่ำรวยถึงขนาดนั้น' ก็เลยตอบเขาว่า 'เสื้อผ้าส่วนมากนั้นตัดในเมืองไทย ที่ตัดเมืองนอกก็เฉพาะเวลาตามเสด็จไปต่างประเทศในฐานะเป็นผู้แทนของคนไทยเท่านั้น จึงจะใช้ช่างต่างประเทศ' เขาหัวเราะบอกว่า 'ไม่เป็นไร จะช่วยแก้ข่าวให้ ตัวเขาเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะว่าถ้าดูตามตัวเลขปีละ 10 ล้านบาทแล้ว รู้สึกว่าถ้าจะใช้ให้หมดในปีเดียว 10 ล้าน ไม่ให้เหลือเลยสักแดงเดียวละก็ จะต้องซื้อเสื้อ Fur แพงที่สุด เปลี่ยนทุกเดือน แม้แต่เสื้อใส่นอนก็ต้องปักให้เต็บพรึบไปหมด ไม่อย่างนั้นใช้ไม่หมดแน่ 10 ล้าน เฉพาะค่าแต่งตัว' เขาถามว่า 'เมืองไทยนี้ต้องใช้ Fur หรือเปล่า' ก็บอกว่า 'เมืองไทยขืนใช้ Fur ก็เหงื่อตกตายน่ะซิ' เขาบอกว่า 'ถ้าอย่างนั้นจะใช้เข้าไปหมดอย่างไรไปละ 10 ล้านบาท' แล้วก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน...."
เราคิดว่าการเสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศในครั้งนั้น ช่างคล้ายกับการเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 ยิ่งนัก เป็นการดำเนินตามวิเทโศบาลและกุศโลบายของสมเด็จพระอัยกา ในอันที่จะทำให้ชื่อ "ประเทศไทย" เป็นที่รู้จักในประชาคมโลก และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นบันทึกจากการเดินทางอันทรงคุณค่าในครั้งนั้น ที่ทำให้พสกนิกรอย่างเรา ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ ที่ทรงอุทิศเพื่อ "ประโยชน์สุข" ของประชาชนภายใต้พระบรมโพธิสมภาร
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ปล. ในการจัดพิมพ์ครั้งที่ 2 นี้มีภาพประกอบจากการเสด็จพระราชดำเนินมากมาย สวยงามทีเดียว
Create Date : 12 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2554 3:23:57 น. |
|
3 comments
|
Counter : 6637 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:14:35:44 น. |
|
โดย: กุลธิดา (kdunagin ) วันที่: 13 สิงหาคม 2554 เวลา:1:33:21 น. |
|
โดย: ฟ้าของแม่ ดาวของพ่อ (tanjira ) วันที่: 13 สิงหาคม 2554 เวลา:10:58:48 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|