คืนที่สองของการเดินทาง ทริปหัวปีท้ายปี 55 วันนี้เราจะไปค้างคืนกันที่ดอยช้างกัน
เป็นที่น่าหวาดหวั่นเล็กน้อยเพราะยังไม่ได้เตรียมจองที่พัก กะว่าจะไปนอนบนสถานีเกษตรที่สูง
หรือไม่ก็ กางเต็นท์รีสอร์ทแถวๆนั้น

เวลาผ่านไป หลังจากได้สบายตา สบายใจกับสองข้างทาง ถึงแม้ว่าทางบางช่วงจะดีบางไม่ดีบ้างแต่ก็ยังไหวกันอยู่
จะมาจบตรงทางเข้าหมู่บ้านดอยช้าง เนื่องจากเค้ากำลังทำทางแล้วเราก็มาแบบไม่ได้ถามทางกับทางรีสอร์ท
ทางเป็นหลุมเป็นบ่อ เห็นรถเก๋งเล็กๆบางคันจอดทิ้งแล้วแล้วไปต่อกับรถคนในหมู่บ้าน

แต่คนข้างหลังจากลงไปสังเกตุการณ์แล้วบอกเราว่า ยังไหว ในเราอ่ะ...ไหวแน่นะเนี๊ยะๆๆๆ
พูดไม่ทันขาดคำ เจ้ามาสดา 2 ป้ายแดงวิ่งแซงเราไปเฉย...
เอ้อ มันไปได้ ตรูก็ไปได้เฟ้ย เก่าใหม่ไม่สน ...เก๋า กว่ากันเฟ้ยยยย
ในที่สุดได้ค้างคืนที่ ดอยช้างรีสอร์ทแบบกางเต็นท์เอง ..ในราคาคนหล่ะ 100บาท
มีห้องอาบน้ำ และน้ำอุ่น อีกย่างห้องพักเค้าก็เต็มด้วย รูปนี้เล่นๆกันก่อนเข้านอน
ที่นี่ดีนะ กลางคืนมีการแสดงชาวเขาให้ได้ชม แต่บ้านนี้สลบเหมือดกันทั่วหน้า
ก่อนเราจะเข้าเต็นท์นอนหลับไหล ได้เจรจาตกลงกับพี่เจ้าของไว้ว่าจะให้จัดหารถพาเที่ยวชมดอยช้าง
ได้ราคาที่ 1000บาท แต่เราบอกว่าถ้าได้คนมาจอยกัน กรุ๊ปอื่นมาแชร์กันก็ได้
สถานที่ท่องเที่ยวที่เค้าแนะนำก็มี จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ไผ่เขียว พุทธอุทยาน และสถานที่เกษตร
นัดแนะกันในเวลา หกโมงเช้า ในที่สุดเราก็เจอเพื่อนร่วมทริป นับไปกันทั้งหมด 8 ชีวิต
หารลงตัวแป๊ะ 125 ยิ้มหวานกันทั่วหน้า แต่ถ้าใครอยากไปส่วนตัวก็ดีนะ
อยากเดินไปไหน หยุดถ่ายรูปทำอะไรได้ตามสะดวกดี
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันดีกว่า...

จุดชมวิว ต้อนรับพระอาทิตย์ยามเช้า

การท่องเที่ยวบนดอยช้างเส้นทางไปได้สะดวกสบาย จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่รถ และความชำนาญเส้นทาง

จุดที่เราเดินขึ้นไปชมวิว เป็นพื้นที่ของป่าไม้ ที่ประดิษฐานของพระธาตุเจดีย์

เดินขึ้นมาค่อนข้างเรียกเหงื่อได้พอควร แต่โบนัสนี่น่ากลัวกว่า จะป่าจะภูเขา วิ่งอย่างเดียว
หลังจากรอพราะอาทิตย์สวัสดีเราแปร๊บเดียวตัดสินใจเอาลูกลงก่อนพระ กลัวจะไปชนกล้องชาวบ้านเค้าอ่ะ

ลงมาเก็บรูปจากจุดจอดรถ

สวยมากๆ ยืนเคลิ้มอยู่นานเชียว


ไม่เสียแรงที่ตื่นเช้าจริงๆ

ออกจากที่นี่เราไปต่อ กันที่พุทธสถาน เป็นที่เดียวกับเจ้าดงไผ่เขียวๆ ที่เค้าเก็บไปให้หลินปิงกินจริงอ่ะเปล่าก็ไม่รู้นะ

รถที่เราโดยสารวันนี้ เรานั่งหน้ากับลูก ให้พ่อโบนัสโกรมลมชมวิวด้านหลัง เห็นว่าชอบม๊ากมาก
ระยะทางสองข้างทาง มีแต่ต้นนางพญาเสือโคร่ง เราไม่ค่อยได้ชมแบบชัดๆแต่ พ่อโบนัสเล่าสู่กันฟัง
แถมรูปที่เก็บมาระหว่างรถวิ่งฉิวๆๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจเลย
กินไผ่ เอ๊ย ชมใบไผ่ไปก่อนหล่ะกัน


พุทธอุทยานป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ตามความเชื่อโบราณเค้าเล่าสู่กันฟัง สมัยก่อนเก่าหลายร้อยปีก่อน มีชาวเขาได้เห็นวัตถุเป็นแสงพุ่งตกบนดอยสูง และได้เดินมาจนเจอกันบ่อน้ำกลางภูเขาสูงใหญ่ ทุกคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ จะมีลำแสง ลอยสู่เบื่องสูง เพื่อแสดงถึงความสักการะบูชาต่พระพุทธเจ้า เนืองจากท่านได้เคยเสด็จผ่านมา และตอนที่เราไป ก็สังเกตุว่ามี ฐานเจดีย์ใหญ่ มีประวัติให้ได้อ่าน แต่ว่าเก็บรูปมาน้อยมาก

ที่นี่มีตาน้ำขนาดใหญ่นะ สะอาดจนปลาคราฟอาศัยอยู่ได้ตามธรรมชาติ

และเป็นที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่มาของ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์บ่อน้ำแห่งนี้ เป็น 1 ใน 9
ของน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นำไปกระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาพุทธมังคลาภิเษก
เนื่องในวโรกาศที่ในหลวง มีพระชนมายุครบรอบ 60 พรรษา
โดยรวมแล้ว บริเวณรอบๆ สงบร่มรื่น น่าเลื่อมใสมาก
ได้พบเจอะเจอกับดอกไม้สีหวานๆ


ไม่รู้ว่าชื่อต้นอะไร แต่สวยจัดจริงๆ


จากจุดนี้เป็นทางไปสถานีเกษตรที่สูง สองข้างทางมีแต่ต้นนางพญาเสือโคร่งเต็มไปหมด
บานบ้าง ตูมบ้าง ถ้าบานเต็มๆที่ แถวนี้รับรองสีชมพูจ๋าแน่นอน


เก็บรูปมาเยอะแต่เสียก็เยอะเท่ากัน นั่งถ่ายรูปบนรถระหว่างทาง ได้มาแค่นี้เอง

โฟกัสไม่ได้ด้วยหล่ะ โคอัสไม่ไหวไกลเกิ้น ไว้รอโอกาสเหมาะ จังหวะดี
มีคนสัญญาว่าจะพาไปถ่ายใกล้ๆ ให้จุใจไปเลย อิอิ

เราไม่ได้แวะที่สถานเกษตรเพราะว่ารถเยอะมากๆ และเกรงใจน้องที่มาด้วยกัน ได้ยินเสียงแว่วๆว่าถ่ายกล้องหมด
ที่สำคัญ ท้องร้องกันทั่วหน้าเชียว


ถนน หนทาง น่าขับเองมั๊ย.......

เพลินๆไปกับสิ่งรอบๆตัว


จุดชมวิวนี่ที่หนึ่ง เค้าว่าพระอาทิตย์มุมนี้สวยงามนัก มองเห็นหมูบ้านดอยช้างด้วยหล่ะ




เก็บวิวรอบๆมาเตือนความทรงจำ



เจ้าตัวแสบวิ่งป่วนไปทั่ว


การมาเที่ยวดอยช้าง เราว่าสมควรจะใช้เวลาอยู่กันนานๆกว่านี้นิดหนึ่งเนอะ
ไกด์เองไม่ได้เร่งรีบอะไรมาก แต่บางครั้งการตื่นเช้าๆ และนั่งรถกระแทกไปมาเล็กน้อย อาจจะไปป่วนสภาวะร่าง
กายก็ได้ ควรเตรียมขนม น้ำดื่มติดตัวมาด้วยถ้าอยากจะเก็บรูปนานๆนะ ถ้าแค่จะนั่งรถ แวะ แชะหนึ่ง ก็แล้วแต่กัน
ไป บ้านเรานมคนหล่ะกล่อง หนมอีกหนิดหน่อย เดินสบายเระ
หลังจากชมวิวจนพอใจก้เป็นอันจบทริปนี้ ส่งผู้โดยสารโดยสวัสดิภาพกันทั่วหน้า
ใช้เวลาประมาณ เกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ ออกจัวกันก่อนหกโมงเช้าเล็กน้อย
แต่ถ้าใครอยากเก็บรูปเยอะ เหมาไปเลย 1000 บาทจ้า ไกด์เค้าน่ารักนะ ไม่ใช่แค่ขับรถ
แต่บอกเล่าเรื่องราวและสถานที่ต่างๆได้ดีทีเดียว พาเดิน ชวนคุย และใจเย็นมากๆเลยหล่ะ

อ้อ......มาดอยช้างทั้งที่จะไม่ไปถึงถิ่น ร้านกาแฟดอยช้างได้ไงเนอะ...จัดไป
มามะมาจอยกันกับ กาแฟดอยช้าง กาแฟสายพันธ์อราบิก้าล้วนๆ

ปรกติไม่ใช่คอกาแฟ เน้นแต่ของหวาน หนม นม เนย แต่ที่นี่ ของเค้าดีจริงๆ หอม นุ่ม ติดใจเลยหล่ะ
ได้ยินเรื่องเล่าจากไกด์มาว่า การเก็บกาแฟถือเป็นเรื่องราวที่ต้องใช้ความชำนาญเหมือนกัน
เราเองเห็นบางต้น สู๊ง สูง อ่ะ เค้าทำไง เค็าก็เชือกโน้นกิ่ง แล้วค่อยๆเด็ดเจ้าเมล็ดกาแฟค่ะ
ไม่ได้รูดปรืดๆๆ แบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวของเค้าจะเสียพันธ์ งวดหน้าไม่ออกเมล็กให้เฉยชม งดเงินกันไปเลย
อาชีพชาวเขาบนดอยช้าง จะรับจ้างเก็บกาแฟซะส่วนใหญ่ ส่วนผู้มีอันจะกินก็ลงเมล็ดพันธ์
แล้วจ้าง เค้าเก็บค่าแรงซึ่งแสนจะถูก แต่ค่ากาแฟต่อกิโลยังแพงกว่าเยอะเลย ฮึๆๆ
อ้าว ไปเรื่องนี้ได้ไง..........ไปดีกว่า

หลังจากเราเที่ยวเสร็จ ก็กลับมาหุงหาอาหารอย่างง่าย แล้วเก็บของไปต่อกัน
มื้อหน้านี้จัดหนักกัน ไส้กรอกเยอรมันรุ่นเดอะ ที่ดอนสะเก็ด มาหลายรอบแล้วเพิ่งจะสมหวังรอบนี้อีก
บล็อกหน้า จะพาไปร้านไส้กรอกเยอรมัน G&M กินเน้น แล้วพักต่อแบบหลบหนีผู้คนที่นี่
อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ จ.เชียงใหม่
กว่าจะได้ขึ้น ..
ตรูแทบจะอิ่มใบชา .. เด็ดกินจนจะหมดไร่แล้ว..
วันนี้ได้ขึ้นดอยช้างซะที..
ซากุระ งาม เสียดายไม่ได้ถ่ายใกล้ๆ
แหม๋ๆ..มีคำมั่นสัญญากันด้วย ว่าจะพาไปถ่ายใกล้ๆ
หมั่นไส้ ..อิจฉา โว้ย.. ทีหลังอ่ะ ถอยเทเลไว้ติดกระเป๋า ดิ..
จะได้ฝึกเล่นกล้ามด้วย เมื่อวานพาลูกไปเขาเขียว ร้อนชิบ..
ถือเทเลซะกล้ามขึ้นเลย.. ประกวดหญิงงามได้เลยนะเนี่ย..
หลานฉันหนุกหนานใหญ่ ..ดูท่าโดดซะก่อน..
ขนาดขึ้นดอย แม่มันยังแต่งให้หล่อซะ..