|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
*แยกประเทศแน่ ๆ * ( คนไทยอยู่ไหน)
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า บทความที่ได้มานี้ไม่ทราบผู้เขียนชัดเจน
มีผู้พิมพ์แจกเผยแพร่ ซึ่งจากการอ่านด้วยตนเองแล้วคิดว่าข้อมูลแบบนี้ รู้ไว้ก็ไม่เสียหลายอะไร อ่านไว้หากไม่ติดใจก็มองผ่านข้ามเลยไปก็เท่านั้นเอง
และแน่นอนก็คือ " โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านประกอบด้วย "
==================================================
หมายเหตุ : จะตัดตอนส่วนที่เยิ้นเย่อ หยิบมาแต่ประเด็นเท่านั้น
=================================================
.......".......นับตั้งแต่บ้านเมืองของเรามีการปฎิรูปเมื่อวันที่ 19 กํนยายน 2549 ทุกอย่างได้ เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดว่า....เป้าหมายของใครอยู่ที่ไหน?? ใครพวกไหนทำอะไร?? เพื่อบรรลุผลอะไรกัน???
สิ่งเหล่านี้คือความวิตกกังวลใจที่คนไทยต่างเก็บไว้ในใจไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวอำนา จมืด แต่ท่านทั้งหลายไม่ต้องกลัว ท่านต้องกล้า เรามีคนดี คนเก่ง แต่เราขาดคนกล้า ถึงเวลาที่พวกเรา คนไทยต้องตื่นขึ้นมารักษาบ้านเมือง ........." ความอยู่รอดของบ้านเมือง ก็คือความอยู่รอดของท่าน และลูกหลาน แต่ความอยู่รอดของท่านและลูกหลานเพียงอย่างเดียว หากชาติบ้านเมืองไม่ปลอดภัย แม้ท่านจะร่ำรวยเพียงใด มียศเกียรติสูงเพียงไหน ท่านก็ไม่อาจอยู่อย่างมีความสุขได้ การรวมพลัง สามัคคี เสียสละของพวกเราทุกคนคือทางรอดของสถาบัน หาไม่ ก็จะไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ตัวอย่าง ของประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประสบชะตากรรมมาแล้ว
ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านจะต้องออกมาเรียกร้องข้อเสนอ ต่อรองเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินเกิดของเรา มิใช่ปล่อยให้คนบางกลุ่มที่หวังผลทางศาสนาของตน กุมอำนาจรัฐ และกำหนดนโยบายอะไรตามใจชอบ แต่เพียงฝ่ายเดียว ดังที่เราทั้งหลายได้เห็นอย่างเด่นชัดในเวลานี้ การที่เรานิ่งเงียบ ทำให้พวกเขาทำ อะไรได้โดยไม่รู้สึกละอายใจ ไม่เกรงใจคนส่วนใหญ่ของประเทศแม้แต่น้อย
เวลานี้ พวกเขาปล่อยให้คนพวกหนึ่งสร้างสถานการณ์รุนแรง แต่พวกมีอำนาจรัฐก็ต่อรองและตักตวงผล ประโยชน์ในการแบ่งแยกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะบรรลุผลทีตั้งไว้ เช่นเมือวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 การที่คณะมนตรีความมั่นคง เสนอให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ " ใช้ภาษายาวี" เป็นภาษาราชการ อีกภาษาหนึ่ง ใช้กฎหมายศาสนา พิจารณาคดีด้วยศาลศาสนา มีทหารศาสนาเป็นของตนเอง
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 มีวาระการประชุมพิเศาอย่างรีบร้อนและเงียบกริบที่บ้านพิษณุโลก เสนอให้ 5 จังหวัดภาคใต้ " เป็นเขตพัฒนาพิเศษ " ซึ่งความจริง หากพิจารณาตามหลักการที่อนุมัติในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 แล้ว ก็หมายถึงการปกครองพิเศษที่เขาเรียกร้องนั่นเอง เมื่อผนวกเข้ากับนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษ ก็ยิ่งจะทำให้ง่ายต่อการบริหารของพวกเขายิ่งขึ้น เพราะคนกำหนดนโยบายในการพัฒนา ก็คือพวกเขาเอง นั่นแปลว่า ต่อไปนี้มิใช่แค่ 3 จังหวัด หากแต่รัฐบาลได้หลงกลขยายออกไปเป็น 5 จังหวัด แล้ว โดยอาศัยคำสวยหรูว่า " เขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดภาคใต้ "
การที่รัฐบาลอนุมัติหลักการดังกล่าวนี้ให้แก่ฝ่ายเรียกร้องและต่อรอง เจตนาที่ดีก็คือให้เกิดความสงบเรียบร้อย หยุดฆ่ากัน แต่กลับเป็นความเพลี่ยงพล้ำชนิดยากจะเยียวยาแก้ไขในภายหลัง เพราะวันนี้อำนาจรัฐอยู่ในมือ ของคนที่มีเป้าหมายทางศาสนาชัดเจน
พวกเขาคือนักการศาสนาที่มาทำงานการเมือง เพื่อปักหลักศาสนาของตนเองลงในอำนาจรัฐ เพื่อแปลงหลัก ศาสนา ให้เป็นหลักกฎหมายของประเทศทั้งประเทศให้ได้ พวกเขาพยายามมานานแล้ว แต่วันนี้สำเร็จแล้ว
( ตรงนี้โปรดใช้วิจารณญาณ )
=====================================================
การใช้คำว่า ......เขตพัฒนาเศรษฐกิจ........จึงเป็นกลลวงที่จะทำให้พวกเราตกหลุมพรางได้ง่าย เพราะ อย่างน้อยที่สุด เราก็จะเห็นแล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากคนไทยในส่วนนี้ใช้ภาษายาวีเป็นภาษาราชการ ใช้หลักศาสนาเป็นกฎหมาย ใช้ศาลศาสนา ใช้ทหารมุสลิมเท่านั้น
( ตรงนี้โปรดใช้วิจารณญาณ )
=========================================================
ฉะนั้น การปฎิรูปรัฐบาลเก่าจึงเป็นเพียงข้ออ้าง คอรัปชั่นก็เป็นเพียงข้ออ้างให้คนไทยส่วนใหญ๋ไขว้เขว แต่ความจริงก็คือ ต้องการอำนาจรัฐเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้เข้ากับหลักศาสนาของตนนั่นเอง วันนี้ ได้ 5 จังหวัด แต่หลังรัฐธรรมนูญ จะได้ครบทั้งประเทศ เพราะเขามีกฎหมายรองรับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
คือ " พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม "
จากประวัติศาสตร์การต่อสู้ เราทั้งหลายจะสังเกตเห็นว่ากว่า หนึ่งพันปี ที่อับดุลการเดร์และหยีสุหรงเรียก ร้องมา 7 ข้อ และมาสรุปเป็น 12 ข้อในคณะกรรมการ กอส. ยุคคุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน แต่รัฐบาลปฎิเสธข้อเสนอดังกล่าวมาตลอด เพราะเห็นว่านั่นคือกลลวงของการแบ่งแยกดินแดน
แต่รัฐบาลที่มี คมช.เป็นใหญ่ ยุคพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี กลับอนุมัติหลักการเดียว กันออกมา โดยอำพรางข้อความไว้อย่างแยบยลว่า " เขตพัฒนาพิเศษ " รวมทั้งอ้างเหตุความรุนแรง ที่กำลังเกิดขึ้นด้วยคำว่า " สมานฉันท์ " ด้วยหวังความสงบแต่กลับยิ่งทวีความรุนแรงไม่หยุด ทำให้ คนไทยทั่วประเทศตกหลุมพรางของการใช้คำมาตลอดเช่น สมานฉันท์ คุณธรรม ซึ่งแต่เดิมคนไทย ใช้คำว่า " สามัคคี " และ " ศีลธรรม "
แปลว่า สิ่งที่เขาเรียกร้องมากว่า หนึ่งพันปีนั้น วันนี้รัฐบาลนี้ได้อำนวยผลให้เขาแล้ว เพราะเป็นโอกาส ที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้ เพราะเวลานี้พวกเขามีอำนาจที่สุด สามารถกำหนดทางเดินของตนเองได้ ชัดเจนที่สุด โดยไม่ต้องคิดถึงแม้แต่พระเจ้าแผ่นดิน ดังที่พลเอกสนธิฯ ได้กล่าวว่า
" ผมมีหน้าที่ปลดนายกรัฐมนตรี " ( ไทยโพสท์และมติชนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549)
(ข้อความต่อจากนี้โปรดใช้วิจารณญาณประกอบการหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเอง "
ถ้าเขากล้าหาญพูดออกมาอย่างนี้ได้ จะมีความหมายอะไรกับการที่บอกว่าเป็นทหารพระเจ้าอยู่หัว ถามว่าพระเจ้าอยู่หัวอยู่ที่ไหน ใครแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีกันแน่ พลเอกสนธิฯเป็นใครจึงใหญ่โตถึง เพียงนี้ พี่น้องชาวไทยทั้งหลายโปรดไตร่ตรองให้ดี
ไม่แปลกใจเลยที่อ่านดูรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 39 มาตราแล้ว ไม่ปรากฎคำว่า
" พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพุทธมามกะ .........." อย่างที่เคยมีมาทุกฉบับบ เพราะพวกเขาเกลียดชั พระพุทธศาสนาเหลือเกิน เกลียดพระสงฆ์ถึงที่สุด เกลียดชังภาษาไทย เพราะมีภาษาบาลีอันเป็น ภาษาพุทธเจ้าประปนอยู่ เกลียดชังชาวพุทธ พวกเขาจึงฆ่าชาวพุทธ จึงปาระเบิดใส่พระไม่เว้นวัน เบียดเบียนชาวไทยพุทธอย่างโหดร้ายทารุณไม่สิ้นสุด
ท่านทั้งหลายได้ตระหนักในข้อนี้หรือไม่ เวลามีนักการเมืองต่างศาสนาเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง พระพุทธรูปถูกย้ายก่อนข้าราชการ ห้องละหมาดเกิดขึ้นทันที แม้พระพุทธรูปใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าผาเมือง ตาลีบันยังถูกระเบิดทิ้ง นี่เป็ฯข้อตกลงของเขาแล้วว่า ต้องหาทางกำจัดพระพุทธศาสนาให้ได้ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเขตภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของภูมิภาคนี้..............
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
4 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2550 16:59:11 น. |
Counter : 740 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ยี่หร่า@ 4 กุมภาพันธ์ 2550 17:03:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนใต้ (cm-2500 ) 4 กุมภาพันธ์ 2550 18:41:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนใต้ (cm-2500 ) 4 กุมภาพันธ์ 2550 19:04:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: rayasuree (Jeab) (rayasuree ) 6 กุมภาพันธ์ 2550 8:21:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
บรรพบุรุษของไทยเรา...ท่านได้คัดเลือกสรรแล้วว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เข้าใจ รู้แจ้งเห็นจริงใน ธรรมชาติ มนุษย์ และ เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย เข้าใจในเหตุและผล ที่ล้วนแล้วแต่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น.....เป็นศาสนาที่มิได้ใช้กฏเกณฑ์บังคับ...แต่สอนในมนุษย์เข้าใจ ถึงเหตุและผล เมื่อเข้าใจผลที่จะเกิดแล้ว...นั่นเป็นเรืองของมนุษย์เองที่จะสร้างเหตุอย่างไร.... ทุกการกระทำ (กรรม ) จะเป็นไปตามกฏแห่งกรรม......จะไม่มีการควบคุมให้กระทำด้วยกฏเกณฑ์ หรือ การบังคับ..
ในรัฐธรรมนูญ(40) ..ก็ได้มีการถอนออกในประโยคที่ว่า..ให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย .....น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง..เพราะลักษณะพิเศษของคนไทยในอดีตคือ ..ความมีน้ำใจ ความโอบอ้อมอารี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ถือพวกพ้องเป็นสำคัญ จึงทำให้ประเทศไทยสุขสงบรอดพ้นภัยจากข้าศึกสงคราม......ซึ่งลักษณะพิเศษนี้เกิดจากการหล่อหลอมด้วยเงาแห่งพุทธศาสนาเป็นหลักสำคัญ....
ปัจจุบันคนไทยบางส่วนได้ละทิ้งศาสนาพุทธ อันเป็นศาสนาที่บรรพบุรุษไทยได้ช่วยกันรักษาปกป้องไว้..... เชื่อว่า หากคนไทยรุ่นเรายังไม่ช่วยกันดูแลดำรงรักษาพุทธศาสนาไว้...ในอนาคตไม่นาน เราอาจจะไม่ได้เห็นคนไทยจิตใจงดงามเหมือนในอดีตผ่านมา....ล
.......เรากล้ายืนยันได้เลยว่า ....ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ ให้สิทธิและเสรีภาพ ในความเป็น "มนุษย์" ...ที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ดี ถูกต้อง โดยยึดหลัก "กฏแห่งกรรม" ....มิใช่ "กฏบังคับ" ใด ๆ