Bloggang.com : maru : ในบางเวลา : กระเพาะประท้วง....

ในบางเวลา : กระเพาะประท้วง....

ไม่ได้ภูมิใจเสนอแต่ประการใด แค่อยากเล่าสู่กันฟังค่ะ
ป่วย ... อีกแล้ว

เป็นคนที่มีนิสัยการดำเนินชีวิตที่ไม่ดี ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างค่ะ
คือ ไม่ทานข้าวเช้ามาตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. ทานบ้างแล้วแต่ความอยาก
พอมาทำงาน ก็ทานบ้างแล้วแต่ความหิว และความว่าง และปัจจัยหลักคือ คนชวนทาน
ส่วนมากจะหิว ๆ ประมาณเกือบสิบโมง ก็จะเดินไปหาอะไรทาน
แล้วมื้อเที่ยงก็จะระเห็จไปบ่ายสอง บางทีก็เลือนหาย ไปเป็นมื้อเย็น
แต่มาปีนี้ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก เพราะไม่ออกกำลังกายเหมือนก่อน
(เมื่อก่อนตีแบตเกือบทุกวัน) ก็เลยงดข้าวเย็น เปลี่ยนเป็นขนมบ้าง อะไรบ้าง
แต่ยืนยันว่า ไม่เคยท้องว่างนะคะ หาอะไรให้ท้อง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นนม
ยาวิเศษที่รู้สึกว่ากินแล้วหายจากทุกอย่าง คือ กาแฟ
เพราะฉะนั้น ก็เลยกิน กิน และกิน จะสด จะร้อน จะโบราณ ก็กินค่ะ

มีสัญญาณเตือนมาประมาณเดือนเศษ คือ เริ่มปวดท้องหลังจากทานข้าวไปได้สักนิดหน่อย
ทำให้พักหลัง ลดส้มตำ และงดแอลกอฮอล์ (ปกติทานรสจัดมากๆ)
แต่คงช้าไป เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนไปทานส้มตำ ทานไปได้แค่สามคำ
ปวดท้องจุกแบบรุนแรง คนที่เคยปวดจะรู้ดี ว่านี่คือปวดกระเพาะอาหาร
ทั้งที่รุ้ตัวว่าจะปวด ก็ทานข้าว ทานไก่เข้าไปก่อนพอสมควรถึงเริ่มกินส้มตำ
....แต่ก็ยังไม่ช่วย แต่จะปวดแค่ครู่เดียวนะคะ ก็จะหายไป

หลังจากนั้นเริ่มมีอาการอึดอัด แน่น แต่ก็มีเหตุให้ต้องไปงานเลี้ยง
พอไม่ดื่มเหล้า ก็เลยทานน้ำอัดลม(ดีกว่ากันตรงไหนเนี่ย) สองงานซ้อน ๆ กันค่ะ
อึดอัด เวียนหัว แน่น พุงโต เหมือนกินแล้วไม่ไปไหนเลยทั้งที่ขับถ่ายอยู่บ้าง
อาการเริ่มหนักตรงที่เริ่มปวดเหมือนมีอะไรมาบีบเป็นพัก ๆ แล้วก็หาย เป็นอยู่อย่างนั้นทั้งวัน
เวียนหัว คลื่นไส้หนักมาก ตัดสินใจไปหาหมอครั้งแรก คุณหมอฉีดยาให้
บอกว่าในท้องมีแต่ลมค่ะ ให้พักผ่อน และให้ยามา 1 ถุงใหญ่ ก็กลับมานอนสลบที่บ้าน

วันต่อมาทานอะไรไม่ได้ เพราะคลื่นไส้ เวียนหัว ก็เลยนอนตลอดทั้งวัน มีไข้เป็นระยะ
จนตกเย็นก็ให้ที่บ้านมารับไปหา รพ.อีกครั้ง คราวนี้คุณหมอก็มากด ๆ ที่ท้อง
ณ ตอนนี้รู้สึกว่าท้องแข็งไปหมด กดไม่ได้ค่ะ คุณหมอก็กลัวจะเป็นไส้ติ่ง
แต่ปรากฎว่า ไม่ได้เจ็บที่ท้องน้อยหรือท้องซีกไหน แต่มันพอง ๆ บีบ ๆ อยู่ที่ใต้ซี่โครงแถวลิ้นปี่
จึงให้ฉีดยา และให้ทานยาระบายเพิ่ม เพื่อขับลม
บอกว่า ถ้าไม่หายจะสอดท่อเข้าไปทางจมูกเพื่อระบายลม นาทีนี้ กลัวมาก

กลับไปรักษาตัว นอนพักที่บ้าน นอนจนปวดหัว
จากที่รู้สึกเหมือนท้องพองจนจะแตก บีบบีบ ๆ และอยากอาเจียน อึดอัด
ก็เริ่มรู้สึกว่าลมเริ่มมีการระบายออกบ้าง อาการเวียนหัวเริ่มหายไป
ก็เลยเริ่มลุกเดินยืดเส้นยืดสาย และเริ่มอยากอาหาร นาทีนี้คิดว่า คงไม่ตายแล้ว
ตกค่ำก็เลยไปพบคุณหมอประจำตัวที่คลีนิค (เค้าว่าความเชื่อมีผลต่อจิตใจค่ะ 55)
คุณหมอประจำตัวกด ๆ คลำ ๆ ท้องที่ยังป่องและอึดอัดอยู่ แล้ววินิจฉัยเบื้องต้น
ว่ากระเพาะอาหารอักเสบ ให้ทานยาต่อไป และหากไม่หายในสองสัปดาห์
ให้ไป รพ.อีกครั้งเพื่อส่องกล้องตรวจวินิจฉัยต่อ

ยาวมาก แต่อยากจะเล่าให้ฟังค่ะ ณ ตอนนี้ อาการดีขึ้นมาก
นั่งได้ เดินไปไหนมาไหนได้ ไม่ปวดท้อง เวียนหัวน้อย แต่อาการอึดอัด
ท้องโตยังคงมีอยู่ ได้แต่พยายามทานอาหารให้เป็นเวลาเพื่อจะได้ทานยา
และรอดูอาการ จะได้รู้ว่าสองสัปดาห์ข้างหน้า เราจะต้องทำอะไรต่อไป
แค่กระเพาะอาหารอักเสบแค่นั้น ใช่มั้ย??? หวังว่านะคะ...

ชีวิตประจำวันของเรา เช้าวันจันทร์และศุกร์จะต้องไปแต่เช้า เพื่อจัดสภากาแฟให้สนง.
ส่วนวันอื่น ๆ ตื่นเกือบแปดโมง ทำงานหน้าคอม 08.30-16.30 น.
กลับมาถึงบ้าน ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ คิดดูดีแล้วมากสุดประมาณ 1 ชม.
เราก็จะกลับมานั่งจมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์จนถึงหกทุ่มเศษ ถึงจะนอน
อาหารทานไม่ค่อยเป็นเวลาอย่างที่บอกข้างต้น ผู้รู้หลายคนให้ความเห็นว่า
เราขาดการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ไม่ขยับเขยื้อนทำให้ลำไส้ไม่ได้ทำงานเลย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ
และที่สำคัญ เดือนที่ผ่านมาเราเครียดกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เข้ามารุมเร้า
ทั้งเรื่องของตัวเอง สร้างเอง และมีคนลากมาแปะให้ ลากเข้าไปเอี่ยว ...
ทั้งหมดทั้งปวงนี้เราจะถือว่าเป็นความประมาทในการใช้ชีวิต

ตอนนี้สิ่งที่ภาวนาคือ ขอให้เป็นเพียงแค่นี้ ป่วยเพียงแค่นี้
ตัวอย่างมีให้เห็น คนใกล้ตัวเราเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
ลามไปยังรังไข่และตับ ตรวจพบในระยะที่สาม อาการเบื้องต้นใกล้เคียงกับเรามาก
เราแอบให้สัญญากับตัวเองไว้ ว่าต่อไปเราจะปรับปรุง ปรับตัว
หวังว่า มันคงไม่ช้าเกินไปหรอกนะ ......
ใครที่ยังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ ... ถ้าคุณยังไม่ป่วย .. ปรับปรุงก่อนเราจะดีกว่านะคะ

ปล. เสียคอนแทคเลนส์คู่ใหม่ไปในวันที่อยู่ รพ. ด้วยความมึนหัว
อยากจะนอน แต่กลัวคอนแทคแห้งติดตาเลยควัก ๆ ใส่ตลับอะไรก็ไม่รู้
(หาตลับคอนแทคไม่เจอ) มาจำได้อีกที ขอบแห้งติดตลับไปเลย
ไม่รู้ว่าพอหยอดน้ำยาแช่ไว้จนนิ่มแล้วจะใช้ได้อีกหรือเปล่า?

Create Date : 16 กันยายน 2553

Last Update : 16 กันยายน 2553 14:39:49 น.

7 comments

Counter : 1063 Pageviews.