เพิ่งกลับจากงานบุญที่เชียงรายมาแหม็บๆ ชั่วช้างกระดิกหูแค่นั้น ผ่านไปแล้วหนึ่งอาทิตย์แล้ว สายน้ำไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใครจริงๆเผลอแป๊บเดียวหมดวันๆ เสธ.อี๊ดแกบ่นบ่อยๆกะครูกลางว่าเวลาอบรมเบื่อๆนี่ทำไมมันนานเหลือเกิน ส่วนเวลาที่กะลังมีความสุขนั้นผ่านไปไวราวติดปีกบิน จะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมีโทรศัพท์กริ๊งมาถามว่า จะต่ออีกชั่วโมงมั้ยค้า มันก็เป็นอย่างนี้แหละครับท่านสารวัตร...แฮ่ๆ
จั่วหัวว่าเที่ยวเชียงราย เดี๋ยวครูกลางจะเล่าให้คนที่ไม่ได้ไปฟัง... การที่ได้ไปเที่ยวกันครั้งนี้ก็เริ่มจากที่คุณโว่แจ้งว่า ในวาระที่แกจะมีอายุย่างเข้า 60 ปี ก็มีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในเชียงรายจะจัดงานงานมงคลสืบชะตาเฉลิมฉลองอายุบวรมงคลวัฒนะอย่างทางล้านนา เพื่อเป็นมงคลชีวิตให้แก่คุณโว่ หลังจากนัดแนะกันพักนึง ก็ตกลงกันได้อย่างละมุนละม่อมว่า จะไปเชียงรายกันวันที่ 10-12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีพยาบาลอี๊ดเป็นคนกำกับรายการและจองตั๋วเรือบินให้ทุกคนที่อยู่กรุงเทพ ยกเว้นคนเดียวคือครูกลาง เพราะดันอยู่ไกลจากเพื่อน...เฮ้อ...กรรม!
สรุปว่าไปเชียงรายเที่ยวนี้ได้บุญมาอักโขเลยครับ ได้ทั้งวัตถุมงคล หนังสือธรรมะ ผ้ายันต์ของขลังเพียบเลย ที่ได้มากสุดคือความประทับใจจากท่านเจ้าคณะภาค 6 และเหล่าบรรดากัลยาณมิตรของคุณโว่ที่เชียงรายที่จัดงาน60 ก็ 60 (วะ) ให้คุณโว่เพื่อนเรา ตามท้องเรื่องนี้เริ่มตอนสำคัญเมื่อสายก่อนเพลของวันที่ 11 เมื่อท่านเจ้าคณะภาคจัดพิธีสืบชะตาหลวงให้กะคุณโว่กะครอบครัวและพี่น้อง ส่วนพรรคพวกจากสจว.ก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วยเนื่องจากท่านจัดพิธีใหญ่เต็มสูบถือฤกษ์ผานาทีทอง ระดับตอง 1ทีเดียว ครูกลางเพิ่งเคยเข้าพิธีแบบนี้เป็นครั้งแรกก็ตื่นเต้นไม่เบา เพราะปกติไม่ใกล้วัดอยู่แล้ว..ฮ่าๆ
ในพิธีก็มีไม้ค้ำ3 ทางที่คุณโว่ต้องนั่งข้างใต้ ไม้ค้ำนี้น่าจะหมายถึงพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ ที่จะคอยเกื้อหนุนอุ้มชูให้อยู่เย็นเป็นสุข รวมทั้งมีไม้ง่ามและสิ่งของประกอบอีกมากหลาย เช่นบันไดเงินบันไดทอง น่าจะหมายความว่าให้เจริญก้าวหน้าและร่ำรวยขึ้น มีกระบอกทราย กระบอกน้ำ ตุงชัย และเทียนเพราะตามความเชื่อของชาวล้านนาเชื่อกันว่า มนุษย์เมื่อเกิดมาย่อมมีธาตุทั้งสี่ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ดังนั้นในพิธีสืบชะตา จึงนำเอาหลักการของธาตุทั้งสี่มาเป็นเครื่องประกอบในพิธีด้วย ยังไม่หมดครับ ยังมี เมี่ยง หมาก บุหรี่ ใบพลู รวมถึงข้าวเปลือก ข้าวสาร ต้นกล้วย ต้นอ้อย มะพร้าว ฟักทอง ฟักเขียวและอีกหลายอย่างเป็นต้น คนโบราณมีความเชื่อว่าเครื่องประกอบการสืบชะตาเหล่านี้จะช่วยให้มีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงปลอดภัยมีความเจริญก้าวหน้าและดำรงชีวิตด้วยความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ไปตลอด ดังนั้นทั้งคุณโว่และครอบครัว รวมทั้งครูกลางและพรรคพวกจาก สจว.ที่ไปร่วมงาน คงจะโชคดีมีชัย ถูกหวยรวยทรัพย์กันทั้งปีแน่นอน...ฮ่าๆ
บริเวณตรงกลางพิธี พระท่านจัดให้มีสายสิญจน์พันรอบเครื่องพิธี แล้วขึงสายสิญจน์เป็นรูปตารางสี่เหลี่ยมเหนือหัวผู้เข้าร่วมเต็มรอบบริเวณพิธี ปล่อยชายสายสิญจน์ยาวลงมาพอที่จะเวียนรอบเหนือศีรษะของคนที่นั่งอยู่ข้างใต้ และโยงไปตำแหน่งที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ครูกลางเอามาพันรอบหัวแล้ว แต่สายสิญจน์มักจะลื่นลงมาเสมอ ก็เลยเอาพันรอบหูซะ 2 รอบ อยู่หมัดเลย.. ฮ่าๆ
ทุกคนนั่งประจำที่ คุณโว่นั่งอยู่ใต้ไม้ค้ำและพิธีก็เริ่มต้นด้วยพระสงฆ์สวดสัคเคกาเมอัญเชิญเทวดามาชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกันมีการสวดแบบล้านนาอย่างเข้มขลัง คุณนายปฤถากะน้องป้อมนั่งที่นั่งวีไอพีด้านหน้า ครูกลางเส้นไม่มีต้องนั่งด้านหลัง เหลียวซ้ายแลขวาพิจารณาดูแล้วก็มีแต่ครูกลางคนเดียวเท่านั้นที่นั่งฟังพระสวดอย่างสงบ ตาอู๊ดนั้นแกถือดีว่าท่องได้ทุกบทแล้วจึงเอาแต่ก้มหน้าไลน์หาพรรคพวกบางทีก็ลุกขึ้นคว้ากล้องเลนส์ยาวเป็นศอกของแกไล่ถ่ายพระถ่ายสีกาไปทั่ว วุ่นวะวุ่นวายไปหมดทั้งศาลา เหลียวมองทางคุณโย่งกะคุณป๋องเห็นสัปหงกอยู่หงึกๆ น่าจะเพราะเบียร์หลายแก้วแต่คืนก่อน ส่วนพวกเราที่เหลือเช่นคุณนัน หมอแหวว และหมออี๊ดหลับตาพริ้ม มีแนวโน้มที่จะงีบหลับมากกว่าซาบซึ้งในรสพระธรรม...ฮ่าๆ
ตกบ่ายก็เตรียมแต่งตัวกันเพื่อไปร่วมงานของคุณโว่ ทุกคนที่ไปต้องแต่งชุดจาวเหนือแบบเจียงฮาย ฝ่ายสาวๆ ก็ไปยืมผ้านุ่งที่อาจารย์โกมล พานิชพันธ์ผู้สันทัดกรณีในเรื่องผ้าไทยโบราณระดับประเทศได้กรุณาเตรียมเครื่องแต่งกายชุดล้านนามาไว้ให้ใส่กัน ครูกลางก็ได้เสื้อแขนยาวมาตัวนึงพร้อมผ้าพาดไหล่ เสร็จแล้วก็ยาตราไปที่ไร่แม่ฟ้าหลวง เขาเชิญแขกมาพูดหลายคน คนนึงเป็นคนไทยที่ไปพิชิตความสูงของภูเขาหิมาลัยมาแล้ว มีทัศนะน่าฟังมาก แล้วยังอีกคู่หนึ่งที่ขี่จักรยานรอบโลกมาแล้วด้วย คุณโย่งกะลังคอยฟังอยู่เพราะตอนนี้ยามว่างแกก็ปั่นจักรยานออกกำลังบ้าง เมียใช้ไปซื้อกับข้าวบ้างเป็นต้น แต่ยังไม่ทันได้ฟังก็ต้องจรลีไปที่บ้านดงมหาวันที่มีท่านอาจารย์นคร พงษ์น้อย(ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะและวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง) จะจัดงานแซยิดให้คุณโว่ ไปถึง อาจารย์นครเจ้าของบ้านกล่าวต้อนรับ และเริ่มด้วยท่านพระครู ตุ๊เจ้าน้ำหมาก พระอาจารย์ของคุณโว่จากจังหวัดแพร่มาเทศน์ให้ฟัง
หลวงพ่อท่านเก่งมากในการใช้ภาษา มีวาทะอันคมคาย กระทบกระเทียบเปรียบเปรย แฝงปรัชญาลึกซึ้งสะท้อนถึงเบื้องลึกของจิตใจมนุษย์โดยผ่านคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน จำได้ตอนหนึ่งว่า โลกมีไว้เหยียบ มิใช่เอาไว้แบก ประกอบกับท่านเทศน์เป็นภาษาเหนือ อันว่าภาษาเหนือกับอิสานจะคล้ายกันตรงที่มีคำสร้อยแยะมาก ครูกลางฟังไปก็หัวร่อน้ำหูน้ำตาเล็ด คำสร้อยนี้เป็นคำวิเศษณ์ ทำหน้าที่ประกอบคำนาม คำกริยาหรือคำวิเศษณ์ด้วยกันเอง เพื่อให้ได้ใจความชัดเจนขึ้น ยกตัวอย่างเช่น พยาบาลแหววทาแป้งหน้าขาวมาเลย ทางเหนือก็เรียก ขาวโจ๊ะโฟะ คุณป๋องใส่เสื้อสีน้ำตาลอ่อน ก็เรียกว่า สีมอยอ้อดฮอด หรือตาอู๊ดแกหน้าใสหน้าเด้งมาก ครูกลางก็ว่า หน้าใสอ้อดหล้อด หรือเสธ.อี๊ดชอบสีเหลือง ก็ว่า เหลืองเอิ่มเสิ่ม (เหลืองอมส้ม) ส่วนของครูกลางนั้นก็แดงปะหลิ้ง เป็นต้น
หลังจากท่านเทศน์เสร็จแล้วก็ยังไม่กลับ ญาติโยมก็นิมนต์ท่านไปนั่ง ณ ที่อันสมควรซึ่งได้แก่ก้อนหินใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับเก้าอี้นวม Lazy Boy เพื่อท่านจะได้รับชมการแสดงของนักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวะจังหวัดแพร่ที่มานำเสนอเรื่องราวย้อนอดีตชุดเสื้อผ้าโบราณสีสวยงามที่เคยใช้ในการแสดงในงานไหว้สาแม่ฟ้าหลวงที่ผ่านมา ครูกลางว่างานนี้โอฬารมากครับ คือหลังจบการแสดง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รองผู้อำนวยการกองงานในพระองค์เป็นผู้แทนพระองค์ อัญเชิญแจกันดอกไม้พระราชทานมาพระราชทานให้กับคุณโว่ในงานนี้ด้วย ยังความปลาบปลื้มแก่คุณโว่เป็นอันมาก ส่วนครูกลางถึงกับตาร้อนผ่าวทีเดียวด้วยความริษยา...ฮ่าๆ หลังจากมอบดอกไม้เสร็จครูกลางก็เหลียวไปเห็นหลวงพ่อกะลังยงโย่ยงหยกจะลุกขึ้นจากที่นั่ง คุณโว่รีบเข้าไปประคองและได้ยินหลวงพ่อกล่าวแกมน้อยใจว่า ไม่มีใครดูแลเลย ปล่อยให้ท่านนั่งบนก้อนหินนานเกิน เสื่อสาดอาสนะก็ไม่มีให้ ท่านจำเป็นต้องกลับวัดแล้วเนื่องจากไข่หลวงพ่อเย็นจนแข็งแล้ว...โถ! บาปกรรม....ฮ่าๆ
กิจกรรมทั้งหลายทั้งปวงก็ผ่านไปเรื่อย ท้องครูกลางและของทุกคนก็ร้องโอดครวญ อาจารย์นครประกาศว่ามีอาหารอย่างเดียว โดยจะให้แขกลองกินแกงผัก 30 อย่างที่มีคนว่าอร่อยที่สุด พอถึงเวลากิน ครูกลางหันไปที่โต๊ะแกง ปรากฏว่าคิวยาวเป็น 20 เมตร หันซ้ายหันขวาเจอเด็กกะลังปิ้งข้าวเหนียว ก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม คว้ามาหนึ่งอัน แกะใบตองคว้ายัดปากไปครึ่งอัน กะลังจะกินต่อ ก็พอดีเห็นคุณนันและพยาบาลอี๊ดเดินเข้ามาหาท่าทางหิวซกเช่นกัน ครูกลางก็เลยจำต้องแบ่งครึ่งที่เหลือให้ ก็บอกแล้วไง สจว.90 มีอะไรต้องแบ่งปันกัน..ฮ่า ครูกลางหันขวาอีก เจอซุ้มซาลาเปา ก็ได้รองท้องอีกสองลูก เพิ่งได้ครึ่งกระเพาะ เดินไปที่ซุ้มก๋วยเตี๋ยวโบราณร้าน ยกล้อที่เขาว่าอร่อยที่สุดในเชียงราย ปรากฏว่าคิวยาวประมาณปากประตูสจว.ถึงตึกที่เราเรียนนั่นแหละ เลยหันมาโซ้ยซาลาเปาอีก 2 ข้าวเหนียวปิ้งอีก 1 มานั่งที่โต๊ะ ได้สลัดอีกชาม น้ำเต้าหู้อีกถ้วย ลืมแกงไปเลยครับ
ฮ่าๆ
วันรุ่งขึ้นกินข้าวเช้าที่โรงแรม ใช้เวลาช่วงนั้นชื่นชมเครื่องรางของขลังของคุณนันซึ่งพกมาพวงบะเริ่ม มีตั้งแต่จิ้งจกสองหาง หลวงพ่อหน่ายหนุมานหลวงพ่อสุ่น สิงห์งาแกะหลวงพ่อเดิมฯลฯ และพระเครื่องอีกเพียบ สนนราคาเช่าหาตามท้องตลาดก็กว่าสองล้านบาทไปแยะเลย ครูกลางเลยไม่กล้าขอ เพราะแน่ใจว่าขออย่างไง คุณนันแกก็คงไม่ให้หรอกได้แต่หวังว่าหากเจอกันคราวหน้า คุณนันคงเมตตาสักองค์สององค์เป็นแน่
ฮ่าๆ
9โมงตรงทุกคนก็ขึ้นรถตู้ด้วยอภินันทนาการจาก ผอ.ปภ.เชียงราย ซึ่งต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีตลอดเวลาที่อยู่ที่โน่น (ต้องขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงด้วยครับ) เพื่อข้ามไปแม่สาย นำโดยขาใหญ่แห่งกรมศุลฯ คุณมาโนชของเรานั่นเอง แล้วทั้งหมดก็จากไป ทิ้งครูกลางให้ยืนโด่เด่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่หน้าโรงแรมอย่างไม่ใยดี และเมื่อไม่มีใครสนใจ ก็จะอยู่ไปทำไมมี ครูกลางก็ค่อยๆขับโตโยต้าคันเก่าคู่ใจตามลำพัง ลัดเลาะตามริมเขาที่ก๊ดหง็อกก๊กแหง็ก กลับสู่เคหาที่เชียงใหม่ในบัดดล
สวัสดีครับ
ครูกลาง