 |
|
|
 |
 |
|
|
| | 1 | 2 |
| 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
| 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
| 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
| 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
| |
|
 |
|
|
|
KITARO Live @Pattaya : Part II
ความเดิมตอนที่แล้ว
การแสดงเริ่มตามเวลา 6 โมงเย็น
อิ่มแล้ว ก็ปักหลัก ปรับกล้อง เตรียมตัวฟังเพลง และกดชัตเตอร์
เปิดเวทีด้วย เดี่ยวกีตาร์ Hucky Eichelmann
เสียงกีตาร์พลิ้วไหว ถ่ายทอดอารมณ์ดนตรีแบบไทยๆ ด้วยเสียงสากลแบบฮักกี้
ทำให้ชาวโลกได้รู้จักเพลงของนักประพันธ์ชาวไทยมากขึ้น
โดยเฉพาะบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่อจากนั้นราวก็ถึงคิว "วงโปรด" ของเราอีกวงนึง
จะว่าไปเราเคยชมการแสดงสดของวงนี้ครั้งเดียวที่โรงเบียร์ตะวันแดงนะ 
แต่ที่จริงเราโปรด "วงฟองน้ำ" มาก่อนหน้านั้นนานแล้ว
รู้สึกดี ที่มีใครสักคนนำเอาดนตรีไทย (ทั้งเครื่องและเพลง) มาเล่นในแนวผสมผสานอย่างนี้
อาจารย์บรูซ แกสตัน ช่างคิดจริงๆ เอาท่อพีวีซีมาเคาะกับเก้าอี้และลำตัวคนเล่น
ก็บรรเลงออกมาเป็นเพลงได้ เล่นเพลงคุ้นหูนะ แต่เรานึกชื่อเพลงไม่ออก
หลักการเรียบเรียงดนตรี น่าจะเหมือนกับเวลาเล่นอังกะลุงนั่นแหละ
สนุกสนานกับดนตรีของฟองน้ำ และก็ต้องทึ้งอีกครั้ง
เมื่อเพลงต่อมาบรรเลงด้วย "กลองมโหระทึำก" กลองนี้เรียนรู้มาว่า เป็นกลองโบราณ ใช้ในพิธีการเรียกฝน
เสียงไม่กระหึ่มอย่างชื่อกลอง ฟังก๊องแก็งนิดนึง เพราะเป็นเครื่องสัมฤทธิ์อ่ะนะ
ค่อนข้างอัศจรรย์ใจ ตรงที่ยังมีคนนำเอากลองโบราณ มาใช้บรรเลงจริงๆ
ต่างจากการกระทุ้งไม้ไผ่ ...เราไม่ค่อยทึ่ง เพราะเหมือนกับเวลาดู "ลาวกระทบไม้"
วงฟองน้ำบรรเลงเพลง "ชเวดากอง" เป็นการปิดท้าย
ถ้าไม่เล่นก็ถือว่าไม่ได้ฟังวงฟองน้ำเลยนะเนี่ย
ช่วงนี้เว้นช่วงนานนิดนึง เพราะต้องปรับ - จัด เครื่องดนตรีบนเวทีใหม่
คนฟัง ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำกันซะหน่อย ...เมื่อมองกลับมายังบริเวณที่นั่ง
เราถึงเห็นว่าผู้คน "มิใช่น้อย" กันเลยทีเดียว
เดินวนดูจุดจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มอีกรอบ
..แต่ก็ถือว่าค่ำเกินไป อย่าเติมอะไรลงท้องจะดีกว่า
และแล้วก็ได้เวลาที่เรารอคอย...
คิทาโร่หลบแสง เราก็เลยได้แต่ภาพซิลูเอท
เราเป็นคนฟังเพลงที่แย่มาก ตรงที่ไม่เคยจำชื่อเพลงได้เลย
ดังนั้นจึีงไม่สามารถบอกได้ว่า เพลงที่คิทาโร่บรรเลงในคืนวันนั้น มีเพลงอะไรบ้าง
นอกจากที่คุ้นหูจริงๆ คือ Silk Road ...ที่เหลือก็ได้แต่นั่งฟังอย่างดื่มด่ำไปเรื่อยๆ
แสง-สีสุดยอดจริงๆ (ยกเว้นตอนเล่นแสงแฟลช เราไม่ชอบเลย)
แต่ละเพลงมีพลังในตัวเอง
และเราก็เพิ่งรู้ว่าคิทาโร่เล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายมาก
ทั้งกีตาร์ ทั้งกลองใหญ่ ทั้งเครื่องเป่า (พื้นเมืองไหนไม่รู้) และอิเลคโทนที่เห็นประจำ
ท่วงท่าเวลาที่เขาอยู่กับเครื่องดนตรีหลัก ดูพลิ้วไหว ราวกับร่ายมนต์
อ้อ..มี Heaven and Earth ด้วย
เพื่อนร่วมวงที่เดินทางมาด้วยมี 5 คน แต่ละคนฝีมือสุดยอดจริงๆ
โดยเฉพาะไวโอลิน...เป็นปลื้มมากเลย 
มาถึงช่วงท้ายๆ เราก็อดใจไม่ได้ ต้องลุกจากที่นั่ง แล้วไปปักหลักหน้าเวทีบ้าง
ซูมสุดๆ ก็ได้มาแค่นี้ ...หลังจากอังกอร์แล้ว...คิทาโร่ก็ปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยเพลง Matsuri
เป็นคอนเสิร์ตที่อิ่มเอมมากๆ บอกได้เลยว่า ถ้าเราไม่ได้ไป คงเสียดายไม่รู้จบแน่ๆ
บรรยากาศการชมคอนเสิร์ตกลางแจ้งแบบนี้ โดยเฉพาะศิลปินต่างชาติอย่างนี้
เราต้องทำใจเรื่องเสียงคนคุยกัน เสียงเด็กร้อง เสียงโวกแวก บ้าง ในบางช่วง
เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ มักจะเป็นสปอร์นเซอร์หลักของการแสดง
ดังนั้น การที่จะมีคนส่งเสียงดัง ในจังหวะที่ดนตรีค่อย ก็อาจเกิดขึ้นได้
เราพยายามไม่ไปใส่ใจกับเสียงรบกวน และดื่มด่ำกับดนตรีให้เต็มที่จะดีกว่านะ
ต้องขอบคุณผู้จัดที่เปิด Fan Page ขึ้นใน Facebook
ทำให้เราได้พบปะกับคนที่ชอบศิลปินคนเดียวกัน
ทำให้เราได้เดินทางร่วมกัน
และทำให้เราได้พบกับมิตรภาพใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก
เป็นอีกครั้งที่เราได้พิสูจน์แล้วว่า "มิตรภาพในโลกเสมือน" ..มีจริง
| Create Date : 07 เมษายน 2554 |
| Last Update : 7 เมษายน 2554 22:25:08 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1596 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
|
| นัทธ์ |
 |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539
ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
| |
|
|
|
กลองนี้เรียนรู้มาว่า เป็นกลองโบราณ ใช้ในพิธีการเรียกฝน 
