เข้าวัง ถวายบังคมพระบรมศพ
ในช่วงเวลา 100 วันของงานพระราชพิธีการพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
เราตั้งใจไว้ว่า ยังไงซะ ก็ต้องขอเข้าไปกราบถวายบังคมที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทให้ได้ จึงอาศัย ช่วงปิดปีใหม่ ที่ญาติพี่น้องจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ นัดหมายกัน คืนวันที่ 30 ธันวาคม ...ปรากฎว่าครอบครัวทางปากช่องมีงานเลี้ยงปีใหม่ที่โรงเรียน ไม่สามารถเข้ามาได้ ครอบครัวทางอ่างศิลา ก็เลยยังไม่เข้ามา วันที่ 31 ธันวาคม ... นัดหมายกันอย่างดีว่า เมื่อมาถึงกันแล้ว บ่ายๆ จะออกไป ปรากฎว่า พอเช้าวันที่ 31 เช็คสถานการณ์ออนไลน์ ทั้งจำนวนคน ทั้งเรื่องงานสวดมนต์ข้ามปี ก็ไม่มั่นใจในเรื่องระยะเวลาที่ต้องรอ ก็เลยพับโครงการเก็บไว้ก่อน ...หันมาวางแผน "กินข้ามปี" กันก่อน พอเข้าวันที่ 1 มกราคม รายการกินต่อเนื่อง และคุยกันอีกครัง สรุปความได้ว่า เข้าวันที่ 2 มกราคมละกัน ผู้คนส่วนใหญ่ น่าจะยังไม่กลับเข้ากรุงเทพฯ ไปกันแต่เช้าๆ เที่ยงน่าจะเสร็จ จะได้มีเวลาไปไหว้พระในวัดแถวนั้นด้วย ก็นัดหมายกันว่า จะออกเดินทางจากบ้านตอน ตี 5 และไม่มีใครยอมแต่งชุดไทยจิตรลดาเป็นเพื่อนเราเลย ต่างก็บอกว่า เอาชุดนั้นไว้แต่งตอนที่เข้าวังในฐานะเจ้าภาพงานละกัน คือ บริษัทเรา และบริษัทพี่สาวเรา ก็ยืนจดหมายแจ้งความจำนงไป แต่ก็ยังไม่มีบริษัทใดรับหนังสือแจ้งกำหนดเป็นเจ้าภาพเลย เป็นอันว่า ...เราก็ต้องงัดเอาชุดผ้าฝ้ายมาใช้แทนชุดผ้าไหม เช้าวันที่ 2 ธันวาคม ทุกคนพร้อมทั้งการแต่งกาย ทั้งร่ม ทั้งยาดม ออกจากบ้านมากัน 9 คน ...รถตุ๊กตุ๊กผ่านเข้าซอยมา ..พอดี ไม่ต้องเดิน เหมาไปท่าน้ำ รถตุ๊กตุ๊กแล่นเข้าไปจอดสุดถนนวังหลัง มีคนแต่งชุดดำหลายคน เดินทางมุ่งหน้ามายังท่าน้ำเช่นกัน ที่ท่าน้ำวังหลัง เรือข้ามฟากพร้อมให้บริการแล้ว จะข้ามไปท่าช้าง หรือไปท่าพระจันทร์ ก็ได้ บ้านเราเลือกข้ามไปท่าพระจันทร์ เพราะจำได้ว่า จุดตรวจประตูวัดมหาธาตุ อยู่ใกล้เส้นทางเข้า พอข้ามฟากมาได้ ...ก็ต้องตกใจ เนื่องจากแถวเข้าจุดคัดกรองนี้ ยาวมาถึงแยกถนนมหาราช นี่เราต้อง "ตั้งหลัก" กันตั้งแต่ตรงนี้เลยเหรอ .... ณ เวลา 5.30 น. เข้าแถวเพื่อผ่านจุดคัดกรอง การจะผ่านจุดนี้ ต้องถือบัตรประชาชนระดับหน้าอก มีกล้องวงจรปิดจับหน้าเราไว้ เดินผ่านเครื่องสแกนวัตถุโลหะ เปิดประเป่าให้ตรวจ ให้เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องสแกนผ่านร่างกาย เป็นอันเรียบร้อย ....แต่ว่า เราเดินตัดไปอีกด้านของสนามหลวงไม่ได้ "เข้าสักการะ เลี้ยวซ้ายเลยครับ" .... ถูกจัดระเบียบซะแล้ว อ่ะ ..เดินอ้อมก็ได้ มีคนเดินมุ่งหน้าเส้นทางเดียวกันตั้งหลายคน ต่างคนต่างจ้ำ ...แต่จู่ๆ เสียงหลานชายก็เอ่ยขึนมาว่า "แม่คับ ...จะเข้าห้องน้ำ" เอาล่ะ ..หลานปวดท้อง ข้าศึกบุก ก็ต้องหยุดให้ไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งสนามหลวงด้านทิศเหนือ มีรถสุขาของกทม. จอดเรียงกัน พร้อมให้บริการทั้งชายและหญิง ...ก็เข้ากันซะให้เรียบร้อย ส่วนคนที่ไม่เข้า ...สายตาก็สอดสายสังเกตบริเวณโดยรอบ ตอนนี้ ก็ 6 โมงกว่าแล้ว ...มีคนแจกน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก่ทอดร้อนๆ ใกล้กันก็มีโจ๊กอาม่าจากตลาดน้อย ...ได้มื้อเช้ารองท้องกันแล้ว คุณหลานชายเข้าห้องน้ำนานมาก (เจ้าตัวบอกว่า รอคิวนาน) เมื่อพวกเราพร้อมกันแล้ว กลายเป็นมา แถวที่ต้องต่อคิวนั้น มาจ่อตรงหน้าเป็นทีเรียบร้อย ช่วงนี้ก็เดินเรียงสี่กันไปค่ะ แถวค่อยๆ ขยับไปเรื่อย แบบช้าๆ ยังยืนกันได้ อากาศยามเช้าเย็นดี เต้นท์ด้านซ้ายมือ เป็นของปอเต๊กตึ้งและวัดอ้อน้อย เตรียมทำอาหารแจกมื้อเช้า มองผ่านรั้วเล็กออกไป เห็นคนมากมายอยู่นอกรั้ว คงรอเข้ามาในพื้นที่เช่นกัน เยอะมาก และไม่นาน ก็ได้ยินเสียงจากบนถนนให้ทุกคนหยุดเดิน ...มีขบวนเสด็จ ถึงเวลาเลี้ยงพระเช้าแล้ว ...คิวต้องหยุดนิ่งราวหนึ่งชั่วโมง ขวามือ มองเห็นเต้นท์นั่งแล้ว ...ใจก็คิดว่า คงใกล้ถึงคิวพวกเราได้เข้าเต้นท์นั่งซะที ระหว่างรอ ก็คุยกับคนที่ต่ออยู่ด้านหลังพวกเรา ครอบครัวนี้มาจากบางใหญ่ จอดรถฝั่งธน แล้วข้ามเรือมาทางฝั่งท่าช้าง ...อืมม์ เดินมาต่อคิวตรงนี้ ก็เ่ท่ากันเดินมาแล้วครึ่งสนามหลวง จากที่ยืน ตอนนี้หลายคนเริ่มนั่ง ...พวกเราก็นั่ง เกือบชั่วโมง นั่นแหละ แถวจึงขยับอีกครั้ง อ้าว เฮ้ย ...เราไม่ได้เลี้ยวเข้าเต้นท์รึนี่ ...ต้องเดินผ่านบัลลูน "ท้ายคิว" ไปยังโซนทิศใต้ และเดินด้านนอกเต้นท์ ....อ่ะ ...เดินก็เดิน แถวยืน เดิน หยุด สลับกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงด้านถนนหน้าพระลาน ...เอ...ไอ้คนที่เดินในเต้นท์ สวนทางกับเราเนี่ยเป็นกลุ่มไหน แล้วก็ยังมีอีกกลุ่มใหญ่ ที่เดินกันบนถนน เราแยกตัวไปถามคนในเต้นท์ ...ได้ความว่า ก่อนพวกเขาจะมาอยู่ตรงนี้ ...เขาก็อยู่นอกเต้นท์มากอ่น ....ตายละหวา นี่แสดงว่าเราต้องเดินไปจนถึงจุดยูเทิร์น อย่ากระนั้นเลย ...เรามีผู้สูงวัยมาด้วยสองคน ...มองหาเก้าอี้สนาม ...แล้วให้แม่กับอานั่งรอละกัน พอยูเทิร์นแล้ว ...ก็จะกลับมาเจอกันเอง คิดแบบนี้แล้ว ก็หันไปบอกครอบครัวข้างหลัง ซึ่งมีคุณยายมาด้วย ปรากฎว่า ..."อ้อ พี่ให้คุณยาย นั่งรอตั้งแต่ช่วงผ่านหน้าศาลหลักเมืองแล้วค่ะ " .... เออ เราคิดช้าไป เมื่อจัดการให้ผู้สูงวัยทั้งงสอง ได้ที่นั่งรอแล้ว บรรดาสาวๆ และเด็กหนุ่มที่เหลือ ก็เดินๆ หยุดๆ ไปเรื่อย ...ระหว่างนี้มีหย่อนก้นนั่งพื้นเป็นพักๆ เริ่มมีจิตอาสาออกแจกน้ำ แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเรามาอยู่ในแนวเต้นท์ ในฐานะฝ่ายเดินกลับ อยู่นอกเต้นท์ รับแดดเต็มๆ แต่ไม่มีใครย้อท้อ ทุกคนดูแจ่มใส ไม่หงุดหงิด ..มือกดเล่นมือถือบ้่าง จับกลุ่มคุยกันบ้าง รับน้ำขวดส่งต่อกันมาบ้าง ... มีลมเย็น พัดผ่านเข้ามา ...จึงไม่ร้อนมากนัก พอได้ยูเทิร์น ตอนเกือบ 10 โมง ...เราก็ขอออกจากแถว ไปต่อคิวสำรวจห้องน้ำ SCG ซะหน่อย แถวยาวมาก ...ยืนต่อคิวอยู่ตั้งนาน (อาศัยหลบแดดด้วยแหละ ^^) กลายเป็นว่าต่อคิวห้องน้ำชาย มิน่า พวกผู้ชายเดินเข้าเดินออก คงอยากใช้ห้องน้ำบ้าง แต่มีผู้หญิงอยู่เลยเกรงใจ ส่วนผู้หญิงที่ต่อคิวด้านนี้ ก็ต้องยืนรอตะแคง หันข้างกัน ..ไม่หันหน้าตรง กลัวหนุ่มๆ จะเขิน มีห้องน้ำด้านนี้ 2 ห้อง ส่วนอีกด้านเป็นของผู้หญิง ... ซึ่งต่อคิวยาวมาจนถึงฝั่งด้านผู้ชายเลยทีเดียว จัดการตัวเองเรียบร้อย ออกมา วิ่งตามหาพี่น้อง กลับเข้าไปในแถวตามเดิม มีรถกอล์ฟ พาคนเป้นลมไปเต้นท์พยาบาล ...ขับฝ่าผู้คนไป ส่วนเต้นท์บริการ เริ่มมีน้ำแดงบ้าง ไอติมบ้าง ออกแจกคลายร้อน ก็มีคนฝากคิว แล้วออกไปต่อคิวรับขนมกันบ้าง ...ช่วงนี้กลายเป็นพักรอนาน เพราะข้างใน มีพิธีเลี้ยงเพลแล้ว ...ด้านนอก ก็มีอาหารจากกลุ่มแม่บ้านทหาร (หน่วยไหนไม่รู้) มาบริการข้าวกล่อง บางคนเราเห็นถือ 2 กล่อง ...มาฝากกัน ...พอเราออกไปกับหลานชาย กลายเป็นต้องแจกคนละกล่อง ดังนั้น อาหารชุดแรก ให้หลานๆ กันกันก่อน ถัดมา เป็นอาหารจากวัดอ้อน้อย ...เส้นใหญ่ผัดขิงกับไก่ เมนูนี้ อร่อยมาก เราชอบ แม่ก็ชอบ ...จัดไปคนละจาน (ตอนนี้แม่ย้ายมานั่งรอด้านใน ตามพวกเราแล้ว) ส่วนน้องสาวเราไปต่อคิว ราดหน้า ...ของหมดต่อหน้าต่อตา ...น่าสงสาร เที่ยงครึ่งโดยประมาณ ...ใช้เวลา 6 ชั่วโมง พวกเราก็มายืนอยู่ในตำแหน่งที่จะได้เข้าไปเต้นท์นั่งซะที แต่ก็ยังเห็นผู้คนอีกมากมาย อยู่ในแถวที่เดินสวนทางกับเรา ...พวกเขาคงต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง มีคนถามเรื่องเวลากับเจ้าหน้าที่ดูแลคิว ...ได้ยินเสียงตอบดังฟังชัดว่า "พวกคุณใช้เวลาถึงตรงนี้กี่ชั่วโมง ...ก็ใช้เวลาเท่ากันในช่วงต่อต่อแหละครับ" คิดเลขในใจทันที .. 12 ชั่วโมงเลยรึนี่ ...มีบอกออกมา "ครับ ...ประมาณนั้นแหละ เราบันทึกกินเนสบุ๊คส์ไว้แล้ว อย่าทำให้เสียมาตรฐานนะครับ" ช่างเป็นวิธีการคลายคลายความตึงเครียดได้ดีจริงๆ .... มาถึงตรงนี้แล้ว จะกลับบ้านก็กระไรอยู่นะ เมื่อเข้าสู่เต้นท์นั่ง "ค9" เป็นพักอย่างจริงจัง ...ถึงตรงนี้แล้ว ก็สบายๆ รออย่างเดียว ระหว่างนี้ ก็เดินสำรวจซิคะ ...รออะไร ที่ผ่านมายังกินไม่อิ่มเลย พวกเราก็ผลัดการลุกเดิน ..ไปยืดเส้นยืดสาย ดูบรรยากาศไปด้วย หาของกินไปด้วย อิ่มหนำสำราญดี ...บางทีก็มีอาสาเดินถือถาดมาแจกอาหาร แจกน้ำ แต่ถ้าให้ชัวร์ ไปต่อคิวรับมาเอง ดีที่สุด ช่วงเวลานี่ จะมีเสียงประกาศให้สำรวจการแต่งกาย แนะนำให้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย มีผ้าถุงให้ยืม มีพลาสเตอร์ยาให้ติดหากโดนรองเท้ากัน มีเต้นท์พยาบาลแจกยาดม ยานวด มีคุณตำรวจเดินลากลำโพงมาเดินชวนคุยไปตามเต้นท์ต่างๆ ผ่อนคลาย แก้เบื้อ มีอาสาเดินมารับขยะ เวียนเข้ามาเป็นช่วงๆ ...เยอะมาก ครอบครัวที่นั่งใกล้พวกเราคราวนี้ มาจากมหาชัย ...ลูกสาวเคยมาแล้ว คราวนี้พาพ่อกับแม่และญาติมา ... น้องบอกว่า "คราวก่อนมาถึงตอน 6 โมง ได้เข้าบ่ายสี่ วันนี้คนเยอะมาก หนูกะเวลาไม่ถูกเลยค่ะ" ไม่เป็นไรค่ะน้อง ...เรานั่งรอเป็นเพื่อนกัน เมื่อเราลุกขึ้นยืน กวาดสายตามไปตามเต้นท์ ตั้งแต่ ก-ซ คนเต็มทุกเต้นท์ ลุกเดินกันขวักไขว่ ต่อคิวกันเป็นระเบียบ มีบ้าง ที่พยายามลัดคิว ก็มีทั้งคนหยวนๆ ให้ ทั้งคนที่รักษาสิทธิ์เต็มที่ เจ้าหน้าที่และอาสา ยิ้มแย้ม พูดจาดี ไม่มีอารมณ์เสีย เรารู้ว่า เวลาที่ยาวนานนี้ ทำให้เราได้เห็นอะไรดีๆ เยอะ มีคนดีๆ และเรื่องดีๆ ให้จดจำในวาระนี้มากมายทีเดียว 17 นาฬิกา เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศให้แถว "ค9" ลุกจากที่นั่ง เพื่อไปยังโซนพักคอย เดินเรียงสี่ ตามกันไป อย่างเป็นระเบียบ ถึงเต้นท์พักคอย ...ไม่ต้องคอยแล้ว และไม่ต้องอ้อมไปเข้าประตูมณีนพรัตน์ด้วย เพราะเป็นช่วงปิดวัดปิดวัง งดรับนักท่องเที่ยว แถวพวกเราก็เลยมุ่งหน้าไปถึงหน้าประตูวิเศษไชยศรีอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดเลย เข้าเขตพระราชฐาน ..ก็เป็นการตูแลของสำนักพระราชวังและตำรวจวังแล้ว จะเดินจะหยุด ก็รอฟังเจ้าหน้าที่ มีห้องน้ำให้เข้า มีน้ำให้ดื่ม ...ดูแลประชาชนอย่างดี สักพัก ก็เห็นเจ้าหน้าที่นำผู้คนอีกชุด เข้ามารอที่ถนนหน้าศาลาสหทัยฯ สักพัก ก็จัดเข้ามาอีกชุด แยกฝั่งซ้ายฝั่งขวา ...เจ้าหน้าที่จำได้ว่า ต้องจัดชุดไหนเดินหน้า ก่อนหลัง น่าจะเป็นกุศโลบายในเชิงจิตวิทยา ทุกคนไม่รู้สึกว่ารอนาน เพราะจะได้เคลื่อนที่ตลอดเวลา จบชุดนี้ ตัดแถว ... ไม่ทันได้กระสับกระส่าย ก็จัดให้เดินต่อ สลับไปอย่างนี้ มาเข้าถึงพื้นที่ลานหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ยังเป็นเขตอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ ... ขณะนี้ก็ 18 นาฬิกาแล้ว เราเข้าใกล้พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเข้าไปทุกขณะ พวกเรา 9 คน ยังคงเกาะกลุ่มกันได้ดี ในลักษณะแถวเรียง 4 พอใกล้ประตูทางเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสียงดำรวจวัง (หรือเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง - - ไม่แน่ใจ) สั่งให้ งดใช้โทรศัพท์ได้แล้ว "หรือพวกคุณอยากถ่ายรูปอีก ผมจะจัดให้เดินวนอีกรอบ " เก็บซิคะ ...เก็บกันเรียบ ปิดเสียง และสงบปากสงบคำโดยดี ในช่วงเวลานี้ ด้านในมีการประโคมย่ำยาม พวกเราเดินผ่านประตูไป แล้วเดินผ่านหลังเจ้าพนักงานกลองชนะ เสียงตีกลอง "พรึม" ทำเอาสะดุด ....แล้วขณะพวกเราก็ถูกตัดแถว แยกจากกัน เราอยู่กับแม่และหลานชายคนนึง เดินเกาะหลังตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้ ต้องถอดรองเท้าใส่ถุง กระเป๋าต้องถือ ห้ามสะพาย เจ้าหน้าที่นำขึ้นพระที่นั่ง ทางบันไดเสด็จฯ ด้านละ 2 แถวไปเจอกันข้างบน เป็น 4 อย่างเดิม เดินช้าๆ เพราะมีผู้สูงอายุเยอะ เจ้าหน้าที่ใช้คำพูดเร่งแบบเนียนๆ "ระวังครับ ค่อยๆ ก้าวให้ไว อยากให้ทุกคนได้เข้าก่อนปิดพักครับ" เราถามเจ้าหน้าทีว่า พักกันกี่ครั้ง ...ได้คำตอบมาว่าพัก 4 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง คือ 6.30 น. เลี้ยงพระเช้า 11.00 น. เลี้ยงพระเพล 19.00 น. และ 21.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเสด็จ หรือมีพิธี ...เจ้าหน้าที่จะได้พักบ้าง และเป็นช่วงทำความสะอาดบ้าง พอเข้าไปด้านในพระที่นั่ง ...ทุกคนเงียบมาก สายตาทอดมองไปยังพระบรมโกศที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า นั่งพับเพียบ แล้วฟังเสียงสัญญาน บอกกราบ บอกลุก ...ไม่สามารถอ้อยอิงได้ รู้สึกใจหวิบไหว ..ไม่อยากลุก ตอนเดินออก ก็ไม่อยากละสายตาไปเลย มันตื้อๆ ในหัวใจ ... แต่ก็เข้าใจว่า ...ชีวิตมีเกิด มีดับ เป็นธรรมดา ลงจากพระที่นั่ง ก็มีตู้รับบริจาค ..ขอทำบุญร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์บ้าง จากนั้น ก็สวมรองเท้า คืนถุง แล้วเดินไปตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่แนะนำ รับพระบรมฉายาลักษณ์ (ด้านหลังพิมพ์กำหนดการพระราชพิธี) ใจคิดแต่ว่า "ฉันจะได้ข้าวเปลือกมั๊ย" ผ่านประตูชั้นในออกมา ก็มีน้องทหารแจกน้ำดื่ม แจกพัด ..ไหนข้าวเปลือก จนจะออกประตูชั้นนอกนั่นแหละ จึงมีเจ้าหน้าที่แจก "ข้าวเปลือกพอเพียง" อิ่มใจ ..ปลื้มใจ ...ที่ภารกิจทุกอย่างสัมฤทธิ์ผลอย่างที่ตั้งใจไว้ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู 18.30 น. ...สิริรวมเวลา 13 ชั่วโมง ..ทำลายสถิติเดิมซะแล้ว ... ถึงตอนนี้ เริ่มปวดน่อง ...รองเท้าบีบ ...และง่วงนอน พากันเดินลากขา ...มาลงเรือข้ามฟาก นั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับบ้าน ของแจกที่ได้รับมา เช้าวันที่ 3 ธันวาคม ...เช็คข่าวผ่าน application ZONE ที่โหลดติดเครื่องไว้ดูความเคลือ่นไหวในพื้นทีสนามหลวง เห็นอัพเดทตอน 21.00 น. นั้น คนต่อคิว ยังคงเป็นแถวแบบสองทบเหมือนเดิม และน้องสาวเราที่ติดตามทวิตเตอร์จส.100 บอกว่า เมื่อคืนการเข้ากราบถวายบังคม ...สิ้นสุดเวลา 2 นาฬิกาของวันนี้ ส่วนพวกเรานั้น กลายเป็นสถิติใหม่ เพราะเป็นประชาชน 1/73,290 คนที่เข้าวังเมื่อวาน ทำลายสติถิเติมเช่นกัน ... เป็นการใช้เวลา 13 ชั่วโมงกับครอบครัวอย่างคุ้มค่ามากมาย ...ดีต่อใจที่สุด แม่บอกว่า อยากไปอีกสักครั้ง .... เราก็อยากนะ ขอจัดเวลาซะหน่อย จะพาเข้ารอบเย็นบ้าง พอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่เข้าไปหลายครั้งแล้ว บรรยากาศแบบที่เราได้เจอนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว เชื่อว่าคงมีแต่คนไทยนั่นแหละ ที่อดทนเป็นเลิศ กับเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชวงศ์ โดยเฉพาะเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ช่วงเวลาสั้นๆ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ยังไม่เต็มอิ่มนัก จึงต้องไปซ้ำ คนรอบข้างที่เปลี่ยนหน้าเข้ามาคุยกัน ...สนิทสนม ทักทาย ราวกับเป็นญาติกัน เพราะทุกคนยึดถือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเป็น "พ่อ" ทุกคนจึงคุยกัน เป็นพี่ป้าน้าอา ปู่ย่า ตายาย น้องและหลาน นี่คือ เรื่องประทับใจที่สุด เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ ที่ดีที่สุดในชีวิตเรา ขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานและอาสาสมัครทุกท่าน ที่ดูแล จัดการทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งในเรื่องการจัดคิว การให้ข้อมูล การดูแลสุขอนามัยต่างๆ ขอบคุณ ผู้มีจิตศรัทธาที่สนับสนุนมูลนิธิ วัด และสำนักสงฆ์ ที่นำอาหารมาบริการแก่ผู้เข้าสักการะ ซึ่งมีมากมาย อย่างพอเพียง ทุกโซน ไม่ขาดสาย เห็นอย่างนี้ เรายิ่งภูมิใจทีเกิดเป็นคนไทยในรัชกาลที่ 9 เราอาจทะเลาะเบาะแว้ง เพราะเห็นไม่ตรงกันบ้่าง แต่เชื่อว่า "เรารักกัน"
Create Date : 03 มกราคม 2560 |
|
3 comments |
Last Update : 28 สิงหาคม 2566 11:26:47 น. |
Counter : 391 Pageviews. |
|
|
|