Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 

รวบรวม....สูตรลดความอ้วน (The Fast-5 Diet )




ฟาสต์ไฟว์ (The Fast-5 Diet) และวิถีชีวิตแบบฟาสต์ไฟว์ (The Fast-5 Lifestyle) คือ วิธีการลดและควบคุมน้ำหนักทางเลือกใหม่ที่ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ฟาสต์ไฟว์ใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับ Atkins และ South Beach คือ ควบคุมระดับฮอร์โมนอินซูลินเพื่อให้ร่างกายนำไขมันที่เก็บสะสมไว้ไปเผาผลาญใช้เป็นพลังงานหลักในการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ต่างกันที่ฟาสต์ไฟว์ไม่ใช้วิธีจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตแบบรุนแรง แต่ใช้วิธีที่ง่ายกว่าโดยการขยายช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันของเราออกไปแทน วิธีปฏิบัติของฟาสต์ไฟว์นั้นง่ายมาก ง่ายจนคุณสามาถทำได้ไปตลอดชีวิตเพื่อการควบคุมน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ ฟาสต์ไฟว์ไม่มีการจำกัดปริมาณและประเภทของอาหาร คุณสามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการจนอิ่มเต็มที่ ไม่มีการนับแคลอรี ไม่มีการชั่งตวงวัดปริมาณอาหาร ไม่มีการใช้ยา ไม่ต้องเสียเงินค่าสมาชิก ไม่ต้องซื้ออาหารเสริม ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหักโหม

แนวคิดของฟาสต์ไฟว์มาจากหลักการพื้นฐานง่าย ๆ นั่นก็คือ หากเราต้องการให้เซลล์ไขมันปลดปล่อยไขมันที่เก็บสะสมไว้เพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญใช้เป็นพลังงาน เราก็จำเป็นต้องปิดสัญญาณพื้นฐานที่บอกให้เซลล์ไขมันเก็บสะสมไขมัน สัญญาณที่ว่านั้นก็คือฮอร์โมนอินซูลินนั่นเอง วิธีการลดและควบคุมน้ำหนักอย่าง Atkins และ South Beach ลดระดับอินซูลินโดยการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารอย่างรุนแรง แต่ฟาสต์ไฟว์ทำได้โดยการขยายช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันออกไปด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทำได้ง่ายและสะดวกอย่างไม่น่าเชื่อ ฟาสต์ไฟว์แก้ไขที่ต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง นั่นก็คือ การช่วยฟื้นฟูและนำระบบพลังงานสมดุลย์ตามธรรมชาติของร่างกายกลับมาใช้ใหม่ ทำให้กลไกการเผาผลาญไขมันของร่างกายเพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักได้ทำงานและยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง

วิธีปฏิบัติ
เรื่องใหญ่เรื่องเดียวที่ฟาสต์ไฟว์ขอให้คุณทำก็คือ ให้ขยายช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันออกไปเป็นเวลา 19 ชั่วโมง คุณอย่าเพิ่งตกใจเมื่อเห็นคำว่าต้องอดอาหารเป็นเวลานานถึง 19 ชั่วโมง เพราะโดยปกติคนเราจะมีช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันกันทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นช่วงเวลากลางคืน โดยเริ่มนับตั้งแต่เวลาที่อาหารเย็นที่มีแคลอรีคำสุดท้ายตกถึงท้อง บวกกับเวลาที่นอนหลับ และไปสิ้นสุดเมื่อเวลาที่อาหารเช้าที่มีแคลอรีคำแรกตกถึงท้องในเช้าวันรุ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณกินอาหารเย็นที่มีแคลอรีคำสุดท้ายตอน 1 ทุ่ม แล้วหลังจากนั้นคุณก็ไม่ได้กินอาหารที่มีแคลอรีอีกเลยจนเข้านอน (ยกเว้นน้ำเปล่าและเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี) และเมื่อตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้น คุณกินอาหารเช้าที่มีแคลอรีคำแรกตอน 7 โมงเช้า รวมช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันได้ 12 ชั่วโมง ฟาสต์ไฟว์ขอให้คุณขยายช่วงเวลาการอดอาหารดังกล่าวออกไปเป็น 19 ชั่วโมง ซึ่งก็หมายความว่า คุณจะสามารถกินอาหารเช้าที่มีแคลอรีคำแรกได้ตอนบ่าย 2 โมงของวันรุ่งขึ้น โดยช่วงเวลาการอดอาหาร 19 ชั่วโมงนี้ยาวนานเพียงพอที่จะทำให้กลไกการเผาผลาญไขมันของร่างกายเพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักในการดำรงชีวิตประจำวันได้ทำงานและยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันช่วงเวลา 19 โมงนี้ก็ไม่ยาวนานเกินไปจนเข้าขั้นสุดโต่ง

เมื่อนำเอาหลักการที่กล่าวไปมาสร้างเป็นตารางเวลาที่แน่นอนเพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติ เราก็จะได้สูตรฟาสต์ไฟว์ที่ทำได้ง่าย 2 ข้อดังนี้

1. ใน 1 วันที่มี 24 ชั่วโมง ให้คุณกินอาหารได้แค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม เป็นเวลา 5 ชั่วโมง
2. อีก 19 ชั่วโมงที่เหลือ เริ่มตั้งแต่ 4 ทุ่มของวันนี้จนถึง 5 โมงเย็นของวันพรุ่งนี้ ให้คุณงดอาหารทุกชนิดโดยเด็ดขาด ดื่มได้แค่เฉพาะน้ำเปล่าและเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีเช่น ชา กาแฟดำ เท่านั้น

ถามว่าทำไมต้องกินอาหารเฉพาะตอน 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม คำตอบคือ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษในช่วง 5 ชั่วโมงนี้ แต่เนื่องจากเวลาตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เลิกงาน เลิกเรียน หมดสิ้นจากภาระหน้าที่การงานประจำวัน ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการกินอาหาร การพักผ่อนกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่สิ่งสำคัญที่สุดของฟาสต์ไฟว์ก็คือ ช่วงเวลาการอดอาหาร 19 ชั่วโมงที่คุณต้องอดจริงๆ ห้ามกินอาหารที่มีแคลอรีอย่างเด็ดขาด จึงจะได้ผล

อนึ่ง เมื่อพูดถึงการอดอาหาร (Fasting) เราก็มักจะคิดไปถึงการทรมานตน แต่การอดอาหารแบบฟาสต์ไฟว์ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการทรมานตน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความเชื่อในเรื่องศาสนาและจิตวิญญาณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิธีลดน้ำหนักที่เน้นให้อดแต่อาหาร (Starvation Diet) เพราะเมื่อถึงเวลากิน คุณก็สามารถกินอาหารได้จนอิ่มเต็มที่ แต่หากการอดอาหารแบบฟาสต์ไฟว์มีพื้นฐานมาจากผลการทดลองของวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ในเรื่อง Calorie Restriction (CR) และ Intermittent Fasting (IF) และความรู้ทางด้านมานุษยวิทยา เมื่อร่างกายคุณเริ่มปรับตัวได้และกลไกการเผาผลาญไขมันของร่างกาย (Fat-Burning Machinery) เริ่มทำงานและยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของคุณจะได้รับพลังงานจากไขมันอย่างสม่ำเสมอ ช่วยบรรเทาความรู้สึกหิวให้น้อยลงๆ จนปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบฟาสต์ไฟว์ได้อย่างสมบูรณ์ในที่สุด

เมื่อคุณใช้วิธีอดอาหารแบบฟาสต์ไฟว์เป็นเวลา 19 ชั่วโมงแล้ว คุณจะไม่มีคำถามว่า คุณควรจะกินอาหารอะไรและในปริมาณเท่าใดในช่วงอด คุณไม่ต้องใช้การตัดสินใจแบบวินาทีต่อวินาทีในการกะเพื่อจำกัดปริมาณอาหารที่จะกิน คุณไม่ต้องรู้สึกผิดเมื่อคุณคิดว่าคุณกินมากไป เพราะเมื่อคุณจำกัดแคลอรีอยู่ที่ “ศูนย์” ในการอดแบบฟาสต์ไฟว์แล้ว คุณไม่ต้องตัดสินใจว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดกินเพราะคุณยังไม่ได้เริ่มกิน คุณไม่ต้องตัดสินว่า กินเท่าไหร่คือปริมาณน้อย กินเท่าไหร่คือพอดี กินเท่าไหร่คือมากเกินไป เพราะคุณยังไม่ได้กิน การจำกัดแคลอรีอยู่ที่ “ศูนย์” ช่วยให้คุณสามารถเข้าควบคุมพฤติกรรมการกินของตัวคุณเองในช่วงอดได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์

สำหรับการออกกำลังกาย ฟาสต์ไฟว์แนะนำให้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยเพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ช่วยรักษาและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ แต่สำหรับคนที่ไม่สะดวกที่จะออกกำลังกาย เช่นคนที่น้ำหนักเกินมากๆ ที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยก็ยังไม่จำเป็นต้องทำในช่วงแรก แต่ให้ค่อยๆ เริ่มออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินเร็ว และค่อย ๆ พัฒนาไปสู่การออกกำลังกายแบบอื่น ๆ ที่เข้มข้นขึ้นเมื่อน้ำหนักเริ่มลดและร่างกายแข็งแรงขึ้น

ประวัติของฟาสต์ไฟว์

ฟาสต์ไฟว์ถูกคิดค้นโดย นายแพทย์ Bert Herring (M.D.) ชาวสหรัฐอเมริกา เขาค้นพบและใช้เทคนิคนี้กับตัวเองในปี 1995 ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้ 20 ปอนด์ แต่หลังจากที่เขาก็กลับไปกินอาหารตามแบบวิถีชีวิตชาวอเมริกันทั่วไป ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 20 ปอนด์เท่าเดิม จากนั้นในอีก 10 ปีต่อมา คือในปี 2005 เขาก็ได้ใช้เทคนิคนี้กับตัวเองอีกครั้งและสามารถลดน้ำหนักได้ 20 ปอนด์ภายใน 20 สัปดาห์ และจากจุดนี้เอง คุณหมอ Bert Herring ได้เริ่มศึกษากลไกลการทำงานที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเทคนิคนี้อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อศึกษาและรู้ว่าเทคนิคนี้คงจะสามารถใช้ได้กับคนอื่น ๆ เช่นกัน เขาก็ได้ตั้งชื่อเทคนิคนี้ว่า ฟาสต์ไฟว์ (The Fast-5 Diet) และเขียนหนังสือชื่อ The Fast-5 Diet and the Fast-5 Lifestyle และเริ่มเผยแพร่ให้กับสาธารณชนนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ดาวน์โหลดหนังสือได้ที่นี่ ทุกอย่างฟรี://www.fast-5.com/

สิ่งที่ยากที่สุดเกี่ยวกับฟาสต์ไฟว์ก็คือ เราจำเป็นต้องทำลายความเชื่อที่ว่า เราต้องกินอาหารวันละ 3 มื้อตามตารางเวลาที่แน่นอนที่เราถูกสอนให้เชื่อแบบฝังหัวกันมาตั้งแต่เกิดเสียก่อน อีกอย่างคือ ความกดดันจากผู้คนรอบข้าง คุณต้องหาทางตอบคำถามจากครอบครัว เพื่อนฝูงให้ได้ว่า ทำไมคุณถึงไม่กินอาหารเช้า ทำไมไม่กินอาหารกลางวัน ทำไมสวาปามอาหารเย็นเยอะจัง ไม่กลัวอ้วนเหรอ ฯลฯ คุณต้องพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เผลอกินอาหารในระหว่างวันตามแรงชักชวนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง

หมายเหตุ: ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนี้คนเขียนจะเป็นแพทย์ แต่เนื้อหาในหนังสือไม่ถือว่าเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ แต่ขอให้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนตัวของผู้อ่านแต่ละคน






 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2550
12 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2550 2:56:24 น.
Counter : 2077 Pageviews.

 

---สงสัยผมต้องลดความอ้วนซะแล้ว ร่างกายจะได้แข็งแรง ขอพึ่งบล็อคนี้แล้วกัน

 

โดย: aeann 27 พฤษภาคม 2550 7:44:49 น.  

 

บทความน่าสนใจค่ะ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ลดความอ้วน แต่จะหันมาออกกำลังกายแทนค่ะ น้ำหนักมันยังไม่ค่อยขึ้นมากเท่าไหร่

 

โดย: วันวานที่ผ่านมา 27 พฤษภาคม 2550 8:30:02 น.  

 

เจ๋งค่า
ปล. ตัวหนังสือน่ารักจัง

 

โดย: โสมรัศมี 27 พฤษภาคม 2550 11:46:36 น.  

 

มีประโยชน์ดีจังค่า

ช่วงนี้ปุ๊กก็ต้องลดนน.แย้วง่ะ
เริ่มอวบระยะสุดท้ายแล้วเราT^T

 

โดย: Hobbit 27 พฤษภาคม 2550 15:57:20 น.  

 

มาอ่านเรื่องอ้วนอีกถูกใจจริงๆจ้า ของพี่ช่วงนี้งานเลี้ยงตลอดเลยต้องปล่อยชั่วคราวเดี๋ยวค่อยลดต่อ

 

โดย: gemcad 27 พฤษภาคม 2550 16:00:22 น.  

 

กินอาหารมื้อเดียว
น่าจะเพียงพอต่อความต้องการนะ
..
..
หลวงพ่อท่านยังฉันมื้อเดียวเลยนี่นะ
^^

 

โดย: NooNok [MiChiYo] 27 พฤษภาคม 2550 17:00:15 น.  

 

ดีค่ะ มีสาระมากเลย กำลังลดความอ้วน(อีกแล้ว)อยู่เลย

 

โดย: sailamon 27 พฤษภาคม 2550 20:39:59 น.  

 

คุณนนนี่ ได้รับเมสแล้วตอนนี้พอเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

วันนี้หัวข้อที่คุณนนนี่มาโพสน่าสนใจค่ะ เราว่าทำแบบนี้ยังรู้สึกไม่ค่อยยากเท่ากับการควบคุมอาหารนะคะ แค่นับไปอีก 19 ชม

ขอเล่าที่ตัวเองเคยเป็นบ้างนะคะ เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองไทยจะเป็นคนที่ทานอาหารไม่เป็นเวลา และ จะทานขนมเป็นส่วนใหญ่แต่ไม่คำนึงถึง 3 มื้ออาหารด้วย และ บางทีก็ขี้เกียจทานเพราะอาจจะติดงานหรืออ่านหนังสือ นนเราก็ไม่เพิ่ม เลยมองจากสิ่งที่เคยทำกับสูตรคุณ นนนี่วันนี้เลยคิดว่ามันควรจะเวิรค์ทีเดียวค่ะ

 

โดย: Lioness 27 พฤษภาคม 2550 23:19:10 น.  

 

เป็นคนที่ลดน้ำหนักยากมาก นอกจากกินยาลดความอดแบบรุนแรง จะลงได้มากสุด7 กิโลแต่ภายในสามเดือนจะขึ้นมาประมาณ10กว่ากิโล

 

โดย: เสียงซึง 28 พฤษภาคม 2550 0:42:16 น.  

 

มาแอบขโมยสูตร อีกแล้วนะค่ะ คุณนนนี่ ขอบคุณมากนะค่ะ สำหรับสิ่งดี ๆ สุขสันต์ยามบ่ายค๊า

 

โดย: Aiko (Yushi ) 28 พฤษภาคม 2550 14:16:17 น.  

 

อันนี้อ่านแล้วรู้สึกว่า ขืนทำกระเพาะคงพังแน่ๆ เลยนะคะ
ทรมานตัวเองน่าดูเลยเนอะ

 

โดย: - Dachsie - 28 พฤษภาคม 2550 16:37:22 น.  

 

ขออนุญาตินำข้อมูลไปไว้อ่านที่ Blog นู๋นะคะ ทำFast5 อยู่ค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ว่าที่เจ้าสาว (wonderwalltd ) 15 พฤษภาคม 2552 21:02:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


bluecomet
Location :
England United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]






This Blog is best viewed at 1440 x 900 and 4803_Kwang_MD font

Friends' blogs
[Add bluecomet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.