ไม่ใช่ 'ไฮโซ' แต่เติบโตแบบผู้ดี
 
ตุลาคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
12 ตุลาคม 2553

ตอนที่ 1

เพื่อนเก่า


 


                                                                                                                        ภูธนภัส


 


รถแท็กซี่แล่นออกจากที่จอดริมฟุตบาท บริเวณหน้าประตูรั้วคฤหาสน์หลังงาม ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวร่างบางระหง ยืนเคียงข้างกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ กวาดสายตามองดูบรรยากาศโดยรอบในยามค่ำคืนอย่างพินิจพิจารณา...นานเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ได้กลับบ้าน


 


‘บ้าน’ ที่หญิงสาวโหยหา ทั้งในเวลาหลับฝัน หรือลืมตาตื่น


‘บ้าน’ ที่เพรียบพร้อมด้วยไออุ่นแห่งรักจากผู้เป็นบิดา


‘บ้าน’ ที่พร้อมจะอ้าแขนโอบกอดเธอได้ทุกเมื่อเชื่อวัน


 


หลายปีแล้วที่ ‘อรนภา’ จากบ้านไปเพื่อศึกษาต่อ จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารการตลาดจากประเทศอังกฤษ บางครั้งเธอเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง แต่นั้นก็เป็นเพียงเวลาสั้นๆ ไม่เพียงพอที่จะทำให้หัวใจดวงน้อยได้อิ่มเอม


 


            กาลเวลานำความเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างมาสู่ชีวิต แม้กระทั่งสถานที่ที่เธอคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก จากปากซอยจนถึงประตูทางเข้าบ้าน อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างดูแปลกตาไป แต่ความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ไม่สามารถลบเลือนภาพของใครบางคน ที่ตราตึงในความทรงจำสีจางให้เลือนลางลงได้


 


            ‘ภาพ’ ของเด็กหญิงตัวเล็กกับเด็กชายตัวจ้อย เดินเคียงข้างกันบ้าง วิ่งหยอกล้อกันบ้าง ซ้อนจักรยานกันบ้าง ตามประสาเด็กที่จะสรรหาสิ่งต่างๆ มาเล่นด้วยกัน มีให้เห็นจนชินตาผู้คนในวะแวกนี้ หากก็มีบ้าง...บางครั้งมีผู้หวังดีแอบไปฟ้อง ‘คุณการุณ’ ผู้เป็นบิดาของเด็กหญิงว่า


            “คุณ...คุณปล่อยหนูฟ้าไปคบกับเด็กเหลือขอพวกนั้นได้ยังไง!”


            ‘เด็กเหลือขอ’ คือเด็กจาก ‘บ้านอุ่นรัก’ สถานสงเคราะห์เด็กชายวัย 6-18 ปี ซึ่งมีที่ตั้งติดกับอาณาบริเวณของคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้


            ทุกครั้งที่มีผู้กล่าวรายงาน คุณการุณจะยิ้มน้อยๆ เป็นการตอบรับ เพื่อไม่ให้ผู้หวังดีเสียความรู้สึก เพราะอย่างน้อยเขาอาจจะบอกกล่าวด้วยความปรารถนาดี แต่หารู้ไม่ว่าคุณการุณเองนั่นแหละ คือคนที่คุ้นเคยกับเด็กในบ้านอุ่นรักเป็นอย่างดี


โดยเฉพาะ ‘เด็กเหลือขอ’ คนที่ถูกกล่าวถึง เขา...คือเด็กที่คุณการุณรับอุปการะด้วยตนเอง


 


“นายดิน ทำไมพระอภัยมณีมีเมียหลายคน”


หลายครั้งที่เด็กหญิงปีนข้ามกำแพงรั้วไปทำการบ้านกับผู้เป็นเพื่อน


“ไม่รู้ซิ พระอภัยมณีอยากมีเมียหลายคนมั้ง” คนพูดยังก้มหน้าก้มตาง่วนกับการบ้านของตน


“เราว่าพระอภัยมณีเจ้าชู้” เด็กหญิงให้ความเห็น


“คงงั้น” ดูเหมือนคนตรงหน้า ไม่สนใจต่อคำถามเท่าใดนัก


“พอมีลูกก็ทิ้ง ทิ้งไว้กับเมียบ้าง กับฤาษีบ้าง ไม่มีความรับผิดชอบ”


คราวนี้ ‘นายดิน’ หรือ ‘พิภพ’ ชะงักเล็กน้อย เมื่อคำว่าถูกทิ้งเป็นเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจ


“เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดบางอย่างออกไป เด็กหญิงจึงรีบกล่าวขอโทษเป็นการใหญ่


“ช่างเถอะคุณฟ้า การบ้านของคุณใกล้เสร็จยัง” แม้ทั้งสองจะสนิทกันมาก หากเด็กชายยังเรียก ‘คุณ’ นำหน้าชื่อเด็กหญิงเสมอ


“ยังเลย นายดินช่วยเราหน่อยซิ เราไม่ค่อยเก่งภาษาไทย” เด็กหญิงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงให้ร่าเริงขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้เป็นเพื่อนสะเทือนใจไปมากกว่านี้


“ได้ ตรงไหนล่ะ” เป็นที่รู้กันว่าเด็กชายพิภพมีความเข้าใจในภาษาไทยอย่างแตกฉาน


แม้กาลเวลาจะผ่านพ้นไป...หากความผูกพันอันแสนยาวนาน กับเรื่องราวบนโต๊ะหินอ่อนสีขาวใต้ต้นจามจุรีแผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่นต้นนั้น ยังฝังแน่นในหัวใจของคนทั้งสองตลอดมา


 


นิ้วเรียวกดกริ่งเรียกคนข้างในมาเปิดประตู ไม่นานนักก็มีคนวิ่งออกมา


“อ้าว คุณหนู เอ้ย...คุณฟ้า มายังไงครับนี่”


คนพูดแทบกัดลิ้มตัวเองไว้ไม่ทัน เมื่อเผลอเรียกอรนภาว่า...คุณหนู เพราะเจ้าตัวเคยสั่งนักสั่งหนา ด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า


“ตามั่น อย่าเรียกฟ้าว่าคุณหนูอีกนะ ฟ้าว่ามันเหมือนคนเหยียบขี้ไกไม่ฝ่อ!”


‘ตามั่น’ เป็นคนสวนคนเก่าแก่ของบ้านแห่งนี้ ที่อยู่คอยรับใช้ผู้เป็นบิดาของหญิงสาวตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่


“มาแท๊กซี่ค่ะ” แม้จะเป็นเพียงผู้รับใช้ แต่สำหรับอรอนภา เธอจะพูดจามีหากเสียงกับผู้สูงวัยกว่าเสมอ “ช่วยยกกระเป๋าเข้าบ้านให้ฟ้าทีนะคะ ฟ้าขอเดินดูรอบๆ บ้านสักหน่อย จากไปนานคิดถึงค่ะ”


            ตามั่นรีบกุลีกุจอทำตามคำสั่ง ปล่อยให้ร่างบางระหงเดินชมสวนรอบอาณาบริเวณด้วยคิดถึงตามลำพัง


 


                ศาลาทรงไทยกรุเชิงชายด้วยไม้ระแนงโดยรอบ ตั้งอยู่ท่ามกลางเหล่าแมกไม้นานาพันธุ์ หลังคาถูกปกคลุมด้วยดอกเล็บมือนางส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล คนที่ยืนอยู่บนพื้นกระดานเป็นมันเรี่ยมเอามือไขว่หลัง ทอดสายตามองท้องฟ้าที่ไกลออกไปนิ่ง...เนิ่นนาน


            “พ่อค่ะ”


            คนถูกเรียกรีบหันกลับมาดูด้วยความแปลกใจ ก่อนจะอ้าแขนออกรับบุตรสาวที่วิ่งถลาเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว


            “ยายฟ้า” ผู้เป็นบิดาโอบกอดบุตรสาวด้วยความดีใจ “จะกลับมาทำไมไม่บอกพ่อก่อน จะได้ให้คนไปรับ” แม้จะมากด้วยวัย หากท่าทางของคุณการุณยังดูทะมัดทะแมง


            “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ มาแท๊กซี่สะดวกดี” ตามวิสัยของอรนภา คนที่ช่วยเหลือตนเองได้...คือคนที่น่าชื่นชมที่สุด


            “กลับมาเหนื่อยๆ ทำไมไม่อาบน้ำอาบท่าก่อนล่ะลูก” คุณการุณเอ่ยถาม เมื่อเห็นบุตรสาวยังอยู่ในชุดเดินทาง


            “อยากเดินดูรอบๆ บ้านก่อนน่ะค่ะพ่อ ไม่ได้กลับมานาน คิดถึง...” หญิงสาวสารภาพตามตรง พลางจูบแก้มบิดาซ้ายขวาฟอดใหญ่ ก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น


            “เด็กเอ๋ย...” คุณการุณโคลงศรีษะบุตรสาวเบาๆ ทำให้ผมดำ ยาวสลวย...พริ้วไหว


            “ฟ้าคิดว่าพ่อนอนแล้วซะอีก ทำไมนอนดึกจังคะ”


            “เปล่าหรอกลูก พ่อมารอฟังเสียงขลุยที่เคยดังมาจากทางโน้น” คุณการุณชี้นิ้วไปทางบ้านอุ่นรัก “ปกติจะมีคนมาเป่าขลุยตอนหัวค่ำ วันนี้แปลก...ดึกแล้วยังไม่ได้ยินเสียง”


            “ใครหรือคะ ร่างบางระหงขมวดคิ้วถาม


            “คงเป็นเด็กที่บ้านอุ่นรักมั้งลูก พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร เข้าบ้านเถอะ...กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อน จะได้พักผ่อน”


            ไม่ทันที่สองพ่อลูกจะก้าวออกจากศาลา เสียงขลุ่ยก็บรรเลงเพลงพริ้วหวานล่องลอยมาตามสายลม...


 


            เสียงขลุ่ยหวาน...ยิ่งกว่าหวาน... เย็น...ยิ่งกว่าเย็น... ราวกับเจ้าของเสียงเพลงนั้น กำลังคร่ำครวญหาคนรักที่จากไป...นานแสนนาน


 


            สองพ่อลูกหยุดยืนนิ่งฟังดั่งต้องมนต์สะกด หญิงสาวค่อยๆ ซบแก้มลงบนต้นแขนของบิดาเหมือนที่เคยทำมาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่คุณการุณจะโอบกอดบุตรสาวกลับด้วยความรู้สึกเอื้ออาทร


            “คิดถึงแม่บ้างไหมค่ะพ่อ บุตรสาวเอ่ยถามถึงมารดา ทำให้คุณการุณนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนยิ่ง


            “คิดถึงซิลูก...แต่พ่อว่าแม่เค้าคงไม่ได้ทิ้งเราไปไหนหรอก แม่คงอยู่กับเรา อยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา...”


            อรนภารู้แต่เพียงว่า แม่...จากเธอกับพ่อไปตั้งแต่ตอนที่แม่คลอดเธอ บ่อยครั้งที่หญิงสาวเฝ้าโทษตัวเอง...


            “ถ้าไม่มีฟ้า...แม่คงไม่ด่วนจากไป”


            แต่ใครจะฝืนโชคชะตาฟ้าลิขิตได้ แม่คงไปสบายแล้ว...ทิ้งไว้แต่เพียงเธอกับพ่อ ที่จะต้องยืนหยัดต่อสู้บนโลกสีน้ำเงินใบนี้ต่อไป


            คุณการุณเองก็เช่นกัน หลังจากสูญเสียภรรยาสุดที่รักไป ก็เอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มเทให้กับบุตรสาวเพียงผู้เดียว และทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำก็ล้วนแล้วแต่เพื่ออรนภาทั้งสิ้น ประหนึ่งว่าบุตรสาวคือของมีค่าชิ้นเดียวที่มีอยู่ในโลก


อย่างไรก็ตาม...แม้คุณการุณจะร่ำรวยพอที่จะเลี้ยงดูให้บุตรสาวอยู่สุขสบายได้ตลอดทั้งชีวิต หากการเลี้ยงดูก็ไม่ใช่จะประคบประหงมอย่าง ‘ไข่ในหิน’ คุณการุณเลี้ยงดูเด็กหญิงอรนภาให้เติบโตมาอย่างเข้มแข็ง...พร้อมที่จะช่วยเหลือตนเองและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


 


            “นายดินยังอยู่ที่นั่นไหมค่ะ เมื่อเสียงขลุ่ยจบลง ทำให้หญิงสาวนึกถึง 'เพื่อนเก่า' ที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็ก


            “ยังอยู่นี่ลูก เรียนจบแล้วเขาก็ทำงานต่อที่นั่นเลย ตอนนี้ก็ช่วยดูแลน้องๆ ที่บ้านอุ่นรัก”


            “เหรอค่ะ...ทำไมเค้าไม่ติดต่อฟ้าเลย ดวงตามโตกลม ล้อมรอบด้วยขนตาหนาเป็นแพ ฉายแววตัดพ้อ


            “ก็งานหมั้นของฟ้า เขายังมาช่วยงานอยู่นี่ลูก”


            หญิงสาวขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันด้วยความงงงวยยิ่งขึ้น จะเป็นไปได้อย่างไร...ถ้าเขามาเธอต้องเห็น แต่นี่วันงาน...เธอไม่เห็นพิภพแม้แต่เงา


 


ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เธอเดินทางไปอังกฤษ เธอพยายามจะหาทางติดต่อกับเพื่อนเก่าหลายครั้ง หลายช่องทาง ทั้งอีเมล์ ทั้งจดหมาย สุดท้าย ‘นายดิน’ คนโปรดก็พ่อก็ไม่เคยติดต่อกลับไป จนทำให้หญิงสาวเข้าใจว่า...เพื่อนเก่าอย่างเขาคงไม่ต้องการจะสมาคมกับเธอเสียแล้ว


 


            “แล้วตาต่อล่ะลูก เขารู้หรือเปล่าว่าฟ้ากลับมา


เมื่อบิดาเอ่ยถามถึงคู่หมั้น ที่เดินทางกลับมาเมืองไทยก่อนเธอเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้อรนภาหน้าสลดลง แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้มเพื่อกลบเกลื่อน หากมีหรือ...จะหลุดรอดสายตาของผู้เป็นบิดา ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ได้


            “มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูก...” อีกครั้งที่คุณการุณถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


            “พ่อคะ พ่อว่าผู้ชายรักผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกันได้ไหมคะ


            “ไม่รู้ซิลูก...สำหรับพ่อแล้ว ถ้าหัวใจพ่อได้รักใครสักคน ไม่ว่าจะเนิ่นนานสักแค่ไหน ก็ยังจะรักอยู่อย่างนั้น”


            ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่านั้นที่เป็นบทพิสูจน์ หากชีวิตของคุณการุณเป็นเช่นนั้นตลอดมา แม้บางครั้งบุตรสาวจะเคยถามแบบทีเล่นทีจริงว่า


            “พ่อไม่คิดจะหาสาวๆ มาดูแลบ้างหรือค่ะ คำตอบที่ได้รับ คือ...


            “โอ้ย...แค่สาวคนเดียวที่มีอยู่ในบ้าน พ่อก็ปวดกบาลจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งแม่สาวคนนี้กวนใจพ่อได้ทั้งวัน จะหามาเพิ่มทำไมให้วุ่นวาย”


            แม้จะรู้ตัวว่าถูกหยิกแกมหยอก หากลึกๆ เธอก็ยังภาคภูมิใจในความรักเดียวใจเดียวของผู้เป็นบิดา


           


            “ถ้าแม่รู้ แม่คงดีใจนะคะ”


            “ความรักก็เป็นแบบนี้แหละลูก มันจะไม่เป็นเหมือนอย่างที่เราคิด แต่พ่ออยากให้ฟ้ารู้ไว้นะ ถึงอย่างไรฟ้าก็ยังมีพ่อ...”


            คุณการุณมักจะปล่อยให้บุตรสาวคิดและตัดสินใจอะไรๆ ด้วยตนเองเสมอมา ในขณะเดียวกันก็จะคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ เพื่อประคับประครองให้อรนภาก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง


            “ค่ะพ่อ พ่ออย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ว่าฟ้ากลับมาแล้ว”


            ‘ใคร’ ที่อรนภากล่าวถึง คงจะหมายถึงคู่หมั้นที่คุณการุณเข้าใจแต่โดยดี


            “ได้ซิลูก แต่ถ้าฟ้าคิดจะทำอะไร คิดให้ดีก่อนนะ พ่อเป็นห่วง...”


            แม้อาจจะมีบางอย่างสงสัยและอดเป็นห่วงไม่ได้ตามประสาผู้เป็นบิดา หากด้วยวิสัยของคุณการุณ...ลูกต้องยืนหยัดได้ด้วยตนเอง!






Free TextEditor


Create Date : 12 ตุลาคม 2553
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2554 21:32:06 น. 0 comments
Counter : 325 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สะเลเตบ้านนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สะเลเตบ้านนา's blog to your web]