สยามทัศน์สัญจร "ย่านคลองสาน" - Part IV
ความเดิมในตอนที่แล้ว
ชาวคณะสยามทัศน์เกือบ 100 คนเิดินตามผู้นำเลี้ยวเข้าซอยถนนเชียงใหม่ ข้ามสะพานเล็กๆ ก็มาถึง "วัดทองธรรมชาิติ"
วัดทองธรรมชาติ เ็ป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เยื้องฝั่งลำน้ำกับวัดปทุมคงคา เดิมเป็นวัดราษฎร์ และเป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฎว่าสร้างขึ้นในสมัยใดและใครเป็นผู้สร้าง สันนิษฐานว่าอาจสร้างในสมัยอยุธยา และทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประมาณพ.ศ.2330 พระองค์เจ้าหญิงกุ (ต่อมาคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนรินทรเทวี) ซึ่งหลายคนขานพระนามว่า "เจ้าครอกวัดโพธิ์" พระขนิษฐาในรัชกาลที่ 1 พร้อมด้วยกรมหมื่นนรินทรพิทักษ์ (เจ้าขรัวเงิน) พระภัสดา ทรงมีพระศรัทธาบูรณปฏิสังขรณืและสร้างอุโบสถ วิหาร และเสนาสนะขึ้นใหม่ทั้งวัด
ในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้พระราชทานนามว่า "พระพุทธชินชาติมาศธรรมคุณ" มีขนาดหน้าตักกว้่าง 4 ศอก 4 นิ้ว มีพระอัครสาวกอยู่ด้านซ้ายและขวา ประดิษฐานบนฐานชุกชี มีการเขียนจติรกรรมฝาผนังเต็มทุกด้าน โดยเบื้องหลังพระประธานนั้น เขียนภาพไตรภูมิ ด้านตรงข้ามเขียนภาพผจญมาร ด้านข้างเป็นภาพเทพชุมชมและพุทธประวัติ รวมทั้งภาพวิุถีชีวิตของประชาชนในยุครัตนโกสินทร์ด้วย
พวกเรานั่งมองดูความงดงามของจิตรกรรมฝาผนัง และเก็บภาพ (โดยไม่ใช่แฟลต) กันเต็มอิ่ม ภายนอกบริเวณพระอุโบสถยังมีสิ่งปลูกสร้างสำคัญๆ อีกมาก เช่น กุฎิสงฆ์ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 หอระฆัง 3 ชั้นรูปร่างคล้ายป้อมฝรั่ง เราพยายามเก็บภาพสิ่งสำคัญๆ ตามที่วิทยากรแนะนำแล้ว แต่มันสวยพอจะ post ขึ้นมา เอาไว้ไปถ่ายรูปแก้ตัว ด้วยตัวเองภายหลัง
จากวัดเราเดินตามหลังวิทยากรลึกไปตามถนนใกล้แม่น้ำเข้าไปทุกขณะ จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่เรียกว่า "ฮ้วยจุงโล้ง" หรือ "ท่าเรือฮ้วยจุงโล้ง" (ท่าเรือกลไฟ)
เป็นท่าเรือสินค้าขนาดใหญ่ในย่านฝั่งธนบุรี ของพระยาพิศาลผลพานิช ต่อมาขายให้กับนายตันลิบบ้วย ต้นตระกูลหวั่งหลี ปัจจุบันเป็นสำนักงานของตระกูลหวั่งหลี
กำลังมีการปรับปรุงพื้นที่กันขนาดใหญ่ที่เดียว ณ พื้นที่นี้ เราได้คุณพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร ลูกหลานเชื้อสายตระกูลหวั่งหลี่เป็นวิทยากร เล่าเรื่องราวเมื่อครั้งที่ท่าเรือแห่งนี้ ยังทำการอยู่ มีเรือสินค้าขนาดใหญมาถ่ายสินค้าลงที่นี่ เรือนแถวที่เห็นทรุดโทรม (แต่ยังมีครอบครัวอยู่อาศัย) เป็นที่พักของพวกกุลีขนสินค้าในครั้งโน้น
รวมทั้งมีศาลเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเรืออยู่บนชั้น 2 ของเรือนแถวนี้ หันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา
แล้วพวกเราก็เดินตามคุณพิมพ์ประไพไปยังที่ิดินติดแม่น้ำใกล้กันนั้น เป็นที่ตั้งของ "บ้านหวั่งหลี"
บ้านหวั่งหลี เป็นบ้านประจำตระกูลหวั่งหลี ตั้งอยู่สุดถนนเชียงใหม่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีน ประกอบด้วยอาคารสำคัญสามหลัง ตึกกลางเป็นเรือนประธาน หันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา เรียกว่า "ศาลเจ้าแม่หมาโจ้ว"
มีตึกแถวสองชั้น เพดานสูง หลังคาแบบจีน สร้างขนาบสองด้าน ตรงกลางระหว่างอาคารเป็นลานโล่ง ใช้ประกอบพิธีกรรมของตระกูลหวั่งหลี ในวันสำคัญตามประเพณีจีน
บ้านหวั่งหลี เดิมเป็นท่าเรือของพระยาพิศาลศุภผล (ชื่น) ต้นตระกูลพิศาลบุตร ต่อมาขายให้แก่นายตันลิบบ๊วยแห่งตระกูลหวั่งหลี ปัจจุบันบ้านหวั่งหลีได้รับการดูแลอย่างดี และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมป์เมื่อพ.ศ.2527
ณ จุดนี้ เป็นจุดหมายสุดท้ายของทริปเดินชมย่านคลองสานของชมรมสยามทัศน์ ได้รับความรู้และข้อมูลให้ไปค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของท้องถิ่นกันอีก เพื่อที่ว่าจะได้ช่วยกันสืบทอดเรื่องราว เล่าต่อกันไป เพื่อให้คนรุ่นต่อๆ มาได้รับทราบข้อมูล เข้าใจ และเรียนรู้ ถึง "รากเหง้า" ความเป็นมาของท้องถิ่นและชีวิตของผู้คน ก่อนที่จะเป็นอยู่อย่างปัจจุบันนี้
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 15 เมษายน 2554 12:48:46 น. |
Counter : 2836 Pageviews. |
|
|
|