<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 มีนาคม 2554
 

ทริปโบราณสถาน อยุธยา-ลพบุรี : Part I




เดือนกันยายน 2553 มหาวิทยาลัยศิลปากร ออกข่าวเกี่ยวกับ
งาน "วังท่าพระ ศูนย์กลางของช่างสิปป์หมู่ 200 ปี" หนึ่งในหลายๆ กิจกรรมก็คือ
ทริปนำชมผลงานการออกแบบ
ของพระองค์เจ้าชุมสายและโบราณสถานที่สำคัญ
ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและลพบุรี


เราเป็นคนชอบเที่ยวสถานที่ประวัติศาสตร์ ยิ่งมีวิทยากรนำชมแบบนี้ยิ่งชอบ
ก็เลยตัดสินใจร่วมเดินทาง แล้วหาเพื่อนไปด้วย ...ก็ได้น้องชาย-ชรันจ์ เจ้าเก่าไปด้วยกัน
การเดินทางครั้งนั้น อยุ่ในช่วงก่อนที่บริษัทจะจัดงาน OPEN HOUSE PARTY
ซึ่งเราก็ได้จัดจ้าง Organizer ดำเนินงานแล้ว ไล่เรียงลำดับงานหมดแล้ว
แต่ก็ยังเป็นการเดินทางที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดได้ เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
แต่ก็ช่างเถอะ ...รับสาย ฟังไป ตอบไป ...ถึงไงเราก็อยู่ต่างจังหวัดจะช่วยอะไรได้ล่ะ
มันผ่านไปแล้ว อย่าไปนึกถึงอีกเลย
เริ่มต้นเดินทางไปเที่ยว ผ่านภาพและตัวอักษรกันดีกว่า



เช้าวันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2553
นั่งเรือข้ามฟากมายังจุดเริ่มต้น มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่่าพระ
บรรยากาศออกจะขมุกขมัวไปหน่อย เพราะสภาพอากาศไม่แน่ไม่นอนนัก



ลงทะเบียนและรับของว่างแล้ว ก็จับจองที่นั่งบนรถคันที่ 2
วิทยากรประจำรถคันนี้ ท่านมาเป็นวิทยากรเสริมแบบไม่ได้เตรียมตัว
แต่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้สาระอะไรจากการเดินทางนะ
ได้อยู่แล้ว เพราะอาจารย์ท่านมีเรื่องเล่า เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย (และเกร็ด mount) เยอะมาก

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม กันก่อน

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 21 ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาเอมใหญ่ ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด ตรงกับวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2359 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นราชสีหวิกรม แล้วต่อมาทรงเลื่อนเป็นกรมขุนราชสีหวิกรม โปรดเกล้าฯให้ทรงกำกับกรมช่างศิลาในกรมช่างสิบหมู่ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 4 เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ. 2411 พระชันษา 53 ปี

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ทรงเป็นต้นราชสกุล ชุมสาย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลแก่ หลวงสฤษดิ์สุทธิวิจารณ (หม่อมราชวงศ์ผัด) ผู้ขอเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 เป็นสกุลอันดับที่ 365 ตามประกาศวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2456


ผู้ร่วมทางครบแล้ว ล้อหมุน ...มุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นแห่งแรก
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากไป ...ตัดเข้าจุดหมายแรก "วัดพนัญเชิง" เลยละกันนะ



วัดพนัญเชิง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย สร้างมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี (จากคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวว่าเป็นพระอารามหลวงลำดับที่ 15) อยู่ในเขตปกครองของคณะสงฆ์ตำบลหอรัตนไชย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ตอนใต้ของเกาะเมือง ทางราชการใช้ชื่อว่าตำบลคลองสวนพลู (หรือตำบลกะมัง) อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา




พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้ประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับชื่อวัดพนัญเชิงไว้ดังนี้

“วัดพนัญเชิง” อีกคำหนึ่งว่า “วัดพระเจ้าพนัญเชิง” ให้คงเรียกอยู่อย่างเดิมอย่าอุตริเล่นลิ้น เรียกว่าผนังเชิง เพราะเขาเรียกอย่างนั้นทั้งบ้านทั้งเมืองมาแต่ไหนๆมาแปลงว่าผนังเชิงก็ไม่ เพราะ จะเป็นยศเป็นเกียรติอะไร สำแดงแต่ความโง่ของผู้แปลงไม่รู้ภาษาเดิมว่าเขาตั้งว่า “พนัญเชิง” ด้วยเหตุไรประการหนึ่ง วัดนั้นเป็นวัดราษฎรไทยจีนเป็นอันมากเขาถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ก็เจ้าของเดิมตั้งชื่อนั้นไว้จะเป็นผีสางเทวดาสิงสู่อยู่อย่างไรก็ไม่รู้ มาแปลงขึ้นใหม่ ๆ ดูเหมือนผู้แปลงก็ไม่สู้จะสบาย ไม่พอที่ย้ายก็อย่ายกไปเลย ให้คงไว้ตามเดิมเถิด”


ไม่ไ่ด้มาอยุธยานานมากแล้ว ....นานจนชักไม่แน่ใจว่า "เคยมาวัดนี้หรือยัง"
สภาพโดยทั่วไปก็สะอาด สะอ้านดี แต่ทว่ามีเต้นท์ และวัตถุมงคลมากมายให้กราบสักการะ
จนเราไม่แน่ใจว่า นี่วัดไทย หรือวัดจีน



ตามวิทยากรและชาวคณะเข้าไปฟังบรรยายด้านในพระอุโบสถกันดีกว่านะ



พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) เป็นชนิดพระปูนปั้นปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 7 วา 10 นิ้ว สูงตลอดรัศมี 9 วา 2 ศอก ประดิษฐ์อยู่ในพระวิหารใหญ่ตามฝาผนังพระวิหารใหญ่ทั้ง 4 ด้าน ทำเป็นช่องๆ ไว้บรรจุพระพุทธรูป 84,000 องค์ เป็นพระขนาดเล็กตามภาษาชาวบ้านว่า “พระงั่ง” ในทำเนียบพระพุทธรูปกล่าวว่า สร้างเมื่อปีชวด พ.ศ.1867 ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี 26 ปี แต่ไม่ได้ความว่าใครเป็นผู้สร้าง ได้รับการปฏิสังขรณ์เมื่อ พ.ศ.2471 เนื่องจากไฟไหม้ผ้าห่มพระพุทธไตรรัตนนายก ในพ.ศ.2444 ทำให้ชำรุดหลายแห่ง และซ่อมแซมเสร็จในปี พ.ศ.2473 มีการทำอุณาโลมเปลี่ยนใหม่ยกขึ้นติดตามเดิมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2472 ปี พ.ศ.2549 ดำเนินการบูรณะครั้งใหญ่โดยจะทำการปิดทองใหม่ทั้งองค์ เพื่อให้เกิดความสวยงามเป็นที่น่าศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

พระพุทธรูปองค์นี้ มีเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ซึ่งควรนำมากล่าวไว้ในนี้ด้วย คือ ตามคำให้การชาวกรุงเก่าเล่าว่า เมื่อใกล้จะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าข้าศึกนั้น พระพุทธปฏิมากรองค์ใหญ่ในพระวิหารหลวง วัดพนัญเชิง มีน้ำพระเนตรไหลออกทั้งสองข้างจรดพระนาภี เหตุนี้ประชาชนจึงมีความเคารพนับถือมาก ถึงหน้าเทศกาลได้ไปประชุมกันนมัสการเป็นประจำทุกๆ ปี


และปัจจุบันก็มีพิธีถวายผ้าหลวงพ่อโต เป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา
เสียงประกาศบอกขั้นตอน ชวนทำบุญ ทำทาน ดังก้องสะท้อนภายในพระอุโบสถ
ทำให้เราฟังบรรยายไม่ค่อยรู้เรื่องเลยล่ะ



พยายามจับใจความที่อาจารย์วิทยากรท่านบอกเล่า แต่เสียงจากลำโพงตัวเล็กหรือจะสู้เสียงจากลำโพงใหญ่
เราก็เลยปลีกตัวมาเดินวนดูโดยรอบพระอุโบสถแทน
มีพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ประดิษฐานอยู่โดยรอบ งามๆ ทั้งนั้นเลย



ภายในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนี้ มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ 3 องค์ เรียงจากซ้ายไปขวา ดังนี้
พระพุทธรูปทอง สมัยสุโขทัยปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก 3 นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดพระเศียร 4 ศอก 3 นิ้ว
พระพุทธรูปปูนปั้น สมัยอยุธยาปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก สูงจากฐานถึงยอดพระเศียร 5 ศอก 11 นิ้ว
พระพุทธรูปนาก สมัยสุโขทัยปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก 13 นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดพระเศียร 5 ศอก

พระพุทธรูปทองและนาคนั้น สันนิษฐานว่าสร้างสมัยตอนปลายสุโขทัยราว พ.ศ.1900 เดิมทีเดียวหุ้มปูนลงรักปิดทองไว้ เข้าใจว่าคงหุ้มมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งสุดท้าย เมื่อ พ.ศ.2310 ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2499 ทางวัดจัดทำความสะอาดจึงได้พบรอยปูนกระเทาะออก เห็นว่าเป็นทองและนาค จึงได้กระเทาะปูนออกดังปรากฏเห็นอยู่ในทุกวันนี้


เมื่อเงยหน้าขึ้นมองสูงขึ้นไปจนถึงคาน
พิจารณาลวดลายเขียนสีทองบนพื้นสีแดง ซึ่งคงเป็นการบูรณะใหม่เมื่อปี 2549
สายตาเราก็ปะทะเข้ากับป้ายชื่อผู้บริจาคปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ



10 บาท ณ ช่วงเวลานั้น คงมากมายแน่ๆ เลยล่ะ ถึงต้องขึ้นป้ายประกาศกันไว้อย่างนี้
เรามีเวลาไหว้พระและเดินชมภายในพระอุโบสถไม่นานนัก ก็ต้องกลับมาขึ้นรถ
เพื่อมุ่งหน้า จุดหมายต่อไป




โปรดติดตามตอนต่อไป



ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวัด : //www.watphananchoeng.com




 

Create Date : 12 มีนาคม 2554
3 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2554 0:00:12 น.
Counter : 1531 Pageviews.

 
 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
เห็นภัยธรรมชาติที่เกิดกับญี่ปุ่นน่ากลัวจังเลยโลกใบนี้เริ่มปรวนแปรแล้ว ช่วงสองวันไม่สบายนิดหน่อยอาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนมากมาย แอบหน้ามืดเป้นลมเลยค่ะ แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว ช่วงนี้ซ้อมการแสดงหนักเหมือนกัน งานจะมีขึ้นในวันพุธนี้แล้วค่ะ ระลึกถึงอยู่เป็นนิจนะคะคุณนัทธ์
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:11:18:00 น.  

 
 
 
ทริปนี้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่รอยคละกรุ่นของอารมณ์หงุดหงิดยังคงตามติดมาถึงวันนี้ที่เล่าเรื่องด้วย เถอะนะ... ทำให้ใจสบาย

ความจริงพวกเราน่าจะทริปไปอยุธยาใกล้ๆ ค้างแรมสัก 1-2 คืนก็ดีนะ เอาแบบเจาะลึกไปเลย ยกมือให้เธอนำเที่ยว เพราะเธอน่าจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสนุกๆ มาเล่าให้เพื่อนฟังสดๆ ได้ดี
 
 

โดย: นู๋เมี่ยง IP: 58.11.12.54 วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:23:57:14 น.  

 
 
 

สวัสดีค่ะคุณนัทธ์...

อยุธยาไปมาไม่มีวันเบื่อนะค่ะ..

รู้สึกสบายตาสบายใจยังไงชอบกล..!

วันนี้ทำความดีหลายอย่างค่ะ

อย่างหนึ่งคือเดินไปธนาคารกรุงเทพฯแถวที่ทำงาน

แล้วบริจาคเงินไปหน่อยหนึ่ง..

เข้าบัญชีครอบครัวข่าว3เพื่อผู้ประสบภัยที่ญี่ปุ่นค่ะ

ขอเชิญเพื่อนๆช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะค่ะ

เล็กๆน้อยๆก็ยังดีนะค่ะ

 
 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 15 มีนาคม 2554 เวลา:18:39:20 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com