Johnson UpDayDownDay Diet เป็นของคุณหมอ James B. Johnson, MD ไม่ทราบว่ามีใครรู้จักหรือเคยลองทำกันดูบ้างหรือเปล่านะคะ เห็นว่าน่าสนใจดี เพราะมีคนจำนวนหนึ่งกำลังทำอยู่และได้ผลดีมาก

หลักการก็คือ การแบ่งวิธีการรับประทานอาหารออกเป็น 2 แบบ ซึ่งก็คือวัน UpDay และวัน DownDay

ในวัน UpDay นั้น เราสามารถทานอะไรก็ได้ที่เราอยากทาน ในปริมาณเท่าไหร่ก็ได้ให้อิ่ม โดยไม่ต้องคำนึงถึงแคลอรี่เลย!! แต่ไม่ใช่ overeating นะคะ และควรจะเป็นอาหารสุขภาพมากกว่าพวก เค้ก ช็อกโกแล็ต ไอศกรีม พิซซ่า เพราะยังไง อาหารสุขภาพก็ย่อมส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักและสุขภาพของเรามากกว่าอยู่แล้ว

ส่วนในวัน DownDay จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงลดน้ำหนัก และช่วงรักษาน้ำหนักตัว

ในช่วงลดน้ำหนัก 2 สัปดาห์แรกนั้น เราสามารถทานได้แค่ 20% - 35% ของปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับใน 1 วัน(BMR) ของเราเท่านั้น คุณหมอ Johnson ได้แนะนำว่า ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุด ให้ทานแค่วันละ 25% ของปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับใน 1 วัน(BMR)เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก ๆ ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการแคลอรี่วันละ 1,500 แคลอรี่ ในวัน DownDay เราก็จะสามารถทานได้แค่ 375 แคลอรี่ต่อวันเท่านั้น !!! คุณหมอจึงแนะนำให้ทาน shake แทนอาหาร เพราะมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ถัดจาก 2 สัปดาห์นั้นมา เราอาจค่อย ๆเพิ่มแคลอรี่ได้ จาก 30% ไปจนถึง 45% ค่ะ และสามารถทานอาหารอื่นได้โดยใช้ shake เป็นตัวช่วย

ส่วนช่วงรักษาน้ำหนักตัว ให้เราทานได้วันละ 50% - 60% ของปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับใน 1 วันค่ะ หากเราต้องการวันละ 1,500 แคลอรี่ ทีนี้เราก็จะทานได้ 750 - 900 แคลอรี่ ซึ่งก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดี แต่ก็คงไม่ยากเกินไปแล้ว และให้คงปริมาณแคลอรี่เท่านี้ไว้ตลอดไปสำหรับวัน DownDay ค่ะ เป็นการเปลี่ยนวิถีการกินไปเลย

เราอาจทานแบบ UpDay สลับกับ DownDay วันเว้นวันเลยก็ได้ หรือจะ UpDay 2 วัน DownDay 1 วัน หรืออื่น ๆ ก็ได้ค่ะ แล้วแต่เรา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะต่างกัน

สาเหตุที่ในวัน UpDay เราสามารถทานมากเท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงแคลอรี่นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการไดเอทค่ะ จึงให้เราเข้มงวดกับวัน DownDay แทน นอกจากนี้การที่ทานน้อยสลับกับทานมากไม่ทำให้เกิด yoyo นั้น เป็นเพราะร่างกายเรายังไม่ทันปรับตัวเข้าสู่ภาวะเอาตัวรอดจากความอดตายค่ะ

สำหรับน้ำหนักที่สามารถคาดหวังว่าจะลดได้ในสัปดาห์แรก ๆ คือ 2.5 ปอนด์ หรือประมาณ 1 กิโลกรัม ค่ะ

ข้อดีของการไดเอทนี้ก็คือ
- ไม่ต้องจำกัดแคลอรี่อาหารทุกวัน แค่วันเว้นวันก็พอ
- สามารถลดน้ำหนักลงได้ แม้จะไดเอทเพียงสัปดาห์ละ 3-4 วัน
- สามารถลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับใน 1 สัปดาห์ลงได้อย่างน้อย 3,500 แคลอรี่

อ้างอิงจาก //www.traineo.com/9_1184_0.html(เป็น forum ที่ชาวไดเอทวิธีนี้ใช้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันค่ะ)

ส่วนข้อเสียของการไดเอทนี้คือ
- วัน DownDay เข้มงวดมาก และทานน้อยมาก ๆ ๆ อาจทำให้ไม่มีแรงได้
- ยังไม่มีผลทางการแพทย์รับรองอย่างแน่ชัดว่าปลอดภัยต่อสุขภาพระยะยาว
- ข้อมูลเกี่ยวกับการไดเอทนี้ยังน้อยมากค่ะ

เว็บไซต์อ้างอิง
//www.johnsonupdaydowndaydiet.samsbiz.com