space
space
space
 
มกราคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
28 มกราคม 2562
space
space
space

สวัสดีเชียงใหม่ ที่ฉันไม่รู้จัก (เลยจริงๆ)


สวัสดีค่ะ


ก่อนอื่นขอย้อนไปขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆพันทิบทุกคนที่ใช้กำลังใจเราจากกระทู้เก่าที่เราโดนเพื่อนที่ทำงานหาว่าขี้แพ้ที่ลาออกเพราะเลิกกับแฟนค่ะ กระทู้นั้นเราได้รับกำลังใจมากมายทั้งคอมเม้นแล้วก็ inbox มากมายเลย

https://pantip.com/topic/38434653


หลังจากนอนร้องไห้คนเดียวมานาน ตกงานแต่ก็ยังไม่พร้อมทำงานใหม่ มีพี่ที่รู้จักกันชวนให้เราไปช่วยทำงานที่เชียงใหม่ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่เคยไปเชียงใหม่ค่ะ อย่าว่าแต่เชียงใหม่เลยค่ะ ภาคเหนือเราก็ไม่เคยไปซักจังหวัดอ่ะค่ะ หน้าที่ของเรา พี่เค้าบอกว่าให้ช่วยจด ถ่ายรูปตามแผนงาน เอาง่ายๆก็ไม่ต้องเครียดให้คิดว่าไปเที่ยวพักผ่อน แล้วเราทำงานเกี่ยวกับเขียนๆด้วยก็น่าจะช่วยพี่เค้ารวมข้อมูลได้อะไรงี้ค่ะ


มาที่เชียงใหม่แรกของเรากันค่ะ จากที่เห็นในเฟสของเพื่อนที่ไปเที่ยว ภาพจำเรามี 2 อย่าง คือ กินเหล้าเที่ยวกลางคืน กับ วิวป่าเขานอกเมือง(ละก็กาแฟ) ส่วนเชียงใหม่ที่เราไม่รู้จักนั้น สร้างความสตั๊นให้กับเราตลอดวัน


คณะของเราเดินทางโดยเครื่องบิน พี่ๆ บอกว่าหนาวนะเอาเสื้อกันหนาวไปเยอะๆก็ดีแต่เราไม่ค่อยมี เพราะเราไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนหนาว ยกเว้น แอร์ออฟฟิศ มีเพื่อนของพี่มารับพวกเรา เห็นว่าเค้ามีญาติทำไร่แถวๆ หมู่บ้านที่เราจะไปพอดีก็เลยอาสามารับ เราจำคำพูดของเพื่อนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่มาว่า เชียงใหม่คือกรุงเทพ นั่นแหละ แกไม่ต้องปรับตัวเยอะ


รถพาพวกเราขับผ่านตัวเมืองออกไปเรื่อยๆ และ เรื่อยๆ เรื่อยจนผ่านไปชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงหมู่บ้านที่เราจะไปเก็บข้อมูลกัน ซึ่งก่อนไปเก็บข้อมูลทางเพื่อนของพี่ ก็พาพวกเราไปกินข้าวที่ไร่ของเค้าก่อนค่ะ เราไม่เคยเจออาหารเหนือ คนเหนือแบบเหนือแท้ๆ เลยมาก่อน เดินเข้าไปเห็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังย่างอะไรอยู่ก็แอบย่องไปดู






แอบถ่ายรูปไว้เพราะเกรงใจง่ะค่ะ แต่พอพี่เค้าหันมาเห็นเราก็ยิ้มให้แล้วกวักมือ บอก มาๆๆๆ มาดูมั้ย?

สบายใจเล็กน้อยพี่เค้าพูดภาษาภาคกลางได้ แต่ก็สบายใจได้แป๊บเดียวก็เริ่ม คุยกันไม่รู้เรื่อง คือเหมือนพี่เค้าพูดภาษากลาง แต่คำศัพท์มันไม่ใช่ พี่เค้าถามเราว่า

“ชอบกินจิ้นย่างก่อ”


เดาทางไม่ถูกเลยค่า เลยค่อยๆ เดินถอยหลังกลับไปรวมกลุ่ม ไม่รู้พี่เค้าจะคิดว่าเราเสียมารยาทมั้ยนะแต่เราก็ยิ้มไป เดินถอยออกมาเรื่อยๆนะคะ




มื้อแรกกับการใช้ใบตองปูโต๊ะแทนผ้าปูโต๊ะเกิดมาไม่เคยเห็น แล้วพี่ผู้หญิงที่เราเจอเมื่อกี้ก็มาแนะนำตัวว่าชื่อ พี่ยุพิน พอพี่เค้ารู้ว่าเราไม่เคยกินอาหารเหนือมาก่อนก็ถามเราว่า

“กินข้าวนึ่งจั่งก่อ” (เราอาจจะสะกดไม่ค่อยถูกนะคะ คือสำเนียงพี่เค้าเราจำไม่ได้ 100% เลยไม่รู้จะพิมพ์ยังไงให้มันเหมือนง่า นี่แอบจดประโยคพี่เค้าไว้ในสมุดโน้ตไม่รู้จดถูกไหมด้วยง่ะ)


เราก็ งง จนพี่ที่ไปด้วยหันมาบอกว่า “กินข้าวเหนียวเป็นมั้ยเลยเพิ่งอ๋อออออออออ ข้าวนึ่ง คือข้าวเหนียว!!!!

ก่อนเริ่มกินทุกคนก็เดินไปล้างมือเราก็ตามไปล้างด้วย พอเริ่มกินพี่เค้าก็หยิบไม้ไผ่ที่เสียบหมูย่างขึ้นมา ด้วยความหิวเราก็ถือช้อนรอละ แต่ว่า ไม่มีใครใช้ช้อนกันเลยค่ะ พี่ๆเค้าเอามือฉีกหมูจากไม้ไผ่ แล้วกินเลย!!!




พอจังหวะเค้ายื่นมาถึงเรา เราก็พยายามเอาช้อนแงะหมูออกจากไม้ แบบเวลาเรากินส้มตำไก่ย่างที่กรุงเทพเราก็ทำงี้ เพื่อนเราก็ทำงี้ เราเป็นเซียนใช้ช้อนส้อมแกะกุ้งโดยมือไม่เปื้อน แต่กับที่นี่เราแพ้ค่ะแงะไม่ออก สุดท้ายเลยมือก็ได้ ฉีกๆๆๆๆๆ อืมได้อารมณ์อีกแบบ สนุกดี อร่อยด้วย




เกิดมาไม่เคยกินน้ำพริกทางเหนือค่ะ(มันต้องมีพิธีกรรมการกินต่างจากน้ำพริก แบบ น้ำพริกกะปิที่กรุงเทพมั้ยนะ คือมีลูกมะกอกวางมาให้ด้วย โอ้ย ตื่นเต้นไปหมด) ในความเข้าใจเราคือก็เอาช้อนตักใส่ปากมั้ง แต่เห็นพี่ๆเค้าปั้นข้าวเหนียวแล้วจิ้มเลย เราก็ยังไม่ค่อยกล้าเลยเอาช้อนของเราตักน้ำพริกมาวางบนจานเล็กๆของเราก่อนจะเอาเข้าปาก เผ็ดมากกก น้ำตาไหล สำลัก ทุกคนหัวเราะเราหนักมาก เค้าบอกสมกะชื่อน้ำพริกตาแดงมั้ย? ฮือออออออ



พอพี่ๆเห็นเราดูจะไม่ไหวกับน้ำพริกเลยขยับกับข้าวอีกอย่างมาใกล้ๆเราบอกเรียกตำขนุน อันนี้ไม่เผ็ด แล้วทุกคนก็หัวเราะกับสีหน้าแบบไม่ไหวแล้วของเรา ไม่กินได้ป่าวง่ะ แต่พี่ยุพินยืนทำหน้าลุ้นมากกับเรา เราเลยเอากินก็ได้ รอบนี้จะรอบคอบมากขึ้น ค่อยๆ เอาช้อนตักมา แล้วพยายามปั้นข้าวเหนียวจิ้มนิดนึง พอเข้าปาก เอ้ย ไม่แย่อ่ะ อร่อยเหมือนได้กลิ่นเครื่องเทศ พวกใบมะกรูดมั้งนะเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นอกจากนี้ก็มีผักที่พี่ยุพินบอกว่า เก็บมาจากแถวนี้แหละ เอามาห่อใบอะไรสักอย่างรวมๆกัน จากนั้นก็ “นึ่ง”




แต่สุดท้ายเราก็ยังก้าวข้ามความไม่คุ้นเคยนี้ไปไม่ได้ มื้อนี้เราเลยอิ่มด้วยข้าวเหนียวหมูย่าง ไก่ย่างไปค่ะ




ตบท้ายด้วยเสาวรส หวาน อร่อยมากที่สุดที่เคยกินเลย



พออิ่มแล้วแต่ของกินเหลือ เราก็สตั้นกะการห่ออาหาร พี่ยุพินเอาใบตองมาห่อ เราก็สงสัย ถามว่า ห่อแล้วมันไม่เปิดออกตอนเราถือไปเหรอคะ?


พี่เค้าหันมายิ้ม บอก “เอาหนังว้องหั้ดเอา” แน่นอนอีกแล้วค่ะ เราไม่เข้าใจ โชคดีที่พี่ๆที่ไปด้วยหลายคนมาบ่อยแล้วเค้าก็พยายามช่วยแปล 55555 เลยรู้ว่า หนังว้อง คือ หนังยาง. แล้ว หั้ด คือ รัด โอเคๆ






อันนี้ภาพจากระเบียงตรงที่เรากินข้าวกันค่ะ เขากับหมู่บ้านที่เห็นนั่นคือที่ที่เราจะไปทำงานเก็บข้อมูลค่ะ แต่ก่อนเดินทางพี่ๆก็ถามว่าจะเข้าห้องน้ำกันมั้ย เราก็เดินไปด้วยแต่คือห้องน้ำอยู่ท้ายสวนค่ะ จริงๆเราทำใจเรื่องห้องน้ำมามากพอควรก่อนเดินทางแล้วนะเพราะปกติเป็นคนชอบห้องน้ำสะอาดมาก พกหมดทิชชู่เปียก ทิชชู่ธรรมดา แต่พอเจอห้องน้ำที่สวน ทีแรกพี่ๆให้เราเข้าก่อน แต่เราเดินไปถึงแล้วเดินกลับมา



คือ ไม่ได้สกปรกนะคะแต่มันมืดง่า เรากลัว แล้วส้วมเป็นส้วมซึมนั่งยองๆ เราเลยสละสิทธิ์อั้นไว้ค่ะ เหมือนทริปนี้เราจะเป็นตัวประหลาดที่ทำให้พี่ๆในทีมเค้าได้หัวเราะเราตลอด สงสัยเราจะเป็นคนเก็บสีหน้าไม่เก่งจริงๆด้วยค่ะ


พอลาจากอาหารที่สวนแล้วก็มาที่หมู่บ้านที่เราจะค้างกัน เราอยู่กันที่ต. โหล่งขอด .พร้าว ค่ะที่พักเป็นโฮมสเตย์ ทั้งหมู่บ้านมีอยู่ 3 ที่ ซึ่งที่ที่เราพัก พี่ๆบอกว่าเหมาะกับคนยังปรับตัวไม่ได้อย่างเราที่สุดแล้วเพราะพอเห็นห้องพักคือก็เหมือนหอพักในกรุงเทพเลยค่ะ มีทีวี แอร์ ตู้เย็น แต่พอเราเก็บของเราเสร็จแล้วก็เกาะรถพี่ๆเค้าไปดูที่พักของคนอื่นด้วย


ซึ่งพอเห็นตัวบ้านพักที่เป็นไม้ออกแบบเหมือนบ้านของชาวบ้านจริงๆ เหมือนเกินไปเรากลัวและคิดว่าดีแล้วที่พี่ๆเค้าเข้าใจเราให้เราพักบ้านแรก (ถ้าเราดูเรื่องเยอะต้องขอโทษนะคะ คนมันไม่เคย)



เพิ่งเคยเจอรถไถวิ่งสวนกันบนถนน


โรงรถ ก็มีรถไถจอด แปลกตาดี




พอเก็บของกันเสร็จ พี่เค้าก็พาไปไหว้พระค่ะ



วัดนี้เป็นวัดที่ชาวบ้านศรัทธามาก พี่ยุพินบอกว่าลูกชายก็เป็นตุ๊ ที่นี่ (ภาษาเหนืออีกแล้ว ทำหน้า งง ใส่พี่เค้าอีกแล้ว พี่ยุพินหันไปบอกพี่ๆชาวคณะว่า แปลให้หน่อย สรุปคือ พระ เณร อะไรงี้นี่เอง) ชาวบ้านบอกว่าคนดัง ดารา มากันเยอะมากนะ ซึ่งพอเข้าไปบริเวณวัดเราชอบมากเพราะเงียบสงบดี






เรานั่งอยู่ตรงนี้สิบกว่านาทีได้ค่ะ แต่สถาปัตย์ที่นี่แปลกตามาก เหมือนผสมหลายสิ่ง หลายแนวทาง หลายยุคปนกันมากมายอ่ะค่ะ เอาเป็นว่าถ้ามีเวลา เราจะมาลงรูปวัดแต่ละส่วนแบบละเอียดหน่อย นะคะ


พอไหว้พระเสร็จ ฟ้าเริ่มมืดทั้งๆที่ถนนในหมู่บ้านก็ไม่ได้เยอะอะไร แต่พวกเราก็หลงทางค่ะ รู้ตัวอีกทีเราอยู่กลางป่า ไม่มีบ้านคนแล้ว




ระหว่างที่ลังเลว่าเอาไงดี ก็มีคุณลุงขี่มอเตอร์ไซต์ข้ามน้ำมาจากอีกฝั่ง เค้าหยุดถามว่าไปไหนกันน่ะ พวกเราเลยบอกชื่อโฮมสเตย์ที่พัก. ลุงหัวเราะแบบมันเป็นเรื่องขำมากสำหรับชีวิตเค้าอะไรอย่างงี้


แล้วเค้าก็บอกว่า “ผิดทางๆ ข้างหน้าเป็นป่าเป็นถ้ำแล้วววววววว กลับไปๆๆๆๆๆ”

ว่าแล้วเค้าก็ดับเครื่องรถ แล้วก็เอาน้ำในลำธารล้างฝุ่นที่เกาะรถ เราเลยแอบถ่ายรูปรถผู้มีพระคุณไว้ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ




ตกกลางคืนไม่หนาวอะไรอย่างที่เรากลัว พอตอนเช้าเจ็ดโมงเจ้าของโฮมสเตย์มาเคาะเรียกไปกินข้าว ซึ่งทีแรกก็หวั่นๆใจว่ามื้อนี้เราจะรอดมั้ย แต่พอเห็นหน้าตากับข้าวแล้ว ดีใจมาก



เจ้าของโฮมสเตย์เดินมาคุยด้วยกับพวกเรา พี่เค้าเป็นหมอประจำตำบล เค้าถามว่าอาหารถูกใจไหม เห็นว่ามีคนกินกับข้าวเมืองไม่ค่อยได้ ซึ่งเราคิดว่า ต้องหมายถึงเราแน่ๆ เลยรีบตอบว่า

“กับข้าวเมืองกินเป็นค่ะ แต่กับข้าวเหนือกินไม่เป็น”


แล้วทุกคนก็หัวเราะหนักมาก กว่าจะหยุดมาอธิบายเราว่า “กับข้าวเมือง” เค้าหมายถึงอาหารเหนือนั่นแหละ รู้สึกแป่วมาก หน้าแตกมาก


กินอิ่มก็ออกไปเก็บข้อมูลทำงานค่ะ เอาไว้ถ้าเราว่างจะมาเล่าต่อนะคะ



พี่ๆชาวเหนือมีอะไรจะแนะนำเราบอกได้นะคะ เราจะพยายามค่ะ เราต้องอยู่นี่อีกสองเดือนค่ะ จะสู้ค่ะ

อย่างน้อยก็ดีกว่านอนเน่าร้องไห้คนเดียวในหอ มากกกกกกกก เลยค่ะ



Create Date : 28 มกราคม 2562
Last Update : 28 มกราคม 2562 21:50:53 น. 2 comments
Counter : 618 Pageviews.

 
มาเขียนเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ จะคอยติดตามเป็นกำลังใจให้คะ

สู้ๆคนเก่ง


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 28 มกราคม 2562 เวลา:23:55:34 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:2:58:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 5047065
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 5047065's blog to your web]
space
space
space
space
space